webnovel

เสี่ยหนิง

ท้ายที่สุดแล้ว คณะของหนิงหลงก็ได้เดินทางมาถึงหน้าทางเข้าของหอนางโลมเลื่องชื่อแห่งฉางอัน หอแห่งนี้สูงราวเจ็ดชั้น ธงหลากสีโบกสะบัดพลิ้วไหว โคมไฟแดงห้อยแขวนประกายเด่นชัดสว่างเจิดจ้า ดูหรูหรา เสียงหัวเราะอันไพเราะหยาดเยิ้มของเหล่าอิสตรีแว่วมาไม่ขาตลอดทาง

ถึงแม้ว่านี้จะเป็นช่วงพลบค่ำม่านราตรีพึ่งเปิดฉาก ทว่าบรรดาบุรุษที่เป็นแขกเหรื่อที่เดินออกต่างวิญญาณล่องลอยออกจากร่างไม่น้อย

กลุ่มคณะของหนิงหลงนับว่าแปลกประหลาดดีไม่น้อย กลุ่มของพวกเขานั้นเรียกได้ว่ามีครบทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กหนุ่มวัยรุ่นจนไปถึงยันผู้เฒ่าที่แก่งอม อย่างกับว่าผู้เฒ่าผู้แก่ของตระกูลหนึ่งได้พาบุตรหลานของตนมาเที่ยวเล่นอย่างนั้น

โดยเฉพาะท่าทางไม่เกรงใจใครของหนิงหลง ที่เหมือนว่าก้าวเดินไปที่ใดคล้ายดั่งกำลังเดินเล่นในสวนหลังบ้าน อีกทั้งยังดูกร่างและกำแหงไม่น้อย ทำให้ผู้คนที่พบเห็นมั่นใจเกือบสิบส่วนเลยว่าบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ของสักตระกูลพาบุตรหลานของตนมาเปิดโลกเป็นแน่

สิ่งนี้ได้สร้างความอึดอัดให้กับผู้คนที่เข้าออกหอนางโลมแห่งนี้ไม่น้อย แม้ว่าท่าทีของหนิงหลงจะเหมือนดั่งเช่นอันธพาล แต่บุคคลที่ตามติดตัวเขานั้นดูรู้ได้ทันทีว่าพวกเขาต้องมีชาติกำเนิดมาจากตระกูลขุนนางสักตระกูลหนึ่ง

แม้ร่างกายจะถูกปิดทับด้วยเสื้อผ้าที่ดูธรรมดาเหมือนผู้คนทั่วไป อีกทั้งใบหน้าก็ดูดาษดื่น แต่กลับไม่สามารถปกปิดท่วงท่ากิริยาที่ดูสง่างามของพวกเขาได้เลย ทุกท่วงท่ากิริยาดูไม่เหมือนว่าเสแสร้งเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นอากัปกิริยาของคนที่ทำเป็นประจำจนติดนิสัย เป็นสามัญสำนึกที่ต่อให้ปกปิดไว้แค่ไหน ก็ต้องเผลอหลุดออกมาอยู่ดี

เป็นความจริงที่ไม่สามารถปกปิดไว้ได้ เพราะไม่ว่าเพชรจะอยู่ที่ไหนก็ยังเป็นเพชร ต่อให้อยู่ในโคลนตม มันก็ยังเป็นเพชรอยู่ดี!

ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในหอนางโลม สี่ยอดฝีมือผู้เจนจัดในโลก ราวกับกลายเป็นตัวโง่งม สำหรับฟู่หมิงหยางเวลานี้ไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ก่อนหน้านั้นเขายังพอมีความมั่นใจในชื่อเสียงคุณชายเจ้าสำราญอยู่บ้าง ทว่าว่าเวลานี้เมื่อตัวเขาได้ก้าวเข้าไปในหอนางโลม ชื่อเสียงสมัยก่อนถึงกับหมดฤทธิ์สิ้นชื่อ

ภาพที่พวกเขาได้เห็นราวกับว่านี่คือแดนเซียน มองแลซ้ายดูขวา พบเจอเทพธิดานางฟ้าร่อนเร่อยู่ทั่วทุกหนแห่ง ภายในหอล้วนแต่มีเสียงเจื้อยแจ้วเจรจาและเสียงเอะอะสนุกสนาน

แต่หนีไม่พ้นเลยคือเหล่าดรุณีงามนับสิบที่นั่งเรียงรายกันเป็นแถวยาวอยู่บนอัฒจันทร์ มองเบื้องล่างพบเห็นต้นขายาวเรียว ค่อยๆ มองไล่ขึ้นไปพบเอวคอดระหง แต่มิอาจจะหักห้ามสายตาอดไม่ได้ที่จะจ้องก้อนปทุมถันกลมกลึงขาวนวลเนียนวูบวาบ และถ้าลองสังเกตดีๆ จะพบว่าบนเสื้อผ้าที่หวาบหวิวของพวกนางติดตัวเลขประดับเอาไว้ และที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ชั้นแรกเท่านั้น

"เอาล่ะ ไปกันเถอะ วันนี้ข้าจะพาพวกท่านไปเปิดโลกทัศน์" หนิงหลงยิ้มไปตามอารมณ์ พาพวกฟู่เทียนซาเดินไปจากหน้าทางเข้า

สำหรับหญิงสาวภายในหอนางโลมและบนอัฒจันทร์ แม้จะสวมใส่เสื้อผ้าบางและน้อยชิ้น เปิดเผยเนื้อหนังมังสา ทว่าความงามกลับยังไม่เข้าตาหนิงหลง

"นี่คือสิ่งที่เจ้ากล่าวก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่? ถูกใจนางคนใดก็ใช่เงินฟาดพวกนางเสีย" ฟู่หมิงหยางมิอาจจะปิดกั้นสันดานดิบได้อีกต่อไป เวลานี้เขาเตรียมควักบัตรทองออกไปไล่ฟาดใส่เหล่าดรุณีน้อยภายในหอแล้ว

ต่อให้เขาจะหวั่นเกรงภรรยามากแค่ไหน แต่ทว่าตราบใดที่นางจับไม่ได้ไยต้องไปกลัวกันด้วยเหล่า เจ้าไม่พูด ข้าไม่พูด แล้วนางจะไปรู้ได้อย่างไร? พวกเราก็มาด้วยกันหมด ถ้าโดนจับได้ก็ฉิบหายกันทั้งวงนี่แหละ เหอะๆ

"ช้าก่อนท่านพ่อตา" หนิงหลงยกมือห้ามปรามฟู่หมิงหยางที่เตรียมจะกระโจนเข้าใส่กลุ่มดรุณีน้อย

"เจ้าหยุดข้าทำไม?" ฟู่หมิงหยางเอ่ยถามด้วยความสงสัย เวลานี้เขาได้ถูกตัณหาได้ครอบงำจิต จนไม่ทันได้สะกิดใจกับคำเรียกขานของหนิงหลง

"รอก่อน เดี๋ยวจะมีคนมาช่วยจัดการให้เราเอง" เมื่อหนิงหลงพูดจบ ได้ปรากฏหญิงวัยกลางที่มีรูปร่างอวบอิ่มดูสมส่วน อีกทั้งยังสวมชุดทะมัดทะแมง พลันเผยให้เห็นถึงรูปร่างที่ร้อนแรงยิ่งออกมา

หญิงคนนี้มีรูปร่างทรวดทรงที่เรียกว่าหุ่นระเบิดยิ่ง อกตั้งชูชันอวบอั๋นยิ่งนัก ไม่ต้องมองก็รู้ว่าเต็มไม้เต็มมือ เอวบางที่ทั้งเล็กและนุ่มนวลดั่งงูน้ำที่เลื้อยช้าๆ เรียกได้ว่าหลากหลายรูปแบบแลดูไม่รู้จักเบื่อ

"สวัสดีเจ้าค่ะคุณชาย ไม่ทราบว่าเคยมาที่นี่ไหมเจ้าคะ?" นางเอื้อนเอ่ยพร้อมส่งสายตาหยาดเยิ้มให้กับหนิงหลง ทุกท่วงท่าของนางช่างดูเย้ายวนใจ ขาที่เรียวยาว และก้นงอนที่อวบอิ่มถูกเผยมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการกุมเอาไว้ในมือย่ำยีให้เต็มที่ กระทั่งถูกทำให้รู้สึกตื่นเต้นอยากจะยกมือฟาดลงไปให้ดังเพี้ยะ

"พวกข้าพึ่งเคยมาครั้งแรก!" หนิงหลงยิ้มเฉยเมย นั่งลงบนเก้าอี้ราวกับอันธพาลเจ้าถิ่น พร้อมยื่นมือตบเข้าให้ที่ก้นงอนของหญิงสาวอย่างแรงดัง เพี้ยะ! และคว้าเอาเนื้อที่เต่งตึงของก้นงอนมาขย้ำ

หญิงสาวมิได้โวยวายอันใด เพียงแสดงท่าทีขวยเขินออกมาเล็กน้อย จานนั้นนางก็ได้นั่งลงบนตักของหนิงหลงและแอบนำมือน้อยๆ สอดเข้าไปยังหน้าอกของหนิงหลงและลูกคลำไม่หยุด ฟุบร่างลงแล้วกล่าวข้างใบหูเขาเบาๆ ว่า "คุณชาย ท่านอย่าได้เสแสร้งเลยเจ้าค่ะ หากท่านมาที่นี่เป็นครั้งแรก เช่นนั้นผู้ต่ำต้อยก็คงเป็น สาวน้อยที่ไม่ประสีประสาแล้ว"

หนิงหลงหัวเราะอยางชอบใจพลางยื่นมือคว้าไปที่อกกระเพื่อมของนางไปหลายครั้งและกล่าวว่า "เช่นนั้น ท่านก็อธิบายให้พวกเขาฟังแล้วกัน"

หญิงสาวจึงเริ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงที่เย้ายวนและกระเซ้าจากการที่ถูกนวดคลึงว่า "ซึ่งอย่างแรกเลย ให้พวกคุณชายลองเลือกบนอัฒจันทร์ดูก่อน ดูก่อนว่าถูกอกชอบใจหรือไม่ จากนั้นค่อยเลือกเด็กสาวที่อยู่ด้านล่าง นี่เป็นเพียงคำแนะนำจากผู้ต่ำต้อยนะเจ้าค่ะ เพราะเหล่าเด็กสาวที่อยู่ด้านล่างจะมีอายุน้อยกว่าบนอัฒจันทร์สองถึงสามปี อีกทั้งเรื่องประสบการณ์ก็เทียบกับบนอัฒจันทร์ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย"

"ราคาเริ่มต้นสองพันเจ็ดร้อยจากด้านซ้าย ทางด้านขวาสามพัน ส่วนคนที่อยู่ตรงกลางตรงนั้นห้าพัน ไล่ไปห้าพันห้า ห้าพันหก ห้าพันเจ็ด" หญิงสาวเอ่ยปากโบกมือชี้ไล่ราคาของอิสตรีที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ด้วยความชำนาญ "ส่วนคนที่อยู่ด้านล่างลงมาจะราคาสองพันห้า สองพันสาม สองพันสอง เพราะว่าพวกนางใกล้จะเลิกงานแล้ว"

"ถ้าเกิดว่าคุณชายต้องการตัวช่วยพิเศษไม่ว่าจะเป็นแนวแปลกๆ ยกตัวอย่างเช่น แนวซาดิสม์ ถนัดตี ถนัดตบ ลนเทียน ใช้แส้ ยัดของ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรุกหรือฝ่ายรับ พวกเรามีบุคลากรและอุปกรณ์พร้อมให้บริการครบครัน"

หญิงอธิบายตั้งแต่ต้นจนจบภายในอึดใจเดียว หนิงหลงพยักหน้าชมเชยกับบริการต้อนรับที่ยอดเยี่ยม แต่มือขวาที่ซุกซนเขาของเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว บีบเบาๆ นวดช้าๆ ที่ควรเบาก็เบา ที่ควรหนักก็หนัก ใช้เวลาไม่นานก็ทำให้นางร้อนรุ่มไปทั้งตัว

ส่วนทางด้านครอบครัวตระกูลฟู่ เวลานี้ ในหัวพวกเขาหัวขาวโพลน ประมวลผลสิ่งต่างๆ ไม่ทันแล้ว

"ข้าได้ยินแว่วหูมาว่าที่หอเซี่ยงอี้แห่งนี้มีคณิกาอันดับหนึ่งที่กำลังมาแรง ไม่เพียงงดงามดั่งนางสวรรค์ ทั้งยังมีความสามารถสะเทือนเลือนลั่น ท่านพอจะแนะนำได้หรือไม่?" หนิงหลงฉีกยิ้มกว้าง แม่นางน้อยในชั้นที่หนึ่งนี้หนิงหลงไม่แยแสแม้แต่น้อย อย่างน้อยมันต้องคณิกาอันดับหนึ่งสิ ถึงพอจะเข้าตาบ้าง

หญิงสาวเหลือบมองหนิงหลงอย่างหยาดเยิ้ม จากนั้นจึงบิดกายอยู่ในอ้อมกอดครั้งหนึ่ง กล่าวด้วยเสียงออดอ้อนว่า "คุณชายท่านนี่แย่จังเลยนะเจ้าค่ะ ท่านอยู่กับข้าเหตุใดยังคิดถึงน้องอวี้อีกล่ะเจ้าคะ ข้าไม่สน คืนนี้ข้าจะอยู่กับท่านแล้ว"

อิย๊า~ หญิงสาวร้องเสียงแหลมขึ้นมา เนื่องจากมือขวาของหนิงหลงที่คว้าหน้าอกเต่งตึงของนางเอาไว้อยู่ได้จัดการบีบเคล้นอย่างไม่ปรานีทีหนึ่ง

หนิงหลงหัวเราะเสียงดังชอบใจแล้วกล่าวว่า "พี่สาวไม่ต้องลนลานไป วันนี้มีอะไรดีๆ ให้ท่านแน่ อีกอย่างข้าก็แค่อยากชมเชยคณิกาอันดับหนึ่งก็เท่านั้น ไม่เช่นนั้นข้าก็มาเสียเที่ยวแล้ว ท่านจะมาหึงหวงอันใดกัน?"

หญิงสาวจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่รัญจวนว่า "น้องอวี้จะจัดการแสดงขึ้นที่ชั้นเจ็ดตอนยามห้าย อีกทั้งนางไม่ขายเรือนร่างเพียงแค่ขายศิลปะเท่านั้น สำหรับผู้ที่จะขึ้นไปรับชมการแสดงของนางได้นั้นต้องจ่ายคนละสิบบัตรทอง..."

"เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเงินจ่ายหรือ สำหรับข้าแล้วสิบบัตรทองมันก็แค่เศษเงินเท่านั้น ถ้าข้ากล่าวว่าเป็นผู้ที่ร่ำรวยอันดับสองในต้าเจิ้ง ก็ไม่มีใครกล้าที่จะกล่าวว่าเป็นอันดับหนึ่ง!" หนิงหลงหัวเราะเสียงดัง

การที่เขากล่าวโอ้อวดคุยโวเช่นนี้ก็ไม่ผิด เขาที่เป็นถึงฮ่องเต้ ในผืนแผ่นดินต้าเจิ้งนี้ จะยังมีใครที่สามารถมีเงินไปมากกว่าเขาได้อีกกันละ? ไม่จำเป็นต้องใช้เงินส่วนตัวของราชวงศ์ แค่เงินจากภาษีประชาชนที่เอามาพัฒนาประเทศมันก็มีเหลือจนไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไรแล้ว

หนิงหลงอุ้มร่างของหญิงสาวเดินตรงขึ้นบันไดเพื่อไปยังชั้นเจ็ด โดยมีสามพ่อลูกตระกูลฟู่และเจี่ยกงกงที่ยังเป็นมือใหม่ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไร ได้ติดสอยห้อยตามขึ้นไปด้วย