webnovel

อาจารย์เคมีถามอะไรคือตัวทำละลาย ข้าตอบว่ารอยยิ้มของเจ้า

"เจียงไท่กงมาเยือน ขออภัยที่ไม่ได้ให้การต้อนรับอย่างเหมาะสม" เย่ฉุ่ยเหยาและฟู่เยว่เทียนเดินขึ้นมาขนาบปิดข้างซ้ายขวาของหนิงหลง เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

กลุ่มบรรพบุรุษเฒ่าของนิกายมารต่างทยอยกันลุกขึ้นยืน จักรพรรดิมารจี้เทียนได้ยกเก้าอี้ด้วยตนเอง และเชื้อเชิญชายชราให้นั่งลง

บรรดาเหล่าบรรพบุรุษนิกายมารทั้งเจ็ดสิบสองคนล้วนแต่เป็นยอดฝีมือครึ่งก้าวปรมาจารย์ยุทธ์ทั้งสิ้น และเป็นเสาหลักของนิกาย เป็นพลังที่แข็งแกร่งมากที่สุดของนิกายมาร เฉกเช่นจักรพรรดิมารจี้เทียนที่มีระดับอาวุโสที่สูงมาก อีกทั้งทักษะของเขาในระดับเดียวกันสูงจนสุดจะหยั่งถึงแล้ว

ทว่าเวลานี้ จักรพรรดิมารจี้เทียนเมื่ออยู่ต่อหน้าชายชราผู้นี้แล้วก็เสมือนดั่งเป็นผู้เยาว์คนหนึ่ง ท่าทีให้ความเคารพอย่างยิ่ง ย่อมจินตนาการได้ว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้ามีฐานะที่น่ากลัวเช่นใดแล้ว

"เจียงไท่กง!" ครั้นได้ยินชื่อที่เรียกขานซึ่งคุ้นเคยจนไม่รู้จะคุ้นเคยอย่างไรแล้ว สมาชิกนิกายมารจำนวนมากที่อยู่โดยรอบถึงกับสะดุ้ง พวกเขาต่างอดที่จะมองตากันและกัน สมาชิกทั้งหมดตั้งแต่ระดับสูงสุดไปต่ำสุดที่ยืนเฝ้าระวังต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ

"เป็นเจียงนิรันดร์" กระทั่งมีอาวุโสระดับสูงคนหนึ่งของนิกายมารถึงกับพึมพำออกมาด้วยท่าทีเหม่อลอย

เจียงนิรันดร์! ในทวีปนิรันดร์มีคนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับการยกย่องเป็นนิรันดร์เช่นนี้ เจียงนิรันดร์หรือเจียงไท่กงก็คือระดับปรมาจารย์ยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และเป็นผู้ที่เข้าใกล้ระดับที่เรียกว่า 'เซียน' มากที่สุด

ว่ากันว่าเจียงไท่กง อยู่มาตั้งแต่สมัยพระเจ้าหวงตี้หรือปฐมบรรพบุรุษของชาวหัวเซี่ย แต่วีรกรรมที่เด่นชัดจนเป็นที่ประจักษ์ไปกันทั่วหล้านั้นปรากฏขึ้นสมัยยุคของราชวงศ์โจว

เจียงไท่กงมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่ ยุคบุกเบิกแผ่นดินคือราชวงศ์เซี่ย ชาง โจว ฉิน จนมาถึงราชวงศ์อู๋เหนือ-เจิ้งใต้ ณ ยุคปัจจุบัน ลองนึกภาพดู ด้านประสบการณ์ความรู้และการบำเพ็ญเพียร ยังจะมีใครสามารถก้าวล้ำเจียงไท่กง ท่ามกลางทวีปนิรันดร์จะมีใครที่มีผลงานด้านการบำเพ็ญเพียรและภูมิปัญญาล้ำหน้าเจียงไท่กงได้เล่า

แต่ใช่ว่าเจียงไท่กงนั้นมีความแข็งแกร่งถึงขั้นระเบิดภูเขาแหวกมหาสมุทร ปิดท้องนภาพลิกปฐพี ต่อให้เขาเป็นถึงระดับครึ่งก้าวแดนเซียน ความจริงหากจะพูดถึงเรื่องของทักษะยุทธ์แล้ว เขาเทียบไม่ได้กับเจี่ยกงกงด้วยซ้ำ กระทั่งเทียบไม่ได้กับกลุ่มอัจฉริยะระดับปีศาจเฉกเช่น เย่ฉุ่ยเหยา ฟู่เยว่เทียน และหรือต้วนมู่

แต่เรื่องนี้ไม่เป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จด้านการบำเพ็ญเพียรและวิชาองค์ความรู้ ใช่ว่าเพราะทักษะยุทธ์ของเจียงไท่กงไม่แข็งแกร่งพอจะไม่สามารถทำให้ผู้คนเคารพนับถือ

กล่าวได้ว่า ในทวีปนิรันดร์นี้ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะที่หยิ่งยโสเพียงใด เป็นปรมาจารย์ยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมปานใด เมื่อพูดถึงเจียงไท่กงแล้ว ก็ต้องให้การยกย่องคำหนึ่งว่า "เจียงนิรันดร์!"

"ของขวัญมูลค่าต่ำแต่มากด้วยน้ำใจ หวังว่าสหายน้อยจะไม่ถือสา" เจียงไท่กงตอบกลับสบายตามอารมณ์ยิ่ง และหยิบเอากล่องไม้กล่องหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อตามอารมณ์ กล่องไม้กล่องนี้ดูงดงามมีรสนิยมตามแบบฉบับโบราณ เหมือนว่ามันผ่านห้วงกาลเวลาถูกสืบทอดกันมาตั้งแต่ยุคสมัยที่ยาวไกลมากอย่างนั้น

เจียงไท่กงไม่ได้เปิดกล่องไม้ใบนี้ออกมา จึงไม่มีใครรู้ว่าภายในกล่องไม้ใบนี้ได้บรรจุสิ่งใดเอาไว้ แต่ว่า อาศัยดูจากฐานะของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจียงนิรันดร์แล้ว สามารถจินตนาการได้ว่า สิ่งที่บรรจุอยู่ภายในกล่องไม้ใบนี้ต้องเป็นของวิเศษที่สุดยอดเลือนลั่นปฐพีอย่างแน่นอน

ทุกคนต่างก็อยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่บรรจุอยู่ภายในกล่องไม้นั่น แต่ก็ไม่มีผู้ใดในที่นี้กล้าที่จะแย่งกล่องไม้ที่อยู่ในมือของตัวตนระดับครึ่งก้าวสู่แดนเซียน ทำให้ทุกคนก็จนด้วยเกล้า

หนิงหลงยกมือขึ้นรับกล่องไม้มาจากเจียงไท่กงช้าๆ ยื่นมือพลิกเปิดฝากล่องออก ท่วงถ้าแลดูเป็นธรรมชาติอย่างที่ควรจะเป็น

ขณะที่สิ่งที่อยู่ข้างในยังไม่ทันได้ปรากฏออกมานั้น นาทีนี้ภายในกล่องพลันมีเสียงเสนาะดุจท่วงทำนองเซียนดังขึ้นเป็นระลอก เหมือนเป็นการประสานขับขานจากสัจธรรมนับไม่ถ้วนอย่างนั้น เหมือนว่าเสียงสัจธรรมแต่ละเสียงก็จะให้กำเนิดหนึ่งสุดยอดสัจธรรมสูงสุดอย่างนั้น

'เปิดระบบการยืนยันตัวตน Two-Factor Authentication...'

'ทำการตรวจสอบ DNA ผู้ใช้...'

'ยืนยันตัวตนเสร็จสิ้น...'

'หนิงหลง อายุสิบเจ็ดปี ทายาทตระกูลหนิงรุ่นที่สิบ...'

'คุณสมบัติครบถ้วนตรงเงื่อนไขที่ระบุไว้ข้างตรง...'

'ระบบป้องกันตัวเองถูกระงับชั่วคราว...'

ทันทีที่เสียงสัจธรรมสิ้นสุดลงหนิงหลงยื่นมือเข้าไปในกล่องไม้ พลันปรากฏประกายที่ไม่มีสิ้นสุดพวยพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง เสมือนดั่งอาณาจักรที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นภายในกล่องไม้เล็กๆ เช่นนี้อย่างนั้น

หลังจากผ่านไปในชั่วอึดใจ มือของหนิงหลงได้หดกลับมาจากภายในกล่อง พร้อมกับในมือของเขาได้กำสุดยอดคัมภีร์สูงสุดเล่มหนึ่งในเวลานี้

สุดยอดคัมภีร์สูงสุดเล่มนี้ส่งประกายที่วูบวาบออกมามากมาย เหมือนว่าตัวคัมภีร์เล่มนี้เองก็คือโลกๆ หนึ่ง

สุดยอดคัมภีร์สูงสุดเล่มนี้ได้ส่งประกายวูบวาบจนผู้คนไม่สามารถจ้องมองมันตรงๆ แต่ว่าหากผู้นั้นมีความแข็งแกร่งมากพอ และสามารถจ้องมองตรงไปยังสุดยอดคัมภีร์สูงสุดเล่มนี้ จะสามารถมองเห็นตัวหนังสือที่เขียนอยู่บนหน้าปกสุดยอดคัมภีร์สูงสุดเล่มนี้

แต่ทว่า ตัวหนังสือนี้มีความดึกดำบรรพ์อย่างยิ่ง หาใช่ตัวหนังสือของโลกนี้อย่างแน่นอน กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่าไม่ใช่ของประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือตัวหนังสือของยุคใดยุคหนึ่ง

ตัวหนังสือนี้ดึกดำบรรพ์เหลือเกิน เจียงไท่กงผู้ที่มีความรู้ที่กว้างขวางก็ไม่สามารถรู้จักตัวหนังสือนี้

'เวกเตอร์-สเกลาร์' ทันทีที่หนิงหลงมองเห็นชื่อบนปกของสุดยอดคัมภีร์สูงสุดเล่มนี้ถูกเขียนด้วยภาษาไทย หนิงหลงถึงกลับกลายเป็นตัวโง่งม เขาอดไม่ได้ที่จะสบถด่าโคตรบรรพชนท่านในใจเล็กน้อย

"คัมภีร์วิถีเซียน!" ขณะที่เจียงไท่กงมองเห็นสุดยอดคัมภีร์สูงสุดเล่มนี้ พลันบังเกิดความคิดขึ้นภายในใจ นึกถึงตำนานที่เก่าแก่ดึกดำบรรพ์ยิ่ง

ทวีปนิรันดร์เคยปรากฏคัมภีร์ที่มีตัวหนังสือลักษณะเช่นนี้ ไม่มีใครรู้ว่าคัมภีร์วิถีเซียนนี้มาจากที่ใด และคัมภีร์วิถีเซียนที่ปรากฏขึ้นในทวีปนิรันดร์ไม่ได้มีเพียงเล่มเดียวเท่านั้น กระทั่งมีอยู่ถึงหลายเล่ม

แต่ว่า จากกาลเวลาที่ผ่านไป คัมภีร์วิถีเซียนแต่ละเล่มที่เคยปรากฏในทวีปนิรันดร์ล้วนแล้วแต่หายไปสิ้น ไม่มีใครรู้ว่าคัมภีร์วิถีเซียนเหล่านี้ได้สืบทอดต่อไปที่ใดกันแน่

เจียงไท่กงเองก็ไม่ทราบเลยแม้แต่น้อยว่าตนได้พกสุดยอดคัมภีร์สูงสุดเล่มนี้ติดตัวเอาไว้แนบกายไม่เคยห่าง

อาจเป็นเพราะกล่องไม้โบราณกล่องนี้มีระบบป้องกันที่แน่นหนายิ่งเหลือเกิน แม้ว่าเจียงไท่กงจะเป็นถึงระดับปรมาจารย์ยุทธ์ก็ยังไม่สามารถเปิดหรือทำลายกล่องไม้โบราณนี้ลงได้ พูดให้ถูกคือ เขาไม่สามารถที่จะสร้างความเสียหายได้แม้กระทั่งรอยขีดข่วนเสียด้วยซ้ำ การจะเปิดกล่องไม้โบราณนี้ต้องได้รับการยืนยันตัวผ่านสายเลือดของตระกูลหนิงเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้เอง เลยทำให้ผู้คนคิดว่า บนโลกไม่เคยมีคัมภีร์วิถีเซียนอะไรอยู่แล้ว คัมภีร์วิถีเซียนที่ว่าเป็นเพียงเรื่องที่เหล่าบรรพชนรุ่นใหญ่รุ่นโต๋ปั้นขึ้นมาเท่านั้นเอง

ในทวีปนิรันดร์คัมภีร์วิถีเซียนเป็นเพียงตำนานตลอดมา เป็นตำนานที่เลื่อนลอยอย่างยิ่ง แต่ว่า ยามที่คนผู้หนึ่งแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็จะมีอาการกระหายในพลังอำนาจยิ่งขึ้น จนทำให้เวลาฝึกบำเพ็ญเพียรมีอาการเพ้อเจ้อ เนื่องจากเสพลมปราณมากเกินไปจนเกิดอาการประสาทหลอน หรือที่เรียกกันฮิตบ้านฮิตเมืองว่า 'ธาตุไฟเข้าแทรก'

เนื่องจากก้าวมาถึงระดับนี้แล้ว หากมีคัมภีร์วิถีเซียนเมื่อไรล่ะก็ จะส่งผลให้พวกเขามีโอกาสทำลายพันธนาการหลุดพ้นสัจธรรม บรรลุมรรคาพุ่งทะยานกลายเป็นเซียนได้

ด้วยเหตุนี้เองนับแต่อดีตกาลของทวีปนิรันดร์เป็นต้นมา จึงมียอดฝีมือจำนวนมากที่ติดคอขวดได้เคยไปค้นหาคัมภีร์วิถีเซียนมาก่อน แต่ว่า ผู้ที่ได้ผลในเรื่องนี้อย่างแท้จริงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

ในอดีตเองก็เคยมียอดฝีมือระดับปรมาจารย์ยุทธ์ 'จักรพรรดิพิษประจิม' ผู้เคยกวาดล้างไปทั่วยุทธภพด้วยวิถีโอสถที่ก้าวล้ำไปไกลโข สาเหตุมาจากเพราะจักรพรรดิพิษประจิมผู้นี้ได้พบเจอหนึ่งในคัมภีร์วิถีเซียน 'กรด-เบส' โดยบังเอิญ

แม้ว่าจักรพรรดิพิษประจิมจะอ่านภาษาไทยและสูตรทางเคมีไม่ออก แต่ด้วยพื้นฐานจากการเป็นนักปรุงยาที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ด้านโอสถ จึงพอจะทำความเข้าใจผ่านภาพประกอบในหนังสือและสามารถถอดสูตรเคมีแบบงูๆ ปลาๆ แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เขาได้เปิดโลกทัศน์ใหม่และสามารถบรรลุสัจธรรมได้

น่าเสียดายที่จักรพรรดิพิษประจิมผู้นี้ เมื่อเขายิ่งได้ศึกษาลึกซึ้งลงไปมากเท่าไหร่ ก็ผุดเกิดแต่คำถามที่ซึ่งหาคำตอบไม่ได้ขึ้นมา จะมองหาผู้ช่วยชี้แนะสั่งสอนก็ไม่พบพาน สุดท้ายศึกษาเรียนรู้หนักมากเกินไปจนเป็นโรคประสาทกลายเป็นบ้าเสียสติธาตุไฟแตกซ่านดับคาที่ ทำให้ปิดตำนานปรมาจารย์ยุทธ์แห่งยุคไปอีกหนึ่งท่าน

ถ้าเกิดว่าจักรพรรดิพิษประจิมได้ร่ำเรียนวิทยาศาสตร์พื้นฐานและเข้าใจตารางธาตุมาก่อน เขาอาจจะไม่ตกตายอนาถเช่นนี้ก็เป็นได้ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย แม้กระทั่งเหล่าลูกเทวดาเยาวชนอนาคตของชาติในโลกเดิมของหนิงหลง ถึงจะมีการเรียนรู้ได้ปูพื้นฐานกันมาก่อนแล้ว แต่พอได้มาเรียนวิชาเคมีจริงๆ เยาวชนอนาคตของชาติมากกว่าแปดสิบส่วนยังเกิดอาการปวดหัวไมเกรนเครียดกันจนเกือบตาย นับประสาอะไรกับจักรพรรดิพิษประจิม...