webnovel

เหตุผลที่จะไป

ทั่วทั้งบริเวณเทือกเขาคุนหลุนนั้น ปรากฏยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากได้มาตั้งค่ายอยู่ ซึ่งบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่มาตั้งค่ายนั้นมีจำนวนไม่น้อยที่มาจากสำนัก นิกาย และบรรดาตระกูลโบราณในยุทธภพ และมีอยู่ไม่น้อยที่เป็นการตั้งค่ายของกองทัพจากอาณาจักรต่างๆ ที่อยู่บนทวีปนิรันดร์

การมาปักหลักตั้งค่ายของกองทัพขนาดใหญ่ที่เทือกเขาคุนหลุนนี้ ได้สร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้กับผู้คนจำนวนไม่น้อย

เนื่องจากเพื่อกิเลนตัวหนึ่งแล้ว คุ้มค่ากับการโยกกองทัพแต่ละกองทัพมาอย่างนั้นรึ? มันเหมือนกำลังจะระเบิดศึกสงครามครั้งใหญ่ขึ้นมาอย่างนั้น

ดังนั้น ผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เมื่อมองเห็นกองทัพแต่ละกองทัพจากอาณาจักรต่างๆ ที่เข้ามาตั้งค่ายแล้ว พวกเขารู้สึกขนลุกซู่ในใจ รู้ว่าจะต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่แล้ว

ที่เข้ามาตั้งค่ายไม่เพียงแต่กองทัพของเผ่านอกด่านเท่านั้น แม้แต่กองทัพจากห้าแคว้น และราชวงศ์เจิ้งก็ส่งกองทัพมาตั้งค่ายเช่นกัน นอกเหนือจากนี้แล้ว บรรดาสำนัก นิกาย และตระกูลโบราณในยุทธภพจำนวนไม่น้อยที่มีศักยภาพก็จะมีศิษย์ที่เป็นแกนหลักมาตั้งค่ายที่นี่โดยตรงเช่นกัน

ด้วยกองทัพจำนวนมากมายพลันมาตั้งค่ายอยู่ที่เทือกเขาคุนหลุนกะทันหัน ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าภาพใหญ่ที่ลงหลักปักฐานมาตั้งแต่แรกเดิมอย่างสำนักคุนหลุน ถึงกับปวดเศียรเวียนเกล้าไม่น้อย

ทุกคนต่างรู้สึกว่านี่มันใช่เพียงมาเพื่อกิเลนแล้วนะเนี่ย แต่เป็นการรวมตัวของกองกำลังทหารที่มีศักยภาพที่สุดของทวีปนิรันดร์มาไว้ที่ตรงนี้

เวลานี้ ขั้วอำนาจ ราชวงศ์ สำนัก นิกาย และตระกูลโบราณที่มีศักยภาพทั่วทั้งทวีปนิรันดร์ ต่างก็มีขุมกำลังกองทัพมาตั้งค่ายอยู่ที่ตรงนี้ หนึ่งเดียวที่ขาดไปก็คือนิกายมารแล้ว!

นิกายมารคือมหาขั้วอำนาจหนึ่งในผู้กุมอำนาจทั้งหมดของทวีปนิรันดร์กลับไม่ได้เข้าร่วมในเวลานี้ ในขณะนี้จึงทำให้ผู้คนบังเกิดความคิดหลายอย่างที่ผุดขึ้นมาไม่ขาดสาย ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกแปลกใจ และรู้สึกอึดอัดกับเรื่องนี้

...

ในเวลานี้ ทั่วทั้งค่ายของนิกายมารบนเขามีแต่ความเงียบสงัด ผู้คนทุกระดับชั้นของนิกายมารต่างเหม่อลอย มองดูหนิงหลงด้วยความงุนงง ไม่สามารถเรียกสติกลับมาเป็นเวลานาน

ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะเช่นใดก็ต้องสั่นเทา กระทั่งอกสั่นขวัญหาย เมื่อได้พบเห็นหนิงหลงยามนี้แล้ว แม้แต่สมาชิกทุกระดับชั้นของนิกายมาร ก็ถูกทำให้หวั่นไหวและไม่สามารถเรียกสติกลับมาเป็นเวลานานมาก

ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของหนิงหลงจะมิได้แปรเปลี่ยนไปอย่างใด ยังคงเป็นหนิงหลงพ่อหนุ่มเทสดีสวัสดีนั๊บอุนเทอ คนดีคนเดิมเหมือนกาลก่อน แต่เมื่อทุกคนได้จ้องมองหนิงหลงเพียงแวบเดียวต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบ พลันรู้สึกถึงไอเย็นที่เข้าคุกคามในอก ทำให้หนาวสะท้านไปทั่วตัว ทุกคนไม่ว่าใครก็ตามล้วนแล้วแต่รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง เหงื่อเย็นไหลซึมออกมา

"ข้ามองระดับการฝึกตนของเขาไม่ออกแม้แต่น้อย" นางมารสวรรค์เย่ฉุ่ยเหยาถึงกับก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ในเวลานี้นางรู้สึกได้ถึงพลังที่ปราศจากผู้ต่อกร แม้ว่าหนิงหลงจะไม่ได้ระเบิดพลังออกมา นางก็สามารถรับรู้ได้ว่าเพียงหนิงหลงยื่นนิ้วมานิ้วหนึ่งก็สามารถบี้นางจนตายได้อย่างง่ายดาย

ถ้าหากเป็นในอดีตเย่ฉุ่ยเหยาพูดคำนี้ออกมาย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ทุกคนต่างรู้ดีว่าหนิงหลงนั้นไม่สามารถฝึกยุทธ์บำเพ็ญเพียรได้ การที่มองไม่เห็นระดับพลังของหนิงหลงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

ในสายตาของชาวโลก นางมารสวรรค์เย่ฉุ่ยเหยาคือผู้ที่มีฐานะสูงสุดในโลกอยู่แล้ว ทว่านาทีนี้นางกลับเข้าใจอย่างชัดเจนว่า หนิงหลงที่อยู่ตรงหน้านั่นแหละคือผู้ที่อยู่ในฐานะสูงสุดที่แท้จริง เขาจึงเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะน่าสยองขวัญมากที่สุด ลึกล้ำยากจะหยั่งถึง

เย่ฉุ่ยเหยารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ระดับของหนิงหลงอยู่เหนือกว่านางไปไกลแล้ว ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ ผู้ที่มีกำลังความสามารถเหนือกว่านางในโลกนี้ยากจะหาใครได้อีกแล้ว

ทุกคนต่างจ้องมองไปที่เจียงไท่กงผู้ที่มีความอาวุโสและเปี่ยมไปด้วยความรู้มากที่สุด พวกเขาต้องการให้เจียงไท่กงช่วยอธิบายไขข้อสงสัยให้กระจ่าง

"นะ..หนี!!!" เสียงร้องที่ตื่นตระหนกของเจียงไท่กงดังขึ้น ในขณะที่ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจว่าเจียงไท่กงจะอธิบายไขข้อสงสัยอยู่นั้น ทันใดนั้นเองช่องว่างในอากาศกระเพื่อมทีหนึ่งเปิดออก พลันเจียงไท่กงพุ่งเข้าไปในช่องว่างมิติหายตัวไม่ทิ้งไว้แม้แต่เงา สิ่งเดียวที่เจียงไท่กงทิ้งไว้ก็จะมีแต่เด็กสาวที่เขาพามาด้วยเท่านั้น

"ท..ท่านเจียงนิรันดร์หนีไปแล้ว!?" พริบตาเดียวนั้นเอง ผู้คนได้ร้องเสียงดังขึ้นมาด้วยความงุนงง

"เกินอะไรขึ้น?" ผู้คนจำนวนไม่น้อยตกใจสุดขีด เมื่อเห็นเจียงไท่กงหลบหนีไป เวลานี้ พวกเขาตามสถานการณ์ไม่ทันแม้แต่น้อย

จังหวะที่ทุกคนกำลังงงงวยกันอยู่นั้น ทางด้านเจียงไท่กงที่หลบหนีอยู่ช่องว่างมิติกำลังหวาดผวาจนหน้าถอดสี ภาพความทรงจำในอดีตเมื่อเนิ่นนานมาแล้วได้วนเวียนอยู่ในหัวของเขา

"บนโลกมีเซียนอยู่จริงรึ?" เจียงไท่กงมองไปยังบุรุษผู้สูงศักดิ์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรเบื้องหน้า รู้สึกหวั่นไหวในใจ

เรียกได้ว่า ทั้งเจียงไท่กงเป็นผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมา เป็นยอดฝีมือที่ผ่านเรื่องราวสำคัญๆ มานับไม่ถ้วน ถ้าหากจะพูดถึงเซียนแล้ว เขายังไม่เคยได้พบเห็นเซียนมาก่อน

"ไม่แน่เสมอไป บางที ในโลกนี้อาจไม่มีเซียน แต่ไม่ได้หมายความว่าโลกอีกโลกหนึ่งไม่มีเซียน หากจะมีเซียนอยู่จริง บางทีไม่ถือเป็นสิบมหาทวีปโลกของพวกเรา" ดวงตาทั้งสองของบุรุษผู้สูงศักดิ์กลับกลายเป็นล้ำลึกยิ่งนัก มองไปยังสถานที่ที่ห่างไกลออกไป เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า "แต่พวกเขาเหล่านี้ก็เป็นได้แค่เซียนปลอมๆ เท่านั้น"

"เซียนปลอม? พวกเขามิใช่เซียนหรือ?" ภายในใจของเจียงไท่กงถึงกับก่อเกิดเป็นคลื่นขึ้นมา หัวข้อสนทนาเช่นนี้เรียกได้ว่าเกี่ยวพันถึงปริศนาที่เป็นนิรันดร์

โลกมนุษย์มีเซียนหรือไม่ เป็นหัวข้อที่มีการถกกันมาของผู้คนจำนวนมากทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา ยังไม่ทันที่จะได้พบเซียน ดันปรากฏเซียนแท้ เซียนปลอมขึ้นมาเสียนี่

"เซียนปลอมจะเป็นอย่างไรได้?" บุรุษผู้สูงศักดิ์หัวเราะออกมา และกล่าวว่า "ก็เหมือนเช่นพวกเรานั่นแหละ มีอารมณ์ความรู้สึกและความปรารถนาเฉกเช่นมนุษย์ปุถุชนทั่วไป การดำรงอยู่ภายใต้มหามรรคา ไม่มีใครสามารถหลุดพ้นตัวเองไปได้"

"ระดับสิบสามที่ผู้คนต่างยกย่องเรียกกันว่าเซียนนั้น ก็แค่เซียนปลอมๆ เป็นเพียงขอบเขตระดับพลังที่สูงขึ้นไปอีกขั้น ยังไม่นับว่าเป็นเซียนที่แท้จริง!" บุรุษผู้สูงศักดิ์กล่าวเรียบๆ ว่า "จำไว้ให้ดี ระดับสิบสองก็ดี ปรมาจารย์ยุทธ์ก็ช่าง และหรือผู้ที่สามารถบุกเบิกสร้างเส้นทางใหม่หลังจากระดับสิบเอ็ด พวกเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้แล้ว จะอย่างไรเสียก็คือผู้ดำรงอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่สุดทั่วทั้งสิบมหาทวีป!"

"แต่ว่า สิ่งนี้ก็คือธรณีประตูหนึ่งเหมือนกัน!" เจียงไท่กงพลันนึกถึงคำพูดที่กล่าวถึงระดับสิบสาม เป็นต้นว่าอาจจะยังมีระดับสิบสี่ และหรือระดับสิบห้า เป็นขอบเขตไว้แบ่งขั้นพลังที่อยู่สูงกว่าถัดขึ้นไปอีก

"จงจำเอาว่า ระดับสิบสองคือธรณีประตูถ้าหากไม่สามารถตัดผ่านขึ้นสู่ระดับสิบสองได้ ก็จะไม่มีวันได้สัมผัสกับบางสิ่งได้ตลอดไป เมื่อสามารถตัดผ่านไปยังระดับสิบสองเช่นนั้นแล้ว บางสิ่งก็คุ้มกับเจ้าไปเสาะแสวงหา เฉกเช่นว่าเพราะอะไรโลกนี้ถึงหยุดแค่ระดับสิบสอง!" จังหวะที่เจียงไท่กงกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น บุรุษผู้สูงศักดิ์ได้เอ่ยขึ้นมาเรียบๆ

"หลังจากระดับสิบสองแล้วจะต้องมีการฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างไรกันเล่า? เส้นทางสายนี้จะต้องก้าวเดินกันอย่างไรเล่า? เพราะเหตุใดทำไมโลกนี้ถึงถูกจำกัดอยู่แค่ระดับสิบสองกัน?" เจียงไท่กงเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

"สิ่งของบางสิ่งมันดำรงคงอยู่ของมันแต่เดิมอยู่แล้ว เพียงแต่ถูกคนเขาปิดบังซ่อนเร้นเท่านั้นเอง ทำให้ผู้คนบนโลกไม่รู้" บุรุษผู้สูงศักดิ์กล่าวเฉยเมยว่า "ทว่าการมีเซียนบนโลกไม่เห็นจะเป็นเรื่องดี"

คำพูดคำนี้ของบุรุษผู้สูงศักดิ์สร้างความหวั่นไหวให้กับเจียงไท่กงอีกครั้ง ขึ้นชื่อว่าเซียนเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ในฐานะเป็นที่ใฝ่หาให้ได้มาของผู้คนจำนวนมาก เป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ในฐานะมีผู้ติดตามค้นหาเป็นจำนวนมาก ผู้คนจำนวนมากต่างมีจินตนาการที่งดงามต่อผู้เป็นเซียน ผู้คนจำนวนมากได้จินตนาการไปไกลโพ้นในเรื่องที่เกี่ยวกับเซียน แต่ทว่า คำพูดคำนี้ของบุรุษผู้สูงศักดิ์เหมือนจะทำลายความฝันที่งดงามของผู้คนจำนวนมากจนป่นปี้

"เซียนที่เราหมายถึง คือเซียนที่แท้จริง! ผู้ที่หลุดพ้นทุกสิ่ง! สำเร็จการเข้าถึงภาวะอันแท้จริง! ไม่ใช่พวกเซียนปลอมๆ ที่วิ่งเต้นหลงระเริงอยู่ใต้มหามรรคาเหล่านั้น!" บุรุษผู้สูงศักดิ์หัวเราะขึ้นมา กล่าวอย่างช้าๆ ว่า "ถ้าหากวันใดเจ้าได้พบกับเซียนที่แท้จริงแล้วล่ะก็ ข้าขอเตือนเจ้าด้วยความหวังดี รีบหนีไปให้ไว หนีไปได้ไกลแค่ไหนก็ให้ไกลเท่านั้น ขุดรูแล้วฝังตัวเองเอาไว้ อย่าได้ปรากฏตัวออกมาอีกเลย..."

จังหวะที่เจียงไท่กงกำลังหนีตายอยู่นั้น หนิงหลงยกกระบี่ในมือขึ้นฟาดฟันใส่อากาศด้วยท่าทีสบายอารมณ์

ภายในช่องว่างมิติที่เจียงไท่กงหลบหนีเข้าไปกาลเวลาถูกหยุดชะงัก โลกภายในช่องว่างมิติถูกฉีกขาด ในเสี้ยววินาทีนั่นเอง ทุกคนต่างมองเห็นเจียงไท่กงที่หลบหนีไปถูกดีดออกจากช่องว่างมิติกลับมายืนอยู่ที่เดิมเคียงข้างเด็กสาว

"ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่" หนิงหลงมองไปยังเจียงไท่กง เอ่ยด้วยท่าทีเศร้าสร้อยว่า "นี่แหละคือเหตุผลดีๆ ที่จะไป"

"..."