webnovel

เพราะสังคมมันบีบให้ทำ

"ภาพเช่นนี้ช่างหาดูยากนะเนี่ย! การได้มองเห็นลักษณะเช่นนี้ได้ในชาตินี้ นับว่าไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกแล้ว" ชายชราผมขาวโพลนประเภทแก่สมควรจะตายได้มองดูดวงดาราบนฟากฟ้าถึงกับเอ่ยขึ้นด้วยความทอดถอนใจออกมา

ชายชราผู้นี้สวมชุดผ้าป่านธรรมดาสามัญ และมีใบหน้าที่เรียบง่ายจริงใจ แต่กลับให้ความรู้สึกแม้ไม่ได้เคร่งขรึมแต่เปี่ยมด้วยอำนาจ เสมือนว่าเขาเป็นผู้ปราศจากผู้ต่อกร เคยปกครองเหนือชั้นฟ้าเกรียงไกรมาทุกแห่งหน

"มิใช่ว่าท้องฟ้าก็เป็นเฉกเช่นนี้ทุกเมื่อเชื่อวันหรอกหรือเจ้าค่ะ นอกจากดวงดาราและจันทราที่เด่นตระหง่านก็ไม่เห็นสิ่งใดอื่นอีก?" เด็กสาวร่างเล็กที่อยู่ข้างกายชายชรามองเงยหน้ามองดูท้องฟ้าด้วยความงุนงง

ชุดอาภรณ์สีฟ้าอ่อนที่นางสวมอยู่นั้น มีขนาดใหญ่จนหลวมเกินไปทำให้ดูขัดกับรูปร่างที่มีขนาดเล็กอ้อนแอ้นของนางไม่น้อย อีกทั้งนางยังสวมหมวกใบใหญ่ที่มีผ้าคลุมยาวสีน้ำเงินคลุมปิดทั้งใบหน้า ทว่าด้วยขนาดหมวกที่ใหญ่เกิดไป จึงได้ปิดคลุมร่างครึ่งท่อนบนของนางเอาไว้

"ฟ้าจะเปลี่ยนแล้ว จะเปลี่ยนแล้ว..." ชายชรากล่าวพลางหัวเราะอย่างสำราญใจว่า "จากนี้ต่อไปจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่นอน ผู้คนบนโลกต้องสวดอธิษฐานขอให้ตนเองโชคดีและช่วยเหลือตัวเองให้ได้ก็แล้วกัน"

แม้ว่าเด็กสาวจะไม่เข้าใจรายละเอียด แต่นางก็พอคาดการณ์ได้คร่าวๆ ว่าจะต้องมีเรื่องใหญ่ที่สะเทือนฟ้าเกิดขึ้นแน่ๆ เพราะปู่ของนางหาใช่ประเภทพวกที่พูดจาเรื่อยเปื่อยไม่มีปี่มีขลุ่ย

"ท่านปู่ พวกเรากำลังเดินทางไปที่ไหนกันเจ้าค่ะ?" เด็กสาวเอ่ยขึ้นแผ่วเบา

"พวกเราจะไปพบมังกร!" ชายชรายิ้มกล่าวขึ้นมา

"บนโลกนี้มีมังกรด้วยรึเจ้าค่ะ?" เด็กสาวถึงกับตกใจยิ่งเมื่อได้ยินคำคำนี้ และกล่าวว่า " มิใช่ว่ามันเป็นเพียงแค่ตำนานปรัมปราหรอกหรือ?"

ถ้าหากจะพูดถึงมังกรละก็ การกล่าวว่าเซียนมีอยู่จริงยังจะดูน่าเชื่อถือกว่า

ปู่ของนางก็เป็นถึงยอดฝีมือขั้นสิบสองหรือที่ผู้คนเรียกขานกันว่า 'ปรมาจารย์ยุทธ์' ตัวเขาที่อยู่ห่างเพียงแค่ขั้นเดียวในการเป็นเซียนเท่านั้น!

ชายชราที่สามารถมองเห็นขอบเพดานเหนือหัวย่อมรับรู้ได้อยู่แล้วว่า ขอแค่เขาสามารถเจาะเพดานตรงหน้านี้ไปได้ ก็สามารถกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าเซียนได้แล้ว!!!

"มีสิ!" ชายชราพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า "วันพี- เอ้ย!!! มังกรน่ะมีอยู่จริง!!!"

"มังกร..." เด็กสาวพึมพำและเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า "ถ้ามังกรมีอยู่จริงแล้ว เหตุใดถึงไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับมันเลยเจ้าค่ะ?"

"เพราะเจ้ามังกรตัวนี้มันยังสงบอยู่น่ะสิ! ถ้ามันออกอาละวาดเมื่อใด เกรงว่าแม้แต่สวรรค์ยังร่ำไห้ขอความกรุณา" ชายชราส่ายหัวยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

"แม้แต่สวรรค์ยังร่ำไห้เลยนะเนี่ย" สีหน้าของเด็กสาวพลันเปลี่ยนไปหลังจากที่ได้ยิน

ชายชราหัวเราะและกล่าวว่า "ดูเหมือนว่าต่อจากนี้ไปจะมีเรื่องราวให้ครึกครื้น นับว่าข้ามีวาสนาไม่น้อยที่ได้เกิดมาในชาตินี้"

สิ้นเสียงชายชราลง สองปู่หลานก็ค่อยๆ ย่างเท้าก้าวออกเดินไปตามทางบนท้องถนนอย่างมั่นคง ไม่ช้าไม่เร็วเกินไป การเดินทางของพวกเขาไม่ได้ดูสะเปะสะปะไร้จุดหมายแต่อย่างใด พวกเขาทั้งคู่นั้นต่างมีปลายทางที่ชัดเจนอยู่ในใจแล้ว

...

กลับมาทางด้านหนิงหลงที่ยังคงเหม่อมองท้องฟ้าไม่สนใจสิ่งใด ทำให้อวี้หรูเหยียนรู้สึกตะลึงนิดหนึ่ง แต่ว่าพริบตาเดียวนี้เองนางก็มองออกถึงเบาะแสอะไรบางอย่าง เนื่องจากเวลานี้นางดูออกว่าหนิงหลงไม่ได้วางมาด แต่เป็นเพราะเขาไม่ทันได้สังเกตถึงการมาของนางเลยต่างหาก สายตาของเขาดูเลื่อนลอย แต่บนนัยน์ตาสีดำนิลกลับสะท้อนภาพดวงดาราบนฟากฟ้า

พลันทำให้อวี้หรูเหยียนเองบังเกิดความแปลกใจ สายตาของนางย้ายไปอยู่บนท้องฟ้านั่นเช่นกัน นางเองก็จ้องมองดูดวงดาราบนท้องฟ้า และคาดหวังจะสามารถมองเห็นเบาะแสอะไรบางอย่าง

ในเวลานี้ หนิงหลงที่นั่งจมดิ่งไปกับเพลงโดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง ในขณะที่อีกทางด้านหนึ่งอวี้หรูเหยียนที่ได้แต่ยืนมองท้องฟ้าอยู่ด้านข้างเงียบๆ พลันทำให้บรรยากาศทั้งหมดดูเงียบสงบ

บรรดาผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้ากันและกัน เหตุการณ์โดยรวมดูประหลาดมาก พ่อลูกตระกูลฟู่และเจี่ยกงกงที่นั่งร่วมโต๊ะต่างมองหน้ากันและกัน ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร จึงพากันแหงนหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าและจับจ้องดวงดาราอย่างจริงจัง เผื่อว่าพวกเขาจะมองเห็นถึงบางสิ่งบางอย่างที่ซ่อนอยู่

ในขณะนี้ ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นใด ไม่รู้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์และบรรยากาศเช่นนี้อย่างไร สุดท้ายผู้คนบนชั้นเจ็ดก็ต่างพากันมองท้องฟ้ากันหมดไปโดยปริยาย

ถ้าเป็นผู้คนจากศตวรรษที่ 21 มาเห็นหนิงหลงที่นั่งสวมหูฟังบลูทูธแล้ว การที่หนิงหลงนั่งเหม่อมองท้องฟ้าไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกอันใด

ทว่าสำหรับผู้คนบนโลกนี้ต่างไม่รู้จักอุปกรณ์ที่เรียกว่าแอร์พอร์ต จึงทำให้ทุกคนต่างพากันเข้าใจผิดกันไปใหญ่ว่าการที่หนิงหลงไม่สนใจอวี้หรูเหยียน เอาแต่นั่งเก๊กท่ามองท้องฟ้าเหมือนกำลังไขความลับบางสิ่ง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว หนิงหลงเพียงแค่นั่งฟังเพลงเฉยๆ

ท่ามกลางบรรยากาศที่แปลกประหลาดนี้เอง กลุ่มแฟนคลับเดนตายได้ส่งสัญญาณด้วยสายตาให้กัน

พวกเขาต่างพลันเข้าใจความหมายที่จะสื่อ ทันใดนั้นหนึ่งในตัวแทนแฟนคลับเดนตายจึงเปิดประเด็น ร้องตวาดเสียงดังต่อหนิงหลงว่า "ไอ้เด็กบัดซบ! บิดามารดามิได้สั่งสอนให้รู้จักถึงมารยาทรึ? นับว่าเป็นบุญวาสนาแค่ไหนแล้วที่ท่านเทพธิดาอวี้เอ่ยปากสนทนาด้วย"

การออกหน้าของแฟนคลับอย่างกะทันหันในนาทีนี้ พลันทำลายบรรยากาศที่ชะงักงันลง สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ตัวแทนแฟนคลับคนนี้ทันที

อวี้หรูเหยียนเองก็ละสายตาจากการจ้องมองไปบนท้องฟ้า เมื่อหนึ่งในแฟนคลับของนางก้าวออกมาส่งเสียงดังเช่นนี้ นางขมวดคิ้วทีหนึ่ง กำลังจะปริปาก แต่ฉับพลันนั้นนางกลับได้ยินเสียงกระซิบรับการชี้แนะขึ้นที่ข้างหู จึงได้แต่นิ่งเงียบเอาไว้

เวลานี้ ตัวแทนแฟนคลับที่ถูกอวี้หรูเหยียนหันมาจ้องมองทีหนึ่ง พลันทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมตื่นเต้นดีใจขึ้นมา จนลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง นาทีนี้เขาคิดเพียงแต่ว่าจะต้องแสดงออกให้ดี เพื่อเป็นความทรงจำให้กับเทพธิดาของตน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้อวี้หรูเหยียนไม่เอ่ยคำใดๆ ออกมา ทำให้เข้าใจผิด คิดว่าการกระทำเช่นนี้ของเขาได้รับความเห็นชอบจากนางแล้ว!

"ข้าหมัดคุณธรรม 'หลี่ไต้' ไม่เคยฆ่าคนจากด้านหลัง!" เมื่อได้ยินเสียงเฮจากผู้คนรอบข้าง หลี่ไต้ดูจะใจกล้ามากขึ้นกว่าเดิม ส่งเสียงดังออกมาว่า "เวลานี้ ข้าให้โอกาส! ลุกขึ้นมารับการชี้แนะจากข้า! นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้า"

"หมัดคุณธรรมหลี่ไต้!" บรรดาแขกเหรื่อภายในงานทั้งหมดเมื่อได้ยินชื่อแล้วถึงกับตกใจ

แม้ว่าชื่อของหมัดคุณธรรมหลี่ไต้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่สะเทือนขวัญ แต่ก็เป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง และตัวหลี่ไต้นั้นยังหนุ่มแน่นมาก พลังแฝงยังคงปราศจากขีดจำกัด แม้ว่าเขาจะพึ่งเข้าสู่ยุทธภพได้ไม่นานนัก ก็สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองได้แล้ว

หนิงหลงที่กำลังนั่งฟังเพลงอยู่เริ่มรู้สึกรำคาญจึงค่อยๆ หันหัวกลับมา ในเวลานี้เองเขาจึงได้มองดูอวี้หรูเหยียนทีหนึ่ง จากนั้น ถอดหูฟังออก สุดท้ายจึงได้มองไปที่หลี่ไต้ ยิ้มกล่าวว่า "หมัดคุณธรรมหลี่ไต้?"

"ถูกต้อง!" ท่าทีของหลี่ไต้เวลานี้ดูฮึกเหิมและลำพองใจ กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า "เวลานี้หากเจ้าคุกเข่าลงโขกศีรษะยอมรับผิดต่อเทพธิดาอวี้ยังทัน มิฉะนั้นละก็ข้าจะหักขาเจ้าบังคับให้โขกคำนับเอง!"

ภายในใจของหลี่ไต้เวลานี้ตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก วันนี้เขาได้กู้หน้าให้กับอวี้หรูเหยียนมาได้ ซึ่งจะต้องสร้างรอยประทับใจลึกๆ ในใจของนางแน่นอน

"หมัดมโนละสิไม่ว่า" หนิงหลงถึงกับหัวเราะขึ้นมาและกล่าวว่า "เอาสิ! วันนี้ข้าจะลดตัวลงมาตบเด็กกะแบ้ให้มันหายละเมอแล้วกัน"

"ตาย!" เวลานี้ หลี่ไต้ร้องเสียงดัง พร้อมปลดปล่อยลมปราณออกมา คลื่นพลังลมปราณแผ่กระจายออกไปทั่วทั้งชั้นเจ็ด

หลี่ไต้ไม่เก็บงำพลังเอาไว้เลย ปล่อยให้พลังลมปราณทั้งหมดแผ่กระจายออกมาอย่างรุนแรง เหมือนคลื่นยักษ์ที่ถาโถม ทำให้สั่นไหวไปทั่วทั้งชั้น ผู้คนจำนวนมากที่อยู่บนชั้นเจ็ดเสมือนดั่งเป็นเรือน้อยท่ามกลางคลื่นที่โหมกระหน่ำ

ตูม!!!

ขณะที่หลี่ไต้กำลังอวดเบ่งพลังอยู่นั้น ฉับพลันนั้นร่างของเขาก็ถูกกดทับลงอย่างแรงจนทำให้พื้นทะลุดิ่งลงจากชั้นเจ็ดไปยังชั้นหนึ่งทันที เสมือนหนึ่งมีภูเขาเป็นร้อยเป็นพันลูกที่กดทับลงบนตัวของเขา

ภาพนี้นับว่าสร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนเหลือเกิน นับแต่ต้นจนจบหนิงหลงไม่ได้ขยับแม้แต่นิ้วมือ เขายังคงนั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ แต่กลับเอาชนะหลี่ไต้ได้ในฉับพลันทันที

แม้แต่อวี้หรูเหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกตกใจยิ่งนัก นางก็เป็นถึงระดับยอดฝีมือคนหนึ่งเช่นกัน อีกทั้งตัวนางยังอยู่ใกล้กับหนิงหลงเพียงแค่ปลายจมูก แต่กลับมองไม่ออกว่าหนิงหลงนั้นได้ลงมืออย่างไร การที่สามารถเอาชนะหลี่ไต้ได้ในพริบตาเดียวนั้น เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ

เวลานี้ เลือดสดๆ ของหลี่ไต้ไหลนองพื้นจนแดงฉาน พริบตาเดียวนี้เอง หลี่ไต้รู้สึกได้ว่าความตายเข้ามาใกล้ตนเองมากเหลือเกิน

ระหว่างความเป็นความตายของหลี่ไต้ ก็ได้มีโฉมสะคราญผู้หนึ่งโผล่ขึ้นมาตรงหน้าหลี่ไต้ นางปรากฏตัวพร้อมกับงูขาวขนาดยักษ์ราวกับอนาคอนด้า

ในจังหวะที่นางกำลังจะลงมือเข้าช่วยเหลือหลี่ไต้นั้น เจี่ยกงกงเพียงจ้องมองเฉยเมยไปที่นางแวบหนึ่ง

ด้วยสายตาที่จ้องมองเฉยเมยเช่นนี้เอง พลันทำให้จิตใจของโฉมสะคราญและงูขาวข้างกายนางสั่นเทาทีหนึ่ง สายตาที่เฉยเมยเช่นนี้แทนสิ่งสูงสุด เป็นสายตาที่แทนการตัดสินที่เด็ดขาด!

โฉมสะคราญนางนี้เป็นยอดฝีมือระดับเก้า และเคยพบเจอกับผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรโดยแท้จริงมาแล้ว เมื่อนางเห็นสายตาเช่นนี้ นางจึงรับรู้ได้ทันทีว่ามันบ่งบอกถึงสิ่งใด เสมือนหนึ่งร่างของนางได้ตกลงไปอยู่ในธารน้ำแข็งจนปะทุเป็นไอเย็นออกมาทั้งร่าง สายตาลักษณะเช่นนี้มีเพียงผู้ดำรงอยู่ในฐานะสูงสุดเฉกเช่นระดับปรมาจารย์ยุทธ์เท่านั้นที่จะมีได้

โผละ!

ทันใดนั้น ร่างของหลี่ไต้ถูกระเบิดออกกลายเป็นละอองเลือดในทันที ไม่มีโอกาสแม้แต่จะขัดขืน!

"เอ้า! ตายละอ่อ?" หนิงหลงเพียงยิ้มออกมานิดหนึ่งเท่านั้น