webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

675

บทที่ 675 ผลกรรม

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็วางใจ” เจียงจื้อหยวนยกมุมปากหลายที ก่อนจะถอนหายใจยาว ในบริเวณที่ไกลออกไป เผยอี้และเฝิงจงเหลียงกำลังเดินเข้ามาทางนี้ คนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาก็ตามเข้ามา เขายืนนิ่ง เหมือนสัตว์ตัวหนึ่งที่ถูกขังเอาไว้และรอให้คนเข้ามารับโดยไม่คิดขัดขืน

ความจริงเขาก็คิดไว้แล้วว่าลูกสาวอาจจะไม่ยอมรับตัวเอง ยังไงก็ตามเขาไม่ใช่พ่อที่ดีอะไร แต่ตอนที่มั่นใจแล้วว่าเธอไม่ยอมรับตัวเอง เขาก็ยังคงรู้สึกหมดหวังมากอยู่ดี

วินาทีที่เธอไม่ยอมกระทั่งจะเรียกเขาว่า ‘พ่อ’ จะอยู่ข้างนอกหรืออยู่ในคุก มีชีวิตอยู่หรือตาย สำหรับเขามันก็ไม่ต่างอะไรกันเลย

“ถ้าเธออยากให้เฝิงหนานมีชีวิตอยู่ต่อก็ไปช่วยเธอ บอกกับเฝิงจงเหลียงว่าเฝิงหนานอยู่ที่เดิม” เขายิ้ม “แต่ถ้าไม่อยากช่วยเธอก็ลืมคำพูดของฉันซะ เธอต้องมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขนะ”

เขามองเจียงเซ่อ ในดวงตาแฝงความอาลัยอาวรณ์และปลาบปลื้มใจ สายตานั่นดูลึกซึ้ง นัยน์ตาสีดำเข้ม มีความหมดหวังอันมหาศาลวนเวียนอยู่ประหนึ่งเมฆหมอกหนาที่ลบล้างความหวังก่อนหน้านี้ของเขาจนหมดสิ้น

เฝิงจงเหลียงและเผยอี้เดินมาถึงแล้ว คนที่อยู่ข้างหลังไปยืนอยู่ข้างเจียงจื้อหยวน เขาไม่คิดจะต่อสู้ เผยอี้หน้าซีด ยื่นมือออกไปจับแก้มเจียงเซ่อ มือนั่นสั่นน้อยๆ พลันถามเธอว่า

“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

เธอทำให้เขาตกใจจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

เจียงเซ่อส่ายหน้า เฝิงจงเหลียงมองเจียงจื้อหยวนอย่างเย็นเยียบ

“นายเตรียมไปชดใช้กรรมในคุกได้เลย!”

เขาไม่ใส่ใจ สายตาจับจ้องเพียงแค่เจียงเซ่อ เสียดายที่เวลาที่ได้อยู่กับลูกสาวสั้นมากเพียงนี้ เสียดายที่ลูกสาวโตขนาดนี้แล้ว เขายังไม่เคยได้ยินเธอเรียกตัวเองว่าพ่อเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ตอนที่เขาติดคุกครั้งแรก เธอยังเด็ก ยังไม่ถึงวัยที่พูดเป็น ตอนนี้เธอพูดได้แล้วแต่กลับเพราะเหตุผลต่างๆ ทำให้ไม่ยอมพูด

นี่อาจจะเป็นผลกรรม

“เมื่อก่อนฉันไม่เคยเชื่อเรื่องผลกรรม ตอนนี้เชื่อแล้วล่ะ” เขาก้มหน้าก้มตาลงยิ้ม ตรงมุมปากเผยรอยยิ้มจางๆ

“ฉันอยู่ในคุก อาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับลูกสาวของฉันก็ได้”

เขาพูดถึงตรงนี้ วินาทีต่อมาก็เงยสายตาขึ้น ยักคิ้ว จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย ‘ฉันจะติดคุกหรือเปล่า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกนาย ต้องให้ลูกสาวของฉันเป็นคนตัดสิน!’

คำพูดของเจียงจื้อหยวน มีความหมายที่ควรค่าแก่การพินิจ เฝิงจงเหลียงมองเจียงเซ่อ เขาพูดต่อว่า

“ตอนนั้นฉันแพ้” เขาหมายถึงตอนที่แผนลักพาตัวล้มเหลว ถูกเฝิงจงเหลียงจับได้ “ตอนนี้ฉันกลับชนะคุณ”

ไม่ว่าจะเป็น ‘เฝิงหนาน’ หรือเจียงเซ่อ ตอนนี้เธอก็คือลูกสาวของเขา ในร่างกายมีเลือดเนื้อของเขาไหลเวียนอยู่

เขามองใบหน้าดำคล้ำของเฝิงจงเหลียงแล้วยิ้ม “ไม่ว่าเธอจะยอมรับฉันหรือเปล่า ไม่ว่าเธอจะเรียกฉันสักครั้งหรือเปล่า ฉันก็ยังคงเป็นพ่อของเธอ”

พูดถึงตรงนี้เขาก็หันมองเผยอี้ รอยยิ้มของเขาเหมือนเจียงเซ่อมาก รอยตีนกาบนหางตาเผยให้เห็นร่องรอยของความยากลำบากในชีวิต สายตาเหี้ยมเกรียม

“พ่อหนุ่ม ดีกับเธอให้มาก”

เขาไม่ได้ไปร่วมงานแต่งของเจียงเซ่อ เสียดายที่ไม่มีโอกาสจูงมือเธอเดินไปสู่ความสุข แต่กลับพูดเหมือนตอนที่เฝิงจงเหลียงพูดในงานแต่ง

เฝิงจงเหลียงอึ้ง ทั้งสองเคยขัดแย้งกันเพราะคนๆ เดียวกัน จนอยากฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย แต่กลับต้องมาอยู่ในความรู้สึกเดียวกันเพราะคนๆ เดียวกันอีกครั้ง

เจียงจื้อหยวนพูดจบก็ไม่มองหน้าเจียงเซ่ออีกเลย เพียงหันหลังและพูดว่า

“ลูกสาวฉัน ยกให้นายแล้วนะ!”

เฝิงจงเหลียงกดเก็บความสับสนในใจเอาไว้ เห็นเผยอี้กอดเจียงเซ่อแน่น เธอหลบอยู่ในอ้อมกอดของเผยอี้ อาศัยว่าเผยอี้ไม่อาจหักใจทำอะไรเธอได้เลยเอาเผยอี้มาใช้ต่างโล่กันธนูไปแล้ว

“ดื้อนัก!” เฝิงจงเหลียงต่อว่าอย่างรุนแรงคำหนึ่ง ระหว่างทางตอนที่รู้ว่าเธอนัดเจอเจียงจื้อหยวน เฝิงจงเหลียงก็โกรธจนโรคหัวใจแทบจะกำเริบ เจ้าเด็กคนนี้เอาแต่ใจเกินไปแล้ว

ตอนเด็กไม่เคยไม่เชื่อฟังเลย แต่พอโตมากลับเหมือนอยู่ในช่วงวัยต่อต้านอย่างนั้น เขาทุ่มไม้เท้าในมือลงพื้นอย่างแรง

“อาอี้เอาใจจนเคยตัว!”

“คุณปู่ อย่าว่าเธอเลยครับ”

ก่อนหน้านี้เผยอี้ก็กังวล แต่หลังจากเห็นว่าเธอไม่เป็นอะไรก็วางใจ เขาจะทนเห็นเจียงเซ่อถูกเฝิงจงเหลียงต่อว่าได้ยังไงจึงรีบออกตัวปกป้อง เฝิงจงเหลียงถอนหายใจ ส่ายหน้าและพูดด้วยใบหน้าอันเคร่งขรึม

“ถ้านายยังตามใจแบบนี้ อีกหน่อยก็จะไม่กลัวฟ้ากลัวดิน”

แม้เฝิงจงเหลียงจะพูดออกมาแบบนี้ แต่พอได้ยินเผยอี้ปกป้องเจียงเซ่อกลับรู้สึกโล่งอก

ที่เขาชิงต่อว่าเจียงเซ่อ เพราะกลัวว่าความโกรธในใจของเผยอี้จะระเบิดออกมา ตอนนี้เขาด่าว่าแบบนี้และเห็นเผยอี้ออกตัวปกป้อง ก็คิดว่าระหว่างทั้งสองคงจะไม่เกิดปัญหาส่วนตัวขึ้น

หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบถามว่าเฝิงหนานอยู่ที่ไหน เฝิงหนานจะเป็นอะไรไปไม่ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ กระดาษไม่อาจห่อไฟ แม้ตระกูลเฝิงจะปิดยังไงก็ยากที่จะมีข่าวเล็กๆ น้อยๆ ถูกเผยแพร่ไป จนเชื่อมไปถึงเจียงจื้อหยวน นั่นอาจจะสร้างความเดือดร้อนให้เจียงเซ่อได้

“ไปเถอะ” เขาเคาะไม้เท้า ส่งสัญญาณให้คนข้าง ๆ พาตัวเจียงจื้อหยวนออกไป คนที่ยืนอยู่ข้างเจียงจื้อหยวนผลักเขาทีหนึ่ง เขากลับไม่ขยับตัว เอาแต่มองทอดสายตาออกไป

เจียงเซ่อมองตามสายตาของเขา ตำแหน่งที่สายตาของเขามองอยู่ คือรถรางที่เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ อยู่กลางท้องฟ้า กระจกสีใสทำให้เห็นนักท่องเที่ยวที่นั่งอยู่ในนั้นอย่างมีความสุขได้รางๆ เหมือนจะเป็นครอบครัวที่มีกันสามคน เด็กคนหนึ่งถูกผู้ใหญ่อุ้มไว้ในอ้อมกอด มือชี้ไปในบริเวณที่ไกลออกไป ดูรักใคร่กลมเกลียวกันมาก

สายตาของเธอไหวสะท้าน เหมือนถูกใครบางคนปล่อยหมัดเข้าใส่

เฝิงจงเหลียงเห็นว่าเจียงจื้อหยวนยืนนิ่ง จึงอดโกรธไม่ได้ พลันพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน

“แกยังมีแผนอะไรอีก?”

เขามองเจียงเซ่ออย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง ในชาตินี้นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่สองพ่อลูกได้พูดคุยกัน ขึ้นเขาและดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันเป็นครั้งแรก บางทีต่อจากนี้เขาอาจจะไม่ได้เจอเจียงเซ่ออีก เขาเพียงแค่อยากมองเธออีกหลายๆ ครั้ง เพื่อให้สามารถผ่านช่วงเวลาที่อยู่ในคุกไปได้ก็เท่านั้น

เจียงจื้อหยวนถูกผลักขึ้นรถ เขายังหันมองภาพของเจียงเซ่อและเผยอี้ที่ยังคงปลอบใจกัน

ก่อนที่ประตูรถจะถูกปิด เขายังคงมองไปในตำแหน่งที่เจียงเซ่อยืนอยู่ เฝิงจงเหลียงยืนมองเขาอยู่ข้างนอกเงียบๆ หลังจากนั้นครู่ใหญ่ จึงอดถามไม่ได้

“ตอนที่เซ่อเซ่อโทรมาหา นายก็คงรู้แล้วว่าเบอร์โทรศัพท์ถูกเปิดเผย ทำไมไม่ปิดเครื่อง” จากเบอร์โทรศัพท์ของเขา คนในตระกูลเฝิงจะต้องรู้ตำแหน่งของเขาแน่ อยู่ที่ว่าจะเร็วหรือช้าก็เท่านั้น

เขาเป็นคนฉลาด เขาคงจะรู้เรื่องนี้ดี มีเพียงการปิดเครื่องเท่านั้นที่เขาจะปกป้องตัวเองให้ปลอดภัยได้ แต่เขาไม่เพียงแค่ไม่ปิดเครื่อง แต่กลับปล่อยให้คนในตระกูลเฝิงโทรหาเขาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมั่นใจตำแหน่งที่ตั้งของเขา

เมื่อสามชั่วโมงกว่าก่อนหน้านี้ เจียงจื้อหยวนเพิ่งโยนโทรศัพท์ทิ้ง

จากนิสัยอันรอบคอบของเขา เขาไม่น่าจะผิดพลาดกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนให้เบาะแส ครั้งนี้การที่ทุกคนจะตามหาเขาย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย

เฝิงจงเหลียงสงสัยเรื่องนี้มาก เขาเตรียมการทุกอย่างอย่างรอบคอบ แต่กลับผิดพลาดเพราะเรื่องแค่นี้ สิ่งที่รอเขาอยู่คือการลงโทษทางกฎหมายอันหนักหนาสาหัส

“ลูกสาวของฉันจะโทรมานัดเจอฉัน ฉันจะปิดเครื่องทำไม”

เขายิ้ม หลังจากถูกจับก็เงียบมาก เหมือนเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วที่ไม่ได้ต่อสู้ดิ้นรนอย่างเสียสติ สงบนิ่งจนไม่เหมือนคนร้ายที่ลงมืออย่างอำมหิต

เฝิงจงเหลียงเงียบไปครู่นึง ก่อนจะพยักหน้า คนของตระกูลเฝิงปิดประตูรถบดบังสายตาที่มองเข้าไปจากข้างนอกและบดบังสายตาที่เขามองเจียงเซ่อด้วยเช่นกัน รถถูกขับลงเขาไปทำให้ระยะห่างระหว่างเขากับเจียงเซ่อห่างไกลกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนตัดขาดออกจากกันในที่สุด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก

หัวใจของเขาเหมือนถูกขุดหลุมใหญ่เอาไว้ ไม่รู้สึกถึงความสุขหรือความเจ็บปวด ความอาลัยอาวรณ์ ในสายตาของเขาถูกเปลี่ยนเป็นความเฉยชาและสงบเหมือนน้ำนิ่งสองบ่อ

บนยอดเขา เจียงจื้อหยวนจากไปไกลแล้วแต่เผยอี้ยังคงกังวล

“กลัวไหม?”

ความกังวลและความกลัวที่เกิดขึ้นเพราะเธอไม่เชื่อฟังในตอนแรกได้กลายเป็นความรู้สึกปวดใจ ก่อนหน้านี้ที่เฝิงจงเหลียงต่อว่าเธอไปหลายประโยค เขาก็แทบจะทนเห็นไม่ได้แล้ว แน่นอนว่าตอนนี้เขาจะไม่ต่อว่าเจียงเซ่ออีก

นิ้วมือของเขาและเธอยังคงประสานกันและจับกันแน่น เป็นการปลอบใจตัวเองจากความกลัว

“ตอนแรกก็กลัวนะ”

เจียงเซ่อรู้ว่าเป็นเผยอี้เป็นห่วง แม้ว่าจะถูกเขาจับมือแน่นจนเริ่มเจ็บ แต่เธอก็ไม่ดึงมือกลับไป กลับจับมือเขาแน่นกว่าเดิม เดินเล่นบนยอดเขาและชมทิวทัศน์รอบๆ กับเขา

“แต่ความกลัวก็ค่อยๆ หายไปแล้วล่ะ” การมาเจอเจียงจื้อหยวนในครั้งนี้ ทำให้เธอรู้ว่าฝันร้ายในวัยเด็กเหล่านั้น เป็นเพียงความหวาดกลัวจากภายในใจของเธอเอง “เขาไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น สิ่งที่ฉันกลัวมาโดยตลอดคือ การถูกทอดทิ้ง”

กลัวว่าเธอเป็นคนที่ไม่มีความสำคัญในบ้านตระกูลเฝิง กลัวว่าพ่อแม่ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ไม่สนใจว่าเธอจะเป็นตายร้ายดียังไง กลัวถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง กลัวความสัมพันธ์กับคนในบ้านตระกูลเฝิงจะบางเหมือนกระดาษก็เท่านั้น

“เพราะฉันคิดว่าตอนที่ฉันมา นายกำลังเป็นห่วงฉัน กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ขอร้องให้ฉันอย่าไปพบเขา จนแทบจะร้องไห้ออกมา ฉันก็ไม่ได้กลัวมากขนาดนั้นแล้ว”

เพราะเธอรู้ว่าเขาอยู่ข้างหลังตัวเอง เขาจะต้องรีบมาให้เร็วที่สุด เธอรู้ว่าครั้งนี้ทั้งเผยอี้และคุณปู่จะไม่ทอดทิ้งเธอ เพราะมีความมั่นใจแบบนี้ ตอนเผชิญหน้ากับเจียงจื้อหยวนจึงรู้สึกว่าเขาก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นแล้ว

เผยอี้จับมือของเธอมาวางไว้ข้างริมฝีปากและจูบเบาๆ

“ผมอยู่ข้างหลังเซ่อเซ่อตลอดนั่นแหละ”

หลังจากเขามาถึงแล้วเจียงเซ่ออยู่ในสายตาของเขาก็ทำให้เขาโล่งอก เพราะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงไม่ได้เข้าไปรบกวนการเผชิญหน้าของเธอกับเจียงจื้อหยวน กลัวว่าเธอจะเกิดปมในใจ

เขารู้ว่าเธอไป ‘ยึด’ ร่างกายของ ‘เจียงเซ่อ’ เอาไว้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจียงจื้อหยวนเธอคงจะรู้สึกสับสน ปมแบบนี้เธอต้องคลายมันออกด้วยตัวเอง เขาไม่สามารถทำแทนได้

แม้ว่าเขาจะอยากแก้ไขทุกปัญหาแทนเธอ แม้ว่าเขาอยากดูแลเธอเหมือนไข่ในหิน ตามใจเธอ ห่วงใยเธอ รักเธอ ไม่อยากเธอต้องแบกรับความยากลำบากแค่ไหนก็ตาม

เพื่อนเล่นในวัยเยาว์ที่เติบโตมาด้วยกัน เคียงข้างกันมานาน ทั้งสองต่างรู้จักและรู้ใจกันแบบนี้มาโดยตลอด ไม่จำเป็นต้องใช้สายตาแสดงความรู้สึกมากมาย ไม่จำเป็นต้องอธิบายยืดยาว เขาเข้าใจเธอ เธอเองก็รู้ว่าเผยอี้หมายความว่ายังไง

“อาอี้ ขอบคุณนะ” เธอเอียงหัวไปอิงไหล่ของเอาไว้ เอาแก้มถูกับไหล่ของเขาและให้คำมั่นสัญญาด้วยตัวเองว่า

“ต่อไปฉันจะเชื่อฟังนาย ไม่ทำให้นายต้องเป็นห่วงฉันแบบนี้อีก”

เธอพูดถึงตรงนี้ ก็เหมือนคิดอะไรออก

“จริงด้วย เจียง…” เธอเพิ่งจะอ้าปากก็พลันเม้มปากและเปลี่ยนคำสรรพนาม

“เขาบอกว่าเฝิงหนานอยู่ที่ไหน ฉันควรจะบอกคุณปู่”

สายตาของเผยอี้เปลี่ยนไป ดึงเสื้อกันหนาวออกและห่อหุ้มเธอเอาไว้ข้างใน ริมฝีปากแนบกับเส้นผมของเธอพึมพำเบาๆ ว่า

“เซ่อเซ่อ คนๆ นั้นเธอไม่เหมาะกับที่นี่หรอกนะ”

ความหมายในคำพูดของเขา เจียงเซ่อเข้าใจ

สำหรับเจียงเซ่อแล้ว เฝิงหนานคือระเบิดที่ยังไม่ระเบิด เธอคิดร้ายกับเจียงเซ่อ การไปตกอยู่ในมือของเฝิงจงเหลียงครั้งนี้ เธออาจจะบอกอะไรเจียงจื้อหยวนไปไม่น้อย

ก่อนหน้านี้เธอก็สร้างความวุ่นวายมาครั้งหนึ่งแล้ว พยายามทำลายชื่อเสียงของเจียงเซ่อ ตอนนี้เธอถูกลักพาตัวอีกครั้ง บางทีหลังจากถูกช่วยออกมา อาจจะไม่พูดอะไรมั่วซั่วอีก

เหตุผลเหล่านี้เจียงเซ่อเข้าใจ เธอปล่อยมือที่จับกับเผยอี้ไว้แน่น เปลี่ยนไปใช้แขนสองข้างคล้องเอวเพรียวแต่มีแข็งแรงของเขาเอาไว้

“ฉันเข้าใจ” เสียงของเธอถูกเสื้อกันหนาวของเผยอี้บังเอาไว้ จึงดูไม่ชัดเจน

“เพียงแต่ฉันเองก็เคยถูกลักพาตัว เลยเข้าใจความรู้สึกแบบนั้นดี เธอมีที่มายังไง เป็นคนยังไง ฉันไม่รู้ อนาคตของเธอจะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวกับฉัน” แต่เธอเข้าใจการตกอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัวแบบนั้น เข้าใจเหตุผลที่ว่า สิ่งที่ตัวเองไม่ชอบก็ไม่อย่าทำกับคนอื่น

ถ้าวันหนึ่ง เฝิงหนานเป็นอะไรไปเพราะเธอหาเรื่องใส่ตัว ไม่เกี่ยวกับเจียงจื้อหยวน ไม่เกี่ยวกับเธอ แน่นอนว่าเธอจะไม่สนใจเลย

 เธอโทรหาเฝิงจงเหลียง บอกว่าเฝิงหนานอยู่ที่ไหน อุตส่าห์ได้วันหยุดมาแล้ว เธอกับเผยอี้จึงอยู่เที่ยวต่อที่ฮ่องกงสองวัน ตามใจตัวเองเล็กๆ น้อยๆ

 สภาพของเฝิงหนานไม่ดีนัก ทั้งร่างกายและสภาพจิตใจของเธอถูกทรมานและได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง สภาพจิตใจย่ำแย่ เธอไม่กล้าแม้กระทั่งจะพูดถึงชื่อของเจียงจื้อหยวนและเจียงเซ่อ เหมือนว่าจะคุ้นชินกับการหลบอยู่ในมุมมืดๆ ไปแล้ว

 ตอนที่เผยอี้ไปเยี่ยมเธอ เธอปิดผ้าม่านสนิท เพียงเสียงฝีเท้าเล็กๆ น้อยๆ ก็เพียงพอที่จะทำให้เธอตัวสั่น อ้าปากค้างด้วยความกลัว แต่กลับพูดอะไรไม่ออก

“ไม่ว่าเธอจะแกล้งบ้าหรือบ้าจริง” น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ เงาร่างสูงโปร่งเป็นเงาดำเพียงพอที่จะปกคลุมเธอเอาไว้ จนเธอหายใจไม่ออก เธอจับลำคอ เล็บนั้นข่วนจนลำคอจนเลือดออกเป็นหย่อมๆ เธออ้าปาก หายใจเข้าออกอย่างทรมานเหมือนปลาที่ขาดออกซิเจน

“เธอหยุดแผนการทั้งหมดเอาไว้เท่านี้จะดีที่สุด อย่าพูดจามั่วซั่วและพยายามทำลายชื่อเสียงของภรรยาฉันอีก” เขาดึงเก้าอี้มานั่ง มองคนที่พยายามงอตัวอยู่บนเตียง

“ความแค้นระหว่างเธอกับ ‘เจียงเซ่อ’ ควรจะทิ้งเอาไว้ในชีวิตเดิมของเธอ ฉันไม่รู้ว่าระหว่างพวกเธอมีความแค้นอะไรต่อกัน แต่ฉันรู้ว่าเธอมีพ่อแม่ มีญาติพี่น้อง”

หลังจากเธอเกิดใหม่คงจะเคยสืบเรื่องของตัวเองแล้วและได้ทิ้งหลักฐานเอาไว้

ทันทีที่เผยอี้พูดจบ เฝิงหนานก็ตัวสั่น เห็นได้ชัดว่าเข้าใจคำพูดของเขา สายตาดูกระจ่างขึ้นมาทันที

“ฉันรู้ว่าการจะปิดปากเธอมีวิธีการมากมาย แต่ฉันอยากใช้วิธีที่ดูมีอารยะมากกว่านั้น”

หลังจากเขาออกไป เฝิงหนานใช้มีดปอกผลไม้ทำร้ายตัวเองและพยายามฆ่าตัวตายแต่โชคดีที่มีคนมาช่วยไว้ได้ทัน

ไม่รู้ว่าเจียงจื้อหยวนทำอะไรเธอ กระทั่งได้ยินชื่อของเจียงเซ่อ เธอก็ตัวสั่น ถึงขั้นพูดถึงคำว่า ‘เจียง’ ไม่ได้เลย ทุกครั้งที่ได้ยินคำนี้ก็เหมือนเสียสติทันที

เห็นได้ชัดว่านี่คือจุดประสงค์ของเจียงจื้อหยวน เธอกลายเป็นแบบนี้ก็ไม่มีทางที่จะพูดอะไรออกมาได้อีก

 บาดแผลบนร่างกายสามารถรักษาได้ แต่ความมืดมนในใจใช่ว่าจะหายได้ง่ายๆ

ทางฝั่งของเซี่ยเชาฉวินโทรมา ให้เธอรีบกลับตี้ตูวันพรุ่งนี้ พิธีเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ของหนังเรื่อง ‘Suspect’ จะจัดขึ้นคืนพรุ่งนี้ ในฐานะแสดงนำหญิงที่ได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังฝรั่งเศสงานนี้จะขาดเธอไปไม่ได้

ทางฝั่งของเผยอี้เพราะคุณปู่เผยเรียกตัวกลับด่วน จึงกลับไปก่อนแล้ว ครั้งนี้เขามาฮ่องกงอย่างเร่งรีบ ยังมีเรื่องอีกมากมายต้องกลับไปจัดการ