webnovel

ฝันกลางวัน

สายพิรุณพัดโชยมาเฉื่อยฉิว หนิงหลงนั่งอยู่ในศาลาน้อยริมสระน้ำ เพลิดเพลินไปกับความงามของหญิงสาวเบื้องหน้า ต่อให้เขาจ้องมองทั้งวันก็ไม่รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย

หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านั้นเสมือนหนึ่งเป็นร่างเดียวกันกับฟ้าดิน ท่าทางดูอิสรเสรีและเป็นธรรมชาติ

รูปโฉมของนางงดงามมากเหลือเกิน ต่งซานซานเจ้าเมืองสมุทรสยบบูรพาที่นับว่าสวยหยาดเยิ้ม ที่เรียกว่าล้มเมืองได้แล้ว

แต่ว่า เมื่อเปรียบเทียบกับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าแล้ว เหมือนนางนั้นขาดอะไรไปบางอย่าง

ความงดงามของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า อยู่ระดับเดียวกับเย่ฉุ่ยเหยา พวกนางไม่ได้งดงามที่ตรงรูปโฉม แต่เป็นคุณสมบัติเฉพาะตัว พวกนางทั้งคู่ให้ความรู้สึกถึงความเป็นเซียน พลันที่เห็นพวกนางก็คือเซียน ไม่ใช่แค่เหมือน

หากกล่าวว่าต่งซานซานเหมือนอยู่เหนือมนุษย์ปุถุชนธรรมดา คล้ายดั่งเซียน นั่นแค่คล้ายเท่านั้นเอง

นางนั่งอยู่ตรงข้ามกับหนิงหลงเงียบๆ ทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวล้วนแล้วแต่ไปในทิศทางเดียวกับจังหวะฟ้าดิน ซึ่งสิ่งนี้หาใช่นางสอดรับกับจังหวะฟ้าดิน แต่เป็นฟ้าดินที่เคลื่อนไปตามความเคลื่อนไหวของนาง เป็นนางที่นำพาจังหวะทั่วฟ้าดิน หาใช่นางที่ต้องสอดรับกับจังหวะฟ้าดิน

ผู้หญิงลักษณะเช่นนี้คือนางฟ้าที่ลงมายังโลกมนุษย์มองไม่รู้จักเบื่อ ขอเพียงได้จ้องมองดูทีหนึ่ง เกรงว่าคงยากที่จะลืมเลือนไปชั่วชีวิต นางสามารถฝากภาพความทรงจำที่ไม่สามารถลบเลือนได้ ช่างงดงามเหลือเกิน...

เวลานี้ ที่ศาลาตรงนี้มีเพียงแค่หนิงหลงกับผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ตรงหน้า กระทั่งกล่าวได้ว่าใต้ฟ้าดินแห่งนี้มีเพียงพวกเขาสองคนอย่างนั้น ที่นี่เสมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

"ความรู้สึกที่ได้เป็นฮ่องเต้เป็นเช่นใด?" ขณะที่หนิงหลงกำลังจ้องมองนางด้วยสายตาที่กำเริบเสิบสานอยู่นั้น หญิงสาวตรงหน้าได้ปริปากพูดขึ้นมา

น้ำเสียงของนางนั้นดูเป็นคนมีความคล่องแคล่วว่องไวและยากจะเดาใจได้ เปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติประจำตัวที่งดงามและฉลาดเฉลียว เสมือนดั่งนางได้หลุดพ้นจากโลกมนุษย์ไปแล้วอย่างนั้น

"ชีวิตโคตรสนุก ชีวิตโคตรมัน" หนิงหลงหัวเราะและกว่าว่า "มีคำพูดหนึ่งเขาว่าอะไรนะ? ข้านึกขึ้นมาได้แล้ว กลายเป็นดั่งเทพเจ้าในชั่วพริบตา!"

"ตำแหน่งองค์จักรพรรดิเชียวนะ! ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนมากมายเท่าใดกันที่ปรารถนาจะดำรงตำแหน่งเช่นนี้" หญิงสาวหัวเราะทีหนึ่งสวยหยาดเยิ้มไปหมื่นชาติ

รอยยิ้มของหญิงสาวตรงหน้า เหมือนว่าโฉมตรูอันดับหนึ่งไม่รู้จำนวนเท่าไรที่ต้องสลดและอับแสง

"นี่แหละคือความฝันของชนชั้นรากหญ้า นับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา ผู้คนจำนวนเท่าไรที่คิดจะเป็นเศรษฐีภายในชั่วข้ามคืน เมื่อไล่เรียงถึงสาเหตุแล้ว นี่แหละคือจิตใจมนุษย์ที่อยากจะได้มาโดยไม่ต้องลงแรง! ดังนั้น เมื่อเจ้าได้มันมาโดยไม่ต้องลงแรง กับการได้มาด้วยความทุ่มเทพยายามนั้น ความรู้สึกแบบไหนยิ่งจะทำให้เจ้าบันเทิง? แน่นอนที่สุดย่อมเป็นการได้มาโดยไม่ต้องลงแรงที่ทำให้เจ้ารู้สึกว่าชีวิตแม่งโคตรบันเทิงเลย มิฉะนั้น เหตุใดจึงมีผู้คนจำนวนมากที่ค้นหาสุดยอดเคล็ดวิชาที่เพียงแค่นั่งหายใจโง่ๆ ก็สามารถทำให้เจ้ามีพลังวัตรเพิ่มขึ้นอย่างมากมายในชั่วข้ามคืน..."

ครั้งที่หนิงหลงได้เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วเอนกายนอนราบบนพื้นศาลา ศีรษะหนุนตักสาวงามหลับตาลงกล่าวเอ้อระเหยขึ้นมาว่า "ทันใดนั้น สวรรค์ได้อาศัยโชคดีมหันต์เล่มหนึ่งตีข้าจนสลบ ต่อด้วยการสั่งให้พี่ชายข้าฟาดตำแหน่งฮ่องเต้เข้าใส่ ความรู้สึกที่ได้มาโดยไม่ต้องลงแรงเลย เหมือนขนมเปี๊ยะที่ร่วงลงมาจากท้องฟ้า ช่างสบายเหลือเกิน..."

หนิงหลงเอ่ยเจื้อยแจ้วอีกทั้งยังลอบฉวยโอกาสนอนหนุนตักสาวงาม แต่นางกลับนั่งฟังอย่างออกรสไม่สนใจท่าทีหยาบคายของหนิงหลงเลยแม้แต่น้อย

"คนอย่างท่านน่าสนใจมาก" หญิงสาวเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา

"บนโลกนี้มีเรื่องราวมากมายที่ทำให้ผู้คนคาดไม่ถึง ชีวิตหนึ่งก็เป็นแค่บทเหมือนในละคร ขณะที่หายที่หายใจคือการดำเนินในแต่ละตอน" หนิงหลงหัวเราะเบาๆ และกล่าวต่อว่า "อีกอย่าง ชีวิตคนเรามันสั้น สนุกก่อนแล้วค่อยว่ากัน สำหรับเรื่องอื่นๆ น่ะ ไยจะต้องไปใส่ใจมันมากเกินไป"

"สนุกให้เต็มที่ไม่เสียโอกาส" ใบหน้าหญิงสาวแฝงด้วยรอยยิ้ม เหมือนเทพธิดาที่จุติบนโลกมนุษย์ เป็นที่หลงใหลยิ่งของผู้คน นางอมยิ้มจ้องมองใบหน้าหนิงหลงอย่างลึกซึ้ง และกล่าวว่า "ท่านคือผู้ที่สนุกให้เต็มที่ไม่เสียโอกาสอย่างนั้นรึ?"

"อย่างน้อยที่สุดตอนนี่นะใช่" หนิงหลงเอื้อมมือไปบีบแก้มนางบางเบาด้วยท่าทีทะนุถนอม กล่าวอย่างเอ้อระเหยว่า "ก็บอกแล้วว่า ชีวิตคนเหมือนละครฉากหนึ่ง ใครกันแน่ที่กำลังแสดงละครอยู่เล่า? แล้วก็แสดงให้ใครดู? ไม่แน่นัก เจ้ากับข้าก็แค่ผู้ชมที่เดินผ่านเท่านั้น นักแสดงเหล่านั้นยังไม่ขึ้นเวทีกันเลย..."

"ถ้าเช่นนั้น ท่านคิดว่าใครกันนะที่เป็นผู้แสดง?" หญิงสาวเหมือนได้รับผลกระทบจากความเกียจคร้านของหนิงหลงไม่รู้ตัว ยืดขาเรียวยาวออกเต็มที่ท่าทีเอ้อระเหยเช่นนั้น บิดขี้เกียจทีหนึ่ง ท่ามกลางความเหนื่อยหน่ายแฝงไว้ซึ่งบุคลิกลักษณะที่ทำให้หลงใหลตลอดกาล

"ใครจะไปรู้เล่า" มือซุกซนที่บีบแก้มนางอยู่ค่อยๆ ลูบไล้ลงมาจากแก้มลงมาที่ลำคอและไปจบที่ปทุมถันคู่นั้น ทุกท่วงท่าเป็นไปตามอารมณ์ยิ่ง "อาจเป็นเจ้า หรือเป็นข้า และอาจเป็นพี่ชายของข้า และหรือผู้คนทั้งโลกล้วนแล้วแต่กำลังแสดงละครกันอยู่ แน่นอนที่สุด ขอเพียงในใจเจ้ามีเวที ชีวิตคนเราที่ใดไม่ใช่ละครเล่า?"

"ที่พูดมาก็ถูก" หญิงสาวพยักหน้าเห็นด้วย และกล่าวว่า "ละครของท่านยังต้องแสดงอีกนานเท่าไร?"

"ใครจะไปรู้เล่า?" หนิงหลงหัวเราะพลางปล่อยตัวกางแขนกางขาออกนอนแผ่หลา "ละครชีวิตคนเราบทแล้วบทเล่า แสดงบทอ๋องจบ แล้วแสดงบทฮ่องเต้ต่อ ดีไม่ดีเพิ่งจะได้แสดงบทฮ่องเต้ก็ต้องให้ข้าแสดงบทคนตาย..."

"ถ้าเช่นนั้นท่านคิดจะแสดงบทฮ่องเต้อย่างไร?" หญิงสาวอมยิ้มก้มหน้ามองดูหนิงหลงที่หลับตาเหมือนว่าหลับไปแล้วอย่างนั้น

"แสดงบททรราชแน่นอน" หนิงหลงหัวเราะพลางและเอ่ยขึ้นอย่างไม่แยแส

"ทำไมต้องแสดงบททรราช?" หญิงสาวเอียงคอสงสัย โดยมีเส้นผมเส้นที่ตกลงมา งดงามจนไม่สามารถเปรียบเปรยได้

"สนุกน่ะสิ! ยังจะมีอะไรสนุกมากไปกว่าการเป็นทรราชจอมเผด็จการอีก" หนิงหลงยิ้มกล่าวว่า "แย่งเมียชาวบ้าน เข่นฆ่าทั่วหล้า แต่งตั้งสนมสามพัน ดื่มกินอย่างเต็มที่ มั่วสุราเคล้านารี ทำทุกอย่างตามความปรารถนา ทำตามอำเภอใจไม่ต้องหวั่นเกรงต่อสิ่งใด ช่างเป็นความรู้สึกที่โคตรบันเทิง ชีวิตแม่งโคตรมัน ตัวเบาหวิวดั่งเซียน สมองมีแต่ความว่างเปล่า แต่ความรู้สึกที่ทำตามอำเภอใจอย่างบ้าระห่ำไม่สนใจสิ่งใด เป็นความสนุกอีกแบบหนึ่ง"

"กุมอำนาจในมือเป็นใหญ่แต่ผู้เดียว ถ้าหากท่านเป็นทรราช เกรงว่ามีผู้ที่พร้อมโค่นล้มท่านทุกเวลา" หญิงสาวรู้สึกแปลกใจ นัยน์ตาคู่นั้นของนางเสมือนหนึ่งเป็นอัญมณีที่งดงามที่สุดในหล้า

"ช่างหัวมันสิ! แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า?" หนิงหลงหัวเราะร่ากล่าวเสริมไปอีกว่า "ก็บอกแล้วไง ขนมเปี๊ยะที่หล่นมาจากฟ้า ใครเล่าจะไปสนใจว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร เอาความมันไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!"

"หรือว่าท่านไม่คิดจะลงหลักปักฐานที่ตรงนี้ ผลิดอกออกผล ให้ชนรุ่นหลังของตนได้แพร่ขยายพันธุ์ที่นี่ไปเรื่อยๆ" หญิงสาวยิ้มอย่างมีเลศนัย

"พวกลูกหลานของข้าจะไม่สามารถรักษาชื่อของข้าไว้ได้" หนิงหลงหัวเราะและกล่าวว่า "มิใช่ว่าราชวงศ์แห่งนี้พึ่งจะสืบทอดมาได้เพียงสามรุ่นหรอกหรือ? แล้วบรรดาราชวงศ์ก่อนหน้านี้ล่ะ มิใช่ว่าพวกมันล้วนแต่ล่มสลายไปหมดแล้ว? เจ้าเคยเห็นราชวงศ์ที่คงอยู่เป็นนิรันดร์หรือไม่?"

หญิงสาวทำท่าครุ่นคิด ดึงดูดในผู้คนยิ่งนัก จากนั้นนางได้ส่ายหัวเบาๆ

"ก็นั่นแหละ" หนิงหลงฉีกยิ้มอย่างไม่แยแส "ใครทำให้ล่มสลายมันก็คือล่มสลายเหมือนกัน ต่อให้เจ้าสร้างราชวงศ์ที่แข็งแกร่งยิ่ง ก็ต้องมีสักวันที่ลูกหลานของเจ้าสามารถทำให้กิจการของเจ้าล่มจมได้ แล้วทำไมจะต้องเหลือไว้ให้กับพวกเขา มิสู้ให้ข้าทำให้ล่มสลายด้วยตัวเองไม่สนุกมากกว่ารึ? จะอย่างไรเสียล่มสลายในมือตัวเองก็คือล่มสลายเหมือนกัน!"

"อีกอย่าง แผ่นดินนี้ข้าก็ไม่ได้เป็นผู้บุกเบิกขึ้นมาเอง ข้าสนุกจนหนำใจแล้ว จะไปสนใจน้ำหลากดังคลื่นยักษ์อะไรทำไม?" หนิงหลงหัวเราะเสียงดังขึ้นมา ดวงตาทั้งสองดูลึกล้ำยิ่ง เสมือนดั่งมองทะลุอดีตจนถึงปัจจุบันอย่างนั้น เหมือนว่าไม่มีสิ่งใดสามารถรอดพ้นจากดวงตาคู่นี้ของเขาไปได้

หญิงสาวจ้องมองสายตาคู่นั้นของหนิงหลงช้าๆ สายตาของนางไม่สะทกสะท้าน ปราศจากความเกรงกลัว นางจ้องมองประสานกับหนิงหลงด้วยท่าทีสบายๆ

หนิงหลงลุกขึ้นมานั่ง ยื่นมือออกไปเชยคางที่งดงามของนางเอาไว้ กล่าวด้วยท่าทีเจ้าชู้ขึ้นว่า "ถ้าหากข้าเป็นฮ่องเต้ที่ทรงคุณธรรมคนหนึ่ง พี่สาวคนสวยจะอยู่เคียงข้างข้าใช่หรือไม่? พวกเราจะแพร่ขยายพันธุ์ลูกหลานรุ่นหลังต่อไป?"

หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้มีความยอดเยี่ยมอยู่เหนือมนุษย์ปุถุชน ชายใดพบไม่อาจเข้าใกล้และสบประมาท แต่ทว่า หนิงหลงก็เป็นคนที่กำเริบเสิบสาน เจ้าชู้ กะล่อนปลิ้นปล้อนแบบนี้แหละ กระทำการตามใจปรารถนา

"เมื่อกิตติมศักดิ์ของท่านเลื่องลือในหมู่ศัตรู ก่อนที่จะเผชิญหน้ากับพวกเขา" หญิงสาวจ้องมองหนิงหลงด้วยท่าทีที่แฝงไปด้วยการท้าทาย

หนิงหลงหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ เอนตัวลงนอนบนตักของนางดังเดิม

ขณะที่หนิงหลงนอนอยู่ตรงนั้นและหลับตาลง ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว มีสายลมที่พัดมาแผ่วเบา หนิงหลงเหมือนตื่นขึ้นจากความฝัน

เมื่อเขาลืมตาขึ้นมองช้าๆ ไร้ซึ่งสาวงามข้างกาย เวลานี้ หลงเหลือเพียงตัวเขาที่นอนอยู่บนศาลาเพียงคนเดียวเท่านั้น

เหมือนว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อนอย่างนั้น เหมือนว่าทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นเพียงความฝันเท่านั้นเอง

หนิงหลงยิ้ม ไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนก เพียงยิ้มบางๆ เท่านั้นเอง...