webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

666

บทที่ 666 ไม่ได้ดั่งใจ

“ในเรื่อง ‘โยนกระดูกให้ขอทาน’ ที่คุณพูดในตอนนั้น ตอนแรกฉันคิดมาโดยตลอดว่า ขอทานที่คุณหมายถึงคือพ่อของคุณ” หลังจากนั้น เฉินซวินหรานจึงพบว่า ‘ขอทาน’ ที่เธอหมายถึงอาจจะเป็นอู่ชุนเหอหรือไม่ก็หลี่หนานเฟิงที่เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ไปจากพ่อของซูอี้

ความจริงเธอให้เบาะแสมากมายกับเฉินซวินหรานมาโดยตลอด ในขณะที่ทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ก็จงใจทำให้เฉินซวินหรานรู้อะไรมากขึ้น จนสุดท้าย แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเธอเป็น ‘คนร้ายตัวจริง’ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้ ทำได้เพียงปล่อยให้เธออวดเก่งอยู่ตรงหน้าตนเอง

ความจริงเฉินซวินหรานเคยคิดเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง คิดมาโดยตลอดว่าทำไมเธอถึงทำแบบนี้

ถ้าเธออยากฆ่าเขาจริง ด้วยความฉลาดหลักแหลมของเธอ เธอมีวิธีมากมายที่จะปกปิดคดีนี้ไม่ให้เหลือร่องรอยและจะไม่ให้เบาะแสตนเองก็ได้ จะให้ไม่ต้องทำให้เธอต้องเจอเรื่องวุ่นวายมากมายและตนเองก็ไม่ต้องเครียดแบบนี้

“ฉันคิดอยู่นาน ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว” เฉินซวินหรานพูดถึงตรงนี้ ซูอี้ก็พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า

“อ้อ?”

“คุณโกรธเกลียดอู่ชุนเหอ หลี่หนานเฟิงและคนอื่นๆ ที่เป็นสาเหตุทำให้พ่อของคุณต้องฆ่าตัวตาย ในขณะเดียวกันคุณก็เกลียดตำรวจที่ไม่สามารถผดุงความยุติธรรมให้คุณได้”

เธอบอกว่าตอนนั้นแม่ของเธอเคยแจ้งความ ทางตำรวจเห็นใจแต่ไม่สามารถทำอะไรได้

หลายปีผ่านไป เธอวางแผนแก้แค้นด้วยตนเอง ฆ่าหลี่หนานเฟิง ทำให้อู่ชุนเหอถูกประหาร ในขณะเดียวกันก็ให้เบาะแสเฉินซวินหราน ให้เธอรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่เสียดายที่ไม่มีหลักฐานใดๆ มัดตัวเธอได้

สถานการณ์แบบนี้ก็เหมือนคดีของตระกูลซู แม้รู้ดีว่าอู่ชุนเหอเป็นคนหลอกและเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อของซูอี้ตาย แต่เพราะหลายเหตุผล ทำให้ไม่สามารถจัดการตามกฎหมายได้ ท้ายที่สุดตำรวจก็ไม่สามารถจับเขาได้ ‘คนร้าย’ ยังคงอยู่เหนือกฎหมาย ใช้ชีวิตอันสุขสบายของตนเองต่อไป กลายเป็นคนที่มีอิทธิพลในวั่งจิน ใครจะยังสนใจอีกว่าความจริงในตอนนั้นเป็นอย่างไร

เมื่อคิดทบทวนอย่างรอบคอบแล้ว ซูอี้อาจจะอยากให้คนอื่นๆ ได้สัมผัสกับความรู้สึกที่รู้ความจริงแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ก็ได้

นอกจากเธอจะแก้แค้น ‘คนร้าย’ ทวงความยุติธรรมให้คนในครอบครัว ความจริงแล้วเธอกำลังล้อเลียนกฎหมายและระบบบางอย่างอยู่ด้วย

หลังจากกระจ่างทุกอย่างแล้ว เฉินซวินหรานรู้สึกทั้งสิ้นหวัง ไม่จำยอม หนักใจและพ่ายแพ้ ความรู้สึกต่างๆ เหมือนมีภูเขามาทับอกเฉินซวินหรานจนหายใจลำบากไปหมด

“ฉันจะกัดคุณไม่ปล่อยแน่!”

ซูอี้ต่างหากที่เป็นคนร้ายตัวจริง เธอเป็นคนฆ่าหลี่หนานเฟิง เป็นตัวร้ายตัวจริงที่ ‘ฆ่า’ อู่ชุนเหอ

“ฉันจะหาหลักฐานที่คุณเป็นฆาตกรให้ได้!”

เธอตะโกนคำพูดที่ราวกับเป็นคำสาบาน แต่กลับทำให้ซูอี้หัวเราะเบาๆ

หลังจากสมดั่งปรารถนา เธอก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาก พวก ‘ภาระ’ ที่แบกอยู่บนบ่าของเธอเหมือนถูกเฉินซวินหราน ‘รับช่วง’ ต่อทันที

ความจริงทั้งสองต่างรู้ดีว่าเฉินซวินหรานจะไม่ได้เบาะแสอะไรอีก ถ้าคดีของหลี่หนานเฟิงจบลง ซูอี้ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว เธอก็ยังใช้ชีวิตของตนเองและไม่จำเป็นต้องวางแผนฆ่าใครอีก

การพบกันของผู้หญิงทั้งสองในครั้งนี้ ความพ่ายแพ้ของเฉินซวินหรานและความผ่อนคลายของซูอี้ล้วนสร้างความประทับใจที่ยากจะลืมให้แก่ผู้ชม

ความกระวนกระวายของเถาเฉิน ความเชี่ยวชาญของเจียงเซ่อ ล้วนเพิ่มความน่าสนใจให้ฉากนี้เป็นอย่างมาก

วินาทีนี้ ซูเพ่ยเอินเหมือนดื่มชาร้อนเข้าไปคำหนึ่ง ชาคำนั้นไหลลงท้อง กลิ่นชายังคงวนเวียนอยู่ในปากอย่างไม่จบสิ้นและแผ่กระจายออกไปตามจุดต่างๆ ของร่างกาย กลิ่นหอม ไอร้อนไหลเข้าสู่ขั้วกระดูก ก่อนจะกระจายออกจากรูขุมขน ทำให้รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก

คดีจบลงแล้ว ซูอี้ก็ออกจากเมืองวั่งจิน คดีของอู่ชุนเหอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว ความเลวร้ายของเขาในช่วงหลายปีมานี้ค่อยๆ ถูกเปิดโปง เรื่องที่หลอกพ่อซูอี้จนเป็นสาเหตุทำให้เขาต้องตายถูกขุดคุ้ยขึ้นมา เพราะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรง สุดท้ายนี้ผลลัพธ์ที่รอเขาอยู่อาจจะเป็นการประหารชีวิต

หลังจากเฉินซวินหราน ‘พัก’ เสร็จแล้วก็กลับมาทำงาน ตอนที่เธอกลับมา ในขณะที่ข้างนอกมีคนกำลังดีใจที่อู่ชุนเหอ ‘ออกจากตำแหน่ง’ บนโต๊ะทำงานของเธอก็มีจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่ ชื่อผู้เซ็นรับคือ ‘ตำรวจในสถานีตำรวจวั่งจิน’ เธอเปิดออกมาดู ข้างบนเขียนว่า ‘วันตายของอู่ชุนเหอ ถึงแล้ว!’

จดหมายกระดาษในมือเหมือนหนักเป็นพันโลในทันที จนเธอถือไม่ไหว ปล่อยให้มันปลิวลงพื้น เฉินซวินหรานเลียมุมปาก ค่อยๆ เอามือปิดปาก

คดีคลี่คลายแล้ว สำหรับคนในสถานีตำรวจอาจจะเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่สำหรับเฉินซวินหราน กลับเหมือนเพิ่งเข้าสู่ฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ

เรื่องราวย้อนกลับไปเช้าวันที่หลี่หนานเฟิงถูกฆ่า ท่ามกลางหมอกควัน เสียงรองเท้าส้นสูง ‘ตึกๆๆ’ ดังก้องและชัดเจนอยู่ในหูของทุกคนในโรงหนัง หัวใจของซูเพ่ยเอินเต้น ‘ตุบๆๆ’ อย่างรุนแรง หญิงสาวร่างบางคนหนึ่งเดินอยู่ท่ามกลางหมอกควันอย่างผ่อนคลาย หลบหลีกจากก้อนหินที่อยู่บนพื้นอย่างเป็นธรรมชาติ เห็นได้ชัดว่าคุ้นเคยกับแถวนี้เป็นอย่างดี เธอเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ราวกับรู้ตัวว่ากล้องกำลังแอบถ่ายเธออยู่ แล้วเธอก็หันหน้าเข้าหากล้องและค่อยๆ ยกมุมปากขึ้น

ฮั่วจือหมิงสร้างทั้งภาพ องค์ประกอบของฉากนี้อย่างละเอียดอ่อนจนถึงจุดสูงสุดแล้ว

ภาพและพื้นหลังที่อยู่ข้างหลังเธอถูกลบออก เผยให้เห็นเพียงแค่เธอคนเดียว เธอขยิบตาให้กล้องพร้อมรอยยิ้ม ทั้งดูสวย ในขณะเดียวกันก็อันตราย มุมกล้องที่เลือกยิ่งเป็นการเปิดเผยตัวตนในตอนนี้ของเธอออกมา

ซูเพ่ยเอินรู้สึกว่า หลายปีผ่านไป ด้วยความที่อายุของตนเองเพิ่มขึ้น แม้ว่าเขาจะลืมหนังหลายเรื่องที่ตนเองเคยเขียนบทวิจารณ์หรือหนังที่เคยดูไป แต่คงยากที่จะลืมฉากในตำนานนี้ไปได้

ไฟในโรงหนังสว่างขึ้น พร้อมกับที่ผู้ชมลุกขึ้นปรบมืออย่างสุดชีวิต

ซูเพ่ยเอินรู้สึกหัวใจเต้นเร็วเหมือนตอนดูหนังเรื่อง ‘Evil’ จบ ตอนนั้นคิดว่าจางยวี่ฉินที่เจียงเซ่อแสดงในเรื่องนี้ทำให้เขาตื่นตระหนกจนถึงที่สุดแล้ว ความตื่นเต้นในตอนนั้นที่คิดว่าชีวิตนี้คงจะยากที่จะได้สัมผัสอีก

คิดไม่ถึงว่าหลังจากนั้นหลายปี หนังที่ทำให้เขารู้สึกใจสั่นแบบนี้ ยังคงเป็นผลงานอีกเรื่องของเจียงเซ่อ

เขาปรบมือจนแดงก่ำ แต่กลับยังคงรู้สึกว่าปรบไม่ดังพอ

เถาเฉินเม้มปาก รู้สึกได้ว่าตนเองแพ้แล้ว ในหนังเรื่องนี้ แม้ฉากของเจียงเซ่อไม่เยอะเหมือนเฉินซวินหรานที่เธอแสดง แต่ซูอี้ดูมีชีวิตมากกว่าเฉินซวินหรานมากนัก

ฮั่วจือหมิงถ่ายมาถึงฉากสุดท้ายและจบที่ซูอี้เดินไกลออกไป เป็นการบ่งบอกว่า ‘เธอ’ จะไปได้ไกลกว่า ‘ตนเอง’ ใช่หรือเปล่า

เธอสู้กับเจียงเซ่อมานานหลายปี ในหัวเซี่ย เพราะเรื่องที่เธอออกจากซื่อจี้หยินเหอมาเปิดบริษัทและเป็นนักแสดงอิสระถือว่าจบลงในระดับหนึ่งแล้ว แต่ในการแย่งชิง ‘ตำแหน่ง’ นี้ อาจจะเกิดขึ้นในเทศกาลหนังฝรั่งเศสปีนี้

หนังเรื่องนี้เป็นของเจียงเซ่อ เธอแพ้แล้ว

ก่อนดูหนัง เถาเฉินไม่อยากคิดแบบนี้ แต่บางทีเรื่องราวที่เกิดขึ้น อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เธอหวังมาตั้งแต่แรกแล้ว

เธอรู้สึกพ่ายแพ้และแอบผิดหวังไม่น้อย รู้สึกว่าตอนนั้นตนเองไม่ควรจะรับหนังเรื่องนี้ เพียงเพราะต้องการเอาชนะเลย

ถ้าตอนนั้นเธอไม่ได้มีความคิดที่จะแข่งกับเจียงเซ่อให้รู้แพ้รู้ชนะ พอรู้ว่าเธอรับหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ และได้แสดงเป็นบริตนีย์ที่เป็นนางเอกก็ไม่ยอมแพ้ อยากจะตัดอนาคตเธอจึงใช้ฐานะพิเศษในซื่อจี้หยินเหอของตนเองในตอนนั้นพยายามแย่งหนังเรื่อง ‘Suspect’ ที่เจียงเซ่อเคยพิจารณาไว้มา และหลังจากนั้น ในงานเลี้ยงการกุศลของ ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ ถ้าเธอไม่ได้อยากจะเอาชนะเจียงเซ่อ จนทั้งสองคนทำให้บริษัทโกรธ ทำให้ลัวหยิ่นเกิดความคิดที่จะให้เจียงเซ่อแสดงหนังเรื่อง ‘Suspect’ ก็คงจะไม่มีโอกาสที่ทั้งสองจะได้มาอยู่ในหนังเรื่องเดียวกันและเปิดทางให้ศัตรูแบบนี้ใช่หรือไม่

ถ้าตอนนั้นเธออดทนอีกหน่อย ไม่ได้บีบบังคับให้เจียงเซ่อตัดผมเพราะเนื้อเรื่องในบท ท้ายที่สุด พอมาเจอเธอ ก็ไม่ต้องรู้สึกเหมือนถูกเธอกลบและเข้ากับความรู้สึก ฐานะและสภาพของนางเอกในเรื่องพอดี และไม่ต้องเกิดเหตุการณ์ที่เจียงเซ่อพลิกบทบาทมาเป็นตัวเอกใช่หรือเปล่า

เวลาเถาเฉินทำอะไร น้อยมากที่จะเสียใจทีหลัง อายุอย่างเธอ เธอรู้เป็นอย่างดีว่าตัวเองต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองเลือก แต่ตอนนี้ พอเธอได้ยินเสียงปรบมือที่ดังไม่หยุดในโรงหนัง กลับอดคิดไม่ได้ว่า ตอนนั้นถ้าตนเองอดทนอีกหน่อย เรื่องมากมายหลังจากนั้น อาจจะมีผลลัพธ์ต่างออกไปใช่หรือไม่

ตอนนี้เธอควรลุกขึ้นมาปรบมือพร้อมผู้ชมที่อยู่รอบข้าง ใบหน้าของเธอควรมีรอยยิ้ม ระหว่างทางเธอพบเจออุปสรรคมากมาย เธอควรจะแสดงออกอย่างมีสปริตมากกว่านี้

แต่เธอยิ้มไม่ออกจริงๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการยกมือขึ้นมาปรบเลย

ทุกคนต่างเห็นการแสดงของเจียงเซ่อในหนังเรื่อง ‘Suspect’ ฉากการประชันระหว่างเธอกับเถาเฉิน เป็นฉากการประชันของหญิงสาวสองคนเป็นหนึ่งในฉากที่สุดยอดมากที่สุดเท่าที่ซูเพ่ยเอินเคยพบเจอมาในชีวิต ฝีมือของทั้งสองพอๆ กัน ล้วนเป็นนักแสดงคุณภาพ การต่อปากต่อคำกันของทั้งคู่ทำให้หนังแนวสืบสวนเรื่องนี้เหมือนมีประกายของดาบกระบี่ฉวัดเฉวียนฟาดฟันกันอยู่ตลอดเวลา

หลังจากดูหนังจบ ซูเพ่ยเอินไม่ได้ออกจากโรงหนัง ไฟในโรงหนังยังคงสว่างอยู่ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา หลังจากเปิดเครื่องก็ได้โพสต์ในเว็บบอร์ดของตนเองว่า ‘รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดนิยมของเทศกาลหนังฝรั่งเศสในปีนี้ เจียงเซ่อจองแล้ว!’

เขารู้ว่าคำพูดของตนเองจะเกิดความผลกระทบอย่างไรในโลกโซเชียล เขาเข้าใจว่าในหนังเรื่องนี้เถาเฉินเองก็เป็นนักแสดงนำเช่นกัน ตนเองชมแค่เจียงเซ่อแบบนี้ อาจจะทำให้แฟนคลับจำนวนหนึ่งของเถาเฉินเข้ามาโจมตีได้

แต่อาจจะเพราะได้รับผลกระทบจากความ ‘บ้าคลั่ง’ และ ‘บ้าบิ่น’ ของซูอี้ในหนังเรื่องนี้ ทำให้เขา ‘อวดดี’ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตอนอายุปูนนี้และอาจจะเป็นเพราะเขายังอินกับตอนจบของหนัง ในตอนที่ซูอี้ยิ้มให้กล้อง อย่างไรก็ตาม หลังจากซูเพ่ยเอินโพสต์ลงไป เขาก็ออกจากเว็บบอร์ดของตนเอง พอจินตนาการถึงปฏิกิริยาของชาวเน็ตในตอนนี้ เขาถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา เกิดความรู้สึกเหมือนตัวเองกลั่นแกล้งคนได้สำเร็จ

ในเทศกาลหนังฝรั่งเศส หนังเรื่อง ‘Suspect’ โด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แม้ความขัดแย้งและความสอดคล้องที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้เป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จ แต่การแสดงของนักแสดงนำหญิงทั้งสองในหนังเรื่องนี้ก็เป็นเหตุผลหลักที่จุดประกายหนังเรื่องนี้

วารสารโลกฝรั่งเศส ‘ในขณะที่ทุกคนต่างกำลังรอคอยว่าหลังจากหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่เชี่ยซ่าเหลยจุดประกายนักแสดงหัวเซี่ยด้วยมือของตนเองยังจะมีผลงานที่โดดเด่นอีกหรือไม่ เธอก็พาผลงานอีกเรื่องไปสู่เทศกาลหนังฝรั่งเศส พวกที่ดูถูกเธอควรเงียบได้แล้ว!’

ไทม์ฝรั่งเศส ‘รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมของเทศกาลหนังฝรั่งเศสในปีนี้ อาจจะเป็นของลูกรักหัวเซี่ย’

ภาพยนตร์รายสัปดาห์ ‘ตั้งแต่หลายปีที่ผ่านมา เทศกาลหนังฝรั่งเศสก็ติดค้างถ้วยรางวัลผู้หญิงคนนี้ถ้วยหนึ่ง ในที่สุดปีนี้ก็เป็นโอกาสที่จะได้รับการชดเชยแล้ว’

ข่าวประจำวัน ‘เพชรแท้ที่เชี่ยซ่าเหลยเลือกด้วยตนเอง หลังจากหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ก็มีโอกาสฉายแสงอันงดงามอีกครั้ง’

วิจารณ์หนัง ‘การแสดงของทั้งเจียงเซ่อและเถาเฉิน กู้ชื่อเสียงของฮั่วจือหมิงกลับมาได้ การประชันฝีมือของนักแสดงแถวหน้าทั้งสองของหัวเซี่ย ชาตินี้อาจจะไม่มีอีกแล้ว ฮั่วจือหมิงที่เป็นผู้กำกับที่ซวยมาตลอดหลายปี ในที่สุดพระเจ้าก็คืนความโชคดีทั้งหมดที่สะสมมานานหลายปีคืนให้เขา ทำให้เขาสามารถยืดอกขึ้นมาท่ามกลางผู้คนที่เคยเยาะเย้ย ดูถูกเขา ทำให้เขากลับไปเป็นผู้กำกับที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง’

สือไต้เฟิงฉ่าย ‘การแสดงของเจียงเซ่อและเถาเฉินสุดยอดมาก นักแสดงที่มีคุณภาพทั้งสองร่วมกันสร้างหนังที่เป็นตำนานขึ้นมา’

นักวิจารณ์หนังที่มีชื่อเสียงเฝิงปู้ซัว ‘ในหนังเรื่อง ‘Suspect’ สิ่งที่ฉันประทับใจมากที่สุดมีอยู่สามเรื่อง หนึ่งคือการตัดผมของซูอี้ที่รับบทโดยเจียงเซ่อ สองคือบทสนทนาสุดท้ายระหว่างเจียงเซ่อและเถาเฉิน สุดท้ายก็ตอนที่ซูอี้ที่เจียงเซ่อแสดงเดินเข้ามายิ้มให้กล้อง สิ่งที่ฉันอยากพูดถึงมากที่สุดคือ ผมที่เจียงเซ่อตัดเองกับมือ สำหรับฉันแล้ว ตั้งแต่เข้าวงการมา ภาพจำที่ทุกคนมีต่อเจียงเซ่อคือผมยาว จนกระทั่งถ่ายทำหนังเรื่อง ‘Suspect’ จบ ตอนปรากฏตัวจะอยู่ในทรงผมสั้นเป็นหลัก ฉันขอเดาด้วยความกล้าว่า ตอนถ่ายทำหนังเรื่องนี้ของฮั่วจือหมิง ผมที่เธอตัดเองกับมือ อาจจะเป็นผมจริงของเธอ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่แปลกที่จะทำให้ฉันตื่นตระหนกกับอาการของเธอในตอนนั้น ความมุ่งมั่น แน่วแน่และการตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ไม่ใช่สิ่งที่จะสร้างขึ้นมาได้ง่ายๆ’

ตอนนั้นซูอี้ตัด ‘ความเครียดออกสามพันเส้น’ นอกจากหมายถึงการที่เธอกลัวว่าจะพลาดทิ้งร่องรอยไว้ในสถานที่เกิดเหตุแล้ว ในขณะเดียวกับก็หมายความว่าเธอได้ปล่อยวางแล้ว

ความเครียดกำลังจะถูกเธอทอดทิ้งไป ความแค้นในอดีตที่อยู่กับเธอมานานหลายปีก็กำลังจะผ่านพ้นไปเพราะการตายของหลี่หนานเฟิง

ตอนที่ ‘ผม’ ยาวออกมาใหม่ ก็หมายความว่าอดีตได้ถูกเธอปล่อยวาง ภาระได้ถูกเธอวางลงและเป็นการแสดงให้เห็นว่าชีวิตใหม่ของซูอี้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

ความผ่อนคลายตอนเธอเจอเฉินซวินหรานครั้งสุดท้ายเป็นการยืนยันเรื่องนี้ เธอตัด ‘เส้นความเครียด’ ด้วยมือของเธอเอง ตัดขาดจากอดีต ความแค้นอันใหญ่หลวงได้ถูกชำระแล้ว ชีวิตต่อจากนี้จะเป็นของเธอ

……

นักวิจารณ์หนังส่วนมากในประเทศก็ชื่นชมหนังเรื่อง ‘Suspect’ แต่ก็เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่าในหนังเรื่อง ‘Suspect’ ใครกันแน่ที่เป็น ‘คนร้ายตัวจริง’

เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ หนังเรื่อง ‘Suspect’ ดังจนถึงที่สุดเพราะข้อวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ ในขณะที่คนในวงการต่างออกมาชื่นชม ผู้ชมในประเทศยังคงงุนงง

ผู้กำกับหนังเรื่องนี้คือฮั่วจือหมิง ตั้งแต่หนังเรื่องนี้เปิดกล้องจนถึงตอนนี้ ความจริงแล้ว ทุกคนสนใจแค่ความสัมพันธ์ระหว่างเจียงเซ่อกับเถาเฉิน ไม่เคยคิดเลยว่าหนังเรื่องนี้จะกลายเป็นผลงานระดับตำนานหรือไม่

ข้อสงสัยส่วนใหญ่คือ ภาพการประชันฝีมือของเจียงเซ่อและเถาเฉินในหนังว่าจะเป็นอย่างไร เพราะการแย่งชิงของทั้งสองในชีวิตจริง อาจจะถูกเอาไปใช้ในหนัง นี่ต่างหากที่เป็นเหตุผลที่ผู้ชมจำนวนหนึ่งรอคอยหนังเรื่องนี้

แม้จะมีแฟนหนังรอคอยหนังเรื่องนี้เพราะผลงานอันโดดเด่นที่ผ่านๆ มาของเจียงเซ่อและเถาเฉิน แต่คุณภาพหนังของฮั่วจือหมิงในหลายปีที่ผ่านมาก็เห็นๆ กันอยู่ จึงไม่ได้คาดหวังมากนัก ตอนนี้พอสื่อและนักวิจารณ์หนังออกมาพูดแบบนี้ ก็เหมือนเป็นฉีดกระตุ้นแฟนหนังกลุ่มหนึ่ง ทำให้คนที่รอคอยหนังเรื่องนี้เข้าฉายหลังจากจบเทศกาลหนังฝรั่งเศสมากขึ้นกว่าเดิม

ปีนี้ สื่อและนักวิจารณ์หนังชื่นชมหนังเรื่อง ‘Suspect’ เป็นอย่างมากและยกนิ้วให้การแสดงของเจียงเซ่อในหนังเรื่องนี้ บุคคลภายนอกต่างก็อยากให้เธอได้รับรางวัลเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าพวกของเซี่ยเชาฉวินได้เตรียมการเพื่อการรับรางวัลของเจียงเซ่อในปีนี้เอาไว้ตั้งนานแล้ว