webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

657

บทที่ 657 ต้นทุน

ขณะที่เผยอี้พูด เขาก็พลางโน้มตัวเข้ามา เผยสายตาแสดงความพึงพอใจ พลันจูบปากของเจียงเซ่อเบาๆ

กระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาไม่ยังติดไม่เสร็จ เผยให้เห็นกระดูกไหลปลาร้าที่อยู่นอกคอเสื้อ ข้างล่างคือกล้ามเนื้อหนั่นแน่น หลังจากแต่งงานก็ใกล้ชิดกันไปตามธรรมชาติและมากกว่าเดิม

ขาของเจียงเซ่อยังอ่อนแรงอยู่บ้าง หลังจากลงจากห้องเขาหยิบกล่องอาหารมาศึกษาในห้องครัวอย่างตั้งใจ พอได้ยินเสียงเธอเดินลงมา เขาก็หยิบสตรอเบอร์รี่ที่ล้างแล้วกล่องหนึ่งออกจากตู้เย็น เปิดฟิล์มถนอมอาหารแล้วกัดคำหนึ่ง เพื่อให้รู้ระดับความเปรี้ยวหวาน ก่อนจะป้อนเข้าปากเจียงเซ่อลูกหนึ่ง

เธอกอดเอวเผยอี้และถามเขาว่า

“อีกนานไหม”

ทั้งสองยังไม่ถนัดเรื่องการทำอาหาร เขายังดีที่มักจะไปเรียนอยู่บ้าง หลังจากเสร็จจากงานที่คิวชูแล้วย้ายกลับมาที่ตี้ตู ทั้งสองอยู่ด้วยกัน ยังไงก็ต้องทำอาหาร

พอคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกเหมือนเป็นผู้ชนะ เธอเขย่งเท้า เอาคางเกยไว้บนไหล่ของเขา เผยอี้หันไปจูบริมฝีปากของเธอ

“ไม่นานแล้ว”

อาหารเหล่านี้ล้วนเป็นอาหารกึ่งสำเร็จรูป เขาเลือกออกมาสองกล่อง แล้วหาหม้อที่ยังไม่ได้แกะออกจากกล่องมาหุงต้มอาหาร

ชีวิตก่อนและหลังแต่งงาน สำหรับเจียงเซ่อแล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก

เผยอี้ลาแต่งงานมาได้แค่หนึ่งเดือน ก่อนแต่งงานเขาได้พักมาช่วงหนึ่งแล้ว หลังจากแต่งงานก็กลับคิวชูไปอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนไปเขาอยากพาเจียงเซ่อไปด้วย แต่ถูกคุณย่าเผยห้ามเอาไว้

ผู้ใหญ่รู้ว่าทั้งสองเพิ่งจะแต่งงานกัน แต่เจียงเซ่อก็มีงานของตัวเองที่ต้องทำ นอกจากเรื่องงานแล้ว การที่เธอแต่งงานเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลเผย ยังต้องรับภาระของคุณผู้หญิงที่บ้านตระกูลเผย

ช่วงลาแต่งงานสองเดือนที่เซี่ยเชาฉวินให้กับเจียงเซ่อผ่านไปอย่างรวดเร็ว พอถึงต้นเดือนมกราคมปีใหม่เพิ่งจะผ่านไปหมาดๆ เจียงเซ่อก็ออกจากบ้าน มาเข้าสู่การโหมดทำงานอย่างเป็นทางการ

งานแบรนด์แอมบาสเดอร์และเสื้อผ้าแบรนด์ระดับสูงจากฝรั่งเศสของ Melovin เซี่ยเชาฉวินได้คว้าเอาไว้ให้เจียงเซ่อสำเร็จแล้ว ก่อนหน้านี้ได้คุยรายละเอียดเสร็จบ้างแล้ว ในช่วงหนึ่งปีที่เจียงเซ่อยุ่งอยู่กับงานแต่ง ทางทีมงานของ Melovin ได้ปรับแก้โฆษณาหลายครั้งจนตรงกับความคิดเห็นของทั้งสองฝ่ายมากที่สุด

แม้ว่าก่อนหน้านี้ที่เจียงเซ่อได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของนาฬิกาข้อมือ Federer ถือว่าเป็นก้าวแรกที่เจียงเซ่อเข้าสู้วงการแฟชั่น แต่การได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์เสื้อผ้าระดับสูงของ Melovin ครั้งนี้ สำหรับเจียงเซ่อแล้วก็เป็นผลดีมากเช่นกัน

ในงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ เมื่อปีที่แล้ว เธอทำให้ชุดของ Melovin โดดเด่น ให้ดูสง่าหรูหราและสมบูรณ์แบบ ซึ่งทำให้ผู้บริหารของ Melovin ต่างพอใจมาก

ตอนถ่ายทอดสดเทศกาลหนัง ตอนที่เจียงเซ่อขึ้นกล่าว นอกจากต่างหู เครื่องประดับที่เธอใส่ในวันนั้น ชุดที่เธอใส่ในคืนนั้นก็กลายเป็นประเด็นร้อนภายในคืนเดียว

ผลลัพธ์การเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเจียงเซ่อทุกคนก็ล้วนรู้ดี รวมทั้งฐานะที่มีความพิเศษของเธอ ทาง Melovin เองก็มีความละเอียดรอบคอบ ส่วนเซี่ยเชาฉวินก็ยอมรับราคาที่เสนอมา

สำหรับงานถ่ายโฆษณา เจียงเซ่อชำนาญแล้ว ในด้านการทำงาน เธอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีมาโดยตลอด การถ่ายโฆษณาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้งานจะหนักแต่ถ่ายเพียงแค่เกือบครึ่งเดือนเท่านั้น ภาพโปรโมทชุดก็เกือบสมบูรณ์แบบแล้ว

ที่โรงแรม ในที่สุดงานของเจียงเซ่อก็เสร็จในระดับหนึ่ง เฉินซั่นและผู้ช่วยอีกคนเอาของของเธอไปเก็บ เซี่ยเชาฉวินและโม่อานฉีคุยกับเธออยู่ในห้อง อีกด้าน หมอด้านความงามกำลังดูแลช่วงแขนให้เจียงเซ่อ หลังจากน้ำมันหอมระเหยถูกเปิดออก กลิ่นหอมอ่อนๆ ก็กระจายไปทั่ว ทำให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลาย

“พวกนั้นก็คือการถ่ายโฆษณาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอาง”

การมาฝรั่งเศสในครั้งนี้ ทางทีมมาถึงเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้กลางเดือนกุมภาพันธ์แล้ว ถ่ายโฆษณานี้จบก็พอดีกับเทศกาลหนังฝรั่งเศสที่จัดขึ้นในต้นเดือนมีนาคมพอดี

การถ่ายโฆษณาในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Melovin ในครั้งนี้ เจียงเซ่อได้ผลประโยชน์เยอะมาก นอกจากผลิตภัณฑ์จำนวนไม่น้อยจาก Melovin ชุดในงานเทศกาลหนังฝรั่งเศสที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ Melovin ก็จะสนับสนุนเรื่องเครื่องแต่งกายด้วย

“สกินแคร์ของ Melovin เน้นสารสกัดจากธรรมชาติ ในการถ่ายโฆษณาของ Melovin ในครั้งนี้ ทางทีม Melovin เตรียมจะใช้กลีบดอกกุหลาบเป็นตัวหลัก”

เซี่ยเชาฉวินพลางพูด พลางยื่นเอกสารการถ่ายโฆษณาในครั้งนี้ของ Melovin ให้เจียงเซ่อดู

“กลีบดอกที่ใช้มาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ จะถ่ายทำวันจันทร์หน้า ช่วงนี้เธอพักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลตัวเองให้ดีก็พอแล้ว”

โม่อานฉีดูผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ Melovin ส่งมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

เพราะเจียงเซ่อ Melovin จึงได้ส่งสกินแคร์จำนวนมากมาให้ เธอใช้คนเดียวไม่หมด จึงแบ่งให้คนที่คอยดูแลและทีมงานใช้จำนวนมาก สถานการณ์แบบนี้โม่อานฉีที่อยู่กับเจียงเซ่อคุ้นชินแล้ว ตั้งแต่ของเล็กๆ น้อยๆ อย่างน้ำหอม ลิปสติก จนถึงของชิ้นใหญ่อย่างเครื่องประดับ กระเป๋าจนกระทั่งอุปกรณ์แต่งบ้านจากแบรนด์ดัง ทำงานกับเจียงเซ่อ ล้วนมีใช้แทบจะทุกอย่าง

ในประเทศ ราคาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของ Melovin สูงเป็นอันดับต้นๆ เงินเดือนของโม่อานฉีก็ไม่ได้น้อย แต่ถ้าต้องซื้อเยอะขนาดนี้ก็เสียดายเงิน เธอได้มาไม่น้อย เพียงพอให้เธอใช้กว่าครึ่งปี อารมณ์ก็เลยดีเป็นพิเศษจึงพูดเล่นพร้อมรอยยิ้ม

“และนี่ก็คือเหตุผลหลักที่ฉันตัดสินใจอยู่กับเจียงเซ่อจนเกษียณ”

เธอยกแผ่นมาสก์หน้าในมือขึ้น พลางเปิดแล้วเอาวางบนหน้า พลางพูดว่า

“กลิ่นหอมผ่อนคลายมาก เมื่อคืนฉันลองแล้ว ซึมไวมากเลย”

เซี่ยเชาฉวินไม่สนใจเธอ หลังจากคุยเรื่องงานเสร็จก็เปลี่ยนประเด็น

“หลายวันก่อน เถาเฉินก็มาฝรั่งเศส”

แม้เถาเฉินจะออกจากซื่อจี้หยินเหอ แต่ท้ายที่สุดก็ยังคงอยู่ในวงการนี้ คนระดับเธอ เพียงแค่ขยันขึ้นเล็กน้อย ทุกคนก็จับตามองแล้ว

โม่อานฉีที่กำลังวางแผ่นมาสก์หน้าชะงัก เจียงเซ่อเองก็เงยหน้าขึ้น เรื่องที่เถาเฉินมาฝรั่งเศสไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะยังไงเทศกาลหนังฝรั่งเศสก็จะเริ่มขึ้นแล้ว หนังเรื่อง ‘Suspect’ ที่ทั้งสองร่วมงานกัน กำลังจะเปิดตัวในเทศกาลหนังฝรั่งเศสเพื่อคว้ารางวัลใหญ่

เถาเฉินคงจะให้ความสำคัญกับรางวัลนี้เป็นอย่างมาก เมื่อก่อนทั้งสองมีผลงานเข้าฉายในเทศกาลหนังฝรั่งเศสพร้อมกัน ท้ายที่สุดก็ถูกเสนอชื่อเข้าชิงทั้งสอง แต่ก็ไม่มีรางวัลจากบท ‘นักแสดงนำหญิง’ สำหรับเจียงเซ่อถือว่าน่าเสียดาย แต่สำหรับเถาเฉินที่มีความทะเยอทะยานแล้วก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน

แต่ถึงแม้ว่าเธอจะมาฝรั่งเศส แต่ก็ไม่น่าจะใช่เวลานี้ เพราะตอนนี้ห่างจากพิธีเปิดเทศกาลหนังอย่างเป็นทางการอีกตั้งยี่สิบวัน ทางทีมของฮั่วจือหมิงก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

“เธอมาไวขนาดนี้เชียวหรือ”

เจียงเซ่อรู้สึกแปลกใจไม่น้อย จึงอดถามไม่ได้ “ดูเหมือนว่าสำหรับรางวัลในปีนี้ เธอมั่นใจว่าจะต้องได้”

เซี่ยเชาฉวินมองเธอแวบหนึ่ง “เธอยังไม่รู้อีกเหรอ”

“ฉันต้องรู้อะไรเหรอคะ”

พอเธอได้ยินคำพูดนี้จากเซี่ยเชาฉวินก็แปลกใจจึงย้อนถาม เซี่ยเชาฉวินจึงก้มลงยกแก้วกาแฟที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาดื่มช้าๆ คำหนึ่ง ท่าทางของเธอเย็นชา น้ำเสียงเรียบนิ่งเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่พูดออกจากปากกลับเหมือนระเบิดที่ถูกขว้างออกมาอย่างนั้น

“ฮั่วจือหมิงพาหนังเรื่อง ‘Suspect’ มาร่วมเทศกาลหนังฝรั่งเศสในครั้งนี้ ในตัวเลือกของนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม” เธอหยุดไปครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้น แลบลิ้นออกมาค่อยๆ เลียคราบกาแฟบนริมฝีปากจนสะอาด “เขาเขียนชื่อเธอและเถาเฉิน”

นั่นก็หมายความว่า ไม่ว่าก่อนหน้านี้เถาเฉินและแฟนหนังที่รู้จักหนังเรื่อง ‘Suspect’ จะคิดยังไง และไม่ว่าตอนที่เถาเฉินรับหนังเรื่องนี้จะมั่นใจว่าเจียงเซ่อใช่ตัวประกอบหรือไม่ แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้กระจ่างแล้ว

แม้ความจริงแล้วในบท เฉินซวินหรานที่เถาเฉินแสดงจะเป็นตัวหลัก ซูอี้ที่เจียงเซ่อแสดงเป็นเพียงตัวประกอบที่ปรากฏตัวเพื่อให้เห็นความกล้าหาญด้านใดด้านหนึ่งของเธอก็ตาม

แต่เพราะการถ่ายทำ เจียงเซ่อแทบจะกลายเป็นตัวหลักไปแล้ว ให้เธอเป็นผู้ควบคุมเรื่อง ถึงขั้นที่กดเถาเฉินลง

ไม่ว่าก่อนหน้านี้ทุกคนจะคิดยังไง ไม่ว่าในสายตาของแฟนหนัง สื่อมวลชนจะคิดว่าเถาเฉินเป็นตัวหลักหรือไม่ แต่สำหรับฮั่วจือหมิง เห็นได้ชัดว่าซูอี้ที่เจียงเซ่อแสดงสำคัญไม่น้อยไปกว่าเฉินซวินหรานที่เถาเฉินแสดงเลย

เหตุการณ์แบบนี้ สำหรับเถาเฉินแล้ว มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก

เธอเป็นคนทะเยอทะยาน ในงานเปิดตัวรถใหม่ของ ELYSEES เพื่อเบี่ยงประเด็นที่ถูกคุณนายโจวหักหลัง เลยประกาศเรื่องที่เจียงเซ่อเป็นตัวประกอบให้เธอในหนังเรื่อง ‘Suspect’ ด้วยตัวเอง ตอนนั้นหนังเรื่องนี้ยังไม่เปิดกล้อง ก็กลายเป็นประเด็นร้อนไปเสียแล้ว

ภาพที่เถาเฉินเป็นนักแสดงนำ เจียงเซ่อเป็นตัวประกอบได้ฝังใจทุกคน แม้ว่าตอนนี้ แฟนหนังจำนวนมากที่รอคอยการประชันกันระหว่าง ‘เทพธิดา’ ทั้งสอง แต่ต่างคิดว่าเจียงเซ่อเป็นเพียงตัวประกอบสำคัญตัวหนึ่งเท่านั้น

นักข่าวได้สัมภาษณ์ทีมผู้จัดหนังแล้ว รู้ว่าบทของเธอไม่ได้มากเท่าเถาเฉิน ถ้าฮั่วจือหมิงเขียนชื่อของทั้งสองว่าเป็นนักแสดงนำในเทศกาลหนังฝรั่งเศส อาจจะเกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นได้

เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ขึ้นก็ไม่แปลกที่เถาเฉินจะร้อนใจ

เจียงเซ่ออึ้งไปครู่หนึ่ง แต่ก็ได้สติอย่างรวดเร็ว โม่อานฉีได้ยินข่าวดีนี้ ทั้งสะใจทั้งอยากหัวเราะเสียงดัง

“จริงหรือ”

เซี่ยเชาฉวินพยักหน้า เจียงเซ่อถามต่อว่า

“พี่เชาฉวินรู้ได้ยังไง”

เธอเหมือนยิ้มและไม่ยิ้มในขณะเดียวกัน เมื่อเห็นว่าหมอด้านความงามนวดมือข้างหนึ่งของเจียงเซ่อเสร็จใกล้เสร็จแล้ว และทาครีมบำรุงหนาอีกชั้นหนึ่งแล้วเปลี่ยนไปอีกข้าง เจียงเซ่อก็จ้องเธอ ใช้สายตาเร่งให้เธอพูดต่อ

“เธอลืมเรื่องที่คุณลัวเป็นหุ้นส่วนไปแล้วเหรอ”

โม่อานฉีถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย “คุณลัวเป็นหุ้นส่วนเหรอ”

เจียงเซ่อรู้ทันทีว่าเรื่องอะไร โม่อานฉีเหมือนเข้าใจแต่ก็เหมือนไม่เข้าใจ รู้สึกว่าตัวเองจับประเด็นได้แล้ว แต่ยังขาดอีกก้าวเท่านั้น

เซี่ยเชาฉวินจงใจกระตุ้นให้เธอคิด จึงอธิบายว่า

“การร่วมหุ้นของคุณลัว สำหรับหลายคนแล้ว อาจเป็นเพราะให้ความสำคัญกับมิตรภาพ”

ช่วงนั้นเรื่องที่เถาเฉินประกาศว่าจะออกจากซื่อจี้หยินเหอที่สนับสนุนเธอจนโด่งดังเหมือนอย่างทุกวันนี้ เพื่อไปเป็น ‘นักแสดงอิสระ’ นั้นดูบังเอิญเกินไป ไม่แปลกที่จะเชื่อมโยงเรื่องที่เธอจากไปกับความโด่งดังในตอนนั้นของเจียงเซ่อ

เจียงเซ่อดังขึ้นเรื่อยๆ นักแสดงหญิงที่โด่งดังทั้งสองซื่อจี้หยินเหอมาเผชิญหน้ากัน ก็ไม่แปลกที่จะมีปัญหาเรื่องการแบ่งและแย่งงานกัน

ในเทศกาลหนังฝรั่งเศสในปีนั้น การปะทะกันหนังเรื่อง ‘Evil’ และ ‘The Incident’ ในงานเลี้ยงการกุศลของ ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ ทั้งสองได้แสดงความขัดแย้งออกมาให้เห็นจากการแย่งโน้ตเปียโนกัน หลังจากนั้นก็มีเรื่องการแย่งงานแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ELYSEES และมีข่าวว่าแย่งหนังของเชี่ยซ่าเหลยออกมาอีก ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองเหมือนมีอะไรบางอย่างเข้ามาทำให้คลุมเครือ

ตอนที่หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เข้าฉาย เถาเฉินประกาศว่าจะเป็นนักแสดงอิสระ เหตุผลที่ทำให้เธอเดินออกมาตอนนี้ อาจจะเพราะโดนบีบจนจนตรอก

เธอเป็นนักแสดงแถวหน้าของซื่อจี้หยินเหอ อยู่กับซื่อจี้หยินเหอมานาน ตอนนี้เรื่องทั้งหมดกลายเป็นแบบนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีคนเห็นใจ จนทำให้คิดว่าเจียงเซ่อใช้ชื่อเสียงและข้อได้เปรียบเรื่องอายุที่น้อยกว่ามาข่มเถาเฉิน

ตอนนี้ แน่นอนว่าลัวหยิ่นสามารถเอาสัญญามาเป็นข้ออ้างในการบังคับให้เธออยู่

แม้ทำให้ตัวเธออยู่ได้ แต่ไม่สามารถบังคับใจเธอได้ แม้เถาเฉินล้มเลิกความคิดที่จะออกไป แต่เมื่อเปรียบกับการเสียหน้าแล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติคงดีกว่า

ยอมให้เธอออกไป ถึงขั้นที่คนในบริษัทก็ถูกเธอขนออกไปเกือบครึ่ง

ในสถานการณ์แบบนี้จะทำให้ภาพที่เถาเฉินถูก ‘บีบบังคับ’ ถูกลบล้างไป และทำให้คนในวงการคิดว่าลัวหยิ่นใจกว้าง

เถาเฉินพาคนออกไปจำนวนหนึ่ง แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบกับซื่อจี้หยินเหอมากนัก ความจริงกลุ่มที่อยู่ข้างเธอมีพิรุธตั้งนานแล้ว และลัวหยิ่นก็เตรียมรับมือไว้แล้ว ได้พยายามกันคนเหล่านี้ออก งานสำคัญก็มักจะไม่ให้พวกเขาไปยุ่ง

คนที่เคยสานสัมพันธ์ งานและลูกค้าบางส่วนแม้จะถูกพวกเขาพาออกไปด้วยอย่างห้ามไม่ได้ แต่ซื่อจี้หยินเหอก็สามารถทำให้การสูญเสียน้อยที่สุดได้

หลังจากเรื่องนี้ เถาเฉินต้องชดใช้ค่าผิดสัญญาจำนวนมหาศาล หลายปีมานี้เธอมีรายได้ไม่น้อยเลย แต่การใช้เงินก้อนนี้ซื้อความอิสระ ก็ยังคงทำให้เธอสูญเสียไปไม่น้อย

หลังจากนั้นเธอคิดจะก่อตั้งบริษัท แต่ระหว่างดำเนินงาน จะต้องใช้ต้นทุนมาหมุน ขณะนี้เองก็เป็นเวลาอันเหมาะสมที่ลัวหยิ่นเข้ามาเสนอพอดี

ความจริงแล้ว ไม่ว่าคนนอกจะพูดยังไง แต่ในเรื่องของธุรกิจ ลัวหยิ่นยังคงเป็นนักธุรกิจ ไม่มีการเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่น

เงินก้อนที่เขาควักออกไป เป็น ‘เงิน’ ที่เถาเฉินใช้ซื้อความเป็นอิสระ เข้าไปอยู่ในบริษัทของเถาเฉิน ควบคุมอิทธิพลในการตัดสินใจ ออกคำสั่ง ทำให้ความสัมพันธ์ ‘ลูกจ้างกับเจ้านาย’ ระหว่างเขากับเถาเฉินดำเนินต่อไปในอีกรูปแบบหนึ่ง

“ซื่อจี้หยินเหอลงทุนลงแรงกับการสร้างเถาเฉินไปมาก ลัวหยิ่นมีคนที่มีประสบการณ์ จะทนเสียบ่อเงินบ่อทองไปได้ยังไง”

เซี่ยเชาฉวินเผยรอยยิ้ม ถือว่าเถาเฉินฉลาดมากแล้ว เข้าวงการมานาน เธอรู้จักหาช่องทาง ได้รับโอกาสที่เหมาะสมกับตัวเอง แต่ในเรื่องของธุรกิจ เธอยังเป็นเพียงแค่มือใหม่เท่านั้น จะหนีออกจากน้ำมือของลัวหยิ่นได้ยังไง

เธอคิดไปเองว่าตัวเองเป็นปลาตัวหนึ่ง มีฐานะและชื่อเสียง นับจากนี้ไปจะได้เผชิญกับโลกกว้างไม่ต้องถูกขังอยู่ในบ่อน้ำบ่อนั้นอีกต่อไป แต่กลับไม่รู้เลยว่า การออกจากน้ำบ่อนี้ ก็เป็นเพียงการกระโดดเข้าไปในบ่อน้ำที่ลึกกว่าเดิมก็เท่านั้น

“คุณลัวรู้ดีว่า น้ำไหลลงที่ต่ำ คนปีนขึ้นที่สูง ปีกกล้าขาแข็งแล้วก็อยากบินออกจากกรง” เธอมองโม่อานฉี คำพูดเหล่านี้ล้วนพูดให้โม่อานฉีฟัง

“ยังไม่ต้องพูดถึงนักแสดงที่ต้องพึ่งบริษัทในการสร้างจุดยืน แต่คนอย่างเถาเฉินมีความทะเยอทะยาน มีความสามารถ ถ้าจะบินก็คงจะลำบากเสียหน่อย ในเวลาแบบนี้ถ้าอยากควบคุมพวกเธอ จะเอาแต่กดดันไม่ได้ แต่ต้องเปลี่ยนวิธีที่จะให้เธออยู่ในกำมือ”

การตอบตกลงให้เถาเฉินลงออกไปพร้อมคนกลุ่มนั้น มิตรภาพจบสิ้น ไม่มีอะไรติดค้างกัน ใครบ้างจะไม่ชื่นชมลัวหยิ่น

แต่ความจริงล่ะ เถาเฉินใช้เงินมหาศาลซื้อความอิสระของตัวเอง ก่อตั้งบริษัท แต่ก็ยังคงถูกลัวหยิ่นควบคุมไว้อยู่ดี

เงินทุนนี้เป็นเงินก้อนสุดท้ายที่เธอควักออกมาไถ่ตัวเองออกมา ในบริษัทลัวหยิ่นเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุด ที่มีสิทธิเข้าไปควบคุมแผนการของเธอ