webnovel

1050 แผนที่ดาราสู่โลกธุลี

ตอนที่ 1050 แผนที่ดาราสู่โลกธุลี

ปฐพียังคงพังทลาย หิน ลำธาร บ้านและถนนนับไม่ถ้วนกระจายเข้าสู่วังวนความว่างเปล่าก่อนหายไป

สายลมค่อยๆ รุนแรงขึ้นขณะพัดพาทุกสิ่งในโลก

กู่ฉิงซานมองโลกที่กำลังพังทลาย จากนั้นมองสองเทพที่กำลังสู้กันบนท้องนภา

ที่นี่ถูกแยกจากพื้นที่ต่อสู้ของสองเทพ มันยังปลอดภัยสักพัก

วิญญาณกรีดร้องปลดปล่อยเสียงกรีดร้องกลืนกินวิญญาณออกมา ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

เทพแห่งชีวิตขัดขืนด้วยการเอาหนวดสีดำนับไม่ถ้วนมาไว้ตรงหน้าขณะพยายามต้านทานการโจมตีของวิญญาณกรีดร้อง

หนวดสีดำยังคงกลายเป็นสายวิญญาณขณะถูกดึงเข้าปากของวิญญาณกรีดร้อง

ในตอนนี้ วิญญาณกรีดร้องกำลังกดดันเทพแห่งชีวิต

ดูท่าเทพแห่งชีวิตจะไม่มีเวลามาดูแลเมืองเรเควี่ยมอีกต่อไป

นี่กลายเป็นสมรภูมิสำหรับสองเทพ การต่อสู้ของพวกมันค่อยๆ ดุเดือดขึ้น

หากเป็นโลกธรรมดา ย่อมไม่สามารถต้านทานความรุนแรงจากการต่อสู้ของพวกมันได้

หรือก็คือ

เมืองเรเควี่ยมกำลังจะถูกทำลายจริงๆ

กู่ฉิงซานกล่าวทันทีว่า “โอกาสดีเลย เชี่ยนหยา เจ้าไปสั่งให้เทพทั้งหมดที่จดจ่ออยู่กับการป้องกันเมืองหลวงให้เข้าโลกกระจกเพื่อซ่อนตัว”

“เข้าใจแล้ว” เชี่ยนหยาตอบ

“ลอร่า กางร่มต่อไป พวกเราต้องอาศัยความได้เปรียบในช่วงเวลานี้เพื่อดึงโลกกระจกทั้งหมดออกไป”

“ได้!”

เชี่ยนหยาเริ่มใช้งานการเคลื่อนย้ายพริบตาอันหาญกล้า

ไม่ช้า ทุกคนออกจากสมรภูมิของสองเทพชั่วคราวด้วยการถูกเคลื่อนย้ายพริบตา

อีกด้าน

โลกเกาะหมอกทะเลแห่งความตาย

ประตูของวิหารแห่งชะตากรรม

“ตัดสินใจได้แล้วหรือ”

หนิงเยว่ฉานถาม

“ใช่” ซูเสวี่ยเอ้อร์ตอบ

นางโยนสองสิ่งให้ จากนั้นหันหลังแล้วเดินไปทางวิหาร

หนิงเยว่ฉานหยิบมาดู กลายเป็นว่ามันคือไพ่และเหรียญที่เข้าคู่กัน

นางเก็บมันไว้อย่างระวัง จากนั้นถามอีกครั้งว่า “นี่ เจ้าชอบกู่ฉิงซานมากไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไม่ไปหาเขาล่ะ”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ตอบโดยไม่หันกลับมาว่า “ไม่ได้”

หนิงเยว่ฉานถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ยอมแพ้แล้วหรือ”

“…แล้วแต่เจ้าจะคิด”

ร่างของซูเสวี่ยเอ้อร์หายไปในส่วนลึกของวิหาร

หนิงเยว่ฉานส่ายหน้าก่อนกระโดดขึ้นสูงสู่ท้องนภาแล้วออกจากโลกไป

ซูเสวี่ยเอ้อร์ยืนอยู่ในเงามืดของวิหารจนกระทั่งสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายไปแล้วจริงๆ จากนั้นนางจึงถอนหายใจยาวออกมา

อัศวินวิหารจำนวนมากรีบเข้ามา

“ท่านซูเสวี่ยเอ้อร์ จ้าววิหารอยากให้ท่านนำกองกำลังไปจัดการกับวิหารอื่น”

“ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ตอบ

อัศวินวิหารจำนวนมากคำนับด้วยความเคารพก่อนถอยออกมา

ซูเสวี่ยเอ้อร์ส่ายหน้าก่อนเผยรอยยิ้มที่ไม่ยอมแพ้

ถ้าเสียกู่ฉิงซานไป แล้วสงคราม การแข่งขันกับวันสิ้นโลกยังจะเกี่ยวอะไรกับนางอีก

นางฉีกชุดคลุมที่เป็นสัญลักษณ์ตัวตนของบิชอปศักดิ์สิทธิ์ก่อนขว้างลงพื้นอย่างไม่ใส่ใจ

ไม่มีอะไรสมเหตุสมผลอีกต่อไปแล้ว

ซูเสวี่ยเอ้อร์เปิดคัมภีร์แล้วฉีกมัน

วินาทีต่อมา แสงสว่างออกมาจากคัมภีร์ก่อนปกคลุมนางเอาไว้ก่อนจะหายไปจากโลกทันที

โลกดั้งเดิม

ซูเสวี่ยเอ้อร์ปรากฏตัวขึ้น

นางพบว่าตัวเองลอยอยู่บนท้องนภา

เบื้อล่างคือเมืองหลวงของสหพันธ์

แสงสว่างเจิดจ้า

ราตรีจางหาย

สมองจักรกลส่วนตัวในกระเป๋าใบเล็กเริ่มสั่นไหวแทบจะในทันที

ซูเสวี่ยเอ้อร์เมินมัน สายตาเพียงจ้องทิวทัศน์เมืองยามราตรี

แอนนาเคยบอกว่ากู่ฉิงซานเคยทำให้ทั้งเมืองสว่างวาบขึ้นมาทันที

น่าเสียดาย

เวลาที่ได้ใช้กับเขาช่างสั้นนัก

ครั้งล่าสุดในโลกสะสมของทริสเต้ นางผลักไสเขาออกไปอย่างโง่เขลา

‘อึ่ก…’

ดวงตาของซูเสวี่ยเอ้อร์จับจ้องสักแห่งในเมืองหลวง

บาร์สายรุ้ง

นางเคยมาที่นี่กับกู่ฉิงซาน

ร่างของซูเสวี่ยเอ้อร์ขยับ นางอดที่จะดิ่งลงไปไม่ได้

ขณะเดินอยู่ในบาร์ นางสั่งค็อกเทล มองบาร์เทนเดอร์ผสมสุราเงียบๆ ก่อนส่งมาให้ตรงหน้า

“ขอบคุณ”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ยกแก้วขึ้นดื่มเล็กน้อย

นางขมวดคิ้วอย่างรวดเร็ว

รสชาติสุราซาบซ่ายิ่ง ไม่ว่าจะเอาผลไม้กับก้อนน้ำแข็งมาผสมกันก็ไม่สามารถกลบรสชาติได้

นี่คือสุราที่กู่ฉิงซานชอบดื่ม

ทำไมเขาถึงได้ชอบของที่ดื่มยากแบบนี้กันนะ

ดูเหมือนแอนนาจะชอบสุราแก้วนี้เหมือนกัน

มีคำกล่าวว่าหลายคนที่ดื่มสุราเพราะมีปัญหาอยู่ในใจ

พ่อของแอนนาไม่อยู่แล้ว ประเทศถูกทำลายก่อนจะฟื้นคืนหลังจากผ่านไปเนิ่นนาน ทุกสิ่งเต็มไปด้วยความบกพร่อง

นางต้องผ่านความเจ็บปวดและความทุกข์ยากมากมาย

…กู่ฉิงซานอาจจะมีความเจ็บปวดในอดีตที่ไม่อาจบอกออกมาได้

แต่นางไม่รู้

ถึงต่อให้รู้ นางจะไปทำอะไรได้

นางยังเอาชนะหนิงเยว่ฉานไม่ได้ด้วยซ้ำ

ครั้งแรกที่พวกนางได้พบกัน อีกฝ่ายช่วยนางไว้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา พรสวรรค์และระดับการต่อสู้ ผู้หญิงคนนี้เหนือกว่านางมากนัก

ตรงกันข้าม นางต้องพยายามหนักกว่า

แต่เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าหนิงเยว่ฉาน นางก็ไม่ต่างจากลูกเป็ดขี้เหร่

จะเอาอะไรมาสู้กับนางได้

ซูเสวี่ยเอ้อร์เช็ดน้ำตา

นางดื่มสุราก่อนปล่อยให้ความร้อนแผดเผาอยู่ในอก

“หนิงเยว่ฉาน…”

นางอดที่จะพึมพำเสียงต่ำไม่ได้

ถ้าข้าแข็งแกร่งที่สุด…

ข้าจะ

ข้าจะเอาชนะหนิงเยว่ฉานและผู้หญิงคนอื่นให้หมด!

ซูเสวี่ยเอ้อร์ครุ่นคิดอย่างขมขื่น

สมองจักรกลส่วนตัวในกระเป๋าใบเล็กยังคงสั่น

ซูเสวี่ยเอ้อร์อารมณ์เสีย มือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเพื่อปิดสมองจักรกลส่วนตัว

เพียงหนึ่งอึดใจ

สมองจักรกลส่วนตัวของทุกคนในบาร์สั่นไหว

ทุกคนเปิดสมองจักรกลส่วนตัวด้วยความประหลาดใจ

เสียงผู้หญิงโอ่อ่าดังขึ้นพร้อมกัน

“ตามกฎรักษาความปลอดภัยของโลก สมองจักรกลส่วนตัวของท่านได้รับการเวนคืน หมายเลขพลเรือนของท่านถูกรัฐบาลผสมโลกรู้แล้ว โปรดออกจากบาร์แล้วมารับสมองจักรกลส่วนตัวชิ้นใหม่”

“หมายเหตุพิเศษ: นี่คือคำสั่งสูงสุด โปรดลงมือเดี๋ยวนี้!”

ผู้คนหยุดดื่มและสนทนา พวกเขาวางสมองจักรกลส่วนตัวลงก่อนพุ่งออกจากบาร์

ว่าไปนั่น นี่คือคำสั่งสูงสุดของรัฐบาลโลกผสม สถานการณ์นี้หาได้ยากยิ่ง แต่ทุกครั้งมันจะแสดงถึงอำนาจสูงสุดของทั้งโลก

ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งนี้

ผ่านไปสักพัก

ทั้งบาร์ว่างเปล่า

เหลือเพียงซูเสวี่ยเอ้อร์เท่านั้น

นอกบาร์ เกราะเคลื่อนที่นับร้อยปิดกั้นที่นี่เอาไว้ ไม่มีใครสามารถเข้าพื้นที่นี้ได้อีก

กฎอัยการศึกเริ่มขึ้นทั่วเมืองหลวง

ยานอวกาศดาราออกตัวลำแล้วลำเล่าขณะร่อนอยู่เหนือเมืองหลวงสหพันธ์

แน่นอนว่าสถานการณ์เหล่านี้ไม่สามารถรอดพ้นจากการสังเกตการณ์ของซูเสวี่ยเอ้อร์ได้

นางยกเปลือกตาขึ้นอย่างเกียจคร้านขณะหมุนแก้วในมือไปมา

ใครกันที่กล้าเมินเฉยแล้วมายั่วโมโหในเวลาแบบนี้

เห็นได้ชัดว่านางแค่อยากอยู่เงียบๆ

แค่นี้ยังไม่ได้เลยหรือ

นิ้วเรียวของซูเสวี่ยเอ้อร์กดลงอย่างแผ่วเบา แก้วสุราทั้งหมดในบาร์ลอยขึ้นก่อนหลอมละลายกลายเป็นแอ่งของเหลวโปร่งแสงแล้วหายไปในความว่างเปล่า

ตอนนี้ สมองจักรกลส่วนตัวทั้งหมดส่งเสียงพร้อมกัน

“ขุนนางแห่งสหพันธ์ ผู้พิทักษ์เพียงหนึ่งเดียวของเก้าคฤหาสน์ ท่านซูเสวี่ยเอ้อร์ ข้าคือเทพธิดาแห่งความยุติธรรม”

“ผู้พิทักษ์เพียงหนึ่งเดียวของเก้าคฤหาสน์เหรอ? นี่มันหมายความว่ายังไง” ซูเสวี่ยเอ้อร์ถามอย่างเย็นชา

“เก้าคฤหาสน์กลายเป็นอดีตไปแล้ว สิ่งนี้ถูกกำหนดโดยเจตจำนงที่จะดูแลกู่ฉิงซานในตอนนั้น” เทพธิดาแห่งความยุติธรรมตอบ

พละกำลังของซูเสวี่ยเอ้อร์หายไป นางถามอย่างวิตกว่า “เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว กู่ฉิงซานกลับมาหรือยัง”

“ขอโทษด้วย เขายังไม่กลับมา”

“ซูเสวี่ยเอ้อร์ ข้ามีเรื่องสำคัญกว่าจะบอกท่าน”

“หกภพหลอมรวมเป็นหนึ่ง พวกมันกำลังเผชิญกับอันตรายจากผลพวงของหุบเหว มีความเป็นไปได้ว่าจะถูกทำลาย”

“ตามเจตจำนงของผู้พิทักษ์ ท่านคือผู้สืบทอดดาวเด่นเพียงคนเดียวของเก้าคฤหาสน์”

“เนื่องจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในปัจจุบัน ข้าต้องมอบมรดกของเก้าคฤหาสน์ให้กับเจ้า”

ประตูบาร์เปิดออก

เกราะเคลื่อนที่ขนาดเล็กถือกล่องมาหาซูเสวี่ยเอ้อร์

เสียงของเทพธิดาแห่งความยุติธรรมดังขึ้นอีกครั้ง

“เก้าคฤหาสน์กลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว ชุดคลุมเก้าดาราที่มีพลังพิเศษจึงถูกข้าเอาไปในฐานะมรดกล้ำค่าที่สุดของเก้าคฤหาสน์”

“นับจากนี้ไป พวกมันเป็นของท่าน”

กล่องเปิดออก

ชุดคลุมเก้าดารากองอยู่ในกล่องเงียบๆ

ซูเสวี่ยเอ้อร์ตกตะลึง

นี่มันไม่ถูก

ชุดคลุมเหล่านี้นับเป็นมรดกที่ล้ำค่าที่สุดได้อย่างไร

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ซูเสวี่ยเอ้อร์ยื่นมือไปลูบชุดคลุมเก้าดาราอย่างแผ่วเบา

นี่คือมรดกตกทอดของขุนนางเก้าคฤหาสน์ มีเพียงหัวหน้าของแต่ละคฤหาสน์เท่านั้นที่มีคุณสมบัติในการสวมใส่ ถึงแม้จะมีผลอันแสนวิเศษ เช่น ไม่มีมลทิน ต้านทานธาตุ ชะลอชีวิต แต่ระดับของมันไม่ได้สูง ผลของมันถือว่าพอถูไถเท่านั้น

สำหรับเก้าคฤหาสน์ สิ่งล้ำค่าเกี่ยวกับชุดคลุมนั้นอยู่ที่พลังที่สำแดงออกมา

เพราะการแย่งชิงชุดคลุมเหล่านี้มาถึงทำให้ครอบครัวแตกหัก

เพื่อของไร้สาระพรรค์นี้…

ซูเสวี่ยเอ้อร์ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบหน้าขณะกุมชุดคลุมด้วยมือข้างหนึ่งไว้แน่นเพื่อพยายามระงับความเศร้าโศกในใจ

สิ่งที่นางไม่รู้คือเมื่อมือสัมผัสชุดคลุมสีดำ มีระลอกคลื่นอยู่บนชุดคลุม

ระลอกคลื่นยังคงขยายตัว ปกคลุมไปทั่วดาราหมองหม่น

ทันใดนั้น

ชุดคลุมทั้งเก้าลอยขึ้นเอง พวกมันประกบเข้าด้วยกันก่อนกางออกในความว่างเปล่า

ความมืดทั้งหมดหายไป ดาราจำนวนมากปรากฏขึ้นดวงแล้วดวงเล่า

แผนที่ดาราโอ่อ่ากว้างใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าซูเสวี่ยเอ้อร์

ในเวลาเดียวกัน น้ำเสียงเย็นเยือกและโหดเหี้ยมดังมาจากแผนที่ดารา

“ตรวจพบสายเลือดของจักรวรรดิดารา”

“ตั้งแต่การทำลายล้างจักรวรรดิดาราอย่างลับๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ขุนนางจักรวรรดิที่มีความสามารถในการต่อสู้ไปถึงมาตรฐานขั้นต่ำถูกตรวจพบ”

“ความลับของดารา: ทางเดินลับของโลกธุลี ถูกเผยต่อหน้าเจ้าแล้ว”

“นี่คือทางเดียวที่จะทำให้ได้พลังอันยิ่งใหญ่และแปลกประหลาดมา!”

……………………