บทที่ 667 ผิดพลาด
คืนปิดงานเทศกาลหนังฝรั่งเศส สื่อต่างๆ ที่ได้รับการ์ดเชิญต่างก็มาพร้มกันอยู่ในโรงหนังแล้ว
ผู้ติดตามทั้งในและต่างประเทศล้วนให้ความสนใจติดตามงานอันยิ่งใหญ่ผ่านการถ่ายทอดสด เฝ้ามองไฟอันระยิบระยับของพรมแดงภายในงาน นักแสดงและเหล่าคนในโลกแฟชั่นต่างเข้าร่วมงานกันอย่างต่อเนื่อง
ในหัวเซี่ย เผยอี้เองก็หาเวลาว่างเพื่อเตรียมไปชมงานปิดพิธีในครั้งนี้เช่นกัน
เขากับเจียงเซ่อเพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน ทั้งสองก็ต้องแยกกันอยู่เพราะเรื่องงาน ปกติจะติดต่อกันผ่านโทรศัพท์มือถือ ความจริงแล้วเขาคิดถึงเธอจึงค้นหาข่าวของเธอผ่านอินเทอร์เน็ตเพื่อบรรเทาความคิดถึง
สำหรับสถานที่ประกาศรางวัลเทศกาลหนังฝรั่งเศส เจียงเซ่อไปมาสามรอบแล้วและคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเถาเฉินไม่ปกติ ตอนที่ไปนั่งตรงที่ของทีม ‘Suspect’ โดยมีทีมงานคอยนำทาง เถาเฉินก็เชิดหน้าอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ระหว่างทางเจอนักข่าวเข้ามาขอให้ถ่ายรูปคู่กันบ้าง ทั้งสองต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ระหว่างนั้นก็ไม่ได้คุยกันเลยแม้แต่คำเดียว
ฮั่วจือหมิงเหมือนจะไม่รับรู้ถึงความสัมพันธ์อันน่าอึดอัดระหว่างทั้งสอง นักแสดงสมทบหลายคนที่มาด้วยก็เริ่มอึดอัดแล้ว ทั้งอยากคุยกับเจียงเซ่อและกลัวว่าเถาเฉินจะถูกทิ้ง เพราะฉะนั้นสถานการณ์แบบนี้ ทุกคนต่างคุยกันเบาๆ มีเพียงแค่ในตำแหน่งของทีมงาน ‘Suspect’ ที่เงียบมาก ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตา
เจียงเซ่อท่องบทขอบคุณในใจ ตอนที่สังเกตเห็นว่าเถาเฉินกำลังมองเธอ เธอก็ถอนหายใจและเงยหน้าขึ้น
ความจริงเถาเฉินมองเธอมาสองสามนาทีแล้ว เจียงเซ่อคิดว่าเธอมองแวบเดียวแล้วก็จะหันกลับไป จึงไม่รู้ตัว ไม่คิดว่าเถาเฉินจะจ้องนานขนาดนี้
ถึงขั้นตอนที่ตัวเองรับรู้ได้ถึงสายตาของเถาเฉินและเงยหน้าขึ้นมองเธอ เธอยังคงมองจ้องมาอยู่แบบนั้น
ระหว่างทางเถาเฉินไม่คุยกับเจียงเซ่อเลย ตั้งแต่ตอนที่ฮั่วจือหมิงเขียนชื่อของเจียงเซ่อที่ควรจะอยู่ในช่อง ‘นางรอง’ ของหนังเรื่องนี้ในช่อง ‘นางเอก’ ก็ทำให้เถาเฉินตกอยู่ท่ามกลางความกระอักกระอ่วนแล้ว
ถ้านับรวมเรื่องในอดีตของทั้งสองก็ไม่แปลกที่ครั้งนี้เธอไม่แม้กระทั่งจะทักทายตัวเอง
ตอนแรกเจียงเซ่อคิดว่า ความเย็นชาแบบนี้ของเธอ จะจบลงหลังพิธีปิดเทศกาลหนังฝรั่งเศส ไม่คิดเลยว่าเธอจะหมดความอดทนตั้งแต่ตอนนี้
เธอยังคงจ้องเจียงเซ่อ ราวกับไม่รู้ว่าสายตาของตัวเองถูกเจียงเซ่อจับได้แล้ว
คืนนี้เจียงเซ่อใส่ชุดเดรสสีดำ นอกจากพาหุรัดสีทองอันหนึ่งที่ประดับอยู่บริเวณต้นแขนแล้ว ทั่วร่างกายของเธอก็ไม่มีเครื่องประดับอื่นอีก
แต่ในงานที่เต็มไปด้วยแสงระยิบระยับแบบนี้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ใส่เพชรที่ส่องแสงประกาย แต่ความอ่อนเยาว์และผิวขาวสว่างของเธอก็สามารถเอาชนะแสงเพชรไข่มุกทุกชนิดได้ ก่อนหน้านี้เธอก้มหน้ามาโดยตลอด อาจจะเพราะกำลังแอบท่องบทที่ที่ต้องพูดถ้าถูกเรียกขึ้นเวทีในอีกสักครู่
ช่วงนี้นักข่าวและนักวิจารณ์หนังชื่นชมเธอเป็นอย่างมาก ใครๆ ก็รู้ว่า เธอเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงของพิธีปิดเทศกาลหนังฝรั่งเศสในค่ำคืนนี้ และมีคนหันมองเธออยู่ตลอดเวลา
ในการเดินพรมแดงเมื่อครู่ที่ผ่านมา พวกนักข่าวถึงขั้นตามถ่ายเธอท่ามกลางเชือกกั้น เพราะเชี่ยซ่าเหลย เพราะหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เพราะงานแต่งงานอันยิ่งใหญ่อลังการ เจียงเซ่อจึงโด่งดังมากจริงๆ
“คุณมองอะไรเหรอคะ?”
เจียงเซ่อสบสายตากับเธอครู่หนึ่ง แม้สายตาของเถาเฉินจะกำลังมองเธอ แต่กลับเห็นได้ชัดว่ากำลังใจลอย จนกระทั่งเจียงเซ่อพูดคำนี้ออกมา เธอจึงได้สติ ก่อนจะเม้มปาก
“ฉันกำลังดูเธอท่องบทพูดขอบคุณน่ะ”
เธอพูดเบาๆ นี่เป็นคำแรกที่เธอคุยกับเจียงเซ่อในค่ำคืนนี้ สายตาของเธอค่อยๆ จับจ้องมาที่เจียงเซ่อและเผยท่าทางเยาะเย้ยออกมา
“กำลังท่องบทขอบคุณที่จะขึ้นรับรางวัลอีกสักครู่ใช่ไหม” เถาเฉินพูดถึงตรงนี้ ก่อนจะหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วหันไปมองเจียงเซ่อ
“เธอมั่นใจว่าจะเอาชนะฉันและได้รับรางวัล ‘นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม’ จากหนังเรื่อง ‘Suspect’ จริงๆ เหรอ?”
ทั้งสองคุยกันเบาๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สำหรับคนภายนอกจึงดูเหมือนสนิทสนมกันมาก
แต่ทุกคนในทีมยังจำท่าทางไม่สนใจไยดีก่อนหน้านี้ของทั้งสองได้ แม้จะบอกว่า ตอนถ่ายทำหนังเรื่อง ‘Suspect’ ก็มีข่าวแล้วว่าทั้งสองไม่ถูกกัน แต่ตอนนั้นทั้งสองยังรักษาความสัมพันธ์เบื้องหน้าให้ดูสนิทสนมกันอยู่ ไม่เหมือนกับวันนี้ที่ไม่คุยกันเลย
ตอนแรกคิดว่าบรรยากาศน่าอึดอัดแบบนี้จะดำเนินต่อไปจนจบพิธีปิดเทศกาลหนังฝรั่งเศส ที่ไหนได้พิธียังไม่ทันเริ่มขึ้น หญิงสาวทั้งสองที่ดูเย็นชาใส่กันมาโดยตลอดก็เริ่มคุยกันบ้างแล้ว
เหตุการณ์แบบนี้ทำให้คนในทีมแปลกใจมากและหันมามองอยู่ตลอดเวลา
“คุณคิดมากไปแล้วล่ะค่ะ”
เจียงเซ่อยิ้มพลันส่ายหน้า
“ไม่ว่าจะได้รับรางวัลหรือเปล่า ได้กล่าวคำขอบคุณหรือเปล่า การท่องบทนี้ให้ดี เป็นเพียงการเตรียมความพร้อมเท่านั้น”
เหตุผลแบบนี้ เถาเฉินเข้าใจดี ที่เธอพูดแบบนี้ในตอนนี้ เพียงแค่เพราะว่าเธอรู้สึกไม่อยากยอมรับก็เท่านั้น
หลายปีก่อนตอนที่ทั้งสองเจอกันในเทศกาลหนังฝรั่งเศสครั้งแรก ตอนนั้นเถาเฉินเองก็รู้ดีว่าไม่มีความหวังกับ ‘รางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม’ แต่ก็กำลังท่องบทขอบคุณเหมือนเจียงเซ่อ
ไม่คิดว่า หลายปีผ่านไป เธอถึงขั้นที่ไม่เตรียมตัวอะไรเลยเพราะความเสียใจและความผิดหวัง คงจะสามารถจินตนาการได้ว่าในใจของเธอรู้สึกผิดหวังมากแค่ไหน
“เธอดีใจมากใช่ไหม?”
เถาเฉินเอนศีรษะเข้าไปใกล้เจียงเซ่อ สายตาจ้องมองไปที่กลางเวที ในหน้าจอบนเวทีกำลังฉายหนังที่ได้รับรางวัลในงานเทศกาลหนังฝรั่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งหนังเรื่อง ‘Evil’ ก็เป็นหนึ่งในนั้น เธอเห็นเจียงเซ่อแวบผ่านไป
“ที่เชาฉวินทิ้งฉันไปเลือกเธอ”
ต่างก็เป็นหนังของเชี่ยซ่าเหลยเหมือนกัน คนหนึ่งแสดงเป็นบุคคลที่ไม่มีความสำคัญในหนังที่ไม่น่าติดตามมากนัก อีกคนหนึ่งกลับแสดงเป็นนางเอกในหนังที่เชี่ยซ่าเหลยทุ่มเทให้เป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดก็โด่งดังและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก รายได้ทำลายสถิติมากมายและถูกบันทึกเป็นหนึ่งในหนังระดับตำนานของ ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าความสำเร็จและฐานะของเจียงเซ่อก็ส่งผลกระทบต่อเถาเฉินมาโดยตลอด ตอนที่เถาเฉินออกจากซื่อจี้หยินเหอ หล่อนยังรู้สึกคึกคะนอง ทะเยอทะยานและคิดที่จะแข่งกับเจียงเซ่อ ตอนนี้ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเอาไว้
ตอนที่เธอรับหนังเรื่อง ‘Suspect’ แล้วรู้ว่าทางบริษัทจะให้เจียงเซ่อเป็นตัวประกอบของตัวเองก็มั่นใจมากขนาดนั้นแท้ๆ เถาเฉินไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นตัวประกอบของเจียงเซ่อเพราะหนังเรื่องนี้
“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น”
เจียงเซ่อส่ายหน้า เถาเฉินได้ยินแบบนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เชื่อคำพูดของเจียงเซ่อ
“ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเธอน่ะคนอื่นอาจจะไม่เข้าใจแต่พวกเราจะเข้าใจมันเชียวเหรอ?” เธอมองไปรอบๆ แล้วเอนตัวเข้ามาใกล้เจียงเซ่อมากกว่าเดิม
“คนอื่นไม่ได้ยินบทสนทนาของเราหรอก ฉันเองก็ไม่ได้พกเรื่องดักฟังด้วย”
เธอเลิกคิ้ว สายตาแฝงการเยาะเย้ยเสียดสี
“เธอกลัวอะไรเหรอ?”
“คุณเถา ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นจริงๆ ค่ะ”
เจียงเซ่อยืนยันคำพูดของตัวเองอีกครั้ง ตอนแรกเธอไม่อยากพูดอะไรมาก แต่พอเห็นสายตาที่แฝงความเยาะเย้ยของเถาเฉินในตอนนี้ก็เลยพูดอย่างจริงจังว่า
“ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือเปล่า แต่ฉันคิดว่าระหว่างเราไม่ใช่ศัตรู สำหรับฉันคุณเป็นรุ่นพี่ เป็นเหมือนกระจกเงา และแน่นอนว่าเป็นคู่แข่งของฉันด้วย” ไม่ว่าเถาเฉินจะเชื่อหรือเปล่า ที่ผ่านมาการที่ทั้งสองแย่งงานกัน ประชันฝีมือกัน ล้วนใช้ความสามารถของตัวเอง ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ
“ฉันเรียนรู้หลายอย่างจากคุณ เพราะมีคุณ ฉันเลยคอยย้ำเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าไม่ควรปล่อยตัวมากเกินไป”
เธอเคยเสียเปรียบเพราะเถาเฉินและเถาเฉินเองก็เคยเสียเปรียบเพราะเธอ แต่ทั้งสองไม่ได้มีความแค้นส่วนตัวอะไรต่อกัน “คุณเดินอยู่ข้างหน้า ฉันมีคุณเป็นเป้าหมายจึงต้องพยายาม พอคุณเดินช้าลง แล้ว ถ้าพูดแบบเสียมารยาทก็คือ ตอนนี้คุณกับฉันเราไม่ได้เป็นอะไรกัน? แล้วทำไมฉันต้องดีใจเพราะเรื่องนี้ด้วยล่ะค่ะ”
คำพูดของเจียงเซ่อเหนือความคาดหมายของเถาเฉิน รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอค่อยๆ หมดไป ความเยาะเย้ยในสายตากลายเป็นความลำบากใจที่ซ่อนอยู่ในดวงตา
“สำหรับเรื่องที่คุณบอกว่า ทำไมพี่เชาฉวินถึงทิ้งคุณมาเลือกฉัน นั่นเป็นการตัดสินใจของพี่เชาฉวิน ถ้าคุณเถาสงสัยเรื่องนี้ คุณสามารถไปถามเธอตรงๆ ได้”
พูดถึงตรงนี้ เจียงเซ่อก็ยิ้มให้เธอและก้มหัวลงเล็กน้อย ถือโอกาสก้มหน้าลงเตรียมท่องบทขอบคุณของตัวเองต่อ
เถาเฉินเย่อหยิ่งมากเกินไป ตอนนั้นที่เชี่ยเชาฉวินล้มเลิกความคิดที่จะร่วมงานกับเธอ เธอยังคงค้างคาใจมาจนถึงตอนนี้ แต่ก็ไม่เคยเอ่ยถาม ภายนอกแกล้งทำเป็นไม่มีอะไร ไม่คิดว่าจะจำจนมาถึงตอนนี้
เจียงเซ่อเงียบไปแล้ว ส่วนเถาเฉินกลับยากที่จะสงบจิตใจได้
ครู่หนึ่งเธอก็รู้สึกว่าคำพูดของเจียงเซ่อเป็นเพียงแค่อยากโอ้อวดตัวเองเท่านั้น ถ้าตำแหน่งของเธอเท่ากับตัวเอง ถ้าในหนังเรื่อง ‘Suspect’ เห็นได้ชัดว่าฮั่วจือหมิงต้องการจะสนับสนุนเธอไม่ใช่ตัวเอง คนที่ถูกสื่อและนักวิจารณ์หนังคือตัวเอง ทุกคนคิดว่าคนที่เทศกาลหนังฝรั่งเศส ‘ติดค้าง’ ถ้วยรางวัลคือตัวเองไม่ใช่เธอ เธอยังจะกล้าพูดคำพูดที่พูดก่อนหน้านี้หรือเปล่าล่ะ?
แต่ครู่หนึ่งผ่านไป เธอก็แอบรู้สึกว่าคำพูดของเจียงเซ่อเป็นความจริง สายตาที่เจียงเซ่อมองเธอเป็นความรู้สึกที่แท้จริงหรือแค่โกหกนั้น เถาเฉินดูออก เธอเข้าวงการมานานหลายปี อะไรคือฝีมือทางแสดง อะไรคือความรู้สึกที่แท้จริง เธอดูออก เจียงเซ่ออาจจะไม่ได้รู้สึกสะใจกับสภาพของเธอในตอนนี้จริงๆ ก็ได้
แต่การเข้าใจเรื่องนี้ ไม่ได้ทำให้เถาเฉินรู้สึกดีขึ้นเลย กลับยิ่งทำให้เธอเสียใจกว่าเดิมเท่านั้น
ถ้าทุกอย่างที่เจียงเซ่อพูดเป็นความจริง ถ้าอย่างนั้น ที่ผ่านมาการที่ตัวเองคิดมากและ ‘แย่งชิง’ กับเธอมาตลอด ก็เป็นตัวเธอที่เป็นคนคิดไปเองทั้งหมด
เธอเม้มปาก เข้าใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น
กลางเวที พิธีกรเริ่มพูดแล้ว คณะกรรมการถูกเชิญขึ้นเวทีตามลำดับ งานประกาศรางวัลในคืนนี้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว
ตอนที่พิธีกรเริ่มอ่านรายชื่อหนังที่เข้ารอบรางวัลแรก เจียงเซ่อสังเกตเห็นแล้วว่าเถาเฉินกำลังท่องบทที่จะขึ้นกล่าวขอบคุณเหมือนตัวเองอยู่เช่นกัน
รางวัลแรกที่เป็นรางวัลด้านการถ่ายทำ หนังเรื่อง ‘Suspect’ ไม่เข้ารอบ ท้ายที่สุดหนังฝรั่งเศสเรื่องหนึ่งได้รับรางวัลไป
ท่ามกลางโซนสื่อมวลชน เถาเถาเองก็เป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่ได้บัตรเข้างานของเทศกาลหนังฝรั่งเศส
สองรางวัลแรกข้างหน้า หนังเรื่อง ‘Suspect’ ที่ถูกชื่นชมมากที่สุด ล้วนไม่เข้ารอบ เรื่องนี้ทำให้เธอทั้งดีใจทั้งกังวล
เรื่องที่ดีใจคือ ตอนนั้นหนังเรื่อง ‘Evil’ เข้ารับรางวัลหลายรายการมากเกินไป ท้ายที่สุดได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมและนักแสดงนำชายสองรางวัลใหญ่ไป สุดท้ายเลยทำให้เจียงเซ่อที่โดดเด่นในหนังเรื่องนี้เพียงแค่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงเหมือนเถาเฉิน
ปีนี้เถาเถาเองก็ดูหนังเรื่อง ‘Suspect’ มาก่อนแล้ว ในชีวิตการแสดงของเจียงเซ่อ ได้สร้างตัวละครที่เป็นตำนานอีกครั้ง คุณภาพของหนังแน่นอนว่าดีอย่างไม่ต้องสงสัย จะต้องมีที่ยืนในเทศกาลหนังฝรั่งนี้ปีนี้แน่นอน
ยิ่งถูกเสนอชื่อในรางวัลแรกๆ น้อยเท่าไหร่ อาจจะหมายความว่ารางวัลสำคัญๆ ในตอนท้าย หนังเรื่อง ‘Suspect’ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับรางวัลมากขึ้น
ในวงการสื่อเถาเถาไม่ใช่มือใหม่แล้วและไม่ใช่ครั้งแรกที่มาเทศกาลหนังฝรั่งเศส
เทศกาลหนังนี้นอกจากเป็นความเสียใจของเจียงเซ่อแล้ว สำหรับตัวเธอที่เป็นแฟนคลับของเจียงเซ่อก็เป็นความผิดหวังครั้งยิ่งใหญ่เช่นกัน
เธอหวังจะได้เห็นชื่อของเจียงเซ่อในเทศกาลหนังฝรั่งเศสที่มีความสำคัญแบบนี้ เห็นเจียงเซ่อขึ้นเวที รับถ้วยรางวัลนี้ เธอหวังว่านอกจากเจียงเซ่อจะได้แฟนคลับและการยอมรับของตลาดหนังแล้ว ยังได้รับเกียรติที่เป็นการยืนยันความสามารถของเธอด้วย
ตั้งแต่พิธีเปิดงานมอบรางวัลเริ่มขึ้นจนถึงตอนนี้ เถาเถาก็กระวนกระวายอยู่ตลอด ตอนนั้นพิธีกรก็พูดขึ้นว่า
“หนังที่เข้ารอบบทประพันธ์ยอดเยี่ยมได้แก่ ‘Lovers’ ‘Suspect’…”
ตอนที่พิธีกรอ่านชื่อหนังเรื่อง ‘Suspect’ จอภาพที่อยู่ข้างหลังมีฉากในหนังปรากฏขึ้นและแวบหายไปพร้อมกับชื่อหนังเรื่องต่อไปที่พิธีกรอ่านชื่อ
ในเทศกาลหนังของปีนี้ หนังเรื่อง ‘Suspect’ สร้างผลงานอย่างเห็นได้ชัด นี่เป็นรางวัลแรกที่หนังเรื่องนี้ถูกเสนอชื่อในค่ำคืนนี้ เพียงไม่นานก็ทำให้ทุกคนรอบข้างหันมองตำแหน่งที่คนในทีมนั่งอยู่
กล้องก็ราวกับจะรู้ว่าผู้ชมคิดอะไรอยู่จึงหันมาเช่นกัน ตอนนี้เทศกาลหนังฝรั่งเศสที่ถ่ายทอดสดไปทั่วโลกล้วนมีฮั่วจือหมิง เจียงเซ่อและพวกของเถาเฉินปรากฏอยู่
ใบหน้าของฮั่วจือหมิงเผยรอยยิ้ม ทั้งที่น้อยมากที่เขาจะเป็นแบบนี้ หนังเรื่อง ‘Suspect’ ที่เขาปรับแก้ เขาใช้เวลากับมันมานานหลายปี ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเสียที หลายปีที่แล้ว เพราะเหตุผลต่างๆ ทำให้เขายังอยู่ในสภาพผู้กำกับ ‘ผลงานพัง’ และถูกเยาะเย้ยว่า ‘แม้กระทั่งเนื้อเรื่องยังไม่สามารถเล่าออกมาให้เข้าใจได้’
ตอนนี้หนังเรื่อง ‘Suspect’ เป็นผลงานกำกับของเขา การที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงในสาขาบทประพันธ์ยอดเยี่ยม สำหรับฮั่วจือหมิงแล้วถือเป็นการยืนยันความสามารถครั้งยิ่งใหญ่ และทำลายความมืดมนที่สะสมมาหลายปี ตอนที่กล้องแพลนเข้ามาหา เขายังยกมือขึ้นโบกอย่างมีความสุขและทักทายผู้ชมทุกคน
“หนังที่ได้รับรางวัลบทประพันธ์ยอดเยี่ยม ได้แก่…” หลังจากอ่านชื่อหนังทั้งห้าเรื่องจบ มีคณะกรรมการยืนขึ้น เปิดจดหมายในมือ และอ่านรายชื่อหนังที่ได้รับรางวัลออกมา
“‘Suspect’ ฮั่วจือหมิง!”
เสียงปรบมือดังขึ้นภายในงาน ผลลัพธ์แบบนี้เป็นไปตามการคาดเดาของคนจำนวนมาก เรื่องราวในหนังเรื่อง ‘Suspect’ มีความซับซ้อน เมื่อได้เจอนักแสดงที่มีความเหมาะสมจึงทำให้เพิ่มความน่าสนใจของเนื้อหาได้เป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดการที่คณะกรรมการในเทศกาลหนังฝรั่งเศสเลือกหนังเรื่อง ‘Suspect’ จึงเป็นการยืนยันความสามารถอย่างแท้จริง
ในขณะที่ปรบมือให้ฮั่วจือหมิง เถาเถาก็กังวลไม่น้อย
ตอนนั้น เพราะหนังเรื่อง ‘Evil’ ทำให้เธอกลัวว่าหนังเรื่อง ‘Suspect’ ได้รับรางวัลมากเกินไป และประวัติศาสตร์อาจจะซ้ำรอย
โชคดีที่รางวัลหลังจากนั้นหลายรางวัล หนังเรื่อง ‘Suspect’ ไม่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง
ตอนที่เสนอชื่อเข้าชิงในสาขานักแสดงสมทบชายและหญิง แม้จะบอกว่านักแสดงหลายคนที่มาด้วยกันจะทำใจเอาไว้แล้ว แต่ตอนที่รู้ว่าตัวเองไม่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงจริงๆ นักแสดงก็ยังคงมีท่าทางเสียใจอยู่ดี
“ผลงานที่เข้ารอบผู้กำกับยอดเยี่ยมได้แก่ ‘Winter Is Coming’ ‘France’s women’ ‘Bathy‘s neighbour’…” เสียงพิธีกรดังขึ้นก้องอยู่ภายในงาน ผู้ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงต่างก็แสดงท่าทางดีใจจนแทบคลั่งออกมาตามกล้องที่แพนผ่านไปและคนที่ไม่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ใบหน้าก็เต็มไปด้วยการวาดหวังรอคอย