webnovel

มารยาท

ฉีฟางหรงเบ้ปากกำลังจะเอ่ยต่อแต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีเสียงดังจากในเรือน เสียงนั้นเหมือนกับมีคนพยายามตะกุยประตูและกำแพงห้องเพื่อที่จะออกมาให้ได้ ทุกคนรีบจับกลุ่มกอดกันด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว บางคนที่กลัวจนร้องไห้แต่ก็ไม่กล้าร้องเสียงดังเพราะกลัวตัวอะไรบางอย่างในนั้นจะได้ยินเข้า

แต่เสียงสะอื้นที่แทบไม่ได้ยินนั้นกลับทำให้ภายในเรือนนั้นราวกับมีคนคลุ้มคลั่งพยายามเปิดประตูออกมาจนประตูหน้าต่างและหลังคาเบื้องบนที่ใกล้จะร่วงสั่นกรูไปหมด

อย่าถามถึงจินหมิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล เพราะนางเองก็ตกใจจนร่างกายแข็งค้างเป็นหุ่นสลักไปแล้ว!!......

"มีตัวอะไรอยู่ในนั้น!! เจ้าสารภาพมาเดี๋ยวนี้นะ!!" คุณหนูฉีฟางหรงที่หวาดกลัวแผดเสียงดังลั่น ทุกคนต่างจ้องไปยังเรือนนั้นตาไม่กะพริบ แต่ละคนตัวสั่นราวกับลูกนกตกน้ำ

จินหมิงละล่ำละลักตอบด้วยความฉงนใจยิ่ง "ขะ…ข้า…นั่น…"

"มีใครอยู่ข้างนอกใช่มั้ย! ประตูนี่มันเปิดตรงไหนเนี่ย! " เสียงหวานราวน้ำผึ้งตะโกนออกมาด้วยสำเนียงประหลาดหู ทุกคนขมวดคิ้วนิ่งงันพยายามทำความเข้าใจกับประโยคเมื่อครู่

"โธ่! คุณหนูเจ้าคะ ทำบ่าวตกอกตกใจหมด" อาหมิงรีบวิ่งไปที่เรือนพัก เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นคุณหนูฉียืนบนตั่งโดยมีขาข้างหนึ่งยื่นออกไปนอกหน้าต่างแล้ว

สาวใช้หน้าซีดรีบวิ่งไปดึงตัวคุณหนูออกจากหน้าต่างด้วยความตื่นตระหนก "คุณหนู!! จะออกทางหน้าต่างเยี่ยงนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ ขืนใครมาเห็นเข้าจะไม่ดีเอานะเจ้าคะ!!"

เฮ่อซินหมิงหันขวับมาจ้องหน้าอีกฝ่ายแล้วเอ่ยด้วยเสียงงุนงงยิ่ง "ฉันไม่ใช่คุณหนู เธอเข้าใจผิดแล้ว อีกอย่างช่วยพาฉันกลับบ้านหน่อยสิ"

"คุณหนูเจ้าขา…นี่เป็นบ้านของคุณหนูอย่างไรล่ะเจ้าคะ แต่มีเรื่องเร่งด่วนกว่านั้นคือฮูหยินทั้งสี่และคุณหนูทั้งหลายรอท่านอยู่หน้าเรือนนะเจ้าคะ"

"อะไรนะ? ฮูหยินคุณหนูบ้าบออะไรกัน เธอเลอะเทอะไปใหญ่แล้ว ฉันไม่ได้กำลังเล่นแสดงละครอยู่นะ"

สายตาพลันเหลือบไปเห็นหน้าประตูที่เปิดอ้าไว้ มีหัวของสตรีโผล่มาทีละคนสองคนจนเต็ม ช่างดูน่ากลัวยิ่งนัก!

"ว๊ากกกกกก!! อะไรนั่น ๆ มีหัวเต็มไปหมด!" คุณหนูเขย่าตัวบ่าวรับใช้อย่างแรงจนนางแทบล้มลงไปกองกับพื้น

"คุณหนูเจ้าคะ นั่นคือฮูหยินทั้งสี่เเละคุณหนูทั้งหลายเจ้าค่ะ" นางกระซิบเสียงเบา เห็นคุณหนูขมวดคิ้วมุ่นแล้วหันมาเอ่ยปากกับนางอย่างจริงจัง

"ฉันไม่รู้จัก"

"ท่านไม่เคยพบพวกนางมาก่อน ไม่รู้จักก็ถูกแล้วเจ้าค่ะ"

"ไม่ใช่แบบนั้น คือ…" นางกำลังจะอธิบาย แต่ก็โดนขัดเสียก่อน

"นางคือคุณหนูสิบเอ็ดรึ?" ฉีฟางหรงเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อสายตา เฮ่อซินหมิงรีบเอ่ยต่อทันที

"ไม่…"

"ใช่เจ้าค่ะ" จินหมิงค้อมตัวเอ่ยรับแทน

นางอยากจะบ้าตายนัก นี่มันอะไรกัน...จู่ ๆ ก็มีคนมาบอกว่าเธอเป็นคุณหนู ๆ ๆ อยู่นั่นแหละ เหมือนทุกคนกำลังแสดงหนังกันอยู่แต่มีเธอที่ไม่รู้บทยังไงยังงั้น

สตรีร่างสูงท่วงท่าสง่างามในชุดสีแดงหรูหรา ใบหน้าที่ผ่านกาลเวลายังดูผ่องใสงดงามเหมือนสตรีวัยแรกรุ่นไม่มีผิด นางก้าวเท้ามายืนเบื้องหน้าสตรีทั้งหมดแล้วจ้องเขม็งมองร่างของดรุณีน้อยร่างผอมบางตั้งแต่หัวจรดเท้า

"สวัสดีค่ะ มี…อะไรเหรอคะ?" นางเอ่ยถามอย่างงงๆ

ฮูหยินใหญ่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความขัดใจ "ช่างไม่รู้มารยาทเสียจริง เห็นข้าแล้วยังไม่ทำความเคารพอีก!"

"คุณหนูเจ้าคะ" บ่าวรับใช้สะกิดคนเบื้องหน้าให้รู้สึกตัว คุณหนูอันหนิงได้รับการอบรมเรื่องมารยาทมาตั้งแต่เด็กกับมารดาของนาง จนกริยาท่วงท่าการวางตัวของคุณหนูนั้นเรียบร้อยอ่อนหวานไม่ด้อยไปกว่าผู้ใด อาหมิงสามารถพูดได้เต็มปากว่าดีกว่าคุณหนูคนอื่นเสียด้วยซ้ำ

"ให้ตายสิ…ทำอย่างกับอยู่ในซีรีย์อย่างนั้นแหละ ถึงแม้ฉันจะไม่เคยดูไม่เคยเห็นแต่นี่ต้องเป็นกองถ่ายที่ไหนแน่ ๆ ว่าแต่จริงสิ คุณรู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงมองเห็นได้ล่ะ"

อาหมิงอยากจะร้องไห้นัก ใบหน้าของฮูหยินใหญ่ทั้งงงงวยและหงุดหงิด แบบนี้คุณหนูอาจจะโดนโบยหรือเนรเทศออกจากจวนเลยก็เป็นได้

"เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ!! ข้าบอกให้เจ้าทำความเคารพข้า ไม่ใช่พูดจาเพ้อเจ้ออะไรของเจ้า" ฮูหยินเอกเริ่มมีน้ำโหมากขึ้น ฮูหยินทั้งสามจึงรีบเข้ามาเอ่ยเกลี้ยกล่อม

"เอาเถิดพี่หลันเฟย บ่าวของเด็กนี่ก็เป็นคนบอกเองมิใช่หรือ ว่านางเสียสติ ท่านอย่าไปถือโทษคนเช่นนี้เลย"

"นั่นสิ ประเดี๋ยวข่าวมีคนเสียสติในจวนอาจจะแพร่สะพัดออกไปนอกเมือง ถ้าเป็นเช่นนั้นชาวเมืองจะเล่ากันไปปากต่อปากแล้วท่านพี่จะมิโดนกล่าวหาว่าบังคับให้คนเสียสติทำความเคารพหรอกหรือ"

ทั้งสามพยายามพูดจาหว่านล้อมฮูหยินใหญ่จนนางเริ่มคล้อยตาม พยักหน้าเนือง ๆ " ถือว่าข้าไม่เคยพูดอะไรกับคนเสียสติเช่นเจ้า เรื่องในวันนี้ให้เก็บเป็นความลับ หากใครปากเปราะคงจะรู้ว่าต้องเจออะไร"

บ่าวรับใช้ที่ยืนเบียดกันที่หน้าประตูตัวสั่นพั่บ ๆ แล้วผงกหัวกันอย่างพร้อมเพรียง หลันเฟยกวาดตามองร่างของสาวน้อยตรงหน้าด้วยสายตาดูแคลนอีกครั้งก่อนจะสะบัดแขนเสื้อเดินออกจากห้องไป ฮูหยินและเหล่าคุณหนูต่างจ้องคุณหนูสิบเอ็ดด้วยสายตาเช่นเดียวกันแล้วสาวเท้าออกจากห้องไปทีละคน

"พวกเขาเป็นอะไรกันเหรอ? เข้ามาปุบปับแล้วก็ออกไปเฉย ฉันนี่งงไปหมด" เฮ่อซินหมิงหน้าตาเหลอเหลายังคงแปลกใจไม่หาย

"คุณหนูน่ะสิเจ้าคะ ท่านเป็นอะไรไป ดูท่านก็ปกติดีเหตุใดถึงลืมเรื่องการทำความเคารพที่ท่านแม่ข้าสอนไปได้ ดีนะเจ้าคะที่ยังไม่โดนอะไร" อาหมิงพูดไปน้ำตาเริ่มคลอ

"แล้วโดนอะไร?"

"คุณหนู!!! คุณหนู…คุณหนูเป็นอะไรหรือไม่" กว่าจะเข้ามาได้ช่างลำบากนัก เมื่อครู่เด็กรับใช้ส่วนตัวของคุณหนูและฮูหยินทั้งหลายยืนเบียดเสียดออกันที่ประตูจนนางไม่สามารถเข้ามาได้ ตอนนี้ต่างพากันไปหมดทำให้โอกาสมาถึงเสียที

"อะไรอีกล่ะเนี่ย"