webnovel

นี่ข้าเป็นใครกัน!? แล้วทำไมพวกเขาต้องเชื่อฟังคำสั่งข้ากันด้วยละเนี่ย?

ณ ทะเลตงไห่ ห้องประชุมบนเรือยักษ์นำทัพ หนิงหลงนั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้นำ การนั่งอยู่ตรงนั้นของเขาแม้ว่าท่าทีจะแลดูเป็นธรรมชาติและดูสงบอิสระ แต่กลับให้ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยอำนาจบารมีอย่างล้นเหลือ ลักษณะสูงเด่นราวกับว่าเขาคือเทพเซียนจากชั้นฟ้า

การนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้นำของหนิงหลง ไม่มีผู้ใดกล้าปฏิเสธ ภายในห้องประชุมนี้มีทั้งฮ่องเต้ต้าเจิ้ง นางมารสวรรค์เจ้าลัทธิมาร เจ้ายุทธภพผู้อาวุโสสูงสุดสำนักหัวซาน รวมถึงบรรดาระดับแม่ทัพ เหล่าขุนพลสังกัดกองทัพเรือต้าเจิ้งทั้งหมดได้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้

เวลานี้พวกเขาต่างนั่งประจำตำแหน่งของตนอย่างเงียบๆ มองดูหนิงหลงที่นั่งอยู่ตำแหน่งผู้นำด้วยท่าทีที่เคารพยิ่ง ขนาดรุ่นใหญ่ทั้งสามท่านยังไม่เอ่ยปากอะไร แล้วพวกเขาที่เป็นตัวอันใดกัน จะกล้าปริปากพูดว่าหนิงหลงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่เหมาะสมหรือ?

"ศึกกับพวกตงอิ๋นในครานี้ จะเป็นตัวตัดสินว่าต้าเจิ้งเราจะมีอำนาจสยบฟ้าดินเป็นเจ้าผู้ปกครองตงไห่ หรือจะเป็นแค่ไก่กระเบื้องดินเผา จุดจบจะเป็นอย่างไร ชะตากรรมเป็นเช่นใด ทั้งหมดล้วนตัดสินในศึกนี้แล้ว..."

หนิงหลงจ้องมองบรรดาผู้คนทั้งหมดที่อยู่ในห้องประชุมด้วยท่าที่ที่เย็นชา เวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าแม่ทัพ ยอดขุนพลร้อยสนาม หรือทหารกล้ายอดฝีมือระดับหกขึ้นไป ภายใต้สายตาของหนิงหลงแล้ว ล้วนรู้สึกเสียวสันหลังวาบ รู้สึกยำเกรงในใจ

"มาวันนี้พี่ใหญ่ได้ขอร้องให้ข้าได้มาช่วยนำทัพให้พวกเจ้า ถ้าขนาดที่ข้ายอมออกหน้ามาช่วยชี้นำให้ขนาดนี้ พวกเจ้ายังคงไม่เอาไหนทำอะไรไม่ได้ละก็ เช่นนั้นแล้ว ต้าเจิ้งจะเป็นหรือตาย จะรุ่งหรือร่วง มันก็คือเรื่องของพวกเจ้าแล้ว"

"ท่านอ๋องโปรดวางใจ ศึกในครานี้ได้ท่านเป็นผู้นำ พวกเราจะไม่ทำให้เกียรติยศของต้าเจิ้งต้องเสื่อมเสียและขายหน้าอย่างเด็ดขาด ฟ้าดินเป็นพยานข้าให้คำมั่นสัญญาว่า จะทำในสิ่งที่พูดให้ได้ ไม่ทำให้ท่านอ๋องต้องผิดหวังอย่างแน่นอน!" แม่ทัพเจี้ยนคุกเข่าคำนับอย่างหนักแน่นจริงจัง เหล่าขุนพลที่เห็นเช่นนั้นต่างทยอยกันคุกเข่าตามแม่ทัพเจี้ยน

"ดีมาก ในเมื่องพวกเจ้ามีความตั้งใจเช่นนี้ย่อมเป็นการดีที่สุด" หนิงหลงพยักหน้าช้าๆ แต่ภายในใจกลับถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า 'นี่ข้าเป็นใครกัน!? แล้วทำไมพวกเขาต้องเชื่อฟังคำสั่งข้ากันด้วยละเนี่ย?'

หนิงหลงที่เป็นเพียงบุคคลภายนอกคนหนึ่ง สามารถควบคุมกองทัพเรือของต้าเจิ้ง อีกทั้งเหล่าแม่ทัพ ขุนพลยังถูกหนิงหลงสยบเอาไว้ได้

บรรดาแม่ทัพ ขุนพลทั้งหมดที่อยู่ในห้องนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับหกขึ้นไปทั้งสิ้น ทุกคนในที่นี้แค่กระดิกนิ้วเดียวหนิงหลงก็ตกตายอนาถแล้ว เขาอยากจะรู้จริงๆ เลยว่า พวกเขาสามารถขึ้นมากันถึงระดับนี้กันได้อย่างไรกัน? ผู้ฝึกตนเหล่านี้ฝึกแต่ด้านร่างกายอย่างเดียวใช่ไหม?

'คนบนโลกหล้านี่ล้วนแล้วแต่เป็นตัวโง่งม' หนิงหลงอดที่จะทอดถอนภายในใจเบาๆ รู้สึกจนด้วยเกล้า ในเมื่อปูบทมาให้แบบนี้แล้ว เช่นนั้นข้าจะเล่นต่อไปให้สุดเลยละกัน

หลังจากที่หนิงหลงก้าวออกจากห้องประชุม กลุ่มของพวกเขาได้ขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ

"แล้วพวกสายลับของเกาลี่ละ เจ้าจะไม่จัดการพวกมันหรอกรึ?" เย่ฉุ่ยเหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย้ายวน แต่แฝงไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างชัดเจน

"ศัตรูของศัตรูคือมิตร พวกมันคงไม่โง่พอคาบข่าวไปบอกกับศัตรูของตนหรอก การที่ต้าเจิ้งจัดการกับพวกตงอิ๋นได้นั้น ย่อมเป็นการดีกับพวกเกาลี่เสียมากกว่า" หนิงหลงยักไหล่อย่างไม่แยแส

หนิงหลงนั้นได้ทราบมาจากพี่ใหญ่ของตนแล้วว่า ปกติพวกเกาลี่กับตงอิ๋นนั้นไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว อีกทั้งประเทศของพวกเขายังอยู่ใกล้กัน จึงทำให้มีการเปิดฉากปะทะกันอยู่บ่อยครั้ง

แถมเวลานี้เกาลี่ยังแตกออกเป็นสามแคว้น ซึ่งประกอบด้วยโครกูยอ แพ็กเจ และซิลลา อีกทั้งยังมีต้าอู๋ที่คั่นอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขากับต้าเจิ้งเอาไว้อีก

แคว้นที่มีปัญหากับต้าเจิ้งจริงๆ ก็คือแพ็กเจ และในตอนนี้แคว้นแพ็กเจยังถูกทั้งโครกูยอ ซิลลา และตงอิ๋นประกบล้อมรอบด้านเอาไว้ พวกเขาจะเอาเวลาที่ไหนมาสนใจต้าเจิ้งกัน การที่ต้าเจิ้งช่วยกำจัดศัตรูอย่างตงอิ๋นไปให้นั้น ย่อมเป็นผลดีต่อพวกเขาเสียมากกว่า ด้วยเหตุนี้แล้วการประกาศสงครามกับต้าเจิ้งก่อนหน้านี้จึงเป็นได้แค่ลมปากเท่านั้น

เพียงครู่เดียว หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนได้ปรากฏตัวขึ้นและกล่าวด้วยความรีบร้อนว่า "ท่านแม่ทัพ ทางด้านตงอิ๋นต้องการให้พวกเราให้คำตอบพวกเขา มิฉะนั้น พวกเขาจะบุกประชิดเมือง!"

แม่ทัพเจี้ยนที่ได้ยินเช่นนั้น เขาจึงหันไปทางหนิงหลงเตรียมที่จะเอ่ยกล่าวบางสิ่ง

"ให้พวกเขามาเถอะ" หนิงหลงยิ้มอย่างเย็นชา กล่าวต่อว่า "ให้เลือดสดๆ ได้ย้อมทะเลครามเป็นสีแดงฉานก็แล้วกัน ให้พวกตงอิ๋นมันได้ประจักษ์ถึงความแข็งแกร่งของต้าเจิ้งเรา!"

เมื่อหนิงหลงพูดออกมาเช่นนี้ ทำเอาเหล่าแม่ทัพ ขุนพลถึงร่างสั่นเทิ้ม พลันมีท่าทีกระฉับกระเฉงขึ้นมา ภายในใจของพวกเขาบังเกิดความฮึกเหิมและเลือดที่ร้อนระอุปะทุขึ้นมา

ชิ้ง!

หนิงหลงไม่ได้กล่าวปลุกขวัญกำลังใจสำหรับกองทัพ แต่ชักกระบี่ที่ยืมมาจากพี่ใหญ่ของตนออกมา

ตัวคมดาบดำสนิทตลอดทั้งเล่ม ส่งเสียงสะท้อนของโลหะอันเฉียบคมไร้ซึ่งจิตสังหาร แต่เป็นความโอบอ้อมอารีและความเมตตาปรานี

กระบี่ดำทมิฬนี้นาม 'จ้านหลู' และมันเป็นศาสตราวุธเคียงคู่บัลลังก์ มันไม่ใช่เป็นแค่กระบี่เล่มหนึ่งเท่านั้น แต่มันยังเป็นเสมือนดวงเนตรสีนิลอันลึกล้ำถี่ถ้วนข้างหนึ่งของสวรรค์เบื้องบน ซึ่งคอยจับจ้องทุกพฤติกรรมของปวงราชันเจ้าผู้ครองแคว้น

ราชาทรงธรรม กระบี่จักเคียงข้าง บ้านเมืองจักรุ่งเรือง ราชาไร้ธรรม กระบี่บินจาก บ้านเมืองล่มสลาย!

"เคลื่อนพล!!!"

หนิงหลงชี้ดาบขึ้นฟ้า กล่าวตะโกนสั่งการด้วยท่าทีฮึกเหิม ทว่าเมื่อสิ้นเสียงของหนิงหลง ทันใดนั้นพลันบังเกิดเรื่องราวสุดแสนจะพิสดารขึ้น กระบี่จ้านหลูในมือหนิงหลง พลันพวยพุ่งบินหนีออกจากมือ ร่วงหล่นหายลับไปในท้องทะเลตงไห่

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำเอาผู้คนโดยรอบต้องอ้าปากตาค้าง ทางด้านฟู่เทียนซาอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เหมือนมีบางสิ่งจุกอยู่ในลำคอ ได้แต่อิดๆ ออดๆ อยู่เป็นเวลานาน ยังคงไม่รู้ว่าจะปริปากพูดอย่างไร

หนิงหลงจ้องมองมือตัวเองด้วยความงุนงง พลางคิดในใจว่าตนจับกระบี่ไม่แน่นหรืออย่างไรกัน เมื่อสักครู่นี้ตัวเขาก็แทบไม่ได้ออกแรงกวัดแกว่งกระบี่อะไรเลยสักนิดเดียว เพราะเหตุใดทำไมกระบี่ถึงบินหลุดมือไปได้กันละเนี่ย?

...

ห่างออกไปจากฐานทัพเรือต้าเจิ้งหนึ่งร้อยลี้ มีกองทัพเรือจำนวนราวๆ สามร้อยลำกำลังลอยอยู่บนท้องทะเลตงไห่ บนตัวเรือประดับด้วยธวัชรูปจุดขนาดใหญ่สามจุดเรียงเป็นรูปสามเหลี่ยมและมีเส้นขีดแนวนอนหนึ่งเส้นอยู่ด้านบน

"พวกต้าเจิ้งตอบกลับมาเช่นไร?" ชายในชุดเกราะซามูไรสีแดงเลือดเอ่ยถามลูกน้องมันด้วยเสียงเย็นชา

ก่อนหน้านี้กลุ่มสายลับของพวกเขาที่แฝงตัวอยู่ในต้าเจิ้งได้ขาดการติดต่อไป สายลับเหล่านั้นอาจจะถูกจับตัวหรือถูกสังหารลงไปแล้วก็ได้ เพราะเหตุนี้เอง จึงทำให้พวกเขายังไม่กล้าที่จะผลีผลามบุกเข้าโจมตีต้าเจิ้ง

ลูกน้องคุกเข่าหมอบกราบ พร้อมยื่นสาส์นให้กับหัวหน้ามันด้วยท่าทีสั่นเทา เหมือนกับว่ามันไม่กล้าที่จะส่งสาสน์นี้ถึงเจ้านายมัน

ชายในชุดซามูไรสีแดงคว้าสาส์นในมือลูกน้องด้วยความหงุดหงิดไม่น้อย ลูกน้องมันจะสั่นกลัวอะไรขนาดนั้น แค่ยื่นสาส์นให้มันแค่นั้นไม่ใช่หรือยังไงกัน ต่อให้พวกต้าเจิ้งตอบปฏิเสธกลับมา มันก็ไม่ได้มีความคิดที่จะฆ่าลูกน้องคนนี้ทิ้งเสียหน่อย

แต่พอเมื่อชายในชุดเกราะซามูไรสีแดงได้เปิดอ่านข้อความจนจบ มันก็ชักดาบคาตานะออกมาทันที พร้อมได้ยินเสียง ตุบ! ดังขึ้นมา มองเห็นศีรษะของลูกน้องคนนี้ถูกฟันขาดตกลงบนพื้น

ขณะที่ศีรษะเพิ่งจะตกลงถึงพื้น เสียง ปุ! ดังขึ้นมา เลือดสดๆ พุ่งกระฉูดดั่งน้ำพุออกมาจากบริเวณลำคอที่ถูกฟันขาด

"ฆ่า! ยกทัพไปฆ่าไอ้พวกต้าเจิ้งให้หมด!!!" ชายในชุดเกราะซามูไรสีแดงร้องกล่าวเสียงดังขึ้นมา พร้อมสั่งให้เคลื่อนทัพบุกโจมตีต้าเจิ้งทันที

ชายอีกคนที่อยู่ในชุดเกราะซามูไรสีน้ำเงินมองเดินไปหยิบสาส์นขึ้นมาอ่านด้วยความสงสัย พวกต้าเจิ้งเขียนตอบอะไรกลับมา ถึงทำให้แม่ทัพใหญ่ของพวกเขาเป็นถึงขั้นนี้ได้กัน

'โอมาเอะ วะ โม ชินเดรุ!'

"นานิ!?" เมื่อเห็นข้อความภาษาญี่ปุ่นที่เขียนด้วยเลือด ชายในชุดเกราะซามูไรสีฟ้าอดไม่ได้ที่จะร้องอุทานออกมา จนทำให้สาส์นที่กำลังถืออยู่หลุดออกจากมือหล่นลงพื้นดาดฟ้าเรือ