webnovel

ขุนแผนแดนมังกร

ข่าวการปรากฏตัวของกิเลนที่แพร่กระจายไปทั่วทุกพื้นที่ของทวีปนิรันดร์ภายในระยะเวลาอันสั้น ทำให้สำนัก นิกายและ แคว้นต่างๆ บนทวีปนิรันดร์จำนวนมากในเวลานี้ต่างทยอยกันส่งกองกำลังของตนรุดไปยังเทือกเขาคุนหลุน

การปรากฏตัวของกิเลนนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ในส่วนของรายละเอียดที่ว่าจะมีคุณสมบัติตรวจจับของวิเศษได้นั้น ทุกคนไม่กล้ายืนยัน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม กล่าวสำหรับสำนัก สำหรับผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากแล้ว กิเลนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ลึกลับอย่างยิ่ง มีอยู่เพียงแค่ในตำนานเท่านั้น การที่มีกิเลนปรากฏตัวขึ้นมาบนโลกเป็นสิ่งที่สุดจะเหลือเชื่อเท่าที่เคยมีมาแล้วล่ะ

"เจอกันที่เขาคุนหลุนน้องบ่าว" ไม่ว่าจะเป็นศิษย์หนุ่มหรือยอดฝีมือรุ่นอาวุโสของแต่ละสำนัก เมื่อได้ยินข่าวนี้แล้วต่างนั่งกันไม่ได้ ทยอยกันเดินทางมุ่งหน้าสู่เทือกเขาคุนหลุน

เนื่องจากประโยชน์ของเขากิเลนนั้นกว้างเหลือเกิน เขากิเลนไม่เพียงสามารถนำมารักษาอาการบาดเจ็บ ทั้งยังสามารถเอามาปรุงยาเม็ดเพิ่มพลังวัตร ยิ่งกว่านั้นยังสามารถเพิ่มอายุวัฒนะได้อีกด้วย เรียกได้ว่าประโยชน์ของเขากิเลนนั้นคือหนึ่งในโอสถวิเศษสารพัดประโยชน์ ค่าตัวของมันก็สูงมากเป็นพิเศษ

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญตนอายุน้อย หรือยอดฝีมือรุ่นอาวุโสล้วนแล้วแต่ต้องการให้ได้มาซึ่งเขากิเลนสักส่วนหนึ่ง คนอายุน้อยต้องการได้เขากิเลนมาเพิ่มพลังวัตร คนรุ่นอาวุโสต้องการเขากิเลนมาเพิ่มอายุวัฒนะ! เวลานี้ ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาคุนหลุน

เมื่อจักรพรรดิมารจี้เทียนและกลุ่มบรรพบุรุษนิกายมารก็ได้ยินข่าวเกี่ยวกับกิเลนถึงกับรู้สึกตกใจอย่างยิ่ง แม้แต่พวกเขาที่อยู่กันมาเก่ากะลาขาข้างหนึ่งจะก้าวลงโลงแล้วก็ไม่เคยได้เห็นกิเลนตัวเป็นๆ มาก่อน

"ใต้เฒ่าต้องการไปดูกิเลนรึไม่?" จักรพรรดิมารจี้เทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น

สำหรับคำพูดของจักรพรรดิมารจี้เทียนนั้น หนิงหลงถึงกับยืนทึ่งตะลึงงันเป็นตัวโง่งม ภายในยากสุดจะพรรณนาว่าอันตัวข้านั้นทะลุมิติหลุดมายังยุคไหนกันละเนี่ย?

แรกเดิมทีนั้นคิดว่าเป็นแนวพีเรียดจีน แต่พอได้พบพวกจอมยุทธ์ยิงระเบิดคลื่นลมปราณใส่กันบึ้มบั้มซัมเบ้ ก็ขอลบความคิดก่อนหน้านั้นทิ้งไปได้เลย และในตอนนี้ก็มั่นใจร้อยส่วนแล้วว่าอยู่ในโลกจอมยุทธ์กำลังภายใน แต่อยู่ดีๆ ดันมีสัตว์วิเศษในตำนานปรากฏตัวขึ้นมาอีก อันตัวข้านั้นมิได้หลุดมายังโลกแนวเทพเซียนแหวกทะเลเคลื่อนภูเขาตัดท้องฟ้าจริงๆ หรอกใช่ไหม? ถ้ามีมังกรหรือหงส์เพลิงปรากฏตัวขึ้นมาอีก หัวใจดวงน้อยดวงนี้น่าจะรับไม่ไหวแล้วล่ะ

"ใต้เฒ่า กิเลนปรากฏกาย พวกเราสมควรรีบรุดไปโดยไว เพื่อชิงเอาตัวกิเลนมาไว้ครอบครอง ส่วนเขาของกิเลนนั้นมีคุณสมบัติครอบจักรวาล ไม่แน่ว่าอาจช่วยให้ใต้เฒ่าสามารถเปิดจุดลมปราณได้" จักรพรรดิมารจี้เทียนกล่าวพลางฉีกยิ้มกว้าง

"แล้วพวกเจ้าจะยืนรอฮ่องเต้มาตัดเชือกเปิดพิธีก่อนหรือยังไง ไปๆ" หนิงหลงวิ่งแจ้นออกจากจวนพลางหัวเราะร่าด้วยความดีใจ เมื่อได้ยินว่าเขาของกิเลนมีสรรพคุณช่วยเปิดจุดลมปราณทำให้สามารถบำเพ็ญตนได้

ท่าทางที่กระตือรือร้นของหนิงหลงสร้างความประหลาดใจให้กับกลุ่มบรรพบุรุษนิกายมารอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มเจ้าสำราญผู้นี้ยังงอแงหาสารพัดข้ออ้างร้อยแปดพันเก้าไม่อยากจะฝึกยุทธ์อยู่เลย แต่มาคราวนี้กลับสับสองขาวิ่งนำหน้าไม่รอใคร

จังหวะที่ทางฝั่งนิกายมารกำลังเรียกระดมพลไปยังเทือกเขาคุนหลุนอยู่นั้น อาณาบริเวณรอบๆ เทือกเขาคุนหลุนพลันปรากฏเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้นมาเป็นระลอก มองเห็นกองกำลังอาชาที่วิ่งห้อเข้ามา

กองกำลังอาชานี้มีความองอาจห้าวหาญอย่างยิ่ง มีท่าทีที่เกรียงไกรดุดัน ยามที่พวกเขาผ่านจากไปนั้น สร้างความหวาดหวั่นอย่างยิ่ง บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่กำลังเดินทางอยู่รอบข้างต่างทยอยกันหลีกทางให้ เมื่อมองเห็นกองกำลังอาชาที่วิ่งห้อกันมาเหล่านี้

ผู้ที่เป็นขุนพลคุมกองกำลังอาชานี้กลับเป็นสตรีคนหนึ่ง สตรีผู้นี้สวมชุดเกราะหนังทั้งชุด อีกทั้งยังเต็มไปด้วยบุคลิกที่องอาจห้าวหาญดั่งบุรุษ ขี่พยัคฆ์ขาว วิ่งนำหน้าไปด้วยความเร็วดั่งพายุ

"กองทัพของชาวทูเจวี๋ย" ครั้นบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่กำลังเดินทางอยู่รอบข้างมองเห็นธวัชของกองกำลังนี้แล้วต่างทยอยกันหลีกทางให้ และกล่าวด้วยความตระหนก

ชาวทูเจวี๋ยคือหนึ่งในขุมกำลังขนาดใหญ่บนทวีปนิรันดร์ในยุคปัจจุบัน ชาวทูเจวี๋ยได้กุมกำลังอำนาจบนทวีปนิรันดร์เอาไว้ไม่น้อยทีเดียว อีกทั้งพวกเขามาจากการรวมตัวกันหลายชนเผ่า รวมแล้วเรียกว่าชาวทูเจวี๋ย! ชนเผ่านอกด่านเหล่านี้ตั้งรกรากอยู่แดนเหนือถัดไปจากราชวงศ์เจิ้งและห้าแคว้น

"องค์หญิงใหญ่ออกโรงด้วยตนเองนะเนี่ย" จักรพรรดิมารจี้เทียนและกลุ่มบรรพบุรุษนิกายมารที่กำลังเดินทางไปเขาคุนหลุนรู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินข่าวคราวการมาถึงของกองทัพชาวทูเจวี๋ย กล่าวด้วยท่าที่หวั่นไหวยิ่งนัก

"อวี้รั่วหยุน!" ฟู่เยว่เทียนก็รู้สึกตกใจเช่นกัน นางที่เป็นพระเชษฐภคินีของฮ่องเต้ต้าเจิ้งย่อมเคยได้ยินชื่อองค์หญิงใหญ่ของชาวทูเจวี๋ยเช่นกัน

"องค์หญิงใหญ่ของทูเจวี๋ย สตรีที่ถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะระดับปีศาจ" ดวงตางามของเย่ฉุ่ยเหยาเป็นประกาย เผยรอยยิ้มงามหยาดย้อยออกมา

"ไถ่ถามว่าในรุ่นนี้ผู้ใดที่พอจะเทียบเคียงกับพวกข้าได้ ชื่อของนางคือหนึ่งในนั้น" ฟู่เยว่เทียนเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า "นางคือความหวังของเผ่านอกด่าน และเป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในยุคนี้ ทักษะยุทธ์นางเหนือกว่าบิดาของนางข่านแห่งทูเจวี๋ยเสียอีก ฟังว่านางได้มาถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับสิบปลายแล้ว กำลังเตรียมที่จะทะลวงขึ้นสู่ระดับสิบเอ็ด!"

"ได้เห็นนางแล้วเหมือนย้อนมองตัวข้าในสมัยนั้น" เย่ฉุ่ยเหยายิ้มขึ้นมาช้าๆ รอยยิ้มของนางงดงามยิ่งหนัก สมกับชื่อนางมาร "การที่นางปรากฏตัวขึ้นเวลานี้ไม่พ้นว่าต้องการเขากิเลนมาช่วยเสริมพลังวัตร"

อวี้รั่วหยุนนับว่ามีชื่อเสียงโด่งดังยิ่ง นางคือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่กล้าแข็งมากที่สุด ฟังว่าทักษะของนางก้าวไปถึงระดับกับสตรีประหลาดเฉกเช่นเย่ฉุ่ยเหยาและฟู่เยว่เทียนแล้ว เทียบกับจักรพรรดิมารจี้เทียนแล้วยังสูงกว่าเสียอีก จักรพรรดิมารจี้เทียนเป็นยอดฝีมือครึ่งก้าวปรมาจารย์ยุทธ์ ขณะที่อวี้รั่วหยุนกลับอยู่ในผู้ฝึกยุทธ์ระดับสิบปลาย ย่อมประเมินได้ว่านางเหนือกว่าจักรพรรดิมารจี้เทียนอยู่เท่าไร

เคล็ดวิชาที่อวี้รั่วหยุนฝึกคือเคล็ดวิชาที่นางสร้างขึ้นมาเอง เนื่องจากเคล็ดวิชาส่วนใหญ่ในโลกบำเพ็ญตนนั้นเหมาะแก่การให้บุรุษฝึกเสียมากกว่า โดยเฉพาะระบบการปกครองแบบชนเผ่าที่นางอาศัยก็มีแนวคิดที่บุรุษมีอำนาจเป็นใหญ่เหนือสตรีอยู่แล้ว นางจึงต้องการที่จะพิสูจน์ตนเอง ค้นหาเส้นทางและสร้างสุดยอดเคล็ดวิชาไร้เปรียบขึ้นมา เพื่อแสดงให้เห็นว่าอิสตรีนั้นเองก็ไม่ได้ด้อยกว่าบุรุษ

เมื่อนางได้แสดงพลานุภาพให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ชัด เรียกได้ว่า ไม่เพียงเผ่าทูเจวี๋ยที่เป็นชาติกำเนิดของนาง แม้แต่ชนเผ่าที่อยู่นอกด่านทั้งหมดก็ฝากความหวังเอาไว้กับนางสูงมาก เนื่องจากเวลานี้ชนเผ่านอกด่านต้องการให้มียอดฝีมือแข็งแกร่งถือกำเนิดขึ้นมา เพื่อช่วยให้ชนเผ่านอกด่านหลอมรวมเป็นหนึ่งกลายเป็นประเทศอย่างแท้จริง สามารถยืนหยัดเคียงคู่กลุ่มมหาอำนาจโดยรอบได้อย่างเท่าเทียม

เวลาส่วนใหญ่ของอวี้รั่วหยุนจึงหมดไปกับการฝึกยุทธ์ น้อยครั้งนักที่จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในของเผ่า นางจึงไม่รับตำแหน่งข่าน แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ในฐานะอัจฉริยบุคคลผู้มีกำลังแฝงมากที่สุดของชนเผ่านอกด่าน อวี้รั่วหยุนจึงยังคงมีอำนาจอยู่ในมือมาก

อวี้รั่วหยุนไม่เพียงเป็นองค์หญิงใหญ่เท่านั้น นางยังเป็นจอมทัพหญิง ในมือของนางกุมอำนาจทหารของชาวทูเจวี๋ยทั้งหมด ด้วยเหตุนี้เอง ขณะที่ข่านแห่งทูเจวี๋ยยังมีพระชนม์ชีพอยู่นั้น จะมากหรือน้อยก็ต้องพึ่งพาในตัวของบุตรี

เวลานี้อวี้รั่วหยุนและกองทัพมุ่งหน้าไปเทือกเขาคุนหลุนด้วยตนเอง ไม่เพียงสร้างความตระหนกให้กับแคว้นต่างๆ โดยรอบอย่างยิ่ง แม้แต่สำนักและตระกูลโบราณจำนวนไม่น้อยก็ต้องตกใจยิ่งกับข่าวนี้

ทางด้านหนิงหลงที่กำลังนั่งฟังอยู่เงียบๆ ได้เผยรอยยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างมีเลศนัย

"ดูเหมือนว่าสามีจะสนใจนางไม่น้อย" เย่ฉุ่ยเหยามองเห็นรอยยิ้มและสายตาของหนิงหลงก็เข้าใจได้ทันที

"อะไรที่เป็นการลงทุนข้าเอาหมด" ครั้นหนิงหลงเอ่ยมาถึงตรงนี้ ประกายตาเต้นกระตุกทีหนึ่ง

"ก็ต้องดูว่าเจ้ามีความสามารถหรือไม่" แววตาของฟู่เยว่เทียนเย็นชา เผยท่าทางที่โกรธเล็กน้อยชวนหลงใหลอย่างยิ่ง โดยเฉพาะท่าทางที่แง่งอนนั้น ยิ่งทำให้ผู้คนหมายมั่นที่จะพิชิตให้จงได้

"วางใจเถอะ สามีของพวกเรามีความสามารถเช่นนี้แน่นอน" เย่ฉุ่ยเหยาหัวเราะเบาๆ ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์ว่า "ผลงานของเขาก็มีให้เห็นอยู่แล้วมิใช่รึ?"

เย่ฉุ่ยเหยากล่าวพลางเชยคางของฟู่เยว่เทียนขึ้นมา ท่าทางที่สตรีงามแห่งยุคสองคนหยอกเย้ากันเช่นนี้นับว่าเป็นที่น่าหลงใหลชวนล่มเมืองเหลือเกิน

กลุ่มบรรพบุรุษนิกายมารที่ได้ยินการสนทนาของทั้งสาม พลันขนลุกวาบ ภายในหัวบังเกิดความคิดที่ว่าอยากจะแกะสลักรูปประทับของหนิงหลงขึ้นมา และมอบให้กับบรรดาผู้เยาว์ในนิกายมารไว้ห้อยคอพกติดตัวบูชา