webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

670

บทที่ 670 ประวัติศาสตร์

ซ่งอี้พยายามห้ามไม่ให้นักข่าวถามอย่างสุดความสามารถ ในงานไม่มีใครสนใจเขาเลย รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงเซ่อค่อยๆ จางไป เปลี่ยนเป็นความเคร่งขรึมขึ้นมาแทน

“ฉันรู้สึกขอบคุณคุณเถาค่ะ” ทันทีที่สิ้นเสียงของเธอ ใบหน้าของนักข่าวก็เผยรอยยิ้ม แสงแฟลชส่องสว่างทั่วทั้งงานราวกับตอนกลางวัน ใบหน้าของซ่งอี้เต็มไปด้วยความท้อใจ ใบหน้าของเถาเฉินถูกเสื้อคลุมเอาไว้ หล่อนกำเสื้อไว้แน่นจนข้อนิ้วขาวซีด แต่วินาทีต่อมาเจียงเซ่อกลับพูดว่า

“เพราะถ้าตอนนั้นเธอไม่มีท่าทีที่จะลุกขึ้น วินาทีต่อมาฉันต้องลุกแน่ๆ”

ไม่มีใครคิดว่าเจียงเซ่อจะตอบแบบนี้

เธอไม่ได้ฉวยโอกาสนี้ในการเหยียบย่ำและเยาะเย้ยเถาเฉินอย่างได้ใจในตอนที่เธอกำลังลำบาก กลับพูดแค่ว่า 

“การรีบร้อนอยากได้รางวัลเป็นสัญชาตญาณปกติของมนุษย์ ฉันกับคุณเถาต่างก็ทุ่มเทพยายามสุดความสามารถ การที่เราได้รับเกียรตินี้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ทุกคนที่พยายามฝึกฝนและเข้าร่วมการทดสอบ ต่างก็ต้องการพุ่งเข้าหาที่หนึ่งอยู่แล้ว!”

เธอมองหน้านักข่าวคนที่ถาม ในมือของเธอถือเครื่องอัดเสียงเอาไว้หลายอัน

“พวกคุณเองก็แย่งพาดหัวข่าวกัน คงจะเข้าใจเรื่องนี้ดีนะคะ”

ท่ามกลางเสียงชัตเตอร์ ‘แชะๆ’ เธอพูดพร้อมรอยยิ้ม ซ่งอี้ถูกคนกลุ่มหนึ่งขวางทางเอาไว้ พอได้ยินคำพูดแบบนี้ของเธอก็อึ้งไปทันที

ศีรษะและใบหน้าของเถาเฉินถูกเสื้อบังเอาไว้ แต่เสื้อกันหนาวตัวนี้บดบังคำพูดของเจียงเซ่อไม่ได้

เจียงเซ่อพูดถูก การที่เธอมีความทะเยอทะยานไม่ใช่เรื่องน่าอาย ถ้าไม่มีความทะเยอทะยาน ไม่มีความหวังเธอก็คงไม่มีวันนี้

คืนนี้ตอนที่เดอโกลอ่านชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในเทศกาลหนังฝรั่งเศส ภาพที่เธอเกือบลุกขึ้น ถูกถ่ายเอาไว้ได้จริงๆ แต่ก็อย่างที่เจียงเซ่อพูด เธอมาแสดงหนังเรื่องไม่ได้มาเพื่อจะเป็นสะพานให้ใคร ระหว่างถ่ายทำเธอก็ทำสุดความสามารถ ไม่ได้ทำให้ตัวละครของตนเองต้องเสียชื่อ

ซูอี้ที่รับบทโดยเจียงเซ่อโดดเด่นก็จริง แต่ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ที่สวยและแดงมากเท่าไหร่ในหนังเรื่องหนึ่ง ต่างก็ต้องการใบไม้สีเขียวที่ได้มาตรฐานมาสร้างความโดดเด่นทั้งนั้น

หากไม่มีการต่อบทของตนเองกับเธอแล้ว หากมีเพียงเจียงเซ่อคนเดียว หนังเรื่องนี้ก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จได้หรอก

เธอทุ่มเทความพยายาม แล้วมีเหตุผลอะไรที่ไม่ควรคาดหวัง การที่เธอมาเทศกาลหนังฝรั่งเศสก็มาเพื่อไขว่คว้าเกียรติของตนเอง

มีอะไรน่าขายหน้า?

คนรอบข้างของเธอช่วยเธอขวางกั้นคำถามจากนักข่าวเอาไว้ ต่างก็กลัวภาพและคำพูดที่หลุดออกไปจะทำร้ายเธอ ผู้ช่วยเอาเสื้อกันหนาวมาบังหน้าเธอไว้ แม้กระทั่งเถาเฉินยังรู้สึกอาย แต่เธอคิดไม่ถึงว่าคนที่พูดแบบนี้ออกมาจะเป็นคู่แข่งอย่างเจียงเซ่อ

เถาเฉินกำเสื้อกันหนาวที่บังหน้าแน่นก่อนจะดึงออก ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ รีบดึงขึ้นมาจะบังให้เธออีกครั้ง กลัวเป็นอย่างยิ่งว่าวินาทีต่อไปนักข่าวจะยิงคำถามและถ่ายรูปกันอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา

“คุณเถา...”

ซ่งอี้ยกมือทั้งสองข้างขึ้นบังหน้าเธอ เถาเฉินปัดมือเขาออกพร้อมส่ายหน้า

“ไม่ต้องแล้วล่ะ”

ปิดบังได้ชั่วขณะ แต่ไม่สามารถปิดบังไปได้ชั่วชีวิต เมื่อเทียบกับการหลบๆ ซ่อนๆ แล้วควรจะเปิดเผยอย่างกล้าหาญมากกว่า

หลายปีมานี้ ไม่ว่าจะลำบากมากแค่ไหนก็ผ่านมาได้ จะขี้ขลาดเพราะความเข้าใจผิดเพียงครั้งเดียวแบบนี้ไม่ได้

เธอที่ไม่มีอะไรเลยในตอนนั้นเดินมาถึงวันนี้ได้ก็เพราะความทะเยอทะยานและความหวัง ไม่มีเหตุผลที่อายุยิ่งมาก ประสบการณ์มากขึ้น ผ่านความยากลำบากมามากมาย แต่พอเจออุปสรรคกลับเดินต่อไปไม่ไหว

เธอยังคงเป็นคนเดิมที่ไม่มีอุปสรรคใดทำให้เธอล้มลงได้

เธอยืดอกและจัดทรงผม ถึงขั้นที่ให้ช่างแต่งหน้าที่อยู่ข้างๆ แต่งหน้าและจัดทรงผมให้ตนเองครู่หนึ่ง ตอนที่ปรากฏเธอได้ตัวต่อหน้ากล้องอีกครั้ง เธอก็ยังคงเป็นเถาเฉินคนเดิมที่จะไม่ล้มลงตอนนี้แน่

ท้ายที่สุดการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ จบลงเพราะหน่วยรักษาความปลอดภัยภายในงานเทศกาลหนังฝรั่งเศสมาห้าม หลังจากคืนนี้เป็นต้นไป เจียงเซ่อก็ได้สร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งหัวเซี่ย

หัวข่าวในอินเทอร์เน็ต โทรทัศน์รวมทั้งนิตยสารบันเทิงต่างๆ ล้วนพูดถึงความงาม ผลงานและความมีกาลเทศะของเธอ รวมทั้งการสุนทรพจน์ในพิธีปิดเทศกาลหนังฝรั่งเศสที่เรียกได้สมบูรณ์แบบ

เจียงเซ่อร่วมงานเลี้ยงเสร็จ ตอนที่กลับไปถึงโรงแรมก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว ขณะที่เธอล้างเครื่องสำอาง โม่อานฉีก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า

สำหรับโทรศัพท์ที่ใช้ในการทำงานมีข้อความแสดงความยินดีจากสื่อและคนในวงการมากมาย โม่อานฉีเตรียมจะตอบทุกคำถามแทนเธอ

และโทรศัพท์ส่วนตัวของเจียงเซ่อนอกจากข้อความจากเผยอี้ ไต้เจียและพวกของเนี่ยต้านที่ต่างก็มาแสดงความยินดีกับเธอแล้ว ระหว่างนั้นก็มีสายของเฝิงจงเหลียงแทรกเข้ามาหลายสาย

ตอนที่เจียงเซ่อเห็นเบอร์โทรศัพท์ของเฝิงจงเหลียงก็อึ้งไปครู่หนึ่ง เฝิงจงเหลียงโทรมาเมื่อชั่วโมงกว่าก่อนหน้านี้และตอนที่โทรมาในประเทศก็ตีสามตีสี่แล้ว

ตอนนี้เฝิงจงเหลียงคงนอนแล้ว

แม้ว่าเขาจะฝืนร่างกายดูการมอบรางวัลในพิธีปิดของเทศกาลหนังฝรั่งเศส แต่หลังจากจบพิธีเขาก็ควรเข้านอนแล้ว

เขาอายุมากแล้วและไม่ค่อยแข็งแรง ฤดูนี้ในตี้ตูตอนกลางคืนจะหนาวมาก เสี่ยวหลิวไม่ยอมตามใจให้เขานอนดึกแน่

ถึงแม้ว่าเขาจะคิดถึงตนเองแต่ก็รู้ว่าหลังจากงานเทศกาล ตนเองยังต้องไปร่วมงานเลี้ยงอีกหลายงาน กว่าจะกลับถึงโรงแรมก็คงจะดึกแล้ว โดยปกติเจียงเซ่อจะโทรหาเขาในวันถัดไป

ทำไมในเวลาแบบนี้ เฝิงจงเหลียงจึงโทรมาและยังโทรมาหลายสายต่อเนื่องด้วยนะ

ลางสังหรณ์ไม่ดีมากมายเกิดขึ้นในหัวของเจียงเซ่อทันที เธอกลัวว่าเฝิงจงเหลียงไม่ได้เป็นคนโทร แต่เสี่ยวหลิวใช้โทรศัพท์ของเฝิงจงเหลียงโทรมา เธอกังวลเป็นอย่างยิ่งว่าเฝิงจงเหลียงจะเป็นอะไร

พอคิดถึงเรื่องนี้เธอก็มือสั่น ร่างกายเริ่มอ่อนแรงแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือก็เหมือนจะถือไม่ไหวแล้ว

ตอนนี้เธอทั้งเป็นห่วงและกระวนกระวาย จนลืมคิดไปว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเฝิงจงเหลียงจริงๆ ไม่เพียงแค่เสี่ยวหลิวที่จะโทรมา แต่ฝั่งตระกูลเฝิงก็คงไม่นิ่งเฉยแน่ เผยอี้จะต้องหาวิธีบอกเธอแน่นอน

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร ตอนนี้ในประเทศคงจะหกโมงกว่าแล้ว เธอยังกังวลว่าคงจะนานกว่าจะโทรติด แต่ไม่คิดว่าโทรศัพท์ดังเพียงสองครั้งก็มีคนรับแล้ว

“เซ่อเซ่อ...”

เสียงของเฝิงจงเหลียงดังขึ้น ฟังดูเหน็ดเหนื่อยและแหบแห้งเหมือนไม่ได้นอน แต่จากน้ำเสียงสามารถรู้ได้ว่าสภาพของเขาไม่ได้ย่ำแย่อย่างที่เจียงเซ่อคิดเอาไว้ในตอนแรก เจียงเซ่อโล่งใจเป็นอย่างมากแต่ก็ยังกังวล

“ปู่ ปู่ทำให้หนูตกใจหมดเลย”

หัวใจดวงนั้นของเธอยังไม่กลับมาอยู่ที่เดิม ตอนนี้ยังคงเต้น ‘ตุบๆ’ อย่างผิดจังหวะ คำพูดในวินาทีต่อมาของเฝิงจงเหลียงทำให้เธอตกใจอีกครั้ง

“เซ่อเซ่อ เกิดเรื่องกับเฝิงหนานแล้ว”

เฝิงหนานถูกลักพาตัว

เธอหายไปสามสิบกว่าชั่วโมงแล้ว ตอนแรกทางฮ่องกงปิดบังเรื่องนี้เอาไว้

ตอนนั้นเฝิงจงเหลียงสั่งคนไปบังคับพาตัวเฝิงหนานกลับฮ่องกง ให้คนในตระกูลเฝิงเฝ้าเธอไม่ให้คลาดสายตา ไม่คิดว่าระหว่างนั้นเธอจะแอบหนีออกไป ทั้งยังพูดจาแปลกๆ ก่อนหน้านี้ก็ก่อเรื่องจนทำให้ตระกูลเผยไม่พอใจ ทำให้คนที่อยู่ที่ฮ่องกงถูกเฝิงจงเหลียงต่อว่า

ตั้งแต่นั้นมา ตระกูลเฝิงก็คุมเธอเข้มงวดขึ้น คนใช้ที่อยู่กับเธอก็ถูกเพิ่มอีกสองคน เพื่อป้องกันไม่ให้เธอหนีออกไป

ครั้งนี้ ตอนที่เธอหายตัวไป ตอนแรกเฝิงชินหลุนและคนอื่นๆ ต่างคิดว่าก็คงหนีออกไปเหมือนทุกครั้ง เพราะที่ผ่านมาเธอเคยทำแบบนี้ ทุกคนจึงไม่ได้คิดถึงสาเหตุอื่น

ตอนนั้นเฝิงชินหลุนคิดว่า เรื่องนี้จะให้เฝิงจงเหลียงรู้ไม่ได้ เพื่อไม่ให้ถูกพ่อต่อว่า ว่าแค่ให้คุมคนๆ หนึ่งยังคุมไม่อยู่

ตอนแรกเขาคิดว่าถ้าตนเองเจอเธอ ไม่ว่าเธอจะก่อเรื่องอะไรเอาไว้ ถึงตอนนั้นค่อยหาทางแก้ไขให้เธอ แบบนี้ทั้งไม่ต้องทำให้ฝั่งของเฝิงจงเหลียงต้องตื่นตระหนกและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างมากครั้งต่อไปเขาจะคุมเธอให้เข้มงวดกว่าเดิม

ตอนแรกเฝิงชินหลุนโกรธมากรู้สึกว่าลูกสาวคนนี้ยิ่งโตก็ยิ่งดื้อ

แต่เพราะเธอหายไปนานและไม่ส่งข่าวกลับมาจึงค่อยๆ รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ

ที่เธอหายไปครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่เหมือนครั้งก่อนและกระเป๋าของเฝิงหนานที่หายตัวไปก็ยังอยู่ในมือของคนใช้ ทั้งเงินสด บัตรเครดิตและโทรศัพท์มือถือก็อยู่ในนั้น เธอไม่ได้เอาของเหล่านี้ออกไป ไม่มีเงิน ไม่มีอุปกรณ์สื่อสาร ถ้าเธออยากหนีเธอจะหนีไปไหนได้

หนึ่งวันผ่านไป หลังจากไม่เจอตัวเฝิงหนาน ตระกูลเฝิงก็เริ่มตื่นตระหนกขึ้นมา พลันคิดถึงเหตุการณ์ที่เธอเคยถูกลักพาตัว

เฝิงชินหลุนให้คนออกไปตามหาทั่วทุกซอกทุกมุมของบ้านตระกูลเฝิง เช็คดูอีเมล พัสดุและจดหมาย ไปตรวจเช็คแม้กระทั่งที่อยู่ของบริษัท แต่ไม่มีจดหมายข่มขู่และไม่มีใครส่งอะไรมาข่มขู่ที่บ้านตระกูลเฝิงเลย

จนถึงขนาดนี้ แน่นอนว่าคนในบ้านตระกูลเฝิงไม่กล้าปิดบังอีกต่อไป จึงรีบโทรไปบอกเฝิงจงเหลียง

แม้ว่าตอนนี้ภายในของ ‘หลานสาว’ คนนี้จะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก็ยังมี ‘เปลือกนอก’ ที่เป็นของเฝิงหนาน จะทอดทิ้งไปง่ายๆ ไม่ได้

เฝิงจงเหลียงนั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับไปที่ฮ่องกงทันทีและตามหาเฝิงหนาน ถามคนรอบข้างเธอจนรู้ว่าเธอหายตัวไปตอนออกไปช้อปปิ้ง ก่อนหายตัวไปเธอได้เข้าไปในห้องลองชุด คนใช้สองคนถือกระเป๋าของเธอและรออยู่ข้างนอก จนเวลาผ่านไปนานแต่เฝิงหนานก็ยังไม่ออกมา ทั้งสองจึงรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ พอเข้าไปดู เฝิงหนานก็หายไปแล้ว

ตอนนั้นตามหาแล้วแต่ไม่เจอ ทั้งสองต่างคิดว่าเป็นแผนการหนีของเฝิงหนาน

เฝิงจงเหลียงดูกล้องวงจรปิดในร้านจึงมั่นใจว่าเฝิงหนานถูกลักพาตัวไป

“คนที่ลักพาตัวเฝิงหนาน เซ่อเซ่อฟังนะ เขาอาจจะเป็นเจียงจื้อหยวน”

ตอนเขาพูดประโยคนี้พร้อมถอนหายใจยาว ในใจรู้สึกสับสนมาก

ความจริงสำหรับผลลัพธ์แบบนี้ เฝิงจงเหลียงไม่แปลกใจเลย ช่วงเวลาหนึ่งปีนี้ เจียงจื้อหยวนหายไปอย่างไร้ร่องรอย คนอย่างเขา ไม่มีงาน ไม่มีเพื่อน ไม่ต้องการการยอมรับจากสังคม ไม่ให้ความสำคัญกับตนเอง ถ้าวันหนึ่งเกิดความคิดบ้าๆ อยากทำอะไรขึ้นมา เขาก็คงไม่คิดถึงผลกระทบมากมายที่จะตามมา

เขาได้วางแผน ‘จัดการ’ เฝิงหนานมาตั้งนานแล้ว ลาออกจากงาน ออกจากการควบคุม การจะลักพาตัวเฝิงหนานเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่เร็วก็ช้าเท่านั้น

สิ่งเดียวที่เฝิงจงเหลียงคิดไม่ถึงคือ ในอดีตตระกูลเฝิงไม่ทันระวัง ทำให้เจียงจื้อหยวนลักพาตัวสำเร็จ แต่ตอนนี้ข้างกายเฝิงหนานมีคนดูแลอยู่มากมาย

เพียงแต่ว่า เฝิงจงเหลียงรู้สึกผิดหวังไม่น้อยและรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์แบบนี้

ตอนหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ฉายรอบปฐมทัศน์ เขาได้นัดเจียงจื้อหยวนไปดูหนังเรื่องนี้ ตอนนั้นเจียงจื้อหยวนรับปากกับเขาว่าจะวางมือแล้วแท้ๆ แต่เสียดายที่ในที่สุดเฝิงหนานเองที่ไม่รู้จักปล่อยวาง ทำให้เขาโกรธขึ้นมาอีกครั้ง

จุดอ่อนของเขาคือเจียงเซ่อ เขายอม ‘ชดใช้ความผิด’ เพราะลูกสาว การ ‘ยอมรับผิด’ แบบนี้ไม่ได้หมายความว่าคนแบบเขาจะกลับตัวจริงๆ แต่เป็นเพียงแค่ ‘ความประณีประนอม’ ที่เขามีต่อความจริงก็เท่านั้น

ถ้าวันหนึ่งคนๆ นี้พบว่าการ ‘ประณีประนอม’ นั้นไม่มีประโยชน์อีก บางทีเขาอาจจะทำตามกฎที่เขายอมรับก็ได้

สงสารก็แต่เจียงเซ่อ

เธอเป็นหลานสาวที่ ‘แท้จริง’ ของตนเอง แต่ก็เกิดความผิดพลาดทำให้ต้องกลายเป็นลูกสาวของ ‘ศัตรู’

ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง เมื่อความคิดของเจียงจื้อหยวนเหมือนในอดีตของเขา ตอนนั้นที่เฝิงหนานถูกลักพาตัว สิ่งที่เจียงจื้อหยวนต้องการคือเงิน ตอนนี้เฝิงหนานถูกลักพาตัวอีกครั้ง เจียงจื้อหยวนคงจะต้องการชีวิตใช่หรือเปล่า

เจียงเซ่อเงียบไป ความจริงตอนนี้เธอแทบจะพูดอะไรไม่ออกแล้ว เธอถือโทรศัพท์เอาไว้ พยายามเป็นอย่างมากกว่าจะรักษาความสงบนิ่ง ไม่ให้โทรศัพท์ในมือตกลงไป

ผลกระทบของความตื่นตระหนกจากการที่ได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในเทศกาลหนังฝรั่งเศส สู้ผลกระทบจากคำพูดที่เฝิงจงเหลียงพูดกับเธอในตอนนี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

เธอไม่คิดว่าหลังจากนั้นยี่สิบกว่าปี จะมีวันที่ได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากเฝิงจงเหลียงอีกครั้ง

เจียงจื้อหยวนลักพาตัว ‘เธอ’ อีกครั้งแม้จะยังไม่มีหลักฐานที่แน่นอนที่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเขา แต่ในเมื่อเฝิงจงเหลียงกล้าพูดออกมา เขาก็คงจะมั่นใจในระดับหนึ่ง

“ความจริงปู่ก็ลังเลมาตลอดว่าควรบอกเรื่องนี้กับหลานหรือเปล่า”

ในโทรศัพท์เสียงลมหายใจของเจียงเซ่อผ่อนคลายลงไปด้วย เฝิงจงเหลียงเข้าใจว่าตอนนี้เธอรู้สึกอย่างไรและเธอคงจะสับสนมาก

“แต่ปู่ก็ไม่อยากปิดบังหลาน เรื่องพวกนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับหลาน หลานควรรู้เอาไว้”

ที่เจียงจื้อหยวนลักพาตัวเฝิงหนาน ก็เพื่อ ‘ลูกสาว’ เท่านั้น

เจียงจื้อหยวนเป็นคนที่อันตรายมาก ตลอดปีที่ผ่านมา เฝิงจงเหลียงก็ให้คนไปตามหาเขา แต่คนๆ นี้เจ้าเล่ห์มาก สามารถมาถึงฮ่องกงอย่างไม่เป็นทางการได้และท่ามกลางการดูแลที่เข้มงวดของตระกูลเฝิงยังสามารถลงมือลักพาตัวเฝิงหนานท่ามกลางผู้คนมากมายได้ เรื่องนี้จะไม่ให้เฝิงจงเหลียงขนลุกได้อย่างไร

“นอกจากกังวลเรื่องของเฝิงหนานแล้ว ปู่ยังเป็นห่วงหลาน”

ฐานะของเจียงเซ่อ นอกจากฟ้าดินรู้ เธอรู้ เผยอี้และเฝิงจงเหลียงก็รู้เช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีเฝิงหนานที่ก็คงเดาออกบ้าง เธอไม่ใช่เฝิงหนานตัวจริง คนๆ นี้มีที่มาที่ไม่ปกติ จากการคาดเดาของเผยอี้ เธออาจจะมีความแค้นกับ ‘เจียงเซ่อ’ คนเดิม จึงคิดแต่จะทำร้ายเจียงเซ่อ

ถ้าคนๆ นี้คุ้นเคยกับ ‘เจียงเซ่อ’ อีกคน เธอก็คงจะสัมผัสได้ว่าเจียงเซ่อคนปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเจียงเซ่อคนเดิมที่เธอรู้จัก รวมทั้งความใกล้ชิดของตนเองและเจียงเซ่อ นิสัยของเฝิงหนาน ถ้าเฝิงหนานฉลาดเสียหน่อยก็จะเดาออก

ถ้าเธอเดาฐานะแท้จริงของเจียงเซ่อออกและเธอก็ตกอยู่ในมือของเจียงจื้อหยวน เฝิงจงเหลียงเดาไม่ออกว่าหากวันหนึ่งเจียงจื้อหยวนรู้ความจริง เขาจะทำเรื่องที่ร้ายแรงมากเพียงใด

เพราะฉะนั้นหลังจากคิดทบทวนอยู่นานเขาก็โทรหาเจียงเซ่อเพื่อบอกเรื่องที่เฝิงหนานถูกลักพาตัวกับเธอ 

เรื่องนี้ก็เป็นการเตือนให้เธอระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม

เขากลัว เขากลัวว่าเจียงจื้อหยวนจะเสียสติ

เธอเคยถูกทำลายด้วยน้ำมือของเจียงจื้อหยวน ฝันร้ายแบบนั้นครั้งเดียวก็มากพอแล้ว

เฝิงจงเหลียงเคยคิดหาวิธีที่จะปกป้องเจียงเซ่ออย่างสุดความสามารถ พอรู้ฐานะที่แท้จริงของเจียงเซ่อ รู้ว่าเฝิงหนานไม่ใช่หลานสาวที่ตนเองเลี้ยงมากับมือ เหตุผลที่เฝิงจงเหลียงไม่ได้ลงมือจัดการเพื่อระบายความโกรธ ก็เพราะกลัวว่าจะเฝิงหนานจะเดาฐานะของเจียงเซ่อออก กลัวว่าเธอจะพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป

เขาเคยคิดว่า ควรจะทำอย่างไรกับเฝิงหนาน ตีไม่ได้ ฆ่าก็ไม่ได้ เธออายุไม่น้อยแล้ว อยู่ในวงการบันเทิงก็ไม่ได้ทำผลงานอะไร จะกักขังเธอแบบนี้ต่อไปไม่ได้

ผู้หญิงโตแล้วก็ต้องแต่งงาน ตอนนี้เธออายุมากแล้ว ชื่อเสียงก็ไม่ได้โด่งดังมาก สังคมชั้นสูงที่เหมาะสมกับตระกูลเฝิงก็ไม่แน่ว่าจะยอมรับเธอ

ตอนนั้นเธอเป็นคนเลือกจ้าวจวินฮั่นเอง ทำทุกวิถีทางที่จะอยู่กับจ้าวจวินฮั่น ทั้งสองตระกูลมีธุรกิจที่ต้องทำร่วมกัน จ้าวจวินฮั่นกับเธอก็อยู่ในฐานะว่าที่สามี เฝิงจงเหลียงจึงคิดว่า งานแต่งของเฝิงหนานควรจะจัดแล้วใช่หรือไม่

แม้ว่าหลายปีมานี้ เธอและจ้าวจวินฮั่นได้ห่างเหินกันไปแล้ว แต่ตอนนี้ตระกูลจ้าวเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของเธอ เขาเตรียมจะคุยเรื่องนี้ให้เธอด้วยตนเอง มีคนแก่อย่างเขาอยู่ อนาคตตระกูลจ้าวย่อมไม่ทำให้เธอลำบากแน่

ที่เขาทำแบบนี้และถึงขั้นยอมแบกหน้าไปติดต่อกับตระกูลจ้าวก็เพื่อให้เธอรับน้ำใจของตนเอง ดีกับเจียงเซ่อให้มาก อย่าพูดอะไรที่ไม่ควรพูดก็เท่านั้น

แต่เขายังไม่ทันได้จัดการเรื่องนี้ เฝิงหนานก็เกิดเรื่องเสียก่อน เธอไปอยู่ในมือของเจียงจื้อหยวนยากที่จะรับประกันว่าเธอจะพูดในสิ่งที่ควรและไม่ควรพูดออกไป