webnovel

0260 ทักษะเทวะขั้นสูง

ตอนที่ 260 ทักษะเทวะขั้นสูง

เมื่อการต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดหนึ่ง จู่ๆ กู่ฉิงซานก็หยุดฝีเท้าลง

เขาตบลงไปในถุงสัมภาระและหยิบใบหยกออกมา

นี่คือใบหยกที่บรรจุเทคนิคฝึกยุทธขอบเขตแก่นทองคำที่นางเซียนไป่ฮั่วตระเตรียมไว้สำหรับเขา

“เทคนิคลับร้อยบุปผารังสรรค์สู่ก่อกำเนิด”

“ค้นพบเทคนิคฝึกยุทธแก่นทองคำ...เทคนิคลับร้อยบุปผารังสรรค์สู่ก่อกำเนิด”

“เทคนิคฝึกยุทธนี้จะถูกแบ่งออกเป็นสามขั้น ขั้นแรกต้องการแต้มพลังวิญญาณสามสิบแต้มในการเรียนรู้ ขั้นสองต้องการหกสิบแต้มพลังวิญญาณในการเรียนรู้ ขั้นสามต้องการแต้มพลังวิญญาณหนึ่งร้อยยี่สิบแต้ม”

กู่ฉิงซานมองไปยังแต้มพลังวิญญาณของเขา มันได้พุ่งทะยานขึ้นจากศูนย์กลายเป็นหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสี่แต้มแล้ว!

แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะใช้เรียนรู้เทคนิคฝึกยุทธทั้งหมดโดยสมบูรณ์อยู่ดี

เขายกดาบยาวขึ้น ทั้งคนทั้งดาบหลอมรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นประกายแสงสีขาวนวลดั่งจันทร์ แบ่งแยกร่างเผ่ามารที่กระจุกตัวอยู่เบื้องหน้านับพันออกเป็นสองซีก

เลือดสีดำทะยานขึ้นราวกับน้ำพุ สาดเทลงมาราวกับสายฝน

พร้อมด้วยข้อมูลที่แจ้งเตือนว่าพลังวิญญาณถูกฟื้นฟูกลับคืนมาเด้งขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง

และการโจมตีในครั้งนั้นเอง ทำให้มารที่ทั้งร่างลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงค้นพบตัวตนของเขา มันหวีดร้องด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ทะยานตัวโฉบเข้าหากู่ฉิงซาน หมายมั่นจะลอบโจมตีเข้าจากด้านหลัง

มันคือเผ่ามารระดับสูง ที่อยู่ในขอบเขตก่อกำเนิด!

ทางด้านกู่ฉิงซาน เขาเพิ่งจะเสร็จสิ้นกระบวนท่าดาบ และด้วยเวลาที่มีจำกัด เขาจึงทำได้แค่เพียงหมุนตัวกลับมาเท่านั้น จำต้องทานรับการโจมตีของมันด้วยการพึ่งพาดาบพิภพและเกราะทองคำ

ปง!

บังเกิดเสียงกังวานหนักทึบ

พร้อมด้วยร่างของกู่ฉิงซานที่แปรเปลี่ยนเป็นเส้นแสง ถูกอัดปลิวละลิ่วบินกระเด็นออกไปหลายสิบจั้ง

“อั๊ก”

เขาก้มหน้าพ่นเลือดลง เสียบดาบพิภพลงบนพื้นเพื่อยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

พร้อมกับทำการเปลี่ยนสมญาไปเป็น ‘นายพลชั้นโหยวจี’ (มีทักษะโจมตีเร็วขึ้น)

ในเสี้ยววินาทีเดียวกัน ทั้งคนทั้งร่างของเขาก็หายวับไปจากตำแหน่งเดิม

พร้อมกับคมดาบที่หายวับไปจากสายตา ทว่ายังคงไว้ซึ่งเสียงฉีกกระชากอากาศของมัน

หลังจากที่สามดาบถูกวาดผ่านไปสามครั้งติดต่อกัน ทั้งใบหน้าของมันก็ถูกย้อมไปด้วยเลือดและเศษชิ้นเนื้อของมารอสูร

แม้กระทั่งมารที่อยู่ในขอบเขตก่อกำเนิด ก็ยังมิสามารถต้านทานพลังอำนาจนับล้านจินของดาบพิภพได้!

ก่อนที่ดาบที่สี่จะมาถึง มารตนนั้นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป มันกระตุ้นพลังมนตราจากทั่วทั้งร่าง และจัดสมดุลกายให้อยู่ในท่วงท่าป้องกันโดยสมบูรณ์

แต่ใครจะรู้ ว่ามนุษย์ที่เป็นผู้ฝึกดาบกลับหายวับไปในทันใด พร้อมทั้งบังเกิดกระแสเสียงเปรี๊ยะ! ของสายฟ้าทิ่มแทงเข้ามาจากเบื้องหลังอย่างกะทันหัน

ยามที่ดาบทิ่มแทง มารขั้นก่อกำเนิดก็พลันยืนนิ่งเป็นท่อนไม้ ชักกระตุกอยู่ในตำแหน่งเดิมทั้งๆ อย่างนั้น

และแล้วดาบที่ห้า หก เจ็ด ก็ตามมา

กู่ฉิงซานจำต้องระงับพลังอำนาจของดาบพิภพในแต่ละเพลงดาบลง เพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายตกตายไปเสียก่อน

บนดาบพิภพ บัดนี้ปรากฏซึ่งเจ็ดแสงวิญญาณสีสันสดใสเปล่งประกาย

กู่ฉิงซานทำการเปลี่ยนสมญาอีกครั้งเป็น ‘ผู้บัญชาการรบ’

และดาบยาวก็ถูกวาดออกไปด้วยเทคนิคลับ

เจ็ดดารา มังกรแหวกธารา!

ปราณดาบสุดขอบฟ้า!

มังกรสายฟ้าผุดออกมาจากดาบพิภพ มันงับลงบนร่างมารขั้นก่อกำเนิด และแหวกว่ายทะลวงผ่านไปในดงทะเลมารอย่างคึกคัก!

สายฟ้าเล่ยเดี๋ยนนั้นเป็นปฏิปักษ์มารโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้นอำนาจทำลายล้างของมันจึงเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ!

เฝ้ามองไปยังมังกรสายฟ้าที่ไม่ว่าจะแหวกว่ายผ่านไปในทิศทางใด เผ่ามารทั้งหมดจำต้องกรีดร้องกันระงม แหกปากอย่างน่าสมเพช และแปรสภาพกลายเป็นขี้เถ้าลอยฟุ้งไปในพริบตา

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม บรรทัดตัวอักษรเด้งเตือนขึ้นมาอีกครั้ง

“แต้มพลังวิญญาณบวกหนึ่งร้อย”

“แต้มพลังวิญญาณบวกเจ็ด”

“แต้มพลังวิญญาณบวกสิบเอ็ด”

ปราณดาบสุดขอบฟ้านั้นครอบครองทักษะพิเศษที่สามารถโจมตีเพิ่มขึ้นได้อีกหนึ่งระลอก มันแปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นมังกรห้ากรงเล็บ กระโดดออกมาจากดาบพิภพคล้ายกับมังกรสายฟ้าก่อนหน้ามิมีผิดเพี้ยน ก่อนจะฉีกอากาศบินวนไปทิศทางอื่นๆ เป็นวงกลม สร้างความหายนะแก่ฝูงมารนับไม่ถ้วนที่กำลังรับชม ระเบิดร่างของพวกมัน เหลือทิ้งไว้เพียงชั้นหมอกเลือด

มังกรคู่สะบั้นมาร!

กู่ฉิงซานเก็บดาบกลับคืน ตบลงในถุงสัมภาระ และหยิบยาวิญญาณรูปทรงเมล็ดข้าวออกมาเป็นกำ โยนมันเข้าปาก เคี้ยวๆๆ และกลืนลงไป

ด้วยขอบเขตแก่นทองคำ แม้เขาจะสามารถทานทนต่อการใช้ออกด้วยเจ็ดดารามังกรแหวกธาราได้แล้วก็ตาม แต่พลังวิญญาณที่สูญเสียไปมันช่างมหาศาลจริงๆ

ในเวลานี้ หน้าต่างระบบเทพสงครามก็ปรากฏบรรทัดตัวอักษรยาวเหยียดเด้งออกมา

กู่ฉิงซานเบนสายตาไปยังหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“คุณมักจะใช้ ‘ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว’ ในการต่อสู้อันดุเดือดอยู่บ่อยครั้ง และนั่นทำให้ในเวลานี้ ทักษะของคุณจึงได้รับการยกระดับ”

“ทักษะเทวะ ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว (ขั้นสูง)...คุณสามารถกำหนดตำแหน่งที่ต้องการจะย่นระยะไปได้อย่างตามใจชอบ หรือจะเลือกล็อกเป้าหมายที่จะไปจากกลิ่นอายของศัตรูก็ได้ ทลายขีดจำกัดท่าร่างและปรากฏตัวขึ้นในตำแหน่งที่เลือก”

“ระยะแสดงผล...ตามพิสัยของจิตสัมผัสเทวะ”

จากระยะการกระโดดที่จำกัดแค่เพียงสามสิบเมตร ข้ามไปเป็นระยะพิสัยของจิตสัมผัสเทวะที่สามารถกวาดออกไปถึงได้เลยโดยตรง – นี่กล่าวได้ว่าเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ยิ่ง!

พิสัยของจิตสัมผัสเทวะจะค่อยๆ ขยายไปได้กว้างไกลขึ้น ตามขอบเขตวรยุทธของผู้ฝึกยุทธที่ยกระดับขึ้น

ที่แท้ ตลอดมาที่นางเซียนไป่ฮั่วใช้ทักษะนี้ การที่นางสามารถข้ามผ่านระยะทางไปได้ไกลนับลี้ แท้จริงแล้วก็เป็นเพราะ ยามเมื่อทักษะก้าวขึ้นถึงขั้นสูง มันจะสามารถย่นระยะได้ตามพิสัยของจิตสัมผัสเทวะนี่เอง

ในหัวใจของกู่ฉิงซานบังเกิดความพึงใจขึ้นเล็กน้อย

นอกจากนี้ ควบคู่ไปกับการสังหารในกระบวนท่าเดียวของมังกรคู่ ทำให้แต้มพลังวิญญาณของเขาขยับสูงขึ้นแล้วเช่นกัน

“แต้มพลังวิญญาณปัจจุบัน ห้าร้อยหกสิบแต้ม”

เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว!

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างฉับพลันว่า “ฉันเลือกที่จะเรียนรู้เทคนิคลับร้อยบุปผารังสรรค์สู่ก่อกำเนิดครบทั้งชุด!”

“ผู้เล่นได้ทำการเรียนรู้เทคนิคลับร้อยบุปผารังสรรค์สู่ก่อกำเนิดครบทั้งชุดแล้ว จ่ายสองร้อยสิบแต้มพลังวิญญาณ”

“แต้มพลังวิญญาณคงเหลือสามร้อยเจ็ดสิบเอ็ดแต้ม”

สามร่อยเจ็ดสิบสองแต้ม

สามร้อยเจ็ดสิบเจ็ดแต้ม

สามร้อยเก้าสิบเอ็ดแต้ม

สี่ร้อยสิบหกแต้ม

แต้มพลังวิญญาณยังคงพุ่งทะยานขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

กู่ฉิงซานยืนอยู่นิ่งๆ เฝ้าทำความเข้าใจถึงเนื้อหาที่พึ่งได้เรียนรู้ เพื่อที่จะทำการย่อยมันอย่างสมบูรณ์ สายตาเบนไปยังฟังก์ชันสมญาเทพสงคราม และทำการสลับมันไปเป็น ‘ไพ่ตายนักฆ่า’ อีกครั้ง

เขากระโจนเข้าไปในกองทัพมาร กวัดแกว่งดาบในมือออกไปอย่างแผ่วเบา

เทคนิคลับแห่งดาบ วาดเงา!

ร่างเงาสีดำของคมดาบนับไม่ถ้วนถูกปลดปล่อยออกมาแลคล้ายบุปผาที่กำลังเบ่งบาน เบ่งบานสะพรั่งเข้ากลืนกินมารอสูร!

“ตัดสินว่านี่คือการสังหารในกระบวนท่าเดียว คุณได้รับพลังวิญญาณกลับคืน”

“ตัดสินว่านี่คือการสังหารในกระบวนท่าเดียว คุณได้รับพลังวิญญาณกลับคืน”

“ตัดสินว่านี่คือการสังหารในกระบวนท่าเดียว คุณได้รับพลังวิญญาณกลับคืน”

“ตัดสินว่านี่คือการสังหารในกระบวนท่าเดียว คุณได้รับพลังวิญญาณกลับคืน”

“แต้มพลังวิญญาณบวกสิบสอง”

“แต้มพลังวิญญาณบวกห้า”

“แต้มพลังวิญญาณบวกเก้า”

เมื่อเทคนิคลับถูกปลดปล่อย มันก็สร้างคมดาบทะมึนนับไม่ถ้วนขึ้นในอากาศที่ว่างเปล่า

สองตาของกู่ฉิงซานที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากเงินหุบต่ำลง

พลังวิญญาณในร่างกายวิ่งพล่านอย่างดุดัน เริ่มกระบวนการใช้เทคนิคลับร้อยบุปผารังสรรค์สู่ก่อกำเนิด ขั้นหนึ่งแล้วก็อีกขั้นหนึ่งซ้อนๆ กัน จากนั้นก็หลอมรวมมันเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว และกระจายไปในจิตวิญญาณร่างมังกรในตันเถียน

ด้วยการบำรุงหล่อเลี้ยงอันมหัศจรรย์ของเทคนิคลับ ร่างมังกรในรูปแบบของพลังวิญญาณก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง ตัวของมันแลดูอุดมสมบูรณ์ขึ้นเล็กน้อย

พลังวิญญาณของกู่ฉิงซานฟื้นคืนกลับมาอย่างเต็มเปี่ยมในคราเดียว

ด้วยพลังวิญญาณที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เขาได้รับผลประโยชน์มหาศาล กล่าวได้ว่าตราบใดที่การยกระดับประสบความสำเร็จ สถานะพลังวิญญาณของเขาก็จะถูกเติมเต็มทันที!

ความผันผวนทางพลังวิญญาณของกู่ฉิงซาน พุ่งสูงขึ้นมากกว่าเดิมถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์

ตอนนี้เขาได้ก้าวขึ้นสู่ผู้ฝึกยุทธแก่นทองคำขั้นกลางแล้ว!

เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ตัว และพบว่าตัวเองยังอยู่ในชายขอบสนามรบที่ส่วนใหญ่แล้วคลาคล่ำไปด้วยเผ่ามารระดับก่อตั้งและแก่นทองคำอยู่เลย

เผ่ามารที่ทรงพลังอย่างแท้จริงนั้นอยู่ใจกลางของสมรภูมิรบ และพวกมันกำลังรับมือกับเผ่ามนุษย์ที่แข็งแกร่ง

ผู้ที่จะมีคุณสมบัติย่างกรายเข้าไปในสนามรบตรงจุดนั้นได้ อย่างน้อยต้องเป็นระดับก่อกำเนิด หรือขอบเขตที่ใหญ่ยิ่งกว่า!

“ตัวข้าในตอนนี้ยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะย่างกรายเข้าสู่สมรภูมิหลัก…” กู่ฉิงซานเหลือบมองไกลออกไป ปากเอ่ยงึมงำ

ทันใดนั้นจู่ๆ เขาก็ตะโกนออกมา “มันยังไม่เพียงพอ! แค่นี้ยังไม่พอ!”

สิ้นเสียง ประกายแสงสีทองก็วิ่งทะยานจากตำแหน่งที่เขายืนอยู่ พุ่งทะลวงขึ้นไปบนท้องฟ้า ทิ่มลึกขึ้นไปเหนือชั้นเมฆ

เมื่อแสงจางหาย ร่างของกู่ฉิงซานก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง สองตาของเขาหุบต่ำลง หน้าแหงนเชิดขึ้นมองไปยังเบื้องบน ตระเตรียมเริ่มการทะลวงด่านต่อไป!

ดาบพิภพลอยนิ่งอยู่ข้างกาย เฝ้าปกปักเขาอย่างเงียบๆ

ในช่วงเวลาสั้นๆ

กู่ฉิงซานก็กระอักเลือดออกมาอย่างบ้าคลั่ง

เขาเจ็บปวดจนตัวงอ จากนั้นก็คายเลือดออกมาอีกคำหนึ่ง

ทุกสัดส่วนบนร่างกายรู้สึกเสียวซ่านดั่งถูกใบมีดแหลมจ้วงแทง เส้นชีพจรลมปราณทั่วทั้งร่างเกือบจะฉีกขาดอยู่รอมร่อแล้ว

อย่างไรก็ตาม ความผันผวนทางพลังวิญญาณของกู่ฉิงซานกลับทะยานสูงขึ้นอย่างไม่รู้จบ

เขาได้ยกระดับเข้าสู่แก่นทองคำขั้นปลายแล้ว!

ในเวลานั้นเอง ในฟังก์ชันของ ‘วิชายุทธเทพสงคราม’ ก็ปรากฏบรรทัดตัวอักษรเด้งขึ้นมา

“เนื่องจากผู้เล่นได้ทำการตัดผ่านขอบเขตอย่างต่อเนื่อง พื้นฐานวรยุทธจึงจำต้องได้รับการพักฟื้น ในส่วนของการใช้งานเทคนิคฝึกยุทธเพื่อทำการทะลวงขอบเขตขั้นต่อไปจำเป็นต้องเข้าสู่ช่วงเวลา ‘คูลดาวน์’ ”

“ทว่าการเติมเต็มแต้มพลังวิญญาณจะสามารถช่วยลดระยะเวลาคูลดาวน์ได้”

ระยะเวลาคูลดาวน์นั้นนานแค่ไหน มันไม่ได้ถูกระบุไว้อย่างชัดเจน แต่ในหัวใจของกู่ฉิงซานมีสิ่งหนึ่งที่ตระหนักชัดเป็นอย่างดี

นั่นก็คือ มันไม่มีอะไรมากมายไปกว่าการบ่งบอกกลายๆ ว่า ระบบเทพสงครามกำลังร้องขอให้เขาไปท้าทายคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าอีกครั้ง!

กล่าวง่ายๆ ‘หากเจ้าจะทะลวงด่านต่อไป ก็จงเติมเต็มพลังวิญญาณให้สูงยิ่งขึ้น!’

ดาบพิภพเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่นทว่าแฝงไว้ซึ่งความกังวล “เจ้าใช่กระตือรือร้นที่จะเสาะแสวงหาความสำเร็จอย่างรวดเร็วเกินไปหรือไม่ การกระทำเช่นนี้มันจะไม่ดีต่อสมดุลการยกระดับขอบเขตของเจ้านะ”

“นั่นไม่มีปัญหา ในหัวใจของข้ารู้ดีถึงขีดจำกัดของตนเอง” กู่ฉิงซานกล่าว

สำหรับผู้ฝึกยุทธทั่วๆ ไป แน่นอนว่านี่ย่อมมิใช่เรื่องดีที่จะดึงดันเร่งยกระดับ ไขว่คว้าหาความสำเร็จที่รวดเร็วเกินไป

ผลลัพธ์ของการทะลวงขอบเขตอย่างต่อเนื่อง จะส่งอิทธิพลอย่างมหาศาลต่อ ‘ร่างกาย’ และ ‘จิตใจ’ ผู้ฝึกยุทธจะต้องใช้เวลามากขึ้นเพื่อพักฟื้นร่างกายและปรับตัวให้เข้ากับขอบเขต

อย่างไรก็ตามในชีวิตก่อนหน้าของกู่ฉิงซาน เขาได้ก้าวไปถึงขอบเขตสูงสุดที่เป็นรองแค่ประทับเทพเท่านั้น และความทรงจำของเขาก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แล้วอีกด้วย

ขอบเขตแก่นทองคำน่ะหรือ? หึหึ สำหรับเขามันก็เป็นแค่ที่ได้พบเจออีกครั้ง มันมิได้เขาให้ ‘จิตใจ’ ของเขาสั่นคลอนได้เลย

สิ่งเดียวที่ต้องกังวล ก็คือการได้รับบาดเจ็บทางกายเท่านั้น

......................................................