webnovel

ข้าเป็นนักรัก มิใช่นักรบ!

"เจ้าไม่สนใจไปอยู่เมืองหลวงกับข้าอย่างงั้นรึ?" ฟู่เทียนซารีบเอ่ยปากชวน เพราะเขากลัวว่าหนิงหลงจะอาศัยอยู่ที่นี่จริงๆ

การที่ให้ปรัชญาเมธีเฉกเช่นหนิงหลงอาศัยอยู่ที่นี่นับว่าเสียเปล่าแล้ว! มันเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับต้าเจิ้งโดยแท้จริง และยิ่งเขาเป็นน้องชายร่วมสาบานของตนด้วยแล้ว มีหรือที่พี่ใหญ่เช่นเขาจะปล่อยให้น้องเล็กใช้ชีวิตอัตคัด

"ท่านมีบ้านอยู่ที่เมืองหลวงด้วยหรือ?" หนิงหลงจ้องมองพี่ใหญ่ของตนด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อ คงไม่ใช่ว่าตัวเขาต้องไปนอนอยู่ริมถนนหรอกนะ

ทุกคนบนโต๊ะที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างพากันมองหนิงหลงเหมือนเห็นตัวโง่งม อย่างพี่ใหญ่ของเจ้าเนี่ยนะไม่มีบ้าน?

เหอะๆ นี่นับว่าเป็นเรื่องตลกที่สุดในสามภพแล้ว แผ่นดินที่เจ้าเหยียบอยู่ ณ ตอนนี้ ก็ไม่ใช่ว่ามันเป็นของพี่ใหญ่เจ้าเหมือนกันหรือ?

"พี่ใหญ่ของเจ้าเป็นถึงเจ้าเหนือหัวของแผ่นดิน แค่เจ้าต้องการตำหนักหรือพระราชวังสักหลังหาได้ยากเกินมือเขาไม่" เย่ฉุ่ยเหยาเผยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่รอยยิ้มกรุ้มกริ่มบนใบหน้าของนางเนี่ยสิช่างงดงามเหลือเกิน เรียกได้ว่าทำให้ผู้คนมองดูไม่รู้จักเบื่อ

ได้ยินเช่นนั้นหนิงหลงจึงเข้าใจได้แจ่มแจ้งถึงสถานะของฟู่เทียนซาทันที "แท้จริงแล้วท่านคือฮ่องเต้?"

พลันที่หนิงหลงพูดคำคำนี้ออกมา ทำเอาฟู่เทียนซาแทบจะหายใจไม่ออก

"ใช่..." สุดท้าย ฮ่องเต้ต้าเจิ้งพยักหน้าด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง

"ไอหยา~ พี่ใหญ่! แล้วทำไมท่านแสร้งเป็นขอทานเช่นนี้กันด้วยเล่า" หนิงหลงยิ้มและกล่าวว่า "ถ้าท่านเป็นฮ่องเต้ เช่นนั้นข้าก็เป็นอ๋องน่ะสิ! จากนี้ไปพวกท่านต้องเรียกข้าว่า อ๋องมังกรนิรันดร์กาล!!!"

'ขอทาน?'

'อ๋องมังกรนิรันดร์กาล?'

หนิงหลงเอ่ยจบ ทุกคนต่างหัวเราะลั่นสนั่นโรงเตี๊ยมอย่างชอบอกชอบใจ ก่อนหน้านี้หนิงหลงเป็นเช่นใด ตอนนี้เขาก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมพวกเขาถึงรู้สึกถูกอกชอบใจสหายน้อยผู้นี้เหลือเกิน

ถ้าเป็นผู้อื่นได้ทราบว่าฟู่เทียนซาคือมหาจักรพรรดิแล้วละก็ พวกเขาคงได้ตกใจผวาสั่นกันยกใหญ่ กระทั่งบางคนอาจล้มลุกคลุกคลาน พากันลงไปหมอบกราบขอประทานอภัย และคงไม่กล้าอ้างตนเป็นพี่น้องร่วมกันเหนือหัวของแผ่นดินแน่นอน

แต่ดูหนิงหลงผู้นี้สิ กลับไม่รู้สึกตกใจอะไรเลยแม้แต่น้อย ถึงกับกล้าคุยโวอวดอ้างพร้อมประทานยศให้ตนเป็นอ๋องและยังตั้งสมญานามเรียกขานว่า อ๋องมังกรนิรันดร์กาล!

เกรงว่าบนโลกนี้คงไม่มีคนบ้าเช่นเดียวกับหนิงหลงอีกแล้ว!!!

จังหวะที่กลุ่มของหนิงหลงกำลังพูดคุยสนทนากันอย่างออกรส ด้านนอกโรงเตี๊ยมปรากฏคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา คนกลุ่มนี้ต่างสวมใส่ชุดเกราะเต็มอัตราศึก นำโดยบุรุษผู้ห้าวหาญท่านหนึ่ง

กลุ่มคนในโรงเตี๊ยมคุ้นเคยกับบุรุษผู้นี้อย่างยิ่ง เขาก็คือเจี้ยนเฉิน ผู้บัญชาการทหารเรือแห่งราชวงศ์ต้าเจิ้ง

"แม่ทัพเจี้ยน!" ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามในโรงเตี๊ยมต่างรู้จักเขา เมื่อมองเจี้ยนเฉินที่เดินเข้ามา

สมควรทราบว่า กองทัพเรือของราชวงศ์เจิ้งนั้นมีประจำการอยู่แค่เพียงที่เดียว ซึ่งนั้นก็คือเมืองสมุทรสยบบูรพาแห่งนี้ ผู้ที่กุมอำนาจสูงสุดของกองทัพเรือต้าเจิ้งคือฮ่องเต้เจิ้งหยวนช่าง รองลงมานั้นคือแม่ทัพเจี้ยนเฉินผู้นี้นั้นเอง

มันจึงทำให้อำนาจในมือของเจี้ยนเฉินไม่ต่างอะไรไปจากจอมพลสูงสุดอย่างมู่หลินเทียนเลย เพราะกองทัพเรือต้าเจิ้งนั้นขึ้นต่อองค์จักรพรรดิต้าเจิ้งโดยตรง ทำให้ผู้ที่มีอำนาจสั่งการกองทัพเรือต้าเจิ้งนอกจากฮ่องเต้เจิ้งหยวนช่างแล้ว ก็มีแค่เจี้ยนเฉินเท่านั้น!

ดังนั้น เมื่อมีความสัมพันธ์เช่นนี้แล้ว จึงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยในแผ่นดินต้าเจิ้ง โดยเฉพาะประชากรในเมืองสมุทรสยบบูรพารู้จักเจี้ยนเฉินกันเป็นอย่างดี จะอย่างไรเสีย กองทัพเรือต้าเจิ้งได้ประจำการอยู่ที่เมืองสยบบูรพา หากต้องการข้ามผ่านท้องทะเลตงไห่ไปได้นั้นก็ต้องผ่านกองทัพเรือของต้างเจิ้งไปให้ได้เสียก่อน

เมื่อเจี้ยนเฉินได้เดินตรงมาถึงต่งซานซาน จึงกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมว่า "ท่านเจ้าเมือง พวกตงอิ๋น (ญี่ปุ่น) เครื่องทัพมาแล้ว"

สีหน้าของต่งซานซานพลันเปลี่ยนไป เมื่อได้ฟังคำเช่นนี้แล้ว ดูเหมือนว่าสิ่งที่นางกังวลมากที่สุดได้เกินขึ้นแล้วจริงๆ

"ที่จะมา อย่างไรเสียก็ต้องมา" ฟู่เทียนซากล่าวขึ้นมาช้าๆ "ไม่ว่าจุดจบจะเป็นอย่างไร ต้าเจิ้งได้เตรียมพร้อมเผชิญกับโชคชะตาของมันเอาไว้แล้ว!"

"ฝ่าบาท...!" เจี้ยนเฉินรีบก้มลงคุกเข่าทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของฟู่เทียนซา

"ออกไปให้หมด!" เวลานี้เย่ฉุ่ยเหยากล่าวน้ำเสียงน่าเกรงขามออกมา เส้นผมของนางได้สยายขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยลม แม้ว่านางจะยังไม่ได้ใช้พลังปราณออกมา แต่กลิ่นอายที่แผ่กระจายออกจากร่างของนางนับว่าเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนต้องหวาดผวาจนเข่าอ่อนแล้ว

พลันที่เย่ฉุ่ยเหยาพูดคำคำนี้ออกมา ผู้คนในโรงเตี๊ยมไม่ว่าจะเป็นปุถุชนเดินดินหรือยอดฝีมือเร้นกาย และบรรดาลูกคุณหนูตระกูลขุนนางต่างตกใจยกใหญ่ ทุกคนชิงวิ่งหนีออกจากประตูโรงเตี๊นม กระทั่งบางคนที่ไปแบบล้มลุกคลุกคลาน แม้กระทั่งทหารกล้าที่เจี้ยนเฉินนำมาด้วย ยังแข้งขาอ่อนแรงลงไปกองกับพื้น

ปัง! เสียงประตูหน้าต่างดังขึ้นหลังจากที่ทุกคนวิ่งหนีออกไปจากโรงเตี๊ยม ประตูหน้าต่างทุกบานภายในโรงเตี๊ยมพลันปิดลงอย่างแน่นหนา ทั่วทั้งโรงเตี๊ยมเสมือนหนึ่งห้องที่ถูกปิดตายเอาไว้

"เจ้า...ออกจะทำเกินไปแล้ว" ฟู่เทียนซายิ้มเจื่อนๆ

เย่ฉุ่ยเหยาทำท่ายักไหล่เบาๆ กล่าวว่า "เป็นถึงผู้ชายอกสามศอกจะมัวแต่สนใจเรื่องหยุมหยิมไปทำไมกัน"

คำพูดของเย่ฉุ่ยเหยาทำเอาฟู่เทียนซาถึงกับเบ๊ะปาก หันไปจ้องมองเจี้ยนเฉินและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า "แม่ทัพเจี้ยน ท่านมีความมั่นใจเท่าใด?"

"มากกว่าเจ็ดส่วนพ่ะย่ะค่ะ"

"ไม่เต็มสิบส่วน?"

เจี้ยนเฉินครุ่นคิดชั่วขณะหนึ่งและพยักหน้า

นับว่าสุดจะจินตนาการได้ เจ้าแห่งท้องทะเลตงไห่อย่างเจี้ยนเฉินยังมีความมั่นใจไม่ถึงสิบส่วน ศึกนี้ย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

"น้องเล็ก เจ้ามีความเห็นเช่นใด?" ฟู่เทียนซายิ้ม หันไปถามหนิงหลง

พลันที่ฟู่เทียนซาพูดคำคำนี้ออกมา เจี้ยนเฉินและลูกน้องของเขาต่างอ้าปากตาค้าง จ้องมองหนิงหลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ สมควรทราบว่าฟู่เทียนซาคือฮ่องเต้เจ้าเหนือหัวผู้ปกครองแผ่นดิน ว่ากันด้วยเรื่องฐานะแล้วก็อยู่จุดบนสุดของพีระมิดแล้ว และยังไม่รวมเรื่องที่เป็นยอดฝีมือระดับสิบอีก

จอมยุทธ์ระดับสิบในแผ่นดินนี้ ให้นับนิ้วมือยังได้เลย

แต่ว่าเวลานี้ฟู่เทียนซากลับเรียกเด็กหนุ่มที่ดูธรรมดาสามัญว่า 'น้องเล็ก' ด้วยท่าทางที่ดูเป็นกันเอง กระทั่งเรียกได้ว่าสนิทสนมเหมือนพี่น้องกันจริงๆ เจี้ยนเฉินจึงมองว่ามันคือเรื่องที่เหลือจะเชื่อ

"ลืมแนะนำให้ท่านได้รู้จัก นี่คือพระอนุชาของเรา อ๋องมังกรนิรันดร์กาล หนิงหลง!"

พระอนุชา? อ๋องมังกรนิรันดร์กาล? เจี้ยนเฉินที่ได้ยินเช่นนี้ถึงกลับกลายเป็นตัวโง่งมทันที

ราษฎรในแผ่นดินต่างทราบกันดีว่า ในราชวงศ์ต้าเจิ้ง บรรดาราชนิกุลของฮ่องเต้เจิ้งหยวนช่างนั้นหลงเหลือเพียงแค่ พระเชษฐภคินี และ พระราชธิดาแฝด เท่านั้น แล้วพระอนุชาตรงหน้านี้โผล่มาจากที่ใดกัน?

ส่วนทางด้านหนิงหลงที่ได้ยินคำถาม ภายในใจถึงกับสบถด่าออกมาว่า 'ไอ้เสื้อ ไอ้กางเกง ไอ้กางเกงใน!' หนิงหลงได้ด่าออกมาเป็นชุด!!!

เรื่องที่พวกท่านคุยกัน แน่นอนว่าข้าได้ยินหมดแล้ว ตงอิ๋นบุกรุกราน? เรื่องนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย

แต่ แต่ แต่ว่าพวกท่านก็คุยปรึกษากันไปสิ! จะมาขอความเห็นจากข้าทำไม? ข้าดูเหมือนนักรบผู้เกรียงไกร แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่มากหรือไงกัน? หรือว่าข้าดูเหมือนกุนซืออัจฉริยะ? นี่พวกท่านเห็นข้าเป็นจูเก้อเหลียงเหรอ?

ถึงชื่อข้าจะมีคำว่า หลง (龍) เหมือนกัน แต่ข้าพเจ้าผู้แซ่ หนิง (宁) ไม่ใช่ ว่อ (臥) ข้าไม่ใช่มังกรหลับแห่งซานซีอะไรนั่นหรอกนะ???

ขอโทษด้วยแล้วกันนะ ข้าชื่อ หนิงหลง (宁龙) เป็นวัยรุ่นเทสดีจากศตวรรษที่ 21 นอกจากคำคมที่บาดใจแล้ว ความรู้ด้านกลยุทธ์สงครามอะไรนั่นข้าไม่รู้เรื่องเลยสักนิด ถ้าเกิดว่าพวกท่านส่งข้าไปเกี้ยวพาองค์ราชินีหรือบรรดาองค์หญิงยังจะดีเสียกว่า

'พอดีว่าข้าไม่ใช่นักรบ แต่ข้าเป็นนักรักเนี่ยสิ เอ๊ะ!? จะว่าไปแล้วแผนการนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย...'