webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

673

บทที่ 673 สัญชาตญาณ

เจียงเซ่อเปิดโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความหาเซี่ยเชาฉวิน เพื่อบอกว่าตนเองตัวเองถึงฮ่องกงแล้ว แต่ยังไม่ได้โทรหาเฝิงจงเหลียงและเผยอี้ในตอนนี้

เพื่อปิดบังตัวตน เธอไปปะปนอยู่ท่ามกลางผู้คนในอีกเที่ยวบิน

ท่ามกลางนักท่องเที่ยวที่ลากกระเป๋าใบเล็กใบใหญ่ในการเดินทาง เจียงเซ่อถือเพียงกระเป๋าใบเล็กๆ ใบหนึ่งเอาเส้นผมมาปิดบังใบหน้าเอาไว้ แต่รูปร่างอันสูงเพรียวและบุคลิกที่โดดเด่นของเธอยังคงทำให้เธอดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้เป็นจำนวนมาก มีผู้โดยสารหันมองเธออยู่ตลอดเวลาและคาดเดาว่าเธอเป็นใคร

เธอยืนอยู่นอกสนามบิน ลมพัดเข้ามาตีหน้า หนาวเย็นจนเสียเธอตัวสั่น เป็นความเย็นเยียบที่ซึมเข้าไปถึงหัวใจ ท่ามกลางแสงไฟและสายฝนปรอยๆ ที่เป็นเหมือนหมอกที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศอย่างไม่มีวันสลายหายไป

บริเวณสนามบินที่ทุกคนที่เดินผ่านไปผ่านมา เจียงเซ่อรู้สึกเหมือนทำอะไรไม่ถูก เธอไม่เคยไม่รู้จุดหมายเหมือนตอนนี้มาก่อนเลย

รถแท็กซี่เข้ามาหยุดข้างเธอ ประตูรถถูกเปิดออกและเธอเข้าไปนั่งแล้ว คนขับถามว่าเธอจะไปไหนต่อเนื่องสองครั้ง เห็นว่าเธอไม่ตอบ จึงคิดว่าเธอฟังไม่ออก จึงเปลี่ยนมาถามเป็นภาษาหัวเซี่ยและภาษาอังกฤษสลับกันอีกครั้ง

“ไป...”

เธอเพิ่งเปิดปากพูดก็หยุดครู่หนึ่งแล้วบอกให้คนขับรถรอก่อน ส่วนตนเองตัวเองก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาเจียงจื้อหยวน

แม้เมื่อคืนในโทรศัพท์เธอจะบอกแล้วว่าจะไปพบเจียงจื้อหยวน แต่พอจะไปหาเขาจริง เธอก็ยังกล้าๆ กลัวๆ

คุยกับเขาและไปเจอเขาเป็นคนละเรื่องกัน เธอรู้ว่าตอนนี้ตนเองตัวเองตกอยู่ในอันตราย เธอเป็นผู้โชคดีที่รอดชีวิตจากเจียงจื้อหยวนผู้ที่น่ากลัวที่สุดมาได้ และเธอก็กลัวเขามากที่สุด

ความกลัวนี้อยู่กับเธอมายี่สิบกว่าปี จนกระทั่งตอนหลังเพราะเผยอี้เข้ามาช่วยจึงค่อยๆ ทำลายความมืดมนภายในใจเธอลงได้

การกลับมาพบกันครั้งนี้ เขาอาจจะรู้ว่าตนเองตัวเองไม่ใช่ ‘ลูกสาว’ แท้ๆ ของตนเองตัวเองจากปากเฝิงหนานแล้ว รู้ว่าเธอมีเบอร์โทรศัพท์ของเขาและอาจจะบอกเบอร์โทรศัพท์นี้ให้กับคนอื่นรู้

คนอย่างเจียงจื้อหยวน ไม่มีใครรู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่ ถ้าเขารู้ว่าตนเองตัวเองถูกข่มขู่ เจียงเซ่อก็ไม่กล้ารับประกันว่าเขาจะทำเรื่องรุนแรงแค่ไหน

เขาอาจจะสงสัยว่าเหตุผลที่ถึงเป้าหมายที่เจียงเซ่ออยากจะเจอเขา ว่าจะเป็นเพราะต้องการล่อเสือออกจากถ้ำ หรือบางทีอาจจะมีหลุมพรางรอให้ตนเองตัวเองตกลงไป

เฝิงจงเหลียงเคยบอกว่า เมื่อเทียบกับเมื่อยี่สี่สิบปีที่แล้ว เขาในตอนนี้เดาใจยากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ตอนนั้นเขายังมีห่วง เพราะฉะนั้นหลังจากถูกจับกุมจึงลักพาตัว ยอมรับความผิดทั้งหมดและก็นั่งอยู่ในคุกเป็นเวลาสิบเก้าปีอย่างเชื่อฟัง

แต่ตอนนี้ถ้าเขารู้ความจริงก็จะไม่มีจุดอ่อนอีกต่อไป ไม่รู้ว่าเขาจะทำเรื่องที่บ้าคลั่งได้มากแค่ไหน

เธอกำโทรศัพท์มือถือแน่น แผ่นหลังมีเหงื่ออันเย็นเยียบซึมออกมา เบอร์โทรศัพท์ที่โทรออกไปแสดงผลว่าสายไม่ว่าง สายที่โทรไม่ติดนี้ทำให้เจียงเซ่อโล่งอก

ดึงผ้าปิดปากลงเล็กน้อย เจียงเซ่อสูดบลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะโทรหาเจียงจื้อหยวนอีกครั้ง แต่ก็ยังคงมีข้อความแจ้งว่าสายไม่ว่าง

อาจจะเพราะว่าหลังจากฝั่งของเฝิงจงเหลียงได้เบอร์โทรศัพท์แล้วลองติดต่อเขาหรืออาจจะลงมือทำอะไรบางอย่างลงไปแล้วก็ได้

เธอล้มเลิกความคิดที่จะโทรไป พิมพ์ข้อความส่งไปว่า : ‘ฉันอยู่ที่ฮ่องกง คุณอยู่ไหน?’

ไม่นานเจียงจื้อหยวนก็โทรมา ความจริงนี่เป็นเรื่องที่เจียงเซ่อรอคอย แต่พอเกิดขึ้นจริง เธอก็ลังเลไม่น้อย

โทรศัพท์ดังอยู่หลายที คนขับรถที่อยู่ข้างหน้ายังอดหันมามองเธอไม่ได้ เจียงเซ่อพยายามตั้งสติก่อนจะรับโทรศัพท์

“ฉันอยู่ที่...”

เสียงของเจียงจื้อหยวนแหบแห้งไม่น้อย เขาบอกตำแหน่งของตนเองตัวเองคร่าวๆ

เขาอยู่ในฮ่องกงจริง ตำแหน่งที่เขาพูดถึงอยู่ข้างอ่าวที่ได้รับยกย่องว่าเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในฮ่องกง

บนภูเขาเป็นบ้านพักของเศรษฐีมากมาย วิวบนยอดเขางดงามมาก ตอนกลางคืนสามารถมองเห็นทิวทัศน์ทั่วทั้งฮ่องกงได้ ในยุคสมัยของควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ถูกขนามว่าเป็น ‘ดวงตาของวิกตอเรีย’ ซึ่งมีชื่อเสียงมาก

เมื่อเปรียบกับเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว เขาเปลี่ยนไปมากจริงๆ ลักพาตัวเฝิงหนาน แต่เปิดเผยตัวไม่ไปหลบซ่อนในที่คนน้อยๆ กลับเลือกสถานที่ที่มีชื่อเสียงแบบนี้ ไม่แปลกที่เฝิงหนานหายตัวไปนานขนาดนี้แล้ว แต่เฝิงจงเหลียงและคนอื่นๆ จะก็ยังไม่ได้เบาะแส

เธอรวบรวมสติ บอกที่อยู่กับคนขับรถแท็กซี่ คนที่เดินทางไป ‘ภูเขาวิกตอเรีย’ ในช่วงนี้ไม่มากนัก ในยามเช้า คนที่ชอบปีนเขา วิ่งออกกำลังกายยามเช้าจำนวนมาก ล้วนเลือกที่จะมาออกกำลังกายที่นี่

แต่ตอนนี้ยังเช้ามากจริงๆ ยิ่งอย่างดูก็รู้ว่าเจียงเซ่อเพิ่งลงจากเครื่องไม่นาน ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลย เสื้อผ้าที่ใส่ก็ไม่ใช่ชุดออกกำลังกาย

แม้คนขับจะสงสัย แต่โชคดีที่ไม่ได้ถามอะไรและขับไปยังที่หมายทันที

และตอนนี้ในขณะเดียวกัน บ้านของเผยอี้ที่ฮ่องกง เขาถือชาแก้วหนึ่งเอาไว้ ฟังรายงานข่าวจากอีกคน

“ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ คุณผู้หญิงคงจะลงจากเครื่องแล้ว แต่หลังจากตรวจสอบคนที่ออกมาจากไฟล์ทนั้น กลับไม่เจอเธอครับ”

เมื่อคืน หลังจากเจียงเซ่อโทรมา เผยอี้ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรผิดปกติ จึงสั่งให้คนตามข่าวจากฝั่งฝรั่งเศส

หลังจากเซี่ยเชาฉวินจองตั๋วกลับฮ่องกงให้เจียงเซ่อ เผยอี้ก็รู้ข่าวทันทีและรีบตามมาถึงฮ่องกงก่อนแล้ว

เขาวางกำลังคนไว้ที่สถานีตรวจคนเข้าเมืองในสนามบิน หลังจากเจอตัวเธอ ก็จะพาเธอกลับบ้านทันที

ทางฝั่งของเจียงจื้อหยวน ยังตามหาตัวเขาไม่เจอเสียที แต่ขอเพียงแค่เจียงเซ่ออยู่ในสายตาของเขา เขาก็วางใจแล้ว แต่ไม่คิดว่าคนที่คอยสะกดรอยตามจะปล่อยให้เจียงเซ่อหลุดรอดสายตาหนีไปได้

เขากำแก้วชาแน่น พยายามเก็บความโกรธไว้ในใจ โชคดีที่เขาวางแผนสองเอาไว้ก่อนแล้ว ด้วยการให้คนติดตามโทรศัพท์มือถือของเจียงเซ่อ

ตอนที่เธอโทรหาเจียงจื้อหยวน เบาะแสและบทสนทนาล้วนเข้าหูเผยอี้ทั้งหมด

ตอนนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจไปคิดว่าเจียงเซ่อได้เบอร์โทรศัพท์ของเจียงจื้อหยวนมาได้ให้อย่างไรยังไง และไม่สนว่าทำไมอยู่ๆ เธอจึงจะไปหาผู้ชายที่เธอควรจะหลีกหนีและหวาดกลัวเป็นอย่างมากด้วยตนเองตัวเองด้วย ตอนนี้เขาเป็นห่วงเพียงแค่ความปลอดภัยของเจียงเซ่อเท่านั้น

หลังจากรู้ว่าเจียงเซ่ออยู่ที่ไหน เขาก็รีบให้คนเตรียมความพร้อม ด้านหนึ่งคือเตรียมตั๋วเครื่องบินนตรง อีกด้านคือเตรียมรถที่จะไปตามที่อยู่ที่เจียงจื้อหยวนบอก

“แต่คุณมาที่นี่เป็นการส่วนตัว ฝั่งคุณท่านยังไม่รู้นะครับ”

คนที่เข้ามารายงานยังลังเลอยู่ เผยอี้โบกมือ ตอนนี้ใครจะมีกะจิตกะใจสนใจเรื่องพวกนั้น วินาทีนี้สิ่งที่ต้องต่อสู้คือเวลา จะต้องรีบขวางเจียงเซ่อเอาไว้ ก่อนที่เธอจะไปเจอเจียงจื้อหยวน

รถที่เจียงเซ่อนั่งมุ่งหน้าไปยังที่อยู่ของเจียงจื้อหยวน วิวกลางคืนของฮ่องดูงดงามน่าหลงใหล ขณะนี้ผู้คนไม่เยอะมากนัก รถก็น้อยมาก ดูเงียบผิดปกติ

มิเตอร์ภายในรถแท็กซี่กระโดดขึ้นเรื่อยๆ ทิวทัศน์สองข้างทางเลื่อนข้างหลังผ่านไปอย่างรวดเร็ว เป็นการแสดงให้เห็นว่า เธอเข้าใกล้เจียงจื้อหยวนมากขึ้นเรื่อยๆ

จะว่าไปก็แปลก ตอนแรกเธอคิดว่าตนเองตัวเองจะกระวนกระวายอย่างเป็นที่สุด หวาดกลัวและยากที่จะสงบสติอารมณ์ลงได้ แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอกลับสงบนิ่งเริ่มแนบนิ่งขึ้นมา

รถจอดบริเวณตีนดอย เขา เธอจ่ายเงินและลงจากรถ บนขอบฟ้ามีแสงสว่างบ้างแล้ว ท่ามกลางแสงสลัว น้ำทะเลลถดถอยไป ลมทะเลที่พัดเข้ามามีกลิ่นคาวทะเลจางๆ

เจียงจื้อหยวนคงจะรอเธออยู่ในที่ๆ ไม่ไกลมากนัก ถึงขั้นที่อาจจะรู้แล้วว่าเธอมาถึงแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะหลบอยู่ในมุมใดมุมหนึ่ง แอบเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเธอ

เธอไม่เสียใจภายหลังที่มาว่าที่นี่คนเดียว สิ่งเดียวที่เสียดาย อาจจะเพราะก่อนเดินทางมาในครั้งนี้ ไม่ได้เจอเผยอี้ก่อน

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอมีความมั่นใจรางๆ และมักจะคิดว่าเจียงจื้อหยวนไม่มีทางทำร้ายตนเองตัวเอง

ความรู้สึกแบบนี้ไม่มีสาเหตุเลยจริงๆ แต่ก็ไม่สามารถไว้ใจได้มากนัก ถ้าเผยอี้และเฝิงจงเหลียงรู้ความคิดของเธอ รับรองว่าจะต้องต่อว่าเธอแน่

เธอดึงสายกระเป๋าบนไหล่หลายที เดินไปข้างหน้าสองก้าว มุ่งหน้าไปตามถนนสายหนึ่งเดินไปตามทางที่เจียงจื้อหยวนบอกไว้ ก่อนหน้านี้และเดินมุ่งหน้าไปยังอยู่บนถนนสายหนึ่ง

ตอนนี้คนบนถนนไม่เยอะมากนัก เพราะยังเช้ามาก คนที่มาปีืนเขาและวิ่งออกกำลังกายก็ยังไม่ปรากฏตัวมี รอบข้างได้ยินเพียงเสียงคลื่นทะเลและเสียงลมพัดผ่านพุ่งหญ้าที่ดัง ‘ซ่าๆ’

เธอโทรหาเผยอี้ ตอนนี้เขาอาจจะหลับอยู่ เธ อสำหรับเขาแล้ว เธอมักจะเอาแต่ใจเพราะความรักของเขาอยู่เสมอ

เขารับสายไวมาก ทันทีที่รับสายก็ถามว่า

“อยู่ไหน?”

จากความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเขาธอ เจียงเซ่อก็รู้ในทันทีเลยว่าเขาอาจจะรู้ความเคลื่อนไหวของตนเองตัวเองแล้ว เธอไม่คิดว่าเขาจะยังรู้ไวขนาดนี้

“อยู่ที่ ‘ดวงตาของวิกตอเรีย’” เธอบอกตำแหน่งของตนเองตัวเองไปตามจริง ที่นั่นเป็นชื่อสถานที่ที่เจียงจื้อหยวนบอก ตอนนี้รถที่เผยอี้นั่งกำลังเร่งเดินทางมา แม้จะขับไวมาก แต่ก็ยังตามเธอไม่ทัน

“อย่าไปนะ เซ่อเซ่อ อย่าดื้อ”

เขาพยายามเก็บความกระวนกระวายเอาไว้ เกลี้ยกล่อมเธอด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน

“ฉันจะไปพบเขา ถ้าฉันถึงแล้วค่อยว่ากันนะ”

เธอไม่เห็นหน้าเผยอี้ แต่ก็รู้ว่าตอนนี้เขาจะต้องกระวนกระวายมาก แต่ยังเก็บความรู้สึกเอาไว้และพยายามเกลี้ยกล่อมเธอ

เจียงเซ่อไม่เคยรู้สึกว่าตัวนเองเอาแต่ใจเลย เฝิงจงเหลียงเคยพูดถึงนิสัยของเธอว่า มีความเป็นผู้ใหญ่ สงบแนบนิ่งและมักจะเก็บซ่อนความรู้สึกอยู่เสมอ แก้ไขปัญหาอย่างมีหลักการ น้อยมากที่จะทำเรื่องเหนือความคาดหมายของคนรอบข้าง บางทีคุณปู่ก็บอกหาว่าเธอเชื่อฟังคำสั่งมากไป ไม่เหมือนเป็นวัยรุ่นทั่วๆ ไป

เธอหัวเราะออกมาทีหนึ่ง “อาอี้ ไม่ต้องอย่ากังวลนะ ฉันแค่จะไปพบเขา มีเรื่องบางเรื่องที่ฉันควรบอกเขาด้วยตัวเอง”

เธอถือโทรศัพท์เอาไว้ รับรู้ได้ว่าคนรักที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์กังวลจนน้ำเสียงเริ่มลนลานหลงแลจึงะอดปวดใจไม่ได้

“ไม่ต้องกลัวนะ เขาไม่ทำร้ายฉันหรอก” แม้เฝิงหนานจะพูดจามั่วซั่วอะไรไป แต่เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเธอ ก็ยังคงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจียงจื้อหยวน

“อย่าไปหาเขาเลยนะเซ่อเซ่อ รอผมก่อนได้ไหม มากสุดยี่สิบนาที ยี่สิบนาทีเท่านั้น”

เขาไม่เคยอ่อนข้อขนาดนี้มากก่อน แม้ในใจจะทั้งกระวนกระวายและหวาดกลัวแท้ๆ แต่กลับไม่อารมณ์เสียใส่เธอเลยแม้แต่น้อย

“รอผมก่อนแล้วไปด้วยกัน ผมขอร้อง นะเซ่อเซ่อ” เขาแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว ความรู้สึกแบบนั้น ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้เลยจริงๆ

“ฉันแค่อยากพบเขา อยากพูดคุยกับเขา” เธอปลอบเผยอี้

“ไปดูว่าเฝิงหนานยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าไม่”

“เธอสำคัญตรงไหน จะมีชีวิตอยู่หรือไม่หรือเปล่าก็ไม่เกี่ยวกับผม” สำหรับเผยอี้แล้ว แม้กระทั่งผมเส้นเดียวของเจียงเซ่อ เฝิงหนานก็เทียบไม่ได้

อีกอย่างเฝิงหนานอยู่ในมือของเจียงจื้อหยวน เพราะเธอหาเรื่องใส่ตัวล้วนๆ ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นเธอคิดร้ายก่อน จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงอย่างไร

“พี่คุณไม่ต้องสนใจเธอ เธอหาเรื่องใส่ตัวเอง รอผมไปถึงก่อน ถ้าพี่คุณอยากเจอเขา ผมจะไปกับพี่เองคุณ”

เธอแสบเคืองจมูกเหมือนจะร้องไห้ นัยน์ตามีน้ำตาซึมออกมา ฟังคำพูดของเขาพร้อมกะพริบตา กลั้นน้ำตาให้ไหลกลับเข้าไปอีกครั้ง เขากระวนกระวายจนน้ำเสียงเปลี่ยนไปแล้ว เธอจะปล่อยให้เขากังวลอยู่แบบนี้ได้อย่างไรยังไง จึงพยักหน้า

“ก็ได้”

เธอบอกตำแหน่งที่ตัวนเองอยู่ ซึ่งยังห่างจากที่ๆ เจียงจื้อหยวนพูดถึงอีกระยะหนึ่ง เธอยังไม่เห็นคนๆ นี้ และยังเตือนให้เผยอี้ขับช้ากว่านี้ อย่าขับรถเร็วเกินไป ตนเองตัวเองจะรอเขามาถึงแล้วค่อยไปด้วยกัน

เขาโล่งอก แต่ยังไม่ยอมวางสาย ให้เธอถือสายเอาไว้ตลอดเวลา กลัวเธอไม่เชื่อฟังตนเองตัวเอง

เจียงเซ่อตอบรับอีกครั้ง จัดผมที่ถูกลมพัดจนยุ่งเหยิงน ตอนที่เงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่ามีคนๆ หนึ่งยืนอยู่บนทางแยกขึ้นภูเขาที่อยู่ในบริเวณที่อันห่างไกลออกไป

ไม่รู้ว่าคนๆ นั้นไปอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่และไม่รู้ว่ายืนอยู่เนิ่นนานเท่าไหร่แล้ว เงาสะท้อนรวมเป็นเนื้อเดียวกับเงาของพุ่มไม้แคระ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอหันมองทางนั้นแวบหนึ่ง อาจจะยังไม่สังเกตเห็นว่ามีเขาที่ยืนอยู่ตรงนั้น

เจียงเซ่อสะดุ้ง โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือเกือบตก เธอกลืนน้ำลาย เผยอี้ที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์ไม่ได้ยินเสียงของเธอ จึงเรียกอย่างระมัดระวัง

“เซ่อเซ่อ เซ่อเซ่อ” น้ำเสียงเริ่มเคร่งขรึม

เธออึ้งไปครู่หนึ่ง พลันเลียริมฝีปาก จับสายกระเป๋าเอาไว้ เหมือนจะใช้มันเพิ่มความกล้าให้ตนเองตัวเอง

คนๆ นั้นก็มองมาทางเธอเหมือนกัน เพราะห่างกันแสนไกล จึงทำให้เห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดเจน เพียงแต่เห็นรางๆ ว่าเป็นชายที่รูปร่างผอมสูง

เห็นได้ชัดว่าเขารู้แล้วว่าเจียงเซ่อเห็นเขา แต่ไม่ได้เดินเข้ามาหา ระยะห่างแบบนี้บวกกับการที่เขายืนเงียบอยู่แบบนั้น ทำให้เจียงเซ่อรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาก

“ฉันยังอยู่” เธอปลอบขวัญเขา ค่อยๆ เดินเข้าไปในทิศทางที่คนๆ นี้ยืนอยู่ หัวใจของเธอเต้นรัว ยิ่งใกล้ก็ยิ่งชัดเจน

เจียงจื้อหยวนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ใส่เสื้อแจ็คเก็ตที่ซักจนขาวซีดแล้ว มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋า เส้นผมถูกลมทะเลพัดจนกระเซอะกระเซิง

เขาแทบจะรวมเป็นเนื้อเดียวกับท้องฟ้า เฝ้ามองเจียงเซ่อที่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

“คุณ คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรยังไง?”

เธอจัดผมครู่หนึ่ง พยายามเก็บความกระวนกระวายใจเอาไว้ มือทั้งคู่ของเขายังอยู่ล้วงกระเป๋าไม่ได้ดึงออกมา นี่เป็นการทำให้เจียงเซ่อวางใจอย่างไม่ต้องสงสัย

“ออกมาดูเฉยๆ” เขาเงียบ ครู่ใหญ่หลังจากนั้นจึงฝืนพูดออกมา

ต่อหน้าเจียงจื้อหยวน เจียงเซ่อเก็บโทรศัทพท์์มือถือที่ยังไม่ได้วางสายจากเผยอี้เข้าในกระเป๋าอย่างเปิดเผย เขามองแวบหนึ่ง ไม่มีท่าทีว่าจะห้าม

“สายจากสามีฉัน เขาเป็นห่วง ไม่ไว้ใจ คุณอย่าได้ถือสาเลยนะ”

“ควรจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว” เขาจ้องเจียงเซ่อด้วยความโลภอย่างไม่รู้เบื่อ สังเกตดวงตาขนตาและอิริยาบถของเธอใกล้ๆ ราวกับอยากจำรูปลักษณ์ ท่าทางของเธอเอาไว้ในใจให้จอย่างแม่นยำ

เขาฉลาดขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องเข้าใจว่าความหมายที่เจียงเซ่อพูดแบบนี้และทำแบบนี้ต่อหน้าเขา ถ้าไม่ใช่ต้องการ ‘เตือน’ เขาแล้วจะเพราะอะไร ทำให้เขารู้เห็นว่าเผยอี้อยู่ระหว่างทางแล้ว ให้เขาหวั่นเกรงบ้าง

เด็กคนนี้รู้จักป้องกันตัว สมแล้วที่เป็นลูกสาวของเขา

เขาเองก็กังวล วินาทีที่ได้รับสายจากเจียงเซ่อ ก็ ‘ออกจากบ้าน’ ตั้งแต่เช้า กลัวว่าเธอจะเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง

พูดอย่างไม่อายว่า ทั้งชีวิตของเขา น้อยมากที่จะได้ลิ้มรสความกระวนกระวายและความกลัว เขาไม่ใช่คนที่ชอบคิดฟุ้งซ่าน แต่หลังจากรู้ว่าเธอจะมาก็เอาแต่กังวล กลัวว่าเธอจะเจอรถแท็กซี่เถื่อน กลัวเหลือเกินว่าคนขับรถจะไม่ใช่คนดี

บนถนนเส้นนี้ ตอนเช้ามักจะมีคนมาวิ่งออกกำลังกาย ข้างนอกมีคนร้ายแบบเขามากมาย เขาเคยทำเรื่องชั่วร้าย และเขาก็กลัวว่าลูกสาวจะเจอเรื่องพวกนั้น

เขาจึงมารออยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้า เฝ้ามองเธอลงจากรถและถือคุยโทรศัพท์อยู่ตรงนั้น จนกระทั่งเธอเห็นตนเองตน