webnovel

1051 การต่อสู้ของสองเทพ!

ตอนที่ 1051 การต่อสู้ของสองเทพ!

หนวดของเทพแห่งชีวิตล้วนอยู่เหนือท้องนภาราวกับคลื่นแห่งความมืด

คลื่นสีดำลูกใหญ่ม้วนเป็นเกลียวที่ถาโถมเข้ามาคล้ายกับกลืนกินทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกมัน

ทว่า คลื่นสีดำเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ

เสียงกรีดร้องคมปลาบของวิญญาณกรีดร้องทำให้หนวดสีดำหลอมละลายกลายเป็นวิญญาณสิ้นหวังอย่างต่อเนื่อง

วิญญาณเหล่านี้ไม่สามารถช่วยตัวเองได้พวกมันทำได้เพียงถูกดูดเข้าปากของวิญญาณกรีดร้องก่อนกลายเป็นอาหารของมัน

หนวดสีดำหายไปเส้นแล้วเส้นเล่า

ทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น เทพแห่งชีวิตได้รับความสูญเสียเล็กน้อย หัวใจของนางยิ่งมายิ่งเดือดดาลมากขึ้น

“สิ่งมีชีวิตเล็กจ้อยที่กลืนกินวิญญาณเอ๋ย กล้าบุกเข้ามาหาข้าโดยไม่เกรงใจเสียได้นะ”

หนวดสีดำนับพันพุ่งกลับมาอยู่ตรงหน้านางก่อนกลายเป็นแถววิญญาณเทพ

ในช่วงเกือบหนึ่งร้อยล้านปีอันยาวนาน วิญญาณเหล่านี้เชี่ยวชาญสกิลวิเศษลึกลับเหมือนกับตอนที่มีชีวิต ครั้งนี้ ภายใต้การกระตุ้นของเทพแห่งชีวิต พวกมันปลดปล่อยพลังออกมาพร้อมกัน

สกิลวิเศษ ทำลายวิญญาณ!

ดาบเพลิงโปร่งแสงปรากฏขึ้นในมือของวิญญาณ

“เอาล่ะ ส่งมาให้ข้า!” เทพแห่งชีวิตกล่าวอย่างชั่วร้าย

ดาบเพลิงทั้งหมดพุ่งออกจากมือของวิญญาณ ตกมาอยู่ในมือของเทพแห่งชีวิตก่อนกลายเป็นจุดแสงสว่างเจิดจ้า

วิญญาณที่ถูกช่วงชิงสกิลวิเศษไปกลายเป็นหนวดสีดำที่บิดเบี้ยวไปมาอีกครั้ง

เทพแห่งชีวิตคว้าจุดแสงสว่างก่อนกวาดไปทางวิญญาณกรีดร้อง

‘ฉัวะ’

หนึ่งร้อยสกิลวิเศษ ดาบมารฟันวิญญาณ!

ปลายแสงที่บางราวปีกจักจั่นเคลื่อนจากท้องนภามายังปฐพีขณะพุ่งมาข้างหน้า

ที่ใดที่ปลายดาบผ่าน ปฐพีพลันแตกร้าวจนเกิดเป็นรอยแยกไร้ก้น

‘เปรี้ยะๆ’

รอยแยกกระจายไปตามพื้นอย่างรวดเร็วขณะคดเคี้ยวมาข้างหน้าราวกับงูยาว

ไม่ช้า โลกทั้งใบเต็มไปด้วยรอยร้าว

‘ตูม!’

ปฐพีถูกสับเป็นชิ้นๆ นับไม่ถ้วน

นอกจากปฐพีแล้ว ท้องนภาอันว่างเปล่าก็ถูกฟันเช่นกัน

ท้องนภาสีครามหายไปจากทั้งสองฝั่ง กระแสวังวนความว่างเปล่าอันลึกล้ำเริ่มปรากฏขึ้นในโลก

เสียงกรีดร้องสูงของวิญญาณกรีดร้องหยุดลงทันที

ปลายแสงผ่านร่างของมัน พุ่งออกจากสุดขอบโลก มุ่งไปตามกระแสวังวนความว่างเปล่า ในที่สุดก็หายไป

วิญญาณกรีดร้องถูกฟันจนขาดครึ่ง

แต่นี่ไม่ได้เป็นการพรากชีวิตแต่อย่างใด

“ผสานสกิลวิเศษหรือ” ร่างที่ขาดครึ่งถามด้วยน้ำเสียงผู้ชาย

“สกิลวิญญาณเก่าแก่จนเกินกว่าจะดึงดูดสายตาได้” อีกครึ่งร่างกล่างด้วยน้ำเสียงผู้หญิง

วิญญาณนับไม่ถ้วนพุ่งออกจากร่างแยกทั้งสองก่อนกลายเป็นความว่างเปล่าท่ามกลางเสียงคร่ำครวญ

ไม่ช้า

วิญญาณนับล้านตาย

ร่างของวิญญาณกรีดร้องต่อติดกันอีกครั้งก่อนกลับสู่สภาพเดิม

“อา! พลังโกลาหลปกป้องข้า มันจะบดขยี้ศัตรูของยุคนี้ให้กับข้า!” วิญญาณกรีดร้องคำราม

ลำแสงขนาดใหญ่มาจากความว่างเปล่าไม่มีสิ้นสุดขณะเคลื่อนลงมาบนวิญญาณกรีดร้อง

‘ตูม!’

แสงสว่างและสายลมร้องโหยหวน พวกมันยังคงวูบไหวไปมา

วิญญาณกรีดร้องหอบหายใจอย่างรุนแรงขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์และโอ่อ่าว่า “ผู้ที่กันไม่ให้ข้าทำลายบัญญัติจะ… ต้อง… ตาย!”

หกแขนที่ขดอยู่ทั้งสองด้านกลายเป็นปีกเนื้อที่เต็มไปด้วยกรงเล็บแหลมคม

ร่างของมันดิ้นอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นสัตว์ประหลาดสองหัวที่เต็มไปด้วยบรรยากาศหมองหม่น

นี่คือสัตว์ประหลาดในตำนานแห่งความโกลาหลที่จะเกิดขึ้นหลังจากผ่านช่วงยุคแห่งความโกลาหลแล้ว

ผู้กลืนกินเวลาและอนาคต!

‘โฮก!’

สัตว์อสูรขนาดยักษ์แผดเสียงคำรามสะเทือนปฐพี มันกางทั้งสองปีกออก เมื่อร่างกายขยับ มันพุ่งเข้าหาเทพแห่งชีวิตราวกับอสนี

มันกระแทกเข้าใส่ศัตรู!

เพียงชั่วพริบตา สัตว์อสูรขนาดยักษ์ตวัดปีกเนื้อเพื่อฉีกร่างของเทพแห่งชีวิตเป็นชิ้นๆ

มันอ้าปากแล้วพ่นเปลวเพลิงสีเทาใส่ร่างของเทพแห่งชีวิต

ทันใดนั้น ร่างของเทพแห่งชีวิตถูกเผาจนสิ้น

สัตว์อสูรขนาดยักษ์ไม่ยอมแพ้ มันอ้าปากอีกครั้งแล้วพ่นเปลวเพลิงสีเทาใส่หนวดสีดำนับไม่ถ้วนที่เกาะอยู่บนท้องนภา

ทันทีที่เปลวเพลิงสีเทาสัมผัสหนวด พวกมันปกคลุมหนวดทุกเส้นในพริบตา

หนวดทุกเส้นถูกเผาพร้อมกับเสียงกรีดร้องของวิญญาณนับไม่ถ้วนจนทำให้เกิดเสียงแตกร้าว

หนวดสีดำเหล่านั้นไม่ถูกเผาอีกจนร่วงลงกับพื้น เปลวเพลิงสีเทาพลันแผ่ขยาย

ปฐพีเริ่มลุกไหม้

แบบนี้ เมืองเรเควี่ยมจะถูกเปลวเพลิงสีเทาแผดเผา

ทุกสิ่งในโลกกลายเป็นเถ้าถ่าน

สัตว์อสูรขนาดยักษ์ลอยอยู่ในท้องนภา มันสยายปีกออกก่อนคำรามใส่ท้องนภา “ถ้าเจ้าคือศัตรูของความโกลาหล ยังไงก็ต้องพบกับจุดจบแบบนี้ ไม่มีที่ให้หนีอีกแล้ว!”

ท่ามกลางเสียงร้องของมัน แสงสว่างที่ตกลงมาจากท้องนภายิ่งรุนแรงมากขึ้น

โลกถูกเผาไหม้อยู่ใต้เท้าของมัน ซากของเทพเก่าแก่ถูกกำจัดจนเป็นเถ้าถ่าน

ตอนนี้ เหลือเพียงเทพที่แท้จริงที่อยู่ในความว่างเปล่า!

ไกลจากจุดต่อสู้ระหว่างสองเทพหลายพันเมตร

พวกกู่ฉิงซานเพิ่งนำเทพเข้าสู่โลกกระจกได้ไม่ทันไร พวกเขาได้เห็นฉากนี้ทันทีที่หันกลับไปมอง

ภายใต้ร่มหลากสีสัน ลอร่ากล่าวอย่างสิ้นหวังว่า “นี่คือการต่อสู้ระหว่างสองเทพหรือ”

“ใช่ มันจบแล้ว…” จางหยิงห่าวถอนหายใจ

ทุกคนเงียบ

เพียงไม่กี่รอบ โลกถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ก่อนถูกแผดเผา

นี่คือพลังที่ยิ่งใหญ่นัก

กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “เหล่าต้า ถ้าจำไม่ผิด เจ้าเคยบอกว่าสงครามระหว่างเทพไม่จบเร็วแบบนี้นี่”

“ใช่” เหล่าต้ากล่าว “เว้นแต่ความต่างชั้นจะมากเกินไป ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางจบลงได้ในหนึ่งวันหรอก… ดูต่อไปเถอะ”

ทุกคนตกตะลึง

ยังต้องดูต่อหรือ

วิญญาณกรีดร้องชนะแล้วไม่ใช่หรือ

เหล่าต้าหัวเราะช้าๆ ก่อนกระซิบว่า “อย่างไรเสีย มันก็เป็นเทพองค์ใหม่ เพราะงั้นข้าถึงได้รู้…”

ทุกคนหันสายตามองมาทางเขา

บนพื้นที่แตกสลายและถูกเผาไหม้ ทุกสิ่งถูกทำลาย หนวดสีดำของเทพแห่งชีวิตถูกเผาจนเกือบหมดแล้ว

เหลือหนวดสีดำเพียงเส้นเดียว

เปลวเพลิงสีเทายังคงเผาหนวด แต่หนวดสีดำยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์

เห็นได้ชัดว่าวิญญาณกรีดร้องสังเกตเห็นหนวดเส้นนี้เช่นกัน

มันเค้นความสามารถทั้งหมดจากร่างกายมารวมไว้ที่ปากจนก่อเกิดเป็นเปลวเพลิงสีเทาอันบ้าคลั่ง

“ตาย!”

วิญญาณกรีดร้องพ่นเปลวเพลิงสีเทาออกมา

เปลวเพลิงสีเทาพุ่งเข้าใส่อย่างเงียบงัน มันเผาไหม้ความว่างเปล่าไปตามทาง ก่อเกิดเป็นหางยาวทิ้งไว้ด้านหลัง

‘ตูม!’

เปลวเพลิงสีเทากระแทกใส่หนวดสีดำ!

ปฐพีรอบหนวดหายไปทันที

เปลวเพลิงสีเทาลามหนวดก่อนแผดเผาไปทั่ว

จนกระทั่ง…

วิญญาณกรีดร้องรออยู่ในอากาศขณะมองเปลวเพลิงสีเทาระเบิดปฐพี

ทันใดนั้น มันคล้ายกับทราบถึงบางสิ่ง ปีกเนื้อที่เต็มไปด้วยกรงเล็บสยายออกก่อนบินไปทางท้องนภา

มีเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังมาจากส่วนลึกของใต้ดิน

“คิดหนีอย่างนั้นเหรอ?”

มือสีดำขนาดใหญ่ยื่นออกจากส่วนลึกของใต้ดินขณะคว้าวิญญาณกรีดร้องเอาไว้ได้ทัน

วิญญาณกรีดร้องคือสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ แต่มือข้างนี้ใหญ่กว่าร่างของมันด้วยซ้ำ

‘ครืน!’

ปฐพีแตกร้าวจนสิ้น กลายเป็นเถ้าธุลีกระจายไปทั่ววังวนความว่างเปล่า

เจ้าของมือสีดำขนาดยักษ์… สัตว์ประหลาดที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของปฐพีปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนในสภาพสมบูรณ์แล้ว

ด้วยรูปร่างอันเฉียบคม สัตว์ประหลาดตัวนี้เหมือนกับงูสีดำที่ใหญ่เท่าโลก

แต่มันไม่ใช่งูสีดำ

มันมีแขนมนุษย์ขนาดใหญ่หนึ่งคู่ กระดองแข็งเรืองแสงสีม่วงเข้มงอกอยู่บนศีรษะของมัน

ไม่มีดวงตา

ไม่มีใบหน้า

ที่ปลายหางคือหนวดสีดำที่ไม่สามารถขยับได้

หนวดสีดำดิ้นไปมาสักพักก่อนกลายเป็นรูปลักษณ์ของหญิงชรา

หญิงชราจ้องวิญญาณกรีดร้องด้วยความเกรี้ยวกราดแล้วกล่าวว่า “ขนาดโลกถูกทำลาย ข้าก็ปลุกร่างที่แท้จริงขึ้นมาไม่ได้ แต่เจ้าที่เป็นเทพองค์ใหม่เล็กจ้อยกลับกล้ามาบังคับให้ข้าปลุกร่างที่แท้จริงขึ้นมา!”

ขณะพูด มือสีดำขนาดยักษ์ค่อยๆ บีบรัด

“อา!”

วิญญาณกรีดร้องแผดเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด

มันระเบิดพละกำลังทั้งหมดที่มีก่อนกลายเป็นเปลวเพลิงสีเทาเพื่อหลุดพ้นจากพันธนาการของฝ่ามือสีดำ

เปลวเพลิงสีเทาหลบเลี่ยงไปไกลก็รวมตัวเป็นวิญญาณกรีดร้องอีกครั้ง

จะหนีอย่างไรกันดี

วิญญาณกรีดร้องมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย

แข็งแกร่งเกินไป

แค่มองอีกฝ่ายก็สามารถเข้าใจถึงความน่าสะพรึงแล้ว

สัตว์ประหลาดตัวนี้เพิ่งเผยร่างจริงออกมา มันไม่รู้ว่ายังมีอีกกี่ความสามารถที่ยังไม่ถูกใช้ออกมา

วิญญาณกรีดร้องกล่าวอย่างยากลำบากว่า “ถ้าอย่างนั้น… เจ้าก็ไม่ใช่เทพ…”

“เทพหรือ” หญิงชรากล่าวอย่างเหยียดหยัน

นางหันสายตามองร่างขนาดใหญ่ก่อนหัวเราะคิกคักอย่างบ้าคลั่ง

“ในวังวนความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุด เทพคืออะไรกันล่ะ พวกมันพยายามสุดความสามารถที่จะฆ่าร่างนี้”

วิญญาณกรีดร้องแผดเสียงคำรามก่อนตะโกนว่า “บัดซบ! จุดกำเนิดของเจ้าคืออะไรกันแน่”

ในความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด แสงแห่งความโกลาหลเคลื่อนลงมา

หญิงชราหรี่ตา มองลำแสงแล้วพึมพำเสียงต่ำ “ความโกลาหล…”

เมื่อพวกมันกำลังเผชิญหน้ากัน

ไกลออกไป

กู่ฉิงซานสัมผัสได้ถึงฉากตรงหน้าก่อนกล่าวเสียงต่ำว่า “ไม่ สัตว์ประหลาดตัวนี้แข็งแกร่งเกินไป… นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่พวกเราต้องการ”

เหล่าต้าถามว่า “แล้วเจ้าต้องการผลลัพธ์แบบไหนล่ะ”

กู่ฉิงซานตอบว่า “ข้าอยากได้ไพ่เทพวารี อย่างแย่ที่สุด ข้าอยากให้ศัตรูที่แข็งแกร่งตายเพื่อให้ตัวที่อ่อนแออยู่รอด”

เหล่าต้าส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “สัตว์ประหลาดนั่น ขนาดเทพยัง…”

“ข้ารู้ว่าเทพไม่สามารถฆ่ามันได้”

กู่ฉิงซานกล่าวกับลอร่าว่า “เอาล่ะ ไปกันเถอะ”

“หา ไปไหนล่ะ”

ลอร่าถามกลับขณะยืนนิ่ง

นางมองร่างของสัตว์ประหลาด ทั่วร่างเริ่มสั่นเทา

ไม่มีทาง นอกจากเหล่าต้าแล้ว ขนาดร่างของกู่ฉิงซานยังสั่นเทา

สัตว์ประหลาดในตำนานแห่งความโกลาหลชั้นสูง

การผสานของเทพและสัตว์ประหลาดแห่งความว่างเปล่า

ตัวตนน่าสะพรึงนั่นสามารถกวาดล้างจิตใจของผู้คนจำนวนมากได้เพียงแค่ปรายตามอง

กู่ฉิงซานควบคุมร่างกายที่สั่นเทาเอาไว้ก่อนกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ลอร่า ฟังนะ ข้าก็กลัวเหมือนกัน แต่เจ้ากับข้าล้วนว่านี่คือโอกาสเดียวของพวกเรา”

น้ำตาของลอร่าหลั่งออกมา

กู่ฉิงซานเขย่าที่คาดผมแล้วกล่าวว่า “อย่าห่วงไปเลย เจ้าไม่ตายหรอก… ต่อให้ตาย ข้าสัญญาว่าเจ้าจะตายเป็นคนสุดท้าย!”

ลอร่าหวาดกลัวก็จริง แต่นางอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้หลังจากได้ยินเช่นนี้

นางหลับตาแล้วกล่าวว่า “ข้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ข้าไม่กลัวหรอก! อออา! น่ากลัวก็จริง แต่ข้าไม่กลัวหรอกนะ!”

นางเปิดกระเป๋าใบเล็กอย่างชำนาญก่อนพบสมบัติชิ้นหนึ่งแล้วเอามาสวมใส่ให้ตัวเอง

ในที่สุดร่างของนางก็หยุดสั่นไหว

นางหยิบสมบัติออกมาอีกมากมายก่อนแจกจ่ายให้ทุกคน

“นี่คือสมบัติเพิ่มวิญญาณต่อสู้กับความกล้าให้… พวกเจ้าต้องสวมใส่มัน จะได้ไม่รู้สึกหวาดกลัวเวลาอยู่ในร่มสักพัก ก็ประมาณนี้แหละ”

ทุกคนสวมหมวก ถุงมือ เกราะไหล่ เกราะหน้า รองเท้า กางเกง กระโปรงและอื่นๆ มากมาย

หลังจากทำทั้งหมดนี้ ร่มเริ่มขยับ

ใกล้ขึ้น

ใกล้ขึ้นอีก!

จนกระทั่งทุกคนเข้าสู่สมรภูมิ

ครั้งนี้ พวกเขาลอยเหนือไหล่ของวิญญาณกรีดร้องอย่างเงียบงัน

ด้วยการขยับจิตของกู่ฉิงซาน เขารวบรวมโชคที่เกือบจะมองเห็นได้บนร่างกาย

สกิลเทพแห่งชะตากรรม: การตัดสินใจด้วยถ้อยคำแห่งชะตากรรม!

นี่คือครั้งที่สองที่ใช้สกิลเทพนี้

ขีดจำกัดคือสามารถพูดได้เพียงหนึ่งประโยคในหนึ่งครั้งเท่านั้น!

กู่ฉิงซานเตือนตัวเองขณะสูดหายใจเข้ายาวๆ

เขายื่นหน้าไปที่หูของวิญญาณกรีดร้องแล้วกล่าวว่า “สัตว์ประหลาดตัวนี้บอกว่าแม้กระทั่งโลกถูกทำลายก็ยังปลุกร่างที่แท้จริงขึ้นมาไม่ได้ นั่นต้องเป็นเพราะร่างจริงของมันตื่นขึ้นแต่มีปัญหาใหญ่หลวงอยู่ ดังนั้นเจ้าต้องยื้อเอาไว้จนสิ่งที่มันหวาดกลัวจะเกิดขึ้น”

เขาพูดยาวเหยียดรวดเดียวจนจบ

ประโยคนี้ไม่เพียงพูดกับวิญญาณกรีดร้องเท่านั้น แต่ยังกำหนดชะตากรรมอันแน่ชัดอีกด้วย!

“ไป!”

กู่ฉิงซานกล่าวเสียงต่ำ

ร่มหลากสีสันวูบไหวก่อนรีบหลบหนีจากวิญญาณกรีดร้อง

ตอนนี้ หญิงชราอ้าปากพูดขึ้นว่า

“ไปให้พ้น เจ้าเทพแห่งความโกลาหลผู้เล็กจ้อย เจ้าอ่อนแอเกินกว่าจะถูกกล่าวถึง อย่ามายุ่งกับข้าอีก ไม่อย่างนั้นข้าจะกินร่างกับวิญญาณของเจ้า!”

สีหน้าของวิญญาณกรีดร้องเปลี่ยนไป

ใครจะปล่อยให้ศัตรูไปในเมื่อมีพละกำลังจะบดขยี้กันล่ะ

อีกฝ่ายเจอปัญหาอยู่!

สถานการณ์แบบไหนที่อีกฝ่ายหวาดกลัว

วิญญาณกรีดร้องตะโกนว่า

“ข้าคือเทพแห่งความโกลาหลเพียงองค์เดียวในโลกเก้าร้อยล้านชั้น!”

“เอาล่ะ วันนี้ข้าขอดูเป็นบุญตาหน่อยเถอะว่าตัวตนที่แม้แต่เทพโบราณก็ไม่สามารถเอาชนะได้จะมีพลังแบบไหนกัน!”

‘ตูม!’

ลำแสงแห่งความโกลาหลไม่มีสิ้นสุดเคลื่อนลงมาอีกครั้ง

..........................