webnovel

งุนงงกันทั้งแผ่นดิน?

หลังจากหนิงหลงมาถึงพระตำหนัก เจี่ยกงกงก็ได้พาเขาไปยังห้องทรงพระอักษรเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ท่าทีของหนิงหลงนั้นดูสบายใจเฉิบปล่อยใจไปตามอารมณ์ ทำตัวเสมือนดั่งที่นี่ก็คือบ้านของตนเองอย่างนั้น

"ตำหนักที่ข้าจัดเตรียมให้เป็นอย่างไรบ้างน้องชายพี่" เมื่อหนิงหลงก้าวเท้าเข้าไปด้านใน ไม่รอช้า ฟู่เทียนซาผละตัวออกจากโต๊ะทรงงาน รีบปรี่เข้ามาหาทันที

"นับว่าไม่เลวเลยพี่ชาย~" หนิงหลงฉีกยิ้มกว้าง ยกมือขวาแฮนด์เช็คทักทายแบบสไตล์แก๊งสเตอร์

เวลานี้ สองบุรุษแสดงท่วงท่าการทักทายที่ดูผิดแปลก อีกทั้งหนึ่งในนั้นยังเป็นถึงเจ้าเหนือหัวของแผ่นดิน หากมีบุคคลภายนอกได้เห็นภาพนี้แล้วละก็ ต้องตกใจขวัญหนีดีฝ่อแน่นอน ทางด้านเจี่ยกงกงที่อยู่ในเหตุการณ์มันได้แต่ยืนนิ่งอึ้งตาค้างไปแล้ว

เป็นการยากนักสำหรับฮ่องเต้เจิ้งหยวนช่างที่ได้เผยรอยยิ้มที่เมตตาและอ่อนโยนเช่นนี้ออกมา ถ้าหากจะมีความเป็นไปได้ก็คงเป็นธิดาทั้งสองของเขาแล้ว

"น้องชายพี่ เจ้าไม่สนใจเป็นฮ่องเต้บ้างหรือ?" ด้วยความที่ฟู่เทียนซาเป็นกษัตริย์ประเภทจอมยุทธ์ หาใช่เป็นพวกเจ้าแผนการ จึงพูดออกมาตรงๆ

"เอาสิ!" หนิงหลงหัวเราะและกล่าวว่า "เป็นฮ่องเต้สนุกไหม? ข้าสามารถทำอะไรได้บ้าง?"

"ขอเพียงอยากจะทำ เรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น" ฟู่เทียนซายกนิ้วโป้งขึ้นมาฉีกยิ้มกว้าง เสมือนว่าเขาได้เสียสติไปแล้ว ไม่เพียงต้องการให้น้องชายร่วมสาบานเป็นแค่อ๋อง แต่กลับปล่อยวางอำนาจมอบตำแหน่งฮ่องเต้ให้

เจี่ยกงกงที่ได้ยินบทสนทนาของสองพี่น้องถูกทำให้ตกใจเซ่อไปเลย วันนี้มันรู้สึกตื่นตระหนกไปแล้วไม่รู้กี่รอบ เกรงว่าหัวใจน้อยๆ ในวัยชราของมันจะรับไม่ไหวแล้ว

บุคลิกนิสัยของฮ่องเต้ผู้นี้นับว่าเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นคำพูดคำจาหรือท่าทางการแสดงออก ราวกับว่าเป็นผู้ผิดยุค เป็นผู้เดินทางข้ามมิติแบบเดียวกับหนิงหลง

สมควรทราบว่า สองพี่น้องต่างสายเลือดคู่นี้พึ่งจะได้รู้กันไม่นาน แต่กลับติดนิสัยจากหนิงหลงไปแล้วเรียบร้อย ถูกล้างสมองอย่างสมบูรณ์

"เช่นนั้น ตอนนี้ข้าก็เป็นฮ่องเต้แล้ว?" หนิงหลงอดที่จะเผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าขึ้นมา ข้ามมิติมายังไม่ทันไร ก็ได้เป็นฮ่องเต้ไปเสียอย่างนั้น

"ทรงพระเจริญๆ ฝ่าบาท หมื่นปี หมื่นๆ ปี!" ฟู่เทียนซาทำมือพร้อมก้มโค้งคารวะหนิงหลงทีหนึ่ง หันไปออกคำสั่งกับเจี่ยกงกงว่า "ประกาศราชโองการออกไปว่า เราสละราชสมบัติให้กับน้องชายเป็นที่เรียบร้อย เวลานี้ ต้าเจิ้งมีจักรพรรดิคนใหม่แล้ว"

เรื่องนี้ช่างเป็นเรื่องที่เข็มขัดสั้นชวนให้คาดไม่ถึง ฮ่องเต้เจิ้งหยวนช่างที่ครองราชย์มาสี่สิบกว่าปี อีกทั้งยังมีพระวรกายสมบูรณ์ครบถ้วน แข็งแรงเปรี่มล้นไปด้วยกำลังวังชา ทว่า เขาได้สละบัลลังก์ให้กับหนิงหลงที่พึ่งจะรู้จักไม่นานขึ้นเป็นฮ่องเต้อย่างน่าประหลาดหาคำอธิบายไม่ได้

ขณะที่หนิงหลงได้รับการสืบทอดบัลลังก์แล้ว ถึงกับมีท่าทีเหมือนว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผลอย่างนั้น โดยที่ไม่รู้สึกตกใจกับสิ่งนี้แม้แต่น้อย เหมือนว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาเรื่องหนึ่ง

เรื่องราวพลิกคว่ำฟ้าดินเช่นนี้นับว่าแปลกประหลาดจนถึงขีดสุด อาจกล่าวได้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดหลักการสวรรค์ ผิดทำนองคลองธรรมอย่างยิ่ง เรื่องนี้หากแพร่ออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อ ยังจะมีเรื่องใดที่เหลือเชื่อมากไปกว่านี้ได้อีกเล่า

ทั่วหล้าต่างทราบกันดีว่า ฟู่เทียนซานั้นไร้ซึ่งบุตรชายไว้สืบทอดบัลลังก์ ทว่าตัวเขาก็ยังนับได้ว่ายังหนุ่มยังแน่น ถึงแม้ว่าอายุจะปาไปแปดสิบแล้ว แต่สำหรับเหล่าจอมยุทธ์ผู้ที่อายุขัยยังไม่ถึงร้อยปี นับว่ายังเป็นเด็กหนุ่มเท่านั้น

การที่จะหาสตรีสักคนมาให้กำเนิดบุตรไว้สืบทอดง่ายเพียงกระดิกนิ้ว แต่ติดตรงที่ บุรุษผู้นี้เป็นคนรักเดียวใจเดียว หลังจากที่สูญเสียภรรยาไป เขาก็ไม่เคยคิดจะรับสนมคนใดเข้าวังอีกเลย

หนิงหลงเพียงยิ้มนิดหนึ่งเท่านั้นเมื่อได้เป็นฮ่องเต้ เขาไม่ได้กล่าวอะไรมากความ ลึกซึ้งยากจะหยั่งถึง ไม่มีใครรู้ว่าในใจของเขาคิดอะไรอยู่ กล่าวสำหรับเขาแล้วการได้เป็นฮ่องเต้เหมือนเรื่องที่ปกติธรรมดามากเรื่องหนึ่ง เหมือนว่าทุกวันที่ต้องตื่นมาอาบน้ำกินข้าวอยู่แล้ว

...

"รัชสมัยฮ่องเต้เจิ้งหยวนช่าง ปีที่ 47 พระองค์ทรงสละราชสมบัติ แต่งตั้งให้อ๋องมังกรนิรันดร์กาลหนิงหลงขึ้นครองราชย์!!!"

เวลานี้เสียงเข้มและมากด้วยอำนาจยิ่งของเจี่ยกงกงได้ดังก้องไปทั่ววังหลวง ขณะที่ราชโองการประกาศออกมา ราวกับเป็นระลอกคลื่นที่ซัดผ่าน สุดท้ายราชโองการฉบับนี้ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงฉางอัน

เมื่อราชโองการฉบับนี้ปรากฏสู่สาธารณชน มีผู้คนจำนวนไม่น้อยถูกทำให้หวั่นไหวล้วนแล้วแต่งงงันไปสิ้น ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก จนไม่อาจเรียกสติกลับมาในระยะเวลาอันสั้น

"อ๋องมังกรนิรันดร์กาลหนิงหลง?" ผู้คนที่อยู่ภายในเมืองฉางอันต่างรู้สึกงุนงง เมื่อได้ยินราชโองการเช่นนี้

"ผู้ใดคืออ๋องมังกรนิรันดร์กาลหนิงหลง?" ไม่มีผู้ใดทราบหรือเคยได้ยินชื่อหนิงหลงมาก่อน อีกทั้งยังพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกว่าราชวงศ์เจิ้ง ณ ปัจจุบันมีตัวตนระดับอ๋องดำรงตำแหน่งอยู่

ที่ไม่ได้รู้สึกตกใจระคนความแปลกใจก็คือเจ้ายุทธภพอวิ๋นซางและมารสวรรค์เย่ฉุ่ยเหยา พวกเขาทั้งคู่ต่างคิดกันเป็นเสียงเดียวว่านี่เป็นการเล่นตลกของสองพี่น้องต่างสายเลือด ที่วางแผนรวมหัวกันปั่นคนทั้งเมืองเล่น

นอกจากสำนักหัวซานและลัทธิมารที่เก็บตัวเงียบสงบไม่สนใจต่อราชโองการนี้แล้ว บรรดากลุ่มกองกำลังที่เหลือไม่ว่าจะเป็นในแผ่นดินต้าเจิ้งหรืออาณาจักรรอบนอก พอได้รับข่าววงในจากสายลับที่แฝงตัวอยู่ภายในเมืองหลวงต่างก็งุนงงเป็นไก่ตาแตก

"หนิงหลงคนนี้เป็นใครกันเนี่ย?" เวลานี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนและกองกำลังจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังสืบเสาะประวัติความเป็นมาขอฮ่องเต้องค์ใหม่ ทั่วทั้งแผ่นดินต้าเจิ้งและอาณาจักรที่อยู่รอบด้านต่างเป็นบ้ากันไปหมดแล้ว

ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างขุดหาประวัติความเป็นมาของหนิงหลง ขุดหาร่องรอยที่เกี่ยวกับหนิงหลง แต่ทว่า ไม่ว่าจะเป็นหน่วยข่าวกรองหรือหน่วยราชการลับระดับเดียวกับ CIA และ KGB ไม่ว่าจะเป็นสุดยอดสายลับรหัส 007 ก็ไม่สามารถขุดหาเรื่องราวเบาะแสใดๆ เกี่ยวกับหนิงหลงออกมาได้

มีเรื่องเดียวที่พวกเขาทราบคือ หนิงหลงเป็นผู้นำศึกมหรรณพระหว่างกองทัพเรือต้าเจิ้งกับกองทัพเรือตงอิ๋นเท่านั้น ส่วนประวัติความเป็นมาก่อนหน้านี้ไม่มีเลยแม้แต่น้อย หนิงหลงผู้นี้เสมือนหนึ่งโผล่ออกมาจากอากาศธาตุ

"ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ประกาศสู่ใต้หล้า เรียกขุนนางและแม่ทัพทั่วราชอาณาจักรเข้าเฝ้าในอีกเจ็ดวันข้างหน้า ผู้ใดไม่มา ประหารเจ็ดชั่วโคตร!"

ขณะที่ผู้คนจำนวนมากยังไม่รู้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นผู้ใดนั้น ราชโองการขึ้นครองราชย์ได้ประกาศลงมาแล้ว พิธีขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่ มีราชโองการให้ขุนนางน้อยใหญ่และบรรดาแม่ทัพเข้าเฝ้าเป็นสักขีพยาน

นี่เป็นหนึ่งพิธียิ่งใหญ่ที่ฮ่องเต้องค์ใหม่จะขาดไปมิได้เลย และยังเป็นโอกาสที่จะทำการสยบสถานการณ์ให้มั่นคง

...

"น้องชายพี่ เจ้ากำลังทำสิ่งใด?" ฟู่เทียนซาจ้องมองหนิงหลงที่สวมเสื้อคลุมมังกร ซึ่งกำลังเต้นอยู่หน้าบัลลังก์จักรพรรดิ โดยมีเจี่ยกงกงที่กำลังถือสมาร์ตโฟนถ่ายให้

"ข้ากำลังถ่ายต๊อกต็อกอยู่พี่ชาย" หนิงหลงกวักมือเรียกให้ฟู่เทียนซาเขามาอยู่ในเฟรม

"ต๊อกต็อก? เจ้าต๊อกต็อกนี่มันคือสิ่งใดกัน?" ฟู่เทียนซามองไปที่สมาร์ตโฟนในมือของเจี่ยกงกงด้วยความงุนงง พลางคิดในใจว่าเจ้าสิ่งนี้มิใช่ว่ามันคือ สิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่าโส่วจี ที่น้องชายของมันเคยนำออกมาก่อนหน้านี้ที่โรงเตี๊ยมหรอกรึ?

"มาๆ พี่ชาย เพียงแค่ท่านเดินข้างๆ ข้าเท่านั้น" หนิงหลงกวักมือเรียกพี่ชายของมันให้มายืนข้างๆ "เมื่อข้าออกเดิน ท่านก็เดินพร้อมกับข้าได้เลย!"

ถึงแม้ว่าฟู่เทียนซาจะรู้สึกงุนงงไม่น้อย แต่เขาก็ยังพยักหน้าตอบรับเออออตามน้ำไป

"เจี่ยกงกง ถ่ายมุมกล้องแบบเดิมเลยนะ แต่เมื่อพวกข้าเดิน ท่านจะต้องเดินถอยหลังช้าๆ ตามจังหวะการเดินของพวกข้า!" หนิงหลงหันไปสั่งการเจี่ยกงกงที่เป็นตากล้อง

เจี่ยกงกงยกมือขึ้นทำนิ้วสัญลักษณ์โอเค เพื่อเป็นการบ่งบอกว่ารับทราบแล้ว

หลังจากที่พวกเขาถ่ายเสร็จแล้ว หนิงหลงก็นำวิดีโอมาตัดต่อเป็นช็อตต่างๆ ทำสโลว์โมชั่น อีกทั้งยังใส่ฟิลเตอร์และใส่เสียงเพลงให้เข้าจังหวะ

เมื่อวิดีโอเสร็จสมบูรณ์ เขาก็นำมาเปิดให้ทั้งคู่ดู

"นี่ นี่คือสิ่งที่กระหม่อมถ่ายไปเมื่อสักครู่นี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?" ขันทีชรามองวิดีโอในจอสมาร์ตโฟนด้วยความงงงัน ตอนที่มันกำลังถ่ายวิดีโอก็ดูเหมือนไม่มีอะไร ซึ่งมันแตกต่างไปจากวิดีโอที่กำลังแสดงอยู่ตอนนี้ราวฟ้ากับเหว

"เจ้าใช้เทคนิคอะไรกัน?" ฟู่เทียนซาจ้องมองตัวมันในวิดีโอที่เห็นเพียงแค่ครึ่งหน้าเดินคู่มาพร้อมกับหนิงหลงด้วยความปลาบปลื้ม มันไม่คิดเลยว่าเจ้าสิ่งที่เรียกว่าต๊อกต็อกจะทำให้ตัวมันสามารถหล่อเท่ได้ขนาดนี้

หนิงหลงยืนกอดอกแสยะยิ้มมองดูทั้งคู่ที่กำลังตื่นเต้นกับวิดีโอด้วยท่าทีเย้ยหยัน 'แค่นี้ก็ตื่นเต้นแล้วหรือ ไม่ไหวๆ ถ้าเกิดว่าฉันลองใช้ฟิลเตอร์ที่ช่วยทำให้ผิวขาว หน้าใส ปากแดงอมชมพู พวกเขาจะไม่คิดว่านั้นคือใบหน้าที่แท้จริงของตัวเองกันเลยเหรอเนี่ย!'