webnovel

คลื่นใต้น้ำ

ณ สถานที่ที่อยู่ลึกไปในเทือกเขาคุนหลุน ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนา ท่ามกลางเสียงใบไม้ที่เสียดสีกัน ปรากฏชายหนุ่มท่าทีจองหอง อหังการปราศจากผู้เทียบเทียมเดินเข้ามาในเวลานี้ เมื่อเขาก้าวเท้าเข้ามาบนผืนแผ่นดินนี้พลันทำให้หมอกควันที่ปกคลุมอยู่จางหายไป

ชายหนุ่มผู้นี้มีกลิ่นอายผู้สูงศักดิ์ลอยออกมาจากตัว ทำให้ผู้พบเห็นถึงกับต้องก้มกราบค้อมตัวต่ำ เหมือนดั่งเขาคือกษัตริย์องค์หนึ่ง ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต้องหวั่นเกรงในตัวของเขา

ยามที่ชายหนุ่มผู้นี้เหยียบย่ำเข้าไปในดินแดนแห่งนี้ ปรากฏสายตานับร้อยจ้องมองไม่ขาดสาย ทุกสายตาเต็มไปด้วยความรังเกียจดูถูก ย่อมบ่งบอกว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่เป็นที่ต้อนรับของสถานที่แห่งนี้มากเพียงใด

ควอนมูกุง องค์ชายลำดับสองแห่งราชวงศ์โชซ็อน หนึ่งในสี่แคว้นของอาณาจักรเกาลี่

ควอนมูกุงได้หยุดลงเมื่อก้าวเท้าเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ สายตาของเขาตกอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนตัวหนึ่ง ที่โต๊ะหินอ่อนมีบุรุษนั่งอยู่คนหนึ่ง บุรุษผู้นี้แลดูมีอายุมาก แม้ว่าผมของเขาจะยังคงดำสนิท แต่ว่า ให้ความรู้สึกผู้คนเหมือนว่าเขากำลังใกล้จะตายอยู่แล้ว เหมือนว่าเขาคืออาทิตย์อัสดงที่พร้อมตกได้ทุกเมื่อ

บุรุษในวัยชราผู้นี้สวมชุดสีเทาทั้งชุด นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสบายอารมณ์ ไม่ปรากฏบุคลิกลักษณะอะไรเป็นพิเศษ ท่าทีดูมีระดับไม่น้อยทีเดียว

"ผู้อาวุโสคัสซาดิน" แม้ว่าบุรุษผู้นี้ดูจะปราศจากชื่อเสียง แต่ว่า ควอนมูกุงยังคงเรียกเขาว่าผู้อาวุโสคำหนึ่ง ควรจะรู้ว่า ควอนมูกุงนั้นคือองค์ชายลำดับสองแห่งราชวงศ์โชซ็อนสามารถทำให้เขาเรียกว่าเป็นอาวุโสหาใช่เป็นเรื่องง่ายดาย

คัสซาดิน หนึ่งในผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์ยุทธ์ที่ซ่อนเร้น ผู้ครองอำนาจอยู่เบื้องหลังของพรรคทมิฬ ชื่อเสียงของเขาไม่ได้โด่งดังเป็นพิเศษ เหมือนสี่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ทว่า คนที่รับรู้ถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของเขา ต้องให้ความยำเกรงตัวเขายิ่งนัก

"องค์ชายมูกุงเดินทางมาไกล ไม่ทันได้ต้อนรับ" คัสซาดินยังคงนั่งตามอารมณ์อยู่ตรงนั้น เพียงพูดออกมาเรียบเฉยโดยไม่มีทีท่าจะลุกขึ้นต้อนรับ

ดวงตาทั้งสองของควอนมูกุงจ้องมองไปที่คัสซาดิน พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้สายตาสามารถมองทะลุผ่าน เหมือนต้องการมองคัสซาดินให้ขาดอย่างนั้น

คัสซาดินนั่งอยู่ตรงนั้นกลับไม่ตระหนกวิตกแต่อย่างใด ต่อให้สายตาของควอนมูกุงน่ากลัวยิ่งกว่านี้ ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อเขาแม้แต่น้อย เหมือนว่าทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึงอย่างนั้น

"การเกี่ยวดองสมรสครั้งนี้ ผู้อาวุโสรับปากด้วยตัวเอง และพรรคทมิฬก็จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่" ควอนมูกุงค่อยๆ เอ่ยขึ้นมาช้าๆ "แต่ว่า ผู้อาวุโสคัสซาดิน เวลานี้ต้าเจิ้งยกเลิกการแต่งงานในครั้งนี้ อีกทั้งยังสังหารคณะทูตจนหมดสิ้น ขณะที่ผู้อาวุโสกลับนิ่งดูดาย! นี่มันหาใช่เป็นข้อตกลงระหว่างผู้อาวุโสกับราชวงศ์โชซ็อนของพวกเรา!"

"เรื่องการเกี่ยวดองสมรสหาใช่ว่าข้านิ่งดูดาย และหาใช่พรรคทมิฬของข้าไม่ลงมือ" คัสซาดินส่ายหน้าเบาๆ กล่าวว่า "เหตุเกิดเพราะหนิงหลง หนิงหลงผู้นี้เหมือนดั่งภูตผีพรายที่อยู่ๆ ก็โผล่มาจากที่ไหนก็ไม่ทราบ อีกทั้งยังยากลึกสุดจะหยั่งถึง"

"ก็แค่พวกไร้แซ่คนหนึ่งเท่านั้นถึงกับทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์ยุทธ์หวั่นเกรง" ควอนมูกุงกล่าวด้วยท่าทีเย้ยหยันว่า "การนิ่งดูดายในครั้งนี้ของผู้อาวุโสทำให้ผู้คนอดคิดไม่ได้ว่าพรรคทมิฬมีความสามารถจริงหรือไม่?"

การมาที่นี่ของควอนมูกุงดูเหมือนต้องการจะมาเพื่อต่อว่าตำหนิ คนอื่นไม่กล้าทำเช่นนี้ต่อหน้าคัสซาดิน แต่ควอนมูกุงกล้าทำ เขาที่เป็นถึงองค์ชายลำดับสอง และยังถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะที่มากด้วยพรสวรรค์ในยุคนี้ เคยเกรงกลัวใครตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ยิ่งไปกว่านั้น ด้านหลังของเขายังมีราชวงศ์โชซ็อนที่เป็นแคว้นอันดับหนึ่งของเกาลี่ เรียกได้ว่าเขาไม่เคยเกรงกลัวผู้ใดในหล้าทั้งสิ้น การที่เขายอมเรียกคัสซาดินว่าผู้อาวุโสก็นับว่าได้ให้เกียรติอย่างเต็มที่แล้ว

สำหรับน้ำเสียงที่แสดงถึงการตำหนิติเตียนของควอนมูกุงนั้น คัสซาดินไม่ได้แสดงความโกรธออกมา เขายิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า "หากข้าเป็นคนลงมือเองคงไม่มีความหมายอะไรสักเท่าไร โอกาสนี้สมควรเก็บไว้ให้อัจฉริยบุคคลเช่นท่าน เวลานี้หนิงหลงผู้นี้ชื่อเสียงโด่งดังดั่งพระอาทิตย์กลางหาว ลือลั่นขจรไปนับแสนๆ ลี้"

"หนิงหลงเป็นเพียงกองกระดูกใต้ฝ่าเท้าขององค์ชายเท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้น สาวงามย่อมต้องเป็นขององค์ชาย โอกาสดีๆ เช่นนี้หากข้าลงมือย่อมเป็นการแย่งเอาความโดดเด่นขององค์ชายไป ต่อให้ข้าเอาชนะหนิงหลงได้ มันก็เป็นแค่ขี้ปากคนอื่นว่าผู้ใหญ่รังแกเด็กเท่านั้นเอง"

คัสซาดินพูดเจื้อยแจ้วไพเราะน่าฟัง ถูกต้องตามจังหวะจะโคน และสมเหตุสมผลอย่างสิ้นเชิง

ควอนมูกุงได้แต่ส่งเสียงฮึออกมาเบาๆ ที่คัสซาดินพูดออกมาก็มีเหตุผล และเขาไม่สามารถตอบโต้คำพูดลักษณะเช่นนี้ของคัสซาดินได้

"ในเมื่อผู้อาวุโสคัสซาดินพูดเช่นนี้ เป็นข้าที่บุ่มบ่ามไปแล้วล่ะ" ควอนมูกุงกล่าว

คัสซาดินยิ้มกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า "การเกี่ยวดองสมรสระหว่างสองราชวงศ์เป็นเรื่องที่แน่นอนดั่งหินผา องค์ชายไม่ต้องเป็นห่วง สิ่งที่องค์ชายต้องทำก็คือเอาชนะหนิงหลง และตัดศีรษะของเขาออกมา ยึดขโมยเอาชื่อเสียงมาให้หมดจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง"

"ขอยืมคำพูดของผู้อาวุโส เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล" ควอนมูกุงมั่นใจสุดๆ เชื่อมั่นในตนเองเต็มเปี่ยม กล่าวว่า "แม้ว่าชื่อเสียงเรื่องความโหดของหนิงหลงจะโด่งดังยิ่ง มีความฮึกเหิมรุนแรง แต่ว่า ขอเพียงได้พบกับมันก็จะตัดหัวสุนัขออกมา เพื่ออาศัยเลือดของมันมาเซ่นไหว้คณะทูตที่ตายไป!"

จะโทษควอนมูกุงที่มั่นใจในตนเองเต็มเปี่ยม เชื่อมั่นในตนเองเต็มที่ก็ไม่ได้ เขาเป็นอัจฉริยะที่เปี่ยมล้นด้วยพรสวรรค์ชนิดหาตัวจับได้ยาก รวมกับตำแหน่งองค์ชายสองแห่งราชวงศ์โชซ็อน และยังเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับเจ็ด เวลานี้ เหลือเพียงอย่างเดียวก็คือชื่อเสียงในยุทธภพ กล่าวสำหรับเขาแล้ว ในทวีปนิรันดร์ยังจะมีกลุ่มคนรุ่นใหม่สักกี่คนที่เป็นคู่ต่อสู้กับเขาได้?

ในสายตาของควอนมูกุงมองว่า ต่อให้หนิงหลงยอดเยี่ยมมากเพียงใดก็ตาม การสังหารหนิงหลงก็เป็นเพียงสิ่งที่ช้าหรือเร็วเท่านั้น

"อย่าได้ประมาทศัตรู" คัสซาดินกล่าวขึ้นมาช้าๆ ด้วยความเกรงกลัวว่า "ด้วยความสามารถขององค์ชาย การที่จะสังหารหนิงหลงใช่จะเป็นเรื่องยาก แต่ว่า ข้างกายของหนิงหลงก็มีผู้ยิ่งใหญ่ให้การสนับสนุนอยู่ ข้างกายของเขามีมารสวรรค์เย่ฉุ่ยเหยา และพระเชษฐภคินีฟู่เยว่เทียนคอยให้ท้าย ความแข็งแกร่งของผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะดูถูกไม่ได้เลย!"

"ครึ่งก้าวปรมาจารย์ยุทธ์เท่านั้นเอง" ควอนมูกุงกล่าวด้วยความมั่นใจในตนเองว่า "ใช่ว่าจะมีครึ่งก้าวปรมาจารย์ยุทธ์ในโลกเพียงคนสองคนเสียเมื่อไหร่"

ในยุคปัจจุบัน ผู้ที่กล้าดูถูกครึ่งก้าวปรมาจารย์ยุทธ์ถึงเพียงนี้คงมีอยู่ไม่มาก ควอนมูกุงก็คือหนึ่งในจำนวนนั้น ขณะเดียวกัน ตัวเขาเองก็มีครึ่งก้าวปรมาจารย์ยุทธ์อยู่ข้างกายเหมือนกัน

ความจริงแล้ว การที่ควอนมูกุง มีความมั่นใจในตัวเองก็ใช่จะอวดดี แต่เพราะว่าตัวเขานั้นมีต้นทุนเพียงพอที่จะหมางเมินต่อเหล่าผู้กล้า ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรได้!

"องค์ชายอย่าได้ประมาท ความสำเร็จขององค์ชายในวันนี้นับได้ว่าเป็นหนึ่งไม่มีสอง" คัสซาดินกล่าวว่า "แต่ว่า คำโบราณว่าไว้ว่า สองกรผู้กล้ายากจะต้านรับสี่กรอสูร องค์ชายสมควรระวังตัวเอาไว้เป็นการดี สามัญสำนึกระดับชั้นพลังทั่วไปไม่สามารถนำไปใช้กับพวกนางได้ ควรที่องค์ชายเชิญระดับปรมาจารย์ยุทธ์ลงมือเป็นผู้คุ้มกัน หากกวาดล้างพวกเสือสิงห์กระทิงแรดให้เรียบไยต้องกลัวว่าจะไม่ได้เป็นเจ้าป่า ไหนเลยไม่ได้สาวงามไปครอบครองเล่า?"

"เรื่องเช่นนี้ผู้อาวุโสวางใจได้ ท่านผู้พิทักษ์คิมจะต้องออกมาคุ้มครองให้กับข้าแน่นอน" ควอนมูกุงกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า "แต่มีเรื่องหนึ่งผู้อาวุโสอย่าได้นิ่งดูดาย พรรคทมิฬของท่านกับข้าเป็นพันธมิตรต่อกัน ผลประโยชน์ร่วมกัน!"

"ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไร?" คัสซาดินยิ้มกล่าวว่า "ขอเพียงองค์ชายต้องการอะไร ข้าและพรรคทมิฬไหนเลยกล้าปฏิเสธ จะต้องรับใช้องค์ชายอย่างแน่นอน!"

"เวลานี้มีกิเลนปรากฏตัวขึ้น และยังคงซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาลึก ดังนั้น ข้าต้องการให้ผู้อาวุโสคัสซาดินส่งคนมาเป็นผู้นำทางให้ข้า คอยจัดการกวาดล้างเปิดทางให้" เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ดวงตาทั้งสองดูน่ากลัว มีลักษณะท่าทีที่ข่มขวัญผู้คน

"ที่แท้คือเรื่องนี้นี่เอง" คัสซาดินหัวเราะและกล่าวว่า "เรื่องเล็กน้อยแค่นี้องค์ชายวางใจได้ ขอเพียงมีบัญชา พรรคทมิฬจะต้องให้การรับใช้ต่อองค์ชาย"

"งั้นก็ดี ข้าจะรอข่าวจากผู้อาวุโส" ควอนมูกุงพยักหน้า และจากไปอย่างอิ่มอกอิ่มใจ

เมื่อควอนมูกุงจากไปแล้ว บุรุษที่รูปร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าคัสซาดิน บนตัวของเขาสวมเสื้อคลุมสีดำที่ยาวมาก เสื้อคลุมปกปิดใบหน้าหน้าไว้ แต่ไม่ได้คลุมแขนทั้งสองข้าง ทำให้เห็นรอยสักที่เป็นลวดลายโซ่สีแดงรอบแขนดูสะดุดตา จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาไป

บุคคลผู้นี้ก็คือศิษย์ของคัสซาดิน และเป็นผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อคัสซาดินมาโดยตลอด

"คาซิม เจ้าส่งยอดฝีมือสักหลายคนไปนำทางให้กับเขา จัดการเปิดทางให้เขาได้เข่นฆ่าให้หนำใจ เขาจะได้พอใจกับเกียรติอันจอมปลอมนี้ของเขา" คัสซาดินสั่งการกับคาซิม

"อาจารย์โปรดวางใจ ข้าจะส่งยอดฝีมือที่คุ้นเคยกับเทือกเขาคุนหลุนที่สุดไปนำทางให้กับองค์ชายมูกุง" คาซิมตอบด้วยความเคารพนอบน้อม

คัสซาดินเพียงยิ้มนิดหนึ่ง กล่าวสำหรับ หมากอยู่ในมือของเขา หากราชวงศ์โชซ็อนคิดจะเป็นเฒ่าประมงล่ะก็ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

"อาจารย์ แคว้นทั้งห้ารับข้อเสนอของพวกเราแล้ว" คาซิมได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในต้าอู๋ต่อคัสซาดิน

"ข้ารู้แล้ว" คัสซาดินพยักหน้า เขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย กระทั่งกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่อยู่ในความคาดคิดของเขาอยู่แล้ว