webnovel

คำคมที่บาดใจมาจากใจที่บาดเจ็บ

หลังจากที่เขาได้หยอกล้อนารีอย่างอิ่มเอมใจแล้ว สุดท้าย กลุ่มของหนิงหลงได้เข้าไปยังโรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง โดยที่พวกเขาไปนั่งอยู่ริมหน้าต่าง และสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะพร้อมสุราสามถึงห้าไห

ภายในใจพี่ใหญ่ของหนิงหลงอย่างฟู่เทียนซารู้สึกคันหยุกหยิกไม่น้อย อยากจะเอ่ยปากถามว่าที่หนิงหลงได้ทำไปก่อนนี้มันคืออะไรกัน? การเกี้ยวพาราสีรูปแบบใหม่หรือ? สุดท้าย เขาก็ได้แต่เก็บไว้ในใจรอไว้หลังรับประทานอาหารเสร็จค่อยถาม

หนิงหลงนั้นไม่มีเงินของโลกนี้ แต่เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเลยสักแม้แต่น้อยว่าจะไม่มีเงินจ่าย เพราะเขามีคนเลี้ยงอาหารมื้อนี้ คนหนึ่งกล่าวอ้างว่าตนเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักหัวซาน และอีกคนก็เป็นถึงเจ้าลัทธิมาร จะไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารเลยหรือ? พวกเขาเป็นถึงยอดฝีือแกร่งกล้าคงไม่ชักดาบค่าอาหารมื้อนี้แน่ๆ ใช่ไหม?

วันพรุ่งนี้พวกเขาทั้งสี่อาจจะได้ออกโหนยุทธจักร 'ผู้อาวุโสสูงสุดสำนักหัวซาน เจ้าลัทธินิกายมาร และฮ่องเต้ต้าเจิ้ง บิดเงินค่าข้าวปุถุชน'

อับอาย! อับอายกันสุดๆ ถ้าเกิดเป็นเช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ พวกเขาคงได้เอาหน้ามุดแทรกแผ่นดินหนีหาย ชื่อเสียงที่สั่งสมมาหลายสิบปีหลายร้อยปีถึงคราวต้องป่นปี้ย่อยยับ ช่วงน่าอนาถอดสูเหลือเกิน! เห็นทีว่าคงได้ตกเป็นข่าวใหญ่ข่าวดังที่จะสะเทือนแผ่นดินต้าเจิ้ง และได้ลงข่าวหน้าหนึ่งเป็นแน่แท้!

ส่วนพี่ใหญ่ของเขาอย่างฟู่เทียนซาที่สติไม่ครบถ้วนชอบละเมอเพ้อกล่าวอ้างว่าตนเป็นฮ่องเต้ของแผ่นดิน และยังมีหน้ามาเอ่ยปากว่าอาหารมื้อนี้เขาจะเป็นคนที่เลี้ยงเองอีกต่างหาก หนิงหลงแทบจะอยากวิ่งหนีออกจากร้านไปซะตอนนี้ ดูจากสารรูปท่านฮ่องเต้สิ จักรพรรดิแห่งอาณาจักรต้าเจิ้ง สภาพยังกับขอทานตัวน้อย เกรงว่าพวกเขาจะได้ล้างจานใช้หนี้แทนเสียมากกว่า

เวลาผ่านไปได้ไม่นาน เสี่ยวเอ้อได้ยกอาหารและสุรามาเสิร์ฟ พวกเขาจึงเริ่มลงมือรับประทานอาหารกันทันที จิบสุราอุ่นชิมกับข้าวไปพลางมองดูผู้คนที่เดินไปเดินมาบนถนนด้วยความพึงพอใจอย่างบอกไม่ถูก

พวกเขาทั้งสามต่างคิดเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า 'ยากนักที่ชีวิตจะมีโอกาสว่างสักวันครึ่งวัน' การได้ร่วมเดินทางไปกับหนิงหลงนั้นดูอิสรเสรีเหมือนวิหคที่โผทะยานอยู่บนท้องนภา ไม่มีอะไรมาฉุดรั้ง ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรให้มากความ ไม่มีแผนการ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ

หนิงหลงถึงกับยิ้มออกมาขณะมองดูผู้คนบนท้องถนน เขารู้สึกสนุกไปกับโลกที่ไม่รู้จักใบนี้ไม่น้อย เขาที่อยู่โลกเก่าต้องพบเจอแต่อะไรที่มันซ้ำๆ เดิมๆ ดูน่าเบื่อหน่าย ไร้ซึ่งความท้าทายและทะเยอทะยาน รู้สึกหมดไฟไม่น้อย พอมาเวลานี้เขาที่ได้มาโลกใบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างดูประหลาดแปลกตาน่าตื่นเต้นไปหมด

มองดูผู้คนที่เดินไปเดินมาด้านนอก ขณะที่ภายในโรงเตี๊ยมเองก็มีลูกค้าที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กๆ พูดคุยกันสัพเพเหระ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นเรื่องราวต่างๆ บนโลกทั้งสิ้น

หนิงหลงจิบสุราอย่างสบายอารมณ์ สำหรับคุณชายที่เที่ยวบาร์เที่ยวผับเคล้าสุรานัวนารีแทบทุกรัตติกาลแบบเขาแล้ว สุราปลายแถวแค่นี้ไม่ทำให้คอทองแดงอย่างเขาหวั่นไหวเลยแม้แต่นิดเดียว

สามยอดฝีมือที่นั่งร่วมโต๊ะมองไปที่หนิงหลง พลันเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศ ฟังคอสุรากลุ่มเล็กๆ โดยรอบ ที่พูดคุยเรื่องราวสัพเพเหระ หากเป็นช่วงเวลาปกติ เรื่องราวที่เกี่ยวกับโลกของมนุษย์ปุถุชนสำหรับพวกเขาแล้ว เรียกได้ว่าไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง เป็นเรื่องเล็กน้อยยิ่งกว่าเล็กเสียอีก

แต่ทว่าทั้งสามที่เห็นว่าหนิงหลงนั่งฟังอย่างออกรสชาติ พวกเขาถึงกับรู้สึกคล้อยตามและได้ตกอยู่ในห้วงสุนทรีย์เช่นเดียวกัน

ทันใดนั้นหนิงหลงได้เอ่ยปากออกมาเรียบเฉยว่า "ฟ้าดินช่างกว้างไกลเสียเหลือเกิน การทำตัวเป็นมดปลวกที่หมอบอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ก็ใช่ว่าจะไม่ดีตรงไหน..."

ฟู่เทียนซาและอวิ๋นซางสบสายตากันครู่หนึ่ง ภายในใจพลันบังเกิดความรู้สึกเช่นเดียวกันขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ในเวลานี้เอง ปรากฏเสียงฝีเท้าดังขึ้นเป็นระลอกเป็นเสียงฝีเท้าที่รวดเร็วและเบา เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นปรากฏหญิงสาวเข้ามาในโรงเตี๊ยม เมื่อนางได้เห็นหนิงหลงแล้ว จึงรีบเร่งเดินเข้ามาหาเขาทันที

"ในที่สุดข้าก็หาเจ้าเจอเสียที" เสียงที่ไพเราะเสนาะหูดังขึ้นมา แต่เสียงนี้กลับให้ความรู้สึกที่คุ้นเคย

หนิงหลงมองดูแวบหนึ่ง เห็นหญิงสาวตรงหน้ารูปร่างที่งดงามถูกซ่อนไว้ใต้เสื้อป่านหลวม ใบหน้าที่งามล้มเมืองถูกหมวกปิดบังเอาไว้ครึ่งหน้า

นางคือหญิงสาวที่หนิงหลงได้ไปเกี้ยวพาก่อนหน้านี้นั้นเอง นางที่ถูกหนิงหลงผู้ลึกลับทำให้คาใจ จนต้องออกตามหาและมารู้ว่าเขาได้พักอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ นางจึงรีบมาหาเขาทันที

เมื่อหนิงหลงเห็นว่าเป็นหญิงสาวคนที่เขาได้หมายตาเอาไว้ยิ้มนิดหนึ่งและเชื้อเชิญให้นางนั่งลงร่วมโต๊ะกับพวกเขา

หญิงสาวยิ้วหวานนั่งลงพร้อมมองไปที่ผู้คนร่วมโต๊ะ แต่ทันทีที่สายตาของนางเห็นใบหน้าของฟู่เทียนซา ภายในใจถึงกับอกสั่นขวัญหาย ขนลุกซู่ พร้อมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเบาๆ ว่า "ฝะ..ฝ..ฝ่าบาท!"

สิ้นเสียงของนางลง ฟู่เทียนซาที่จิบชาอยู่ถึงกับสำลัก จ้องหน้าของหญิงสาวอย่างพินิจต้องการทราบว่านางเป็นใคร? เพราะในเวลานี้เขากำลังปลอมตัวอยู่ มีน้อยคนนักที่จะมองออกว่าเขาคือจักรพรรดิแห่งต้าเจิ้ง ถ้าไม่ใช่ผู้ที่พบเจอหรือเห็นหน้าเขาบ่อยๆ

"ซานซาน! ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี้กัน?" เมื่อฟู่เทียนซาเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นใคร เขาจึงถามขึ้นด้วยความงุนงง

โฉมสะคราญนางนี้มีชื่อว่า ต่งซานซาน เป็นเจ้าเมืองสมุทรสยบบูรพาแห่งนี้ และยังเป็นน้องสะใภ้ของเขาอีกด้วย การที่นางมาอยู่ที่นี้จึงทำให้ฟู่เทียนซารู้สึกสับสนไม่น้อย

แต่เมื่อฮ่องเต้ต้าเจิ้งผู้นี้ได้คิดและนึกย้อนกลับไปเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ซึ่งหมายความว่าหนิงหลงมีสายตาเฉียบคมดุจเหยี่ยวที่จ้องจับเหยื่อ เพียงแค่เข้าเมืองมาได้ไม่นาน หญิงสาวนางแรกที่เขาได้ไปเกี้ยวพาก็เป็นถึงเจ้าเมือง!

ฟู่เทียนซาอดไม่ได้ที่จะตะลึงเผิดขึ้นมาอีกครั้ง ขนาดนางปิดบังตัวตนจนตัวเขายังจำแทบไม่ได้ แต่หนิงหลงกลับมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง นี่ นี่ นี่มันสมชื่อคุณชายเจ้าสำราญอันดับหนึ่งของแผ่นดินเสียจริง

ไม่ได้การแล้ว พอเขากลับถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่จะรีบออกราชโองการเพื่อพระราชทานอวยยศ 'คุณชายเจ้าสำราญอันดับหนึ่งของแผ่นดิน' ให้กับหนิงหลงอย่างสมเกียรติ!

การหลบหนีออกจากวังมาเที่ยวเล่นท่องยุทธภพครั้งนี้ นับว่าเปิดหูเปิดตาเขาจริงๆ

"ข้-"

ในขณะที่ต่งซานซานกำลังจะเอ่ยตอบ นางมารสวรรค์เย่ฉุ่ยเหยาก็ได้พูดขึ้นมาก่อนว่า "ดูท่าว่ายัยหนู จะมีใจให้กับสามีข้า ไม่เช่นนั้นคงไม่ตามติดเขาจนมาถึงที่แห่งนี้"

เมื่อนางถูกเย่ฉุ่ยเหยาแซวเช่นนี้ จึงก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย กำชายกระโปรงแน่น

"เจ้ามีใจให้ข้าหรือ?" หนิงหลงยิ้มกล่าวเฉยเมย

ซานซานเปิดปากขึ้นเตรียมที่จะตอบปฏิเสธ แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดเสียงของเธอถึงไม่สามารถเปล่งออกมาได้ ราวกับว่าคำพูดมันจุกอยู่ที่ลำคอ มิสามารถที่จะเอื้อนเอ่ยออกไป

'นี่ข้ามีใจให้เขาหรือ?' นางได้แต่คิดในใจที่สั่นหวั่นอย่างรุนแรง

"ถ้ามีไม่จริงก็อย่าพูดดีกว่า..." สิ้นเสียง หนิงหลงลุกขึ้นออกจากโต๊ะ เดินตรงไปที่ประตูโรงเตี๊ยมทันที และแน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะเปิดดนตรีประกอบเป็นพื้นหลังด้วย

"..."

เมื่อได้ยินเสียงเพลง บรรดาผู้คนในโรงเตี๊ยมได้แต่นั่งตาปริบๆ จ้องมองแผ่นหลังของหนิงหลงที่ค่อยๆ ขยับห่างออกไปอย่างช้าๆ

ในใจพวกเขาล้วนแล้วแต่มีคำถามมากมายเป็นพันล้านคำที่อยากจะเอ่ยถามออกไป...