webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

659

บทที่ 659 ทำผิด

สิ่งที่ซูเพ่ยเอินกลัวคือเหตุการณ์จะซ้ำกับเมื่อหลายปีที่แล้ว ที่หนังเรื่อง ‘The Incident’ ของเถาเฉินเข้าร่วมเทศกาลหนังฝรั่งเศส

ตอนนั้นฝีมือการแสดงของเถาเฉินก็โดดเด่นมาก แต่เพราะฐานะของเธอ ผู้ชมคาดหวังในตัวเธอมากกว่าเจียงเซ่ออยู่แล้ว

เพราะฉะนั้นเมื่อหนังเรื่อง ‘The Incident’ และ ‘Evil’ อยู่ในสนามแข่งเดียวกัน ผู้ชมทุกคนรวมทั้งซูเพ่ยเอินต่างก็คิดว่าการแสดงของเจียงเซ่อในตอนนั้นโดดเด่นกว่าเถาเฉินที่เป็นไปตามหลักการ

สิ่งที่เถาเฉินเคยเสียเปรียบในวันนั้น วันนี้เวียนมาบรรจบที่เจียงเซ่อแล้ว

ถ้าบอกว่าในผลงานก่อนๆ เจียงเซ่อตั้งใจเป็นอย่างมาก ในหนังเรื่องนี้ เธอจะต้องทุ่มเทอีกเป็นเท่าตัวจึงจะถึงมาตรฐานที่ผู้ชมคาดหวังเอาไว้

“พอแล้วๆ”

ชุยจางเฉิงได้ยินซูเพ่ยเอินพูดถึงเรื่องหนังก็ไม่รู้จักจบจักสิ้น จึงบอกให้หยุด แล้วถามถึงสุขภาพของเขาเพราะไม่ว่าหนังจะเป็นยังไง ผลลัพธ์หลังเข้าฉายจะดีหรือไม่ เดี๋ยวก็คงได้เห็นเอง

เทศกาลหนังฝรั่งเศสในครั้งนี้สื่อที่ติดตามเจียงเซ่อมากกว่าที่ผ่านมา

ชื่อเสียงของหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ยังมีอยู่และยังมีเรื่องการแต่งงานของเธอที่ต้องถาม สื่อที่อยากสัมภาษณ์เธอนัดเวลาเข้ามากันอย่างต่อเนื่อง

ในพิธีเปิดของเทศกาลหนังฝรั่งเศส ฮั่วจือหมิงพาเจียงเซ่อและเถาเฉินปรากฏตัวในสายตาของนักข่าว

ผมยาวของเถาเฉินถูกดัดเป็นลอนและปล่อยทิ้งไว้ข้างหลัง สวมชุดเกาะอกสีดำ ผิวขาวดั่งหิมะ ริมฝีปากแดงดูโดดเด่นมาก ดูสวยงามสุขุมและเซ็กซี่แบบผู้ใหญ่

เจียงเซ่อเสื้อใส่เสื้อสีชมพูกลีบบัวแนบเนื้อ  เผยให้เห็นหุ่นอันผอมเพรียวสมบูรณ์แบบ

หลายวันนี้ ทั้งสองมาถึงฝรั่งเศสพร้อมกัน แม้จะเข้าพักในโรงแรมเดียวกัน แต่น้อยมากที่จะได้เจอกัน ส่วนมากก็ต่างยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง

วินาทีที่เจียงเซ่อปรากฏตัว นักข่าวจากประเทศต่างๆ ที่มาร่วมเทศกาลหนัง ต่างเล็งกล้องไปที่เจียงเซ่อ ผู้จัดการที่อยู่ข้างๆ เถาเฉิน เผยท่าทางอึดอัด

หลังจากนักข่าวในประเทศถ่ายรูปเถาเฉินอย่างเร่งรีบเพียงไม่กี่รูปก็เปลี่ยนมุมกล้อง

เถาเฉินกลับสงบนิ่งกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ราวกับไม่โกรธเลยสักนิด

สายตาของเจียงเซ่อสบกับเธอผ่านช่องว่างเผยรอยยิ้มเรียบนิ่งและพยักหน้าให้กับเถาเฉินเล็กน้อย เธอเองก็ยิ้มและหันหน้าหนีอย่างเป็นธรรมชาติเพราะการกวักมือเรียกของนักข่าว

เมื่อเทียบกับความโกรธแค้นบนใบหน้าของผู้จัดการของเธอแล้ว เถาเฉินดูเป็นธรรมชาติและยิ้มแย้มมากกว่า

เจียงเซ่อรับการสัมภาษณ์สั้นๆ จากสื่อหลายสำนัก พูดถึงเรื่องหนัง มีคนถามถึงสามีของเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และเธอก็ตอบเพียงสั้นๆ

ซูเพ่ยเอินก็เลือกที่นั่งจากในอินเทอร์เน็ตในโรงของหนังเรื่อง ‘Suspect’ เอาไว้ตั้งนานแล้ว การมาร่วมเทศกาลหนังในครั้งนี้เพราะปัญหาสุขภาพ หนังที่ซูเพ่ยเอินเตรียมจะดูจึงไม่มากนัก

รายชื่อหนังในตอนนี้ นอกจากเรื่อง ‘Suspect’ และผลงานของผู้กำกับที่มีฝีมือหลายคนที่ดึงดูดความสนใจจากเขาให้ต้องมาดูหนังแล้ว ที่เหลือรอให้คำวิจารณ์ในช่วงแรกออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน

ตอนที่เขาเข้าไปในโรงหนัง ก็เห็นทีมนักแสดงที่ถูกนักข่าวล้อมเอาไว้เช่นกัน

ตอนแรกซูเพ่ยเอินเตรียมจะมาคุยกับเจียงเซ่อให้พอหอมปากหอมคอ แต่เห็นสถานการณ์แบบนี้ เขาเอามือล้วงกระเป๋าและรออยู่ครู่หนึ่ง คนรอบข้างเจียงเซ่อมีแต่เพิ่มไม่มีลด เขานิ่งไปครู่หนึ่งและทำได้เพียงแค่ล้มเลิกความคิดที่จะทักทายเจียงเซ่อไป

เขาดูเวลาแล้วเห็นว่าอีกเกือบครึ่งชั่วโมง หนังเรื่อง ‘Suspect’ ที่ตัวเองเลือกจึงจะเข้าฉาย เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพเจียงเซ่อที่ถูกนักข่าวล้อมเอาไว้ หลังจากคิดทบทวนครู่หนึ่งก็ส่งไปให้ภรรยาและพูดขำๆ ว่า สี่ปีที่แล้ว ฉันยังจำได้ว่าในเทศกาลหนังฝรั่งเศสนี่แหละ ที่จ้าวร่างพาพวกของเจียงเซ่อบุกมาที่ฝรั่งเศสพร้อมหนังเรื่อง ‘Evil’

ตอนนั้นเจียงเซ่อยังไม่เป็นที่รู้จัก ท่ามกลางผู้คนเหล่านั้น หลิวเย่มีชื่อเสียงมากที่สุด เมื่อถ่ายทำหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ของจางจิ้งอานจึงเป็นที่รู้จักของสื่อต่างชาติจำนวนหนึ่ง

แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น ตอนนั้นแม้หนังเรื่อง ‘Evil’ ได้รับความนิยม แต่ก็พลาดจากรางวัล

ซูเพ่ยเอินยังจำได้ว่า ตอนนั้นตัวเองจะดูหนังของเถาเฉินแท้ๆ แต่เข้าผิดโรงหนังเป็นโรงของหนังเรื่อง ‘Evil’ แทน

เขาไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้า แต่ตอนนั้นชื่อเสียงของ ‘Evil’ น้อยมาก ไม่จำเป็นต้องจองตั๋วล่วงหน้าล่วงหน้า โรงหนังก็ว่างเปล่า ตอนที่เขาเข้าไปมีเพียงแค่นักข่าวจากต่างชาติไม่กี่คนและท่าทางเหมือนกำลังเตรียมหลับ

เจียงเซ่อในตอนนั้นยังเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา นอกจากอยู่ในโรงหนังพร้อมกับทีม ไม่ต้องพูดถึงว่ามีคนเข้ามาสัมภาษณ์เธอหรือไม่ แม้กระทั่งคนที่เดินผ่านยังไม่ค่อยทักทายเธอ

โรงของหนังเรื่อง ‘Evil’ ใช้คำว่าเปิดประตูต้อนรับแต่ไม่มีคนเข้า คำเปรียบเทียบนี้ก็ไม่เวอร์เกินไป หลังจากซูเพ่ยเอินดูหนังจบ ยังสามารถเข้าไปคุยกับเธอได้ตามที่ต้องการ

ไม่เหมือนวันนี้ เพียงแค่ไม่กี่ปีผ่านไป คนที่อยากคุย อยากสัมภาษณ์เธอกำลังเข้าแถวกันแล้ว

เขายิ้มขณะเดียวกันก็ถูมือและดีใจแทนเจียงเซ่อ

เธอมีชื่อเสียงแล้ว แน่นอนว่าไม่เหมือนตอนที่ถูกเมิน

ซูเพ่ยเอินหันหลังกำลังจะเดินออกไป เจียงเซ่อในวงสัมภาษณ์ เหมือนจะเห็นคนรู้จักอย่างเลือนรางผ่านช่องว่างศีรษะที่ขยับไปมาอยู่ข้างหน้า

“ขอโทษนะคะ”

เธอขอโทษ เผยรอยยิ้มที่แฝงความรู้สึกผิดให้นักข่าวที่เข้ามา เมื่อเดินฝ่าท่ามกลางผู้คนมาก็เห็นซูเพ่ยเอินที่เตรียมจะเดินออกไป

“อาจารย์ซู”

เธอเรียกด้วยภาษาหัวเซี่ย ซูเพ่ยเอินไม่คิดว่าเธอจะเห็นตัวเอง ในขณะที่ถูกผู้คนล้อมรอบเอาไว้และคิดว่าเสียงเรียกเมื่อครู่นี้เป็นเพราะตัวเองหูฝาดไปเท่านั้น

ไม่คิดว่าเจียงเซ่อจะเรียกอีกครั้ง

“อาจารย์ซูคะ”

คราวนี้ซูเพ่ยเอินได้ยินแล้วจริงๆ เขาหันกลับไปก็เห็นเจียงเซ่อพลางใช้ภาษาอังกฤษโต้ตอบกับนักข่าวอย่างรวดเร็ว พลางเร่งรีบจบการสนทนาเพื่อให้นักข่าวออกไป แล้วเดินเข้ามาหาซูเพ่ยเอิน

เธอกำลังจัดเสื้อผ้า ผู้ช่วยหลายคนอยากเข้าไปขวางนักข่าวเอาไว้

“ฉันนึกว่าจำคนผิด ไม่คิดว่าจะเป็นคุณจริงๆ ด้วย”

การที่เจียงเซ่อเจอซูเพ่ยเอินที่นี่รู้สึกแปลกใจไม่น้อย เธอเคยเจอซูเพ่ยเอินหลายครั้ง หนังหลายเรื่องของตัวเองที่เข้าฉายในหลายปีนี้ ซูเพ่ยเอินล้วนเขียนบทวิจารณ์ให้เธอและมีคำพูดชื่นชมเธอมากมาย

“เพิ่งเข้ามาก็เห็นเธอพอดี” ซูเพ่ยเอินหัวเราะ ‘เหอะเหอะ’ “ตอนแรกว่าจะทักทาย แต่เห็นว่าเธอยุ่งมากเลยจะกลับไปก่อนไม่คิดว่าเธอจะเห็นฉันนะเนี่ย”

เจียงเซ่อพยักหน้า ที่นี่คนเยอะ ในระยะที่ไกลออกไปยังมีนักข่าว ไม่เหมาะสมที่จะคุยที่นี่จริงๆ ทั้งสองจึงเข้าโรงหนังไป เจียงเซ่อมองซูเพ่ยเอินแวบหนึ่ง

“ตอนแรกฉันคิดว่าจำคนผิดซะแล้ว สุขภาพคุณดีขึ้นหรือยังคะ”

วงการนี้แคบมากเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ถ้าสนใจก็จะรู้

ต้นปีมีข่าวว่าซูเพ่ยเอินไม่สบาย ตอนนั้นคนในวงการลือกันว่าซูเพ่ยเอินอาจจะเกษียณอายุ อาจจะไม่เข้าร่วมเทศกาลหนังฝรั่งเศสในปีนี้

ความจริงหลายปีมานี้ซูเพ่ยเอินอยู่ในสภาพกึ่งเกษียณอายุแล้ว บทวิจารณ์ที่เขียนไม่มากนัก จะออกงานในรูปแบบของแขกพิเศษมากกว่า

แต่ถึงแม้ว่าบทวิจารณ์หนังของเขาจะน้อยมากเพียงใด หนังทุกเรื่องของเจียงเซ่อที่เข้าฉายในหลายปีที่ผ่านมา เขาก็ดูทุกเรื่อง

เพราะฉะนั้นปีนี้หลังจากมีข่าวว่าซูเพ่ยเอินไม่สบาย อาจจะออกจากวงการ บางคนคิดถึงเจียงเซ่อเป็นคนแรก

ทุกคนต่างรู้กันดีว่าหนังเรื่อง ‘Suspect’ ที่เจียงเซ่อแสดงร่วมกับเถาเฉินจะเข้าฉายในเดือนมีนาคมปีนี้ หนังเรื่องนี้มีตัวแปรที่ไม่มั่นคงอย่างฮั่วจือหมิง ทั้งยังรวมเจียงเซ่อและเถาเฉินเอาไว้ ซึ่งน่าติดตามมาก

หนังยังไม่เข้าฉาย ทุกคนต่างก็รอคอยแล้ว

เขาเป็น ‘แฟนคลับ’ ของเจียงเซ่อ ที่ผ่านมาถ้าเจียงเซ่อมีผลงานใหม่ ทุกคนต่างคิดว่าการที่เขาเขียนบทวิจารณ์ผลงานใหม่ของเจียงเซ่อเป็นเรื่องปกติ แต่ปีนี้มีข่าวว่าซูเพ่ยเอินจะเกษียณอายุ ในเวลานี้ทุกคนล้วนกำลังเดาว่าผลงานใหม่เรื่องนี้ของเจียงเซ่อเขาจะเขียนหรือไม่

ยังไงก็ตามในหนังเรื่อง ‘Suspect’ เป็นการประชันฝีมือระหว่างเจียงเซ่อและเถาเฉินถ้าจะเขียนบทวิจารณ์จะต้องเขียนถึงการแสดงของนักแสดงหญิงทั้งสองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าไม่ระวังอาจจะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ

เพราะปัญหาสุขภาพ เขาอาจจะล้มเลิกความคิดที่จะเขียนบทวิจารณ์หนังเรื่อง ‘Suspect’

“ดีขึ้นมากแล้ว” ข่าวในอินเทอร์เน็ตซูเพ่ยเอินก็ได้ยินมาบ้าง ผู้คนมากมายต่างคาดเดา ถึงขั้นมีคนเปิดโพสต์พนันกันเพราะเรื่องนี้

สายตาของเจียงเซ่อแฝงความห่วงใย ซูเพ่ยเอินยิ้ม

“ที่มาฝรั่งเศสในครั้งนี้ ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรมากนัก” เขาพูดถึงตรงนี้ ก็ถามเจียงเซ่อว่า

“ได้ข่าวว่าตอนลงสมัครหนังเรื่อง ‘Suspect’ ฮั่วจือหมิงเขียนชื่อของเธอและเถาเฉินไว้ในช่องนักแสดงนำหญิงเหรอ”

ในวงการข่าวแบบนี้ไม่ถือเป็นความลับ คนที่ไม่ปิดกั้นข่าวก็แทบจะรู้ทุกคน ซูเพ่ยเอินให้ความสำคัญกับเป็นเจียงเซ่อเป็นอย่างมากอยู่แล้วและสืบข่าวเกี่ยวกับเธออย่างต่อเนื่องไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะรู้เรื่องนี้

เจียงเซ่อเองก็พูดตามความจริง

“ได้ข่าวว่าเป็นแบบนั้นค่ะ”

เขาไอออกมาสองที จึงหยิบแก้วรักษาอุณหภูมิในกระเป๋าออกมา หลังจากดื่มน้ำสองคำจึงรู้สึกโล่งคอ

“มั่นใจไหม”

เจียงเซ่อส่ายหน้า

“ไม่ทราบสิคะ”

คำพูดนี้ของเธอมีความหมายแอบแฝง ซูเพ่ยเอินสงสัยกับคำว่า ‘ไม่ทราบ’ ของเธอ เป็นเพราะกังวลเรื่องการแสดงของตัวเองในหนังเรื่อง ‘Suspect’ หรือเป็นการผลจากการที่ทั้งสองปีที่ผ่านมาล้วนพลาดจากรางวัลใหญ่

พูดถึงตรงนี้ความจริงซูเพ่ยเอินรู้สึกเสียดายไม่น้อย

ไม่ใช่เพราะฝีมือการแสดงของเธอไม่ดีและไม่ใช่เพราะไม่สามารถเลือกบทหนังที่ดีได้ ความจริงหนังในสองปีก่อนหน้านี้ ซูเพ่ยเอินรู้สึกว่าล้วนไม่เลวเลย

แต่ถ้าไม่ใช่เพราะพ่ายแพ้ให้กฎกติกาและระบบการจัดการของงาน กลายเป็นตัวสนับสนุนของผู้กำกับและทีมงาน จนถึงตอนนี้เจียงเซ่อเข้าวงการมาก็นานแล้ว ผลงานก็เยอะและมีผลงานที่ได้รางวัลเช่นกัน

ไม่ต้องพูดถึงรางวัลในประเทศ ตอนประกาศรางวัลใหญ่ที่มีความหมายระดับโลกอย่าง ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ถึงขั้นได้รับรางวัลใหญ่ที่เป็นเกียรติมากที่สุดอย่างรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่เธอกลับยังไม่เคยได้รางวัลที่เพียงพอจะมายืนยันฝีมือการแสดงของเธอเลย

ตอนหนังเรื่อง ‘Evil’ เธอผอมจนไม่เหลือสภาพ ทิ้งภาพลักษณ์ เพื่อพิสูจน์ฝีมือในบทแม่ของลูกสาว 

ภาพลักษณ์แบบนี้ถ้าติดตัวไปก็ล้วนเป็นเรื่องน่ายินดี แต่พอมาอยู่บนตัวของนักแสดงที่โดดเด่นกลับต้องจำยอม

หนังเรื่อง ‘Suspect’ ยังไม่ทันเข้าฉาย ภาพจำที่ทุกคนมีต่อนักแสดงนำหญิงทั้งสองในเรื่องส่วนมากคิดว่าเถาเฉินเด่นในเรื่องการแสดง แต่เจียงเซ่อจะถูกชื่นชมในเรื่องภาพลักษณ์อันงดงามมากกว่า

แม้ว่าทุกคนต่างรู้ฝีมือการแสดงของเธอ แต่ทุกครั้งที่คิดถึงเธอภาพแรกที่เกิดขึ้นในหัวคือ รูปลักษณ์อันงดงามมากกว่าฝีมือ

“เธอคิดว่าการแสดงในหนังเรื่อง ‘Suspect’ เป็นยังไงบ้าง”

ความจริงซูเพ่ยเอินหวังให้เธอได้รับรางวัลนี้ ที่จะเป็นเครื่องยืนยันว่านอกจากเธอจะมีอิทธิพลในการทำรายได้และรูปลักษณ์อันงดงามแล้วยังมีฝีมือการแสดงที่ควรค่าแก่การจดจำ

เธอยิ้ม

“เรื่องนี้ควรจะให้ทคุณเป็นคนตัดสินมากกว่านะคะเพราะยังไงคุณก็เป็นนักวิจารณ์หนังมืออาชีพ ฉันไม่ใช่”

เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย ลำคอเรียวยาวดั่งหงส์ ท่าทางน่าดึงดูดเป็นอย่างมากจนแทบจะถึงขั้นตรงตามแบบฉบับหลักพิธีการ ระหว่างคิ้วให้ความรู้สึกอ่อนโยนไม่ได้แสดงความเย่อหยิ่งเพราะทุกคนให้ความสนใจ และไม่ได้ดูไม่พอใจเพราะความ ‘แปลกใจ’ แบบนี้ของซูเพ่ยเอิน

ราวกับว่าทั้งสองพูดถึงเรื่องที่ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก เธอเหมือนไม่รับรู้ว่าในอินเทอร์เน็ตทุกคนติดตามผลงานใหม่หลังจากหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ของเธอมากเพียงใด

“ตอนถ่ายทำ ฉันทำสุดความสามารถแล้วค่ะ”

เธอพูดจบ เฉินซั่นและผู้ช่วยอีกคนก็วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ พอเห็นเจียงเซ่อก็โล่งอกและเข้ามาทักทายซูเพ่ยเอิน

โม่อานฉีขวางนักข่าวอยู่ข้างนอก คนเหล่านี้เจอตัวเจียงเซ่อถ้าไม่ได้ข่าวอะไรกลับไปก็จะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ หลังจากเซี่ยเชาฉวินบอกว่าจะให้เธอเริ่มเรียนรู้ โม่อานฉีเองก็พยายามฝึกความสามารถของตัวเองในทุกๆ ด้าน

ซูเพ่ยเอินได้คำตอบที่ต้องการก็ยกมือขึ้นดูนาฬิกา อีกสิบกว่านาทีหนังเรื่อง ‘Suspect’ จะเข้าฉายแล้ว และไม่อยากรบกวนบทสนทนาระหว่างเจียงเซ่อกับผู้ช่วยทั้งสอง จึงขอตัวออกมา

ในเทศกาลหนังครั้งนี้เพราะชื่อเสียงของเจียงเซ่อหนังเรื่อง ‘Suspect’ จึงได้รับความสนใจจากผู้ที่มาร่วมงาน โรงหนังที่เตรียมเอาไว้ก็ไม่ได้อยู่ในมุมเหมือนตอนนั้น ซูเพ่ยเอินหาเจออย่างรวดเร็ว ตอนที่เข้าไปในโรงหนังอีกห้าหกนาที หนังก็จะเริ่มฉายแล้ว

ตอนนี้ในโรงหนังใหญ่ที่จุคนได้สามร้อยคนมีคนนั่งอยู่เกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว นอกจากคนในแถบเอเชียยังมีสื่อต่างชาติอีกมากมายและแน่นอนว่ามาเพราะเจียงเซ่อ

ตอนที่เจียงเซ่อนั่งลง ยังมีคนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง มีคนคุยกันเบาๆ ซึ่งมีชื่อของ ‘เจียงเซ่อ’ และ ‘เชี่ยซ่าเหลย’ แทรกเข้ามาบ้าง จนกระทั่งก่อนหนังจะเริ่มฉายสองนาทีไฟในโรงหนังก็ดับลง เสียงพูดคุยก็หยุดลงเช่นกัน

แถวสุดท้ายของโรงหนัง ฮั่วจือหมิงได้พาทีมงานมานั่งอยู่ตรงมุมแล้ว

พวกเขาถือโอกาสหลังจากไฟดับในการรูดการ์ดเข้ามา จึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้าง ถึงขั้นที่นักข่าวที่นั่งอยู่แถวสุดท้ายก็ยังไม่รู้ว่าเจียงเซ่อที่พวกเขาพูดถึงก่อนหน้านี้ก็เข้ามาแล้ว

ก่อนที่หนังจะเริ่มฉาย ซูเพ่ยเอินดูเวลาหลายรอบ แล้วจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายหน้าจอดับลง ในที่สุดหนังเรื่อง ‘Suspect’ ก็ฉายอย่างเป็นทางการแล้ว

ภาพสว่างขึ้นมา ภายในป้อมยาม พนักงานหลายคนกำลังเรียบเรียงจดหมาย แบ่งประเภทของจดหมายแต่ละชนิด ชายหนุ่มร่างอ้วนที่อายุประมาณห้าสิบคนหนึ่งหยิบจดหมายซองหนึ่งขึ้นมาพร้อมขมวดคิ้ว

“ไม่มีชื่ออีกแล้ว เขียนแค่ว่าสถานีตำรวจวั่งจินเป็นผู้รับ” เขาเกาหัว “สถานการณ์แบบนี้มันผิดปกติไปหรือเปล่าจดหมายแบบนี้ ช่วงนี้ได้รับมากี่ฉบับแล้วเนี่ย”

เขาถือจดหมายเอาไว้พลิกไปพลิกมา ด้านบนไม่มีชื่อผู้รับและไม่มีชื่อผู้ส่ง เขียนเพียงสถานที่รับจดหมายว่าเป็นสถานีตำรวจวั่งจินและเบอร์โทรก็เป็นเบอร์ของสำนักงาน

คนพูดก้มลงเปิดลิ้นชักออก เอาจดหมายหลายฉบับออกมา แม้จะเป็นการกลั่นแกล้ง แต่ส่งจดหมายมาซ้ำกันมากมายขนาดนี้ก็ควรจะมีสาเหตุไม่ใช่หรือ?