webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

677

บทที่ 677 ภาระหน้าที่

“ใช่” ทุกคนจะต้องชดใช้ให้กับทุกความผิดพลาด

ตอนนั้นเจียงจื้อหยวนลักพาตัวเธอเพื่อลูกสาว ไม่ว่าเธอจะเกิดใหม่หรือไม่ เจียงจื้อหยวนก็ถูกกรรมตามสนองแล้ว

หากไม่มีการเกิดใหม่ของเธอ ลูกสาวของเขาจะต้องถูกคนอื่นเหยียบย่ำ ถูกทุบตีด่าทอตั้งแต่อายุยังน้อยและเสียอนาคตเพราะว่าเขาติดคุก ทว่าพอมีการเกิดใหม่ของเธอ เพราะเรื่องวัยตอนเด็กจึงทำให้เธอกลัวเขาเป็นอย่างมาก ไม่สามารถเรียกเขาว่า ‘พ่อ’ อย่างที่เขาอย่างที่เขารอคอยได้

แม้กระทั่งเขาเองก็คงคิดไม่ถึงว่า เด็กสาวที่เขาเคยทำร้ายคนนั้น ท้ายที่สุดจะกลายเป็นผู้กุคุมชะตาชีวิตของเขาและเป็นคนที่มี ‘สิทธิ์’ ตัดสินชีวิตของเขาอย่างแท้จริง

เขาต้องการไถ่ชีวิตคืนอยากได้รับการอภัย แต่จะสามารถอภัยไถ่ชีวิตคืนได้หรือไม่นั้น ประเด็นคือสิ่งสำคัญอยู่ที่ เจียงเซ่อจะยอมเรียนรู้การเปิดใจ ยอมรับ ให้อภัยและปล่อยวางได้หรือไม่

ชะตาชีวิต ทำให้ความบังเอิญทั้งหมดกลายเป็นเส้นขนานกันนี้สมดุลกันในที่สุด

ตอนที่เจียงเซ่อออกมาจากห้องของเฝิงหนาน เฝิงจงเหลียงอยู่หน้าประตู มองเธอที่กำลังเดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม “หลานออกมาแล้วหรือ”

น้ำเสียงของเขาแฝงความดีใจ คำว่า ‘ออกมา’ ไม่ได้หมายความเพียงแค่ว่าเจียงเซ่อออกจากห้องของเฝิงหนาน แต่หมายความว่าเธอเดินออกมาจากอดีตอย่างแท้จริงแล้ว ไม่จมอยู่กับความทุกข์ในอดีต ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเพียงความทรงจำอันงดงาม

“ใช่ค่ะ หลานูออกมาแล้ว” เพียงแต่แต่ไม่รู้ว่้าเลยว่าเฝิงหนานจะได้ออกมาจริงๆ อย่างแท้จริงตั้งแต่ตอนไหนกัน

ในสายตาของเฝิงจงเหลียงเผยความปลาบปลื้ม เจียงเซ่อถามขึ้นว่า

“ปู่จะเข้าไปดูหน่อยไหมคะ?”

“ไม่แล้วล่ะ”

เขาส่ายหน้า ปล่อยให้เจียงเซ่อพยุงแขนเขา

“ที่ปู่มาที่นี่ เพราะมารอหลาน” แม้เฝิงหนานจะไม่ใช่เด็กที่เขาเลี้ยงมากับมือตัวจริง แต่เขาก็จะไม่ยอมให้ร่างนี้เป็นอะไรไป แม้จะไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับเฝิงหนาน ไม่มีเรื่องอะไรให้คุยกัน แต่คนอายุอย่างเขานั้น ให้ความสำคัญกับจิตใจมากกว่า ไม่ใช่ความสัมพันธ์ทางสายเลือด

ไว้ชีวิตเฝิงหนาน ส่งไปร่วมงานแต่งของเธอให้เธอแต่งออกไป คือสิ่งสุดท้ายที่เฝิงจงเหลียงสามารถทำให้เฝิงหนานได้ เวลาที่เหลือ เขาหวังอยากคุยกับหลานสาวแท้ๆ ของตนเองตัวเอง ใช้ชีวิตกับคนในครอบครัวมากกว่า

สองปู่หลานเดินไปข้างหน้าหลายก้าวก่อนจะเข้าลิฟต์ไป หลังจากคุยกันครู่หนึ่ง เฝิงจงเหลียงเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่าง ถือไม้เท้าด้วยมือข้างเดียว มืออีกข้างยื่นไปล้วงกระเป๋า หยิบหนังสือพิมพ์ที่พับเอาไว้ออกมา ยื่นให้เจียงเซ่อ “หลานลองดูสิ”

นี่เป็นหนังสือพิมพ์รอบเย็นของฮ่องกง เธอแปลกใจว่าทำไมเฝิงจงเหลียงอ่านหนังสือพิมพ์นี้เสร็จแล้ว ยังอุตส่าห์เก็บเอาไว้แล้วยังเอามาให้เธออ่านอีก

เมื่อเธอรับมาก็เห็นทันทีว่าหนังสือพิมพ์ที่เฝิงจงเหลียงพับไว้เขียนว่า ‘: พลเมืองดีฮ่องกง! หลายวันที่ผ่านมานี้มีคนถ่ายภาพพลเมืองดีที่ช่วยทำความสะอาดบริเวณถนน ‘ดวงตาของวิกตอเรีย’ เอาไว้ได้…’

รูปที่ลงในหนังสือพิมพ์ เจียงเซ่อดูออกว่าคือเจียงจื้อหยวน

เขากำลังก้มตัวลงทำความสะอาดถนน ตอนที่ถ่ายรูปเขา เขาก้ล้มหน้าลงอย่างระมัดระวัง จึงถ่ายได้เพียงแค่ด้านข้างของเขาเท่านั้น ปากที่เม้มแน่นของเขาแฝงความตั้งใจ เวลาที่โพสต์รูปนี้ คือหลังจากเจียงเซ่อติดต่อเจียงจื้อหยวนครั้งแรก

ตอนนั้นเขาคงจะคิดเอาไว้แล้วว่าจะพาเจียงเซ่อมาเดินบนถนนสายนี้ ในขณะที่เธอกำลังกังวลและหวาดกลัวกับการพบกันในครั้งนี้ เขากลับจริงจังกับการพบลูกสาวในครั้งนี้เป็นอย่างมาก

แม้จะไม่ใช่งานใหญ่อะไร เขาก็อยากตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุด

เพราะภาพๆ นี้ทำให้ความสำคัญของหนังสือพิมพ์หน้านั้นดูสูงค่าเป็นอย่างมาก

เฝิงจงเหลียงถอนหายใจ “หลังจากรู้ว่าเป็นเขา ปู่ฉันก็ให้คนไปลบข่าวนี้ออก”

หลังจากรู้ข่าว หนังสือพิมพ์ที่ถูกพิมพ์ออกมาในรอบนี้จึงถูกเฝิงจงเหลียงซื้อไว้ทั้งหมด ตระกูลเฝิงมีอำนาจมากพอในฮ่องกง ทุกๆ ปีมักเป็นลูกค้ารายใหญ่ของหนังสือพิมพ์ นิตยสารใหญ่ๆ หลายเจ้า สื่อข่าวต่างๆ จึงที่ให้เกียรติเฝิงจงเหลียงมาก

เขาเพียงแค่กลัวว่าถ้ารูปนี้ของเจียงจื้อหยวนจะถูกตีพิมพ์แล้วจะมีคนจำได้ จนเชื่อมไปถึงเจียงเซ่อ

“แต่ปู่รู้สึกว่าหลานควรได้เห็น”

เจียงเซ่อพับหนังสือพิมพ์เข้าเก็บเข้ากระเป๋าของตนเองตัวเองก่อนจะพูดเบาๆ ว่า

“ขอบคุณนะคะคุณปู่”

เฝิงจงเหลียงหัวเราะออกมาทีหนึ่ง บริเวณด้านนอกโรงพยาบาล เสี่ยวหลิวถือร่มเอาไว้ รอสองปู่หลานอยู่ข้างนอก หลังจากเห็นเฝิงจงเหลียงและเจียงเซ่อออกมา เสี่ยวหลิวก็เดินเข้าไปหาและหยิบผ้าพันคอออกมาพันให้เฝิงจงเหลียงก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะมองเจียงเซ่อตาเป็นประกายจนสุดท้ายก็แปรจนเปลี่ยนเป็นความสนิทสนม “คุณเจียงเซ่อ”

สำหรับการกลับมาของเฝิงจงเหลียง คนในตระกูลเฝิงต่างก็แย่งกันประจบประแจงเอาใจ แต่กลับลืมไปว่าในห้องพักฟื้นยังมี ‘คนของตระกูลเฝิง’ อีกคนที่กำลังได้รับบาดเจ็บอยู่ เฝิงจงเหลียงไม่อยากกลับไป อยากเดินเล่นแถวนั้นก่อน เสี่ยวหลิวรู้สถานการณ์จึงไม่ได้ตามไปด้วย พร้อมยื่นร่มในมือให้เจียงเซ่อ

เจียงเซ่อกางร่มเดิน สองปู่หลานเดินอย่างช้าๆ อยู่บนถนน ฝนบางๆ ตกใส่ร่มส่งเสียงดัง ‘ซ่าๆ’ ทำให้รู้สึกสงบอย่างไม่มีสาเหตุ

เฝิงจงเหลียงถามเจียงเซ่อว่าวันนี้ไปเยี่ยมเฝิงหนานมาเป็นอย่างไรยังไงบ้าง เจียงเซ่อเล่าสิ่งที่ตนเองตัวเองพูดกับเฝิงหนานให้ฟังเฝิงจงเหลียงฟัง นัยน์ตาของเขาเผยความพอใจออกมา สายตาที่มองเจียงเซ่อเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและความดีใจ

“หลานเป็นเด็กดี ที่หลานทำน่ะถูกต้องแล้ว”

เธอถูกสอนมาเป็นอย่างดี สิ่งที่ทำให้เฝิงจงเหลียงดีใจที่สุดคือเธอไม่ได้กลายเป็นคนไม่ดีเพราะได้รับผลกระทบมาจากพ่อแม่

“หวังว่าเจียงจื้อหยวนจะเข้าใจความตั้งใจนี้ของหลานนะ”

สำหรับเฝิงหนาน เฝิงจงเหลียงเดาว่าเธอคงไม่กล้าทำอะไรโดยไม่คิดอีกแล้ว ในโลกใบนี้สำหรับเธอก็เหมือนกับจอกแหนไร้รากยึดเกาะ อีกทั้งตอนแรกยังเผยพิรุธจนโลกใบนี้ไม่มีความแน่นอนและเพราะที่ผ่านมาถูกเผยอี้จับได้ รู้ฐานะที่แท้จริงของ ‘เธอ’ เข้าอีก เธอจะต้องอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเพื่อปกป้องตนเองตัวเองแน่

“ปู่ยังไม่ได้แสดงความยินดีกับหลานที่ได้รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังฝรั่งเศสเลย”

หลังจากจบเรื่องของเจียงจื้อหยวน เฝิงจงเหลียงก็คิดถึงเรื่องสำคัญของหลานสาวขึ้นมาได้ จึงพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข : “ความจริงปู่คิดว่าหลานควรจะได้รับรางวัลตั้งแต่หนังเรื่อง ‘Evil’ แล้วด้วยซ้ำ”

ตอนนั้นเจียงเซ่อถูกเสนอชื่อเข้าชิง แต่ท้ายที่สุดกลับไม่ได้รับรางวัล เฝิงจงเหลียงไม่พอใจมาก หลังจากนั้นจึงได้ไปดูหนังของนักแสดงหญิงทุกคนที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงในสาขา ‘นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม’ ของปีนั้นรวมทั้งของคนที่ได้รับรางวัลด้วย “ไม่มีใครสู้หลานได้เลยสักคน ครั้งนี้ที่ได้รางวัลก็แล้วถือว่าในที่สุดความสามารถในการตัดสินของพวกเขาก็ดีขึ้นบ้าง”

คำพูดของคุณปู่ทำให้เจียงเซ่อหัวเราะออกมา ความเครียดในใจหายไปและได้คุยเรื่องในอดีตหลายเรื่องกับเขา

 การมาฮ่องกงในครั้งนี้ แก้ไขปัญหาไปมากมาย จะเสียเวลาของการโปรโมทหนังเรื่อง ‘Suspect’ ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เจียงเซ่อจึงนั่งเครื่องกลับตี้ตูปักกิ่งตั้งแต่คืนนั้น

พิธีฉายรอบปฐมทัศน์ของหนังเรื่อง ‘Suspect’ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะความจริงที่ว่าหนังเรื่องนี้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงสามสาขาของเทศกาลหนังฝรั่งเศสและได้รับรางวัลใหญ่ทั้งสามรางวัล จึงมีชื่อเสียงนำไปก่อนแล้ว

พอหนังเข้าฉายในรอบแรก เนื่องด้วยเนื้อเรื่องที่พลิกไปพลิกมาและความเชื่อมโยงของเนื้อหา ค่อยๆ คลี่คลายปมและการแสดงอันโดดเด่นของนักแสดง แสงไฟ สถานที่รวมทั้งความสามารถในการควบคุมหนังของฮั่วจื่อหมิง ทำให้หนังเรื่องนี้ได้รับคำชื่นชมจากทั้งในและนอกวงการทันทีที่เข้าฉาย

การแสดงของเจียงเซ่อในหนังเรื่องนี้ ทั้งน่าประทับใจและจูงใจได้เป็นอย่างดี หลายฉากที่ต่อบทกับเถาเฉิน แฟนหนังต่างชื่นชมและทำให้ทุกคนเห็นนักแสดงคนหนึ่งที่พัฒนามอย่างต่อเนื่องมายืนยันความสามารถของตัวเธอต่อผู้ชมอีกครั้ง

สิ่งที่เธอมีไม่เพียงแค่รูปลักษณ์อันงดงาม แต่ยังมีฝีมือการแสดงที่ไม่ด้อยไปกว่าเถาเฉินด้วย

ใน ‘สือได้ผิงซัว’ เว็บบอร์ดของซูเพ่ยเอิน สำหรับการวิพากษ์วิจารณ์หนังเรื่องนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ชื่นชมที่เจียงเซ่อได้รับรางวัลนี้อีกครั้งเท่านั้น เพราะสำหรับซูเพ่ยเอินแล้ว การจะพูดถึงเพียงแค่ว่าหนังเรื่องนี้ได้รับรางวัล จะเป็นการดูถูกกัมันมากไปเสียหน่อย

ซูเพ่ยเอินเขียนว่า ‘: เนื้อหาของหนังเรื่อง ‘Suspect’ คือความเซอร์ไพรส์อันเหลือเชื่อที่ฮั่วจื้อหมิงสร้างให้กับทุกคนอีกครั้งหลังจากหายไปหลายปี

มีการเปิดเรื่องโดยที่ตำรวจที่สถานีตำรวจวั่งจินได้รับ ‘จดหมายแจ้งวันตาย’ ปริศนาหลายฉบับ ตั้งข้อสงสัยตั้งแต่เปิดเรื่อง กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้ชม

ผู้ชมไขคดีนี้ไปพร้อมกับเฉินซวินหราน ทีละก้าวๆ แล้วซูอี้ที่รับบทโดยเจียงเซ่อก็ได้เข้าสู่มาในสายตาของฉันเป็นครั้งแรก

ฉันชื่นชดูมผลงานของเจียงเซ่อมานานหลายปีและรู้จักเธอในระดับหนึ่งแล้ว เธอเคยแสดงเป็นแม่บ้านบ่าวรับใช้หญิงที่ยอมตายแต่ไม่ยอมโดนหยามเชื่อฟังในนเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ เคยแสดงเป็นโต้วโค่วที่ชีวิตแสนลำบากในหนัง ‘The Occasion of Beiping' เคยแสดงเป็นหญิงสาวที่สูญเสียความรักในหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ จากนั้นก็แสดงเป็นแม่ที่สร้างความประทับใจให้กับทุกคนได้เป็นอย่างมากในหนังเรื่อง ‘Evil’ เป็นหญิงสาวที่ถูกลักพาตัวในหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ เป็นจิตวิญาณที่มีความเปลี่ยนแปลงภายในกล้องตกลงสู่ความมืดภายใต้การกำกับของเซี่ยซ่าเหลย

 ทุกก้าวที่เธอเดินสำหรับแฟนหนังแล้วเหมือนเธอกำลังเดินอยู่บนเส้นด้ายที่ทุกคนต่างหวาดระแวง แต่จากหนังทุกเรื่องที่เข้าฉาย กลับค้นพบว่าเธอแสดงออกมาได้มั่นคงอย่างดีเสมอต้นเสมอปลายมาก

 ก่อนหนังเรื่อง ‘Suspect’ จะเข้าฉาย ความจริงฉันเองก็กังวล เพราะมีหนังเรื่องที่ ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่มีความโดดเด่นอยู่ก่อนแล้ว เธอมีชื่อเสียงเร็วเกินไป แม้จะเรื่องดีสำหรับนักแสดงคนหนึ่ง แต่ก็กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป สุดท้ายกลับคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะสามารถถ่ายทอดบทของซูอี้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งยังแสดงจิตวิญญาณของซูอี้ออกมาได้อย่างดีด้วย

 ตัวละครซูอี้ในหนังเรื่องนี้แสดงไม่ง่ายเลย ที่มาและสิ่งที่ต้องเผชิญ รวมถึงนิสัยของตัวละครนี้ซ่อนอยู่ในภายนอกที่มีศิลปะและความไร้เดียงสา เก็บซ่อนความคับแค้นใจอันสับสนเอาไว้ ตัวละครนี้ ไม่ใช่ง่ายไปยากกว่าตัวละครที่แสดงอารมณ์ออกมาทั้งหมดเสียอีก เพราะถ้าแสดงเรียบเกินก็จะดูน่าเบื่อ แต่หากแสดงเยอะเกินไปจะเหมือนโอเวอร์แอคติ้ง จนทำให้ทุกต่อต้าคนดูคล้อยตามไม่ได้น

 แต่ตอนที่ซูอี้ที่เจียงเซ่อแสดงปรากฏตัว นั่นทำให้ทุกคนคิดว่าทุกคำเปรียบเทียบที่เฉินซวินหรานและตัวละครทุกตัวในหนังเรื่องนี้มีต่อเธอ ควรจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

ความงดภายนอกเหนือคำบรรยาย ความมืดมนในดวงตาทำให้ทุกคนคิดเชื่อมไปถึงเรื่องราวอันเลวร้ายที่เธอต้องพบเจอในวัยเด็กได้อย่างง่ายดาย ความเย็นชาของเธอซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้ม เธอแสดงความ ‘บ้าบิ่น’ ของซูอี้ออกมา ด้วยประโยคที่พูดข้างหูเฉินซวินหรานเบาๆ ใช้วิธีการ ‘ควบคุม’ ของในการแสดง ซึ่งเข้าถึงเป็นอย่างมาก

ระหว่างเธอกับเถาเฉินปะทะกันอย่างดุเดือด การสนทนาสามครั้งที่สามของทั้งสองคนล้วนทำให้ทุกคนประทับใจได้อย่างสุดซึ้ง

การปะทะกันอย่างผ่านๆ ในครั้งแรก จนถึงครั้งที่สองที่เกิดคดีขึ้นอีกครั้ง ซูอี้ถูกเรียกมาในฐานะผู้ต้องสงสัย บทสนทนากับเฉินซวินหรานมีแรงขับเคลื่อนที่กระจายไปทั่วซ่อนอยู่ท่ามกลางความสงบในขณะที่พูดคุยกับเฉินซวินหรานก็สามารถแสดงให้เห็นถึงเปลวเพลิงอันแสนโอหังภายใต้ความสงบนิ่งนั้นได้

การปะทะกับเถาเฉินครั้งที่สามเป็นจุดที่สุดยอดที่สุดในหนังเรื่องนี้ ทั้งสองแสดงอย่างเข้าถึงจิตวิญญาณ เฉินซวินหรานที่เถาเฉินแสดงความบ้าบิ่นออกมา แต่ความเป็นจริงนั้นกำลังถูกกดดันอย่างรุนแรง ซูอี้ที่เจียงเซ่อที่แสดงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม งดงามสมบูรณ์แบบ

ตอนจบของเรื่อง ตอนที่เธอเดินฝ่าหมอกควันมายิ้มให้กับผู้ชม ใช้โศกนาฏกรรมที่งดงามจนถึงขีดสุด ความหมดหวังกับความถูกต้องที่เกิดขึ้นหลังจากฆ่าคนและการใช้วิธีการของตนเองตัวเอง ‘แก้แค้น’ จนประสบความสำเร็จ ในการแสดงให้เห็นหลักการการแก้แค้นบางอย่าง และทำให้เห็นชั้นเชิงของเธอ

การแสดงเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง นอกจากพรสวรรค์แล้วยังจะพยายามพัฒนาและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เบื้องหลังต้องพยายามฝึกฝน ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีความรู้ที่หลากหลาย จึงจะเกิดเป็นการแสดงที่สมจริงในเบื้องหน้า จึงสามารถถ่ายทอดชีวิตและจิตวิญญาณของตัวละครตัวหนึ่งออกมาในหนังสั้นๆ เพียงหนึ่งร้อยกว่านาทีอย่างสมบูรณ์แบบ

และเป็นเพราะความพยายามของนักแสดงเหล่านี้ จึงทำให้เทศกาลหนังฝรั่งเศสปีนี้เป็นของหนังเรื่อง ‘Suspect’ ของทุกคนในทีม เป็นของเจียงเซ่อ เพราะหนังเรื่องนี้ทำให้เธอได้รับเกียรติยศที่ควรเป็นของเธอตั้งนานแล้วมาครอบครองจนได้

ฉันคิดว่าหลังจากนี้ฉันไม่ต้องเป็นห่วงเจียงเซ่ออีกแล้ว เธอรู้ดีว่าตนเองตัวเองควรจะเดินบนเส้นทางนักแสดงนี้อย่างไรยังไงก็เหมือนซูอี้ในเรื่อง เธอใช้การตัดผมแสดงถึงการตัดสินใจ ‘ฉีกกฎเดิม’ อย่างเด็ดขาด

สื่อใหญ่ๆ ล้วนชื่นชมเรื่องนี้ ผู้ชมที่ดูจบต่างก็ชื่นชมไม่ขาดปาก

คะแนนใน IMDb ในคลังข้อมูลหนัง มากถึงเก้าสิบหกคะแนนตั้งแต่วันแรกที่เข้าฉาย เว็บไซต์ใหญ่ๆ เกี่ยวกับหนังต่าง พูดถึงในทางที่ดี แม้กระทั่งนักวิจารณ์หนังชื่อดังมากมายที่ก็ให้คะแนนมากถึงห้าดาว

หลังจากหนังเรื่อง ‘Suspect’ เข้าฉายรายได้ก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท้ายที่สุดทำรายได้ในประเทศได้ทั้งหมด สี่พันหนึ่งร้อยล้าน สร้างจุดยืนท่ามกลางหนังประเภทสืบสวนในประเทศให้กับหนังเรื่องนี้และเพิ่มเป็นหนังอีกเรื่องที่กลายเป็นปรากฏการณ์ท่ามกลางหนังที่เจียงเซ่อเป็นนักแสดงนำตั้งแต่เข้าวงการมา

เพราะหนังเรื่องทำให้ฮั่วจื่อหมิงกลับมาสู่สายตาผู้ชมอีกครั้ง ลบล้างผลกระทบจากคำตำหนิหนังหลายเรื่องก่อนหน้านี้ของเขา ทำให้เขากลับเข้าสู่ฐานะผู้กำกับแนวหน้าของประเทศอีกครั้ง

อิทธิพลของหนังเรื่อง ‘Suspect’ ไม่ใช่เพียงเท่านี้ หลังจากนี้ทุกครั้งที่แฟนหนังในประเทศพูดถึงหนังแนวสืบสวนและนักแสดงนำหญิงผู้ทรงอิทธิพล ทุกคนล้วนต้องก็ยังคิดถึงหนังระดับตำนานเรื่องนี้

เดือนพฤษภาคม ได้กำหนดแล้วว่าหนังเรื่อง ‘เซียนหยวน’ จะเข้าฉายในช่วงวันหยุดเดือนสิงหาคม หลินซีเหวินใช้กระแสหลังจากเจียงเซ่อได้รับรางวัล ‘นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม’ ในเทศกาลหนังฝรั่งเศส เลือกฉายหนังตอนที่เจียงเซ่อในช่วงที่เจียงเซ่อเหมือนเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจ หนังยังไม่ทันเข้าฉายแต่ก็จุดประกายความกระตือรือร้นของผู้ชมได้แล้ว

ทุกช่องทางที่ขายตั๋วหนัง แสดงจำนวนผู้ที่อยากดูหนังเรื่องนี้ ซึ่งทำลายสถิติครั้งที่ผ่านๆ มาและเป็นตัวเลขที่มากจนน่าตกใจไปแล้ว

หลินซีเหวินก็พอใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ผู้สนับสนุนอย่างหัวอิ่งหยิ่นเองก็คงจะตักตวงรายได้จนเต็มที่อีกครั้งเพราะหนังเรื่องนี้

สำหรับทางซื่อจี้หยินเหอ พระเอกในหนังเรื่อง ‘เซียนหยวน’ อย่างชุยซิ่งก็โด่งดังขึ้นมาอีกครั้งตั้งแต่หนังยังไม่ฉาย ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นและยังดึงดูดแฟนคลับจำนวนไม่น้อย

สิ้นเดือนกรกฎาคม เริ่มขายตั๋วหนังเรื่อง ‘เซียนหยวน’ ไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็ทำรายได้มากกว่าสี่ร้อยล้าน ตัวเลขนี้ ทำลายสถิติตอนหนังเรื่อง ‘Evil’ เข้าฉายหลังจากได้รับรางวัลและหนังเรื่อง ‘Suspect’ ที่ได้รับรางวัลใหญ่เช่นกัน แสดงให้เห็นอิทธิพลและชื่อเสียงของเจียงเซ่อที่อยู่ในระดับแถวหน้าในหัวเซี่ย ซึ่งไม่มีใครเทียบกับเธอได้

หลังจากหนังเรื่อง ‘เซียนหยวน’ เข้าฉายอย่างเป็นทางการ ทักษะการแสดงของนักแสดงทำให้หนังรูปแบบเดิมๆ มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง เจียงเซ่อควบสองตัวละคร แสดงเป็น ‘แม่นางเหมย’ และ ‘คุณหลิวซื่อ’ คู่หมั้นของพระเอกอย่างจินซื่อเจิน เธอสามารถดึงเอาแสดงความรู้สึกอันลึกซึ้งที่อยู่ภายในและเสน่ห์ของเหมยเซียนหยวนออกมาได้าอย่างอย่างน่าสนใจและเข้าถึงอารมณ์อย่างสมบูรณ์แบบ

และในต่ตอนที่แสดงเป็น ‘คุณหลิวซื่อ’ ที่มีนิสัยตามแบบฉบับของผู้หญิงโบราณ กลับเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ท่ามกลางความอ่อนโยน ดูงดงามและนุ่มละมุน แต่ก็มีและยังแฝงไปด้วยความอดทนและหนักแน่น

ตัวละครสองตัวที่ตรงกันข้ามกัน ทำให้เกิดหนังเรื่องนี้ขึ้นมา

ณ ตี้ตูปักกิ่งในร้านกาแฟร้านหนึ่งข้างสนามหลวงหวนหนาน หญิงสาวสองคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าต่างกำลังซุบซิบกันเบาๆ