webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

669

บทที่ 669 ด้นสด

สิ่งที่เจียงเซ่อพูด ไม่ใช่บทที่เตรียมมาจริงๆ เซี่ยเชาฉวินขมวดคิ้ว

“เธอจะพูดสดงั้นเหรอ”

เมื่อเทียบกันแล้ว การพูดสดยากกว่าการท่องบทเป็นเท่าตัว

นอกจากต้องเก่งและมีจิตใจที่มั่นคงแล้ว ต้องมีแรงต้านทานต่อความกดดันที่มาจากผู้ชมทั้งงาน และยังควบคุมสายตานับหมื่นล้านที่ชมการถ่ายทอดสดผ่านหน้าจอในตอนนี้ให้อยู่ด้วย

ถ้าพูดได้ดีแน่นอนว่าจะได้รับคำชื่นชมจากทุกคน ชื่อเสียงและฐานะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าพูดได้ไม่ดีจะต้องขายหน้าต่อสาธารณชน แน่นอนว่าชื่อเสียงจะตกต่ำ กลายเป็นประวัติที่ไม่ดีติดตัวตั้งแต่ตอนนี้ ทั้งยังจะถูกเยาะเย้ย

ยิ่งเป็นงานใหญ่ก็ยิ่งต้องระวัง ยอมพูดธรรมดา ไม่ต้องโดดเด่นมาก ดีกว่าเสี่ยงเปลี่ยนบทกล่าวขอบคุณเป็นการพูดฉับพลันแบบนี้

“พี่เซี่ย ต้องส่งสัญญาณบอกเซ่อเซ่อไหม”

โม่อานฉีได้ยินคำพูดของเซี่ยเชาฉวินจึงถาม

เซี่ยเชาฉวินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอเงยหน้าขึ้น มองเจียงเซ่อที่ยืนพูดอยู่ตรงกลางเวที

มือข้างหนึ่งของเธอถือถ้วยรางวัลเอาไว้ อีกข้างถือไมโครโฟน เธอเงยหน้าขึ้น มองเซี่ยเชาฉวินผ่านผู้คนด้วยสายตาที่แน่วแน่ ราวกับกำลังปลอบใจเซี่ยเชาฉวิน นัยน์ตาเหมือนกำลังบอกว่า ‘ให้เชื่อใจเธอ’

ทั้งสองร่วมงานกันมาหลายปี เธอเชื่อใจเซี่ยเชาฉวินอยู่แล้ว เซี่ยเชาฉวินไม่เคยมาจ้ำจี้จ้ำไชเรื่องงานกับเธอ ให้ความเคารพและความอิสระกับเธออย่างเต็มที่ ให้เธอมีช่องว่างได้แสดงความสามารถของตัวเอง เหมือนเป็นพี่น้องที่มีความสนิทสนมความเชื่อมั่น เชื่อใจซึ่งกันและกัน

มือของเซี่ยเชาฉวินที่ยกขึ้นค่อยๆ วางลง เจียงเซ่อเห็นท่าทางของเธอ สายตาก็อ่อนโยนลง ยกยิ้มมุมปากและเผยความดีใจออกมา

“ฉันเคยคิดหลายครั้งว่า ถ้าวันหนึ่งการ์ดที่อยู่ในจดหมายในมือของมิสเตอร์เดอโกลเป็นชื่อของฉัน ฉันควรจะพูดอะไรบ้าง”

คำกล่าวของเธอ ทำให้คนจำนวนมากในงานส่งเสียงหัวเราะครื้นเครง แม้กระทั่งเดอโกลที่ถูกเจียงเซ่อเอ่ยชื่อก็อดยิ้มไม่ได้ พลันยกมือขึ้นโบกไปมา

เจียงเซ่อไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับคนในงานแล้ว คนจำนวนมากต่างรับรู้ข่าวลือที่ว่า หลายปีที่แล้วเทศกาลหนังฝรั่งเศสเคย ‘ติดค้าง’ รางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมกับเธอ

ตอนนี้เธอพูดถึงอย่างติดตลกและเป็นธรรมชาติ นอกจากแสดงให้เห็นว่าเธอให้ความสำคัญกับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมของเทศกาลหนังฝรั่งเศสในครั้งนี้แล้ว ในขณะเดียวกันก็เป็นการพูดถึงเรื่องที่ ‘พลาด’ จากรางวัลในตอนนั้นอย่างผ่อนคลาย ทำให้ทุกคนเข้าใจยิ่งขึ้นว่า การจะได้ครอบครองถ้วยรางวัลที่เป็นตัวแทนของนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมอันเป็นเกียรตินี้ ไม่ง่ายเลย

“ในวันที่ฉันมายืนอยู่บนนี้จริงๆ ในขณะที่ฉันถือถ้วยรางวัลเอาไว้และพูดผ่านไมโครโฟน ในขณะที่ยืนอยู่ตรงหน้าทุกคน ฉันรู้สึกว่าทำไมฉันต้องพูดสิ่งที่ท่องมาและเป็นคำพูดเดิมๆ ที่น่าเบื่อแบบนั้นด้วย”

เธอพูดถึงตรงนี้เสียงปรบมือ ‘แปะๆๆ’ ก็ดังขึ้น ช่างภาพในงานแพลนกล้องไปที่หน้าของเจียงเซ่อ บนหน้าจอที่อยู่สองข้างเวทีขยายภาพของเจียงเซ่อ

“โอกาสแบบนี้ไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากเสียมันไปง่ายๆ แบบนี้”

เวลาแบบนี้มีคนน้อยมากที่จะกล้าทำเหมือนเธอ แม้ว่าความจริงแล้วนักแสดงจะมีชีวิตอยู่ท่ามกลางแสงสี และต้องถูกผู้ชมจับผิดอยู่ตลอดเวลา แต่พอมายืนอยู่ในงานแบบนี้ก็น้อยมากที่จะมีคนกล้าพูดอย่างเป็นธรรมชาติด้วยความกล้าและมีพลังแบบนี้

“ฉันรักอาชีพนักแสดง รักในการถ่ายทอดบทบาทตัวละครที่โหดร้ายอำมหิต ขี้ขลาดอ่อนแอหรือคนธรรมดาๆ คนหนึ่งผ่านหน้าจอมาสู่สายตาของผู้ชมทุกคน”

เธอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาอย่างน่าดึงดูด ไม่เพียงแค่คนในงานที่ประทับใจ ในขณะเดียวกันผู้ชมที่ดูการถ่ายทอดสดพิธีปิดเทศกาลหนังฝรั่งเศสในครั้งนี้ก็ซาบซึ้งใจ ทำให้ทุกคนที่ฟังเธอต่างชื่นชมเธอ

เธอที่อยู่บนหน้าจอกำลังพูดพร้อมรอยยิ้ม พร้อมจังหวัดอันเนิบช้า ดูเรียบนิ่งแต่มีความเป็นธรรมชาติ

ตอนที่เงยหน้าขึ้นมองนั้น ดวงตาคู่นั้นมีพลังที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้คนได้ นั่นไม่ใช่แววตาที่ทำให้ฮึกเหิม แต่จากฟังคำพูดของเธอก็ทำให้ไฟในตัวของทุกคนลุกโชนขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

ค่ำคืนนี้แฟนหนังทุกคนที่อยู่ในงานและทั่วโลกต่างรู้จักเจียงเซ่อลึกซึ้งมากกว่าเดิม

ถ้าจะบอกว่าตอนนั้นเชี่ยซ่าเหลยใช้หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ พาผู้หญิงคนนี้เดินไปสู่ระดับโลก ทำให้แฟนหนังทั่วโลกรู้จักชื่อของเธอ ถ้าอย่างนั้น เธอในวันนี้ไม่จำเป็นต้องให้ใครคอยช่วย แต่เธอใช้ความสำเร็จของตัวเองทำให้ทุกคนรู้จักเธอมากขึ้น

ได้รู้ว่าเธอไม่เพียงแค่มีรูปลักษณ์งดงามและรูปร่างเย้ายวนอย่างเดียวเท่านั้น แต่เธอยังมีวิธีการพูดที่รู้จักกาลเทศะความรู้อันหลากหลายและความเป็นธรรมชาติเวลาอยู่ต่อหน้าทุกคนอีกด้วย

เธอไม่ใช่ผู้หญิงสมองกลวง เธอมีความคิดเป็นของตัวเอง สิ่งที่เธอแสดงออกมาในค่ำคืนนี้เหมาะสมกับถ้วยรางวัลที่เดอโกลประธานกรรมการเทศกาลหนังฝรั่งเศสมอบให้แก่เธอ

คืนนี้ไม่มีใครขโมยความโดดเด่นไปจากผู้หญิงคนนี้ได้อีก ความตื่นตระหนกและซาบซึ้งใจในใจของเหอฉงแทบจะปะทุออกมาแล้ว

นี่เป็นคนที่เธอติดตามและชื่นชอบมานานหลายปี หลังจากนี้อีกหนึ่งปี สองปีหรือ กี่สิบปีถ้าเจียงเซ่อยังอยู่ในวงการบันเทิง เธอก็จะยังคงชอบต่อไป

“สุดท้ายนี้ฉันขอขอบคุณครอบครัวของฉัน” ตอนที่พูดประโยคนี้ เจียงเซ่อค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ตามองตรงไปราวกับสามารถมองเห็นคนที่อยู่อีกฝั่งของหน้าจอทะลุผ่านผู้ชมในงานและกล้องได้

เธอรู้ว่าตอนนี้เผยอี้และเฝิงจงเหลียงจะต้องกำลังดูเธอผ่านโทรทัศน์อยู่แน่นอน แม้จะมีมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลกั้นอยู่ “ขอบคุณพวกท่านที่สอนให้ฉันโตขึ้น ขอบคุณคนรักของฉันที่ทำให้ฉันเรียนรู้จักคำว่ารัก ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณพ่อแม่ของฉันที่นำพาฉันมาบนโลกใบนี้ ขอบคุณแฟนหนัง ผู้ชมที่สนับสนุนฉันมาตลอดเส้นทาง ขอบคุณรุ่นพี่และผู้กำกับทุกท่านที่ช่วยเหลือและให้คำแนะนำฉันมาโดยตลอด ขอบคุณคุณฮั่วจือหมิงที่สั่งสอนฉันด้วยความจริงใจ ขอบคุณนักแสดงผู้ยิ่งใหญ่ทุกท่านที่ร่วมงานกับฉันในหนังเรื่อง ‘Suspect’ ขอบคุณคณะกรรมการเทศกาลหนังฝรั่งเศส ขอบคุณพวกท่านที่ทำให้ฉันได้เรียนรู้ที่จะยอมรับความผิดพลาดและลุกขึ้นใหม่อีกครั้ง และขอบคุณผู้ชมในงานที่ฟังคำพูดเหล่านี้ของฉันค่ะ”

โม่อานฉีที่อยู่ข้างล่างเวทีตื่นเต้นมาก จนหัวใจแทบจะกระดอนออกมาเต้นอยู่ข้างนอกแล้ว

บรรยากาศในงานถูกเจียงเซ่อควบคุมเอาไว้ได้อยู่หมัด หลังจากคืนนี้ นักข่าวทุกคนที่มาร่วมงานอันยิ่งใหญ่นี้ต่างเก็บภาพนี้เอาไว้อย่างไม่ต้องสงสัย

ภายในโซนสื่อมวลชน เถาเถาน้ำตาอาบหน้าไปแล้ว เหมือนกลัวคนรอบข้างจะไม่รู้ว่า คนเก่งคนนี้เป็นไอดอลของตัวเอง ตอนที่เห็นนักข่าวทุกคนประทับใจกับส่งที่เจียงเซ่อพูด ในฐานะแฟนคลับของเจียงเซ่อ เธอเองภาคภูมิใจไปด้วย

เจียงเซ่อชูถ้วยรางวัลในมือขึ้น มองไปตำแหน่งที่ทีมงานของหนังเรื่อง ‘Suspect’ เธอห่างจากตำแหน่งที่พวกทีมงานนั่งมากเกินไป เห็นเพียงแค่ว่าตรงนั้นมีคนนั่งอยู่ แต่ก็ไม่สามารถเห็นสีหน้าของทุกคนได้อย่างชัดเจน

เธอเห็นเถาเฉินที่นั่งตัวเกร็งอยู่ในนั้น เธอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ จึงชูถ้วยรางวัลขึ้น

“นี่ไม่ใช่ของฉันคนเดียว แต่ยังเป็นของทีมงานของหนังเรื่อง ‘Suspect’ ที่มีความตั้งใจแต่ไม่ได้ขึ้นมารับรางวัลพร้อมกับฉัน คุณค่าอย่างแท้จริงของความภาคภูมิใจถูกหลอมเป็นถ้วยรางวัลที่อยู่ในมือของฉัน แต่ความภาคภูมิใจที่ไม่ถูกหลอมเป็นถ้วยรางวัล ทุกคนไม่เห็นและไม่สามารถจับต้องได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มี”

เจียงเซ่อพูดจบ ก็ถือถ้วยรางวัลแล้วแสดงความเคารพด้วยการโน้มตัวลงต่ำ พร้อมกับเสียงปรบมือที่ดังกึกก้องขึ้นมา

ครั้งนี้เสียงปรบมือที่ดังขึ้นไม่ได้เป็นการปรบมือตามมารยาท แต่เป็นความชื่นชมที่ทุกคนมีต่อการพูดสดของเธอ

“เธอทำได้แล้ว”

ในตาของเฉินซั่นมีน้ำตานองอยู่ พร้อมพูดซ้ำอีกรอบ

“เธอทำได้แล้ว”

เซี่ยเชาฉวินเม้มปาก เผยให้เห็นเป็นรอยยิ้ม

ท่าทางของเถาเฉินดูสับสน เธอสัมผัสได้ว่า ความจริงแล้วที่เจียงเซ่อพูดในตอนท้ายต้องการบอกเธอและเชื่อว่าผู้ชมในงานและแฟนหนังที่อยู่หน้าจอทุกคนก็คงรับรู้ได้เช่นกัน

แต่ทำไมเธอต้องพูดแบบนี้ เพราะเห็นใจ สงสาร หรือเพราะคำพูดเหล่านั้นเป็นความรู้สึกจากใจจริงของเธอหรือ?

เถาเฉินยกมุมปาก ก้มหน้าลง มือยังสั่นอยู่เล็กน้อย เธอยังจมอยู่ท่ามกลางความมืดมนเพราะความเข้าใจผิดว่าตัวเองได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังฝรั่งเศส

เธออยากได้รางวัลนี้มาก ถึงขั้นเสียกริยาไป ตอนที่เดอโกลยังอ่านชื่อไม่จบ ตัวเองเกือบลุกขึ้น เรื่องนี้กลายเป็นความอับอายที่สุดในชีวิตของเธอ อาจจะกลายเป็นเรื่องเดียวที่ทุกคนเยาะเย้ยและโจมตีตั้งแต่เข้าวงการมา

พิธีปิดจบลงอย่างสมบูรณ์ เพราะเจียงเซ่อได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมและเพราะการพูดสดอันโดดเด่น ทำให้เธอกลายเป็นดวงดาวที่สว่างที่สุดในค่ำคืนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

หนังเรื่อง ‘Suspect’ เป็นผู้ชนะอย่างแท้จริงในเทศกาลหนังฝรั่งเศสในปีนี้ เพราะถูกเสนอชื่อเข้าชิงสามรางวัลและได้รับรางวัลทั้งหมด ซึ่งจะกวาดรายได้ในหัวเซี่ยต่อไป

สำหรับการสัมภาษณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น นักข่าวรุมกันเข้ามา ล้อมทีมงานของหนังเรื่อง ‘Suspect’ เอาไว้ แม้กระทั่งตัวประกอบทั้งชายและหญิงคนอื่นๆ ในทีมก็ได้รับผลประโยชน์ไปด้วย ต่างก็ถูกสัมภาษณ์ไม่น้อย

ฝั่งของฮั่วจือหมิงถูกนักข่าวจำนวนมากล้อมเอาไว้ เถาเฉินเองก็จมอยู่ท่ามกลางไมโครโฟนของนักข่าว

สื่อจำนวนมากจากหัวเซี่ยวิ่งตามเถาเฉิน ซ่งอี้ผลักคนเหล่านี้ออกอย่างยากลำบาก

“คุณเถา คุณคิดว่าในหนังเรื่องการแสดงของคุณดีกว่าเจียงเซ่อหรือเปล่าคะ?”

“คุณเถา คุณคิดว่าการมอบรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมของเทศกาลหนังฝรั่งเศสในตอนท้ายของปีนี้ยุติธรรมหรือเปล่าคะ”

“คุณเถา คุณคิดว่าคุณควรจะได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมใช่ไหมครับ?”

“คุณคิดยังไงกับมีคนลือกันว่าเทศกาลหนังฝรั่งเศสติดค้างรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมกับเจียงเซ่อคะคุณเถา”

“คุณเถาคะ”

“……”

คำถามมากมายพุ่งเข้าหาเถาเฉิน เธอไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนี้มาก่อน กล้องที่คุ้นเคยวิ่งไล่ตามเธอเหมือนปีศาจ เธอกลัวจนถึงขั้นไม่กล้าเงยหน้าขึ้น

“ขอโทษนะครับ คุณเถาไม่สบาย ยังไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้”

ซ่งอี้บังกล้องแต่ละอันเอาไว้ พยายามปกป้องเถาเฉินให้ดีที่สุด

ผู้ช่วยที่อยู่ข้างเธอจับมือกันล้อมเป็นกำแพง พยายามเปิดทางให้เถาเฉิน

แสงแฟลชวูบวาบไม่หยุด ส่องสะท้อนใบหน้าอันขาวซีดของเถาเฉินเอาไว้ ผู้ช่วยปัดกล้องออกด้วยความโกรธ ไม่ให้นักข่าวตามมา

แต่คนเหล่านั้นยังคงตามไม่เลิก ออกไปไม่ได้จริงๆ แฟลชเหล่านั้นวูบวาบเสียจนเถาเฉินแทบจะมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่เห็นแล้ว

“หยุดถ่ายได้แล้ว หยุดถ่ายได้แล้ว!”

ซ่งอี้และผู้ช่วยตะโกนเสียงดัง ตรงนั้นอึกทึกราวกับกำลังเล่นงิ้วอย่างนั้น สำหรับนักข่าวแล้วเถาเฉินในตอนนี้ราวกับเป็นหมูสามชั้นเกรดดี ตอนนี้เธอยิ่งเสียจริตเท่าไหร่ยิ่งดี ถ้าถูกถ่ายเอาไว้ได้ก็เพียงพอที่พวกเขาจะเอาไปเขียนข่าวแล้ว

มีผู้ช่วยถอดเสื้อกันหนาวมาบังหน้าเถาเฉินเอาไว้ เสียงชัตเตอร์ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เธอเงียบและกำชายเสื้อแน่น

เจียงเซ่อที่อยู่อีกด้านก็ถูกนักข่าววิ่งตามเช่นกัน โชคดีที่ผู้ช่วยระมัดระวังเป็นอย่างมาก ทันทีที่เห็นกล้องกำลังจับภาพใบหน้าของเจียงเซ่อก็ผลักกล้องออก

ความประทับใจจากบทพูดของเจียงเซ่อยังคงตราตรึงอยู่ในใจ คนส่วนใหญ่รู้สึกดีกับเธอเป็นอย่างมาก รวมทั้งเธอมีบอดี้การ์ดตามมาส่ง เซี่ยเชาฉวินเองก็รอบคอบ ทำให้สถานการณ์ของเธอดีกว่าเถาเฉินอยู่มาก

แม้จะถูกล้อมจนยากที่จะเดินออกไปได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้วุ่นวายเท่าไหร่

“คุณเจียง คุณคิดยังไงกับข่าวลือที่ว่าเทศกาลหนังฝรั่งเศส ‘ติดค้าง’ รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมกับคุณคะ”

“คุณคิดว่า ในหนังเรื่อง ‘Suspect’ เถาเฉินกับคุณต่างกันยังไงคะ”

“คุณเจียงคะ...”

“เข้ามาทีละคนๆ”

เครื่องบันทึกเครื่องหลายเครื่องที่แทบจะโดนหน้าเจียงเซ่อถูกเซี่ยเชวฉวินดึงออกอย่างไม่รู้ตัว เพราะรูปร่างอันสูงโปร่งของเธอจึงสามารถยืด ‘อุปกรณ์’ ของนักข่าวไปได้อย่างง่ายดาย และยังทำหน้าราวกับสิ่งที่ทำสมเหตุสมผล ความเย็นเยียบและน้ำเสียงอันเคร่งขรึมทำให้ทุกคนสงบสติอารมณ์ลงทันที

ทุกคนต่างรู้วิธีการและความสามารถของเซี่ยเชาฉวินดี ตอนนี้ของถูกเธอเก็บไป เธอยื่นให้เจียงเซ่อ ให้เจียงเซ่อถือเอง

นักข่าวถามทีละคนๆ ทำให้สถานการณ์เรียบร้อยขึ้นมาทันที ไม่วุ่นวายเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

นักข่าวถามงานหนังของเจียงเซ่อ ถามความรู้สึกที่เธอได้รับรางวัล ชื่นชมการสุนทรพจน์ในวันนี้ของเธอ และแสดงความยินดีที่เธอทำให้หัวเซี่ยได้รางวัล ‘นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม’ จากเทศกาลหนังฝรั่งเศสอีกครั้ง สุดท้ายได้ถามถึงเถาเฉิน

“คุณและเถาเฉินต่างแสดงหนังเรื่อง ‘Suspect’ คุณคิดว่า คุณกับคุณเถาต่างกันยังไง ถึงทำให้คุณได้รับรางวัลจากเทศกาลหนังในครั้งนี้ แต่คุณเถากลับไม่ได้คะ”

คำถามนี้เฉียบคมมาก นักข่าวคนอื่นๆ เงียบ รอคำตอบจากเจียงเซ่อ แม้กระทั่งนักข่าวตามมาสัมภาษณ์ฮั่วจือหมิงที่อยู่ข้างๆ ก็เข้ามาใกล้ๆ เพราะอยากฟังคำตอบของเจียงเซ่อด้วย

“การที่ฉันได้รับรางวัลไม่ใช่เพราะประธานกรรมการมิสเตอร์เดอโกล ‘ติดค้าง’ ถ้วยรางวัลถ้วยหนึ่งกับฉันอย่างที่พวกคุณว่าเหรอคะ?”

เจียงเซ่อยิ้ม คำพูดนี้ของเธอทำให้นักข่าวที่อยู่รอบๆ ต่างยิ้ม แน่นอนว่าคำตอบนี้ไม่สามารถทำให้คนถามที่อยากได้ประเด็นข่าวที่ร้อนแรงพอใจได้ คนถามยังคงถามต่อว่า

“แล้วคุณคิดยังไงคะตอนที่เห็นคุณเถากำลังจะลุกขึ้นตอนที่คุณเดอโกลยังไม่ประกาศชื่อผู้ได้รับรางวัล ‘นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม’”

ทันทีที่สิ้นเสียงของนักข่าวคนนี้ นักข่าวคนอื่นๆ ก็ยกอุปกรณ์บันทึกเสียงขึ้นมา ช่างภาพถือกล้องไว้และถ่ายไปที่หน้าของเจียงเซ่อ

ทุกอิริยาบถทุกคำพูดในตอนนี้เธอล้วนถูกบันทึกเอาไว้และถ่ายทอดสดออกไปให้ผู้ชมนับหมื่นพันได้เห็นทันที

สิ่งที่เถาเฉินเสียกริยาไปในคืนนี้ไม่สามารถปฏิเสธได้ ถูกกล้องบันทึกเอาไว้ ไม่สามารถแก้ตัวได้

รวมทั้งชื่อเสียงของเธอที่โด่งดังเป็นอย่างมากในหัวเซี่ย ทำให้สื่อต่างๆ ตามกัดเธอไม่ยอมปล่อย 

ซ่งอี้ที่อยู่อีกข้างได้ยินคำถามแบบนี้ก็โกรธมาก กัดฟันและตะโกนเสียงดังว่า

“พวกคุณถามคำถามแบบนี้ไม่ได้....”

“คุณเจียง คุณตอบคำถามนี้ได้ไหมคะ?”