webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

656

บทที่ 656 ข้าวใหม่ปลามัน

สำหรับเจียงเซ่อในตอนเด็ก ตอนนั้นเฝิงจงเหลียงสูงและตัวใหญ่ ให้ความรู้สึกปลอดภัยเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เธอโตแล้วและใส่รองเท้าส้นสูงจึงทำให้สูงกว่าเฝิงจงเหลียงไปแล้ว

คุณปู่ไม่ใช่คุณปู่เมื่อยี่สิบกว่าปีแล้ว ผมของเขาขาวโพลน แม้จะพยายามยืดหลังให้ตรง แต่หลังก็ยังคงโค้งงอเพราะถูกภาระมากมายทับถม

“แค่พริบตาก็โตขนาดนี้แล้ว วนเวียนไปมา สุดท้ายก็กลับมาอยู่ข้างกายปู่อีกครั้ง”

เสียดายที่ตอนหนุ่มนิสัยของเขาไม่ดีมากนัก จึงน้อยมากที่จะคุยกับลูกหลาน แม้จะรักเธอแต่เพราะวางมาดเป็นผู้ใหญ่ไม่ยอมอ่อนข้อ จึงทำให้เกิดช่องว่างระหว่างปู่หลานขึ้น

ถ้าไม่ใช่เพราะการเกิดใหม่ของเจียงเซ่อในครั้งนี้ เฝิงจงเหลียงไม่กล้าคิดเลยว่า ระหว่างเขากับหลานสาวคนนี้ท้ายที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร อาจจะเกรงใจกัน เคารพกันจนถึงสุดท้าย แต่สิ่งที่เหลือจากความผูกพันระหว่างสายเลือดและคือหน้าที่และความห่างเหิน

เขาเดินช้ามาก ภาพความทรงจำที่ดีของเขาที่สองปู่หลานได้ใกล้ชิดกันเกิดขึ้นเต็มหัว เขารับรู้ได้ว่ามือของเจียงเซ่อที่จับของเขาอยู่สั่นเบาๆ เพราะคำพูดของตนเอง เขามองเผยอี้ที่อยู่ไกลออกไป ใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ท่าทางเหมือนอยากจะรีบก้าวเท้ายาวมาแย่งเจียงเซ่อไป

เฝิงจงเหลียงเผยรอยยิ้ม “ปู่ไม่อยากให้หลานแต่งงานเลยจริงๆ เพิ่งจะกลับมาอยู่กับปู่ได้กี่วันเอง”

แต่ว่า การเห็นเธอมีความสุข ก็ทำให้เฝิงจงเหลียงดีใจยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น

เจียงเซ่อพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ปล่อยให้เฝิงจงเหลียงพาเธอเดินไปอยู่ตรงหน้าเผยอี้

เฝิงจงเหลียงจับมือของเธอเอาไว้ ฝ่ามือของเขายังคงอบอุ่นเหมือนดั่งในความทรงจำของเธอความรู้สึกอุ่นใจและมีที่พึ่งยังคงเหมือนตอนนั้น

เผยอี้ยื่นมือออกมารอตั้งนานแล้ว เฝิงจงเหลียงจับมือของเจียงเซ่อเอาไว้ด้วยท่าทางอันเคร่งขรึม แล้ววางลงบนฝ่ามือของเผยอี้

“พ่อหนุ่ม หลานสาวฉัน ยกให้นายแล้วนะ”

เขาพยายามปั้นหน้า ท่าทางเคร่งขรึม ขยับริมฝีปากเล็กน้อย มีคำพูดมากมายที่อยากพูด แต่ท้ายที่สุดกลับหลอมรวมเป็นคำสั้นๆ 

“ดีกับเธอให้มาก”

วินาทีนี้แววตาของเขาแฝงความอ้อนวอนและวางมืออย่างอาลัยอาวรณ์

เขาคิดมาโดยตลอดว่าตอนนั้นที่เขาพาเฝิงหนานออกจากฮ่องกงไปอยู่ตี้ตู ออกจากสถานที่ที่เธอถูกลักพาตัว เขาเป็นคนจับมือของเธอ ดึงเธอออกมาจากอันตราย เขาคิดมาโดยตลอดว่าหลานสาวต้องการตนเองแต่จนถึงวินาทีนี้ เฝิงจงเหลียงจึงรู้ว่า บางทีเขาอาจจะความต้องการความอบอุ่นจากคนในครอบครัวมากกว่าหลานสาวเสียอีก

คนที่ปล่อยมือไม่ลงไม่ใช่เด็ก แต่เป็นผู้ใหญ่ที่ดูเหมือนจะเข้มแข็งอย่างเขา

“ให้เธอได้ทำในสิ่งที่เธออยากทำ” ในขณะที่พูด เขาก็สะอื้นขึ้นมา เม้มปากและแทบจะอ้าปากพูดไม่ไหวแล้ว ดวงตาแดงก่ำ ครู่ใหญ่จึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“ถ้าเสี่ยวหนิงและคนอื่นๆ มีปัญหาอะไร ขอให้นายช่วยดูแทนฉัน ฉันจะคอยดูเธออยู่ห่างๆ ไม่ทำให้นายต้องลำบากใจ” เขาพยายามควบคุมความรู้สึกในใจ ไม่ได้ตนเองแสดงความอ่อนแอออกมาตอนนี้ “ดีกับเธอให้มาก”

เขายังคงพูดคำพูดเดิมที่เพิ่งพูดไปก่อนหน้านี้ แต่ไม่ได้เคร่งขรึม ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอ้อนวอน

น้ำตาของเจียงเซ่อไหลออกมาอย่างรวดเร็ว เผยอี้เห็นแล้วปวดใจเป็นอย่างมาก เธอพยายามกลั้นเสียงสะอื้น เผยอี้จับมือของเธอแน่นและยืนยันกับเฝิงจงเหลียงอย่างจริงจัง

“คุณปู่ ปู่ไว้ใจเถอะครับ ผมจะไม่ทำให้ปู่ผิดหวัง ผมรักเธอ การได้แต่งงานกับเธอคือความโชคดีที่สุดของผม”

ชายแก่และหนุ่มคู่หนึ่งตอนนี้กำลังทำการ ‘รับช่วงต่อ’ เฝิงจงเหลียงปล่อยมืออย่างเสียใจ ส่วนเผยอี้กำลังจับมือของเธอแน่น 

เขามองเจียงเซ่อและเปิดผ้าคลุมหน้าของเธอออก ก้มหน้าลงเช็ดน้ำตาบนใบหน้าให้เธออย่างตั้งอกตั้งใจ ในสายตาของเขาไม่สามารถมองเห็นใครได้อีก เฝิงจงเหลียงเห็นแบบนี้ก็รู้สึกพอใจและซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก

ที่แห่งนี้เหลือไว้ให้คู่รักหนุ่มสาวสองคน คนรอบข้างต่างปรบมือพร้อมคำอวยพร เฝิงจงเหลียงยืนอยู่นานก่อนจะเดินออกไปมาอย่างอาลัยอาวรณ์และท้ายที่สุด เสี่ยวหลิวก็มาพยุงเขาลงบันไดไป

“อย่าร้อง อย่าร้องนะเซ่อเซ่อ”

เขายื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาให้เธอและปลอบใจเบาๆ ก้มหลังลงอย่างระมัดระวัง

ในขณะที่คุณนายเฝิงปรบมือพร้อมกับทุกคน ก็พลันเกิดความรู้สึกสับสนขึ้นในใจ

ตอนเช้าเห็นเผยอี้ไปรับเจียงเซ่ออย่างสนิทสนม จึงคิดว่าเผยอี้ชอบผู้หญิงคนนี้มากจริงๆ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้เพียงแค่ ‘ชอบ’ สายตาและท่าทางหวงแหนแบบนั้น เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นดั่งแก้วตาดวงใจสำหรับเขา

คุณนายเผยเห็นภาพนี้น้ำตาก็ไหล พิธีในงานแต่งยังคงดำเนินต่อไป หลังจากพิธีกรในงานพูดจบก็ถึงเวลาที่บ่าวสาวขึ้นกล่าว

เผยอี้ไม่ทำตามแผน เขาถือแหวนเอาไว้ แล้วคุกเข่าตรงหน้าเจียงเซ่อ

“เซ่อเซ่อ” เขาชูแหวนขึ้นมา ก้มหน้าลง ความรู้สึกในดวงตานั้นลึกซึ้งเป็นอย่างมาก

“ผมพูดอะไรหวานๆ ไม่เป็น แต่ทุกอย่างที่เป็นของเผยอี้ก็คือของพี่นะ”

เขาชี้หน้าอกของตนเอง “นอกจากพี่ ในอนาคตบ้านของเราจะไม่มีอะไรเพิ่มเข้ามาอีก”

“แต่งงานกับผมนะ เซ่อเซ่อ”

สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดมากที่สุดก็คือ ตอนหมั้นที่พูดช้าไป อยากขอเธอแต่งงาน แต่ตอนนั้นมีเพียงความวู่วาม ไม่ได้เตรียมตัว ท้ายที่สุดเธอจึงเป็นฝ่ายขอแต่งงานก่อน กลายเป็นความเสียใจที่อยู่ในใจเขาตลอดมา

เพราะการแต่งงานในครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็ได้พูดความในใจทั้งหมดออกมา

น้ำตาบนขนตาของเธอยังไม่ทันแห้ง ได้ยินคำพูดนี้จากเขา น้ำตาก็ไหลลงมาอีกครั้ง

เจียงเซ่อไม่ได้พูดอะไร ยื่นมือออกไปหยิบแหวนของเขาแล้วสวมบนนิ้วนางของตนเองอย่างระมัดระวัง

สิ่งที่หวังมานาน ตอนนี้ในที่สุดก็สมดังปรารถนาแล้ว ความฝันในวัยเด็กกลายเป็นจริง ร่างกายของเขาเหมือนจะสั่นอย่างห้ามไม่อยู่

ในขณะที่เธอกำลังร้องไห้ ความจริงดวงตาของเขาก็ร้อนผ่าว เขาถึงกับจูบดวงตา  จูบแก้มและท้ายที่สุดก็จูบที่ริมฝีปากของเธออย่างจริงใจ พยุงใบหน้าของเธอเอาไว้ เก็บความรู้สึกเกี่ยวกับเธอที่เป็นของเขาเอาไว้ในโลกของคนทั้งสอง

ทั้งสองเซ็นใบทะเบียนสมรส ในที่สุดก็จดทะเบียนเป็นสามีภรรยากันตามกฎหมาย

ลำดับต่อไป เป็นการยกเหล้าให้ผู้ใหญ่ ใบหน้าของคุณปู่เผยเต็มไปด้วยความสุข คุณย่าเผยก็ดึงมือของเจียงเซ่อเข้ามาและให้ของขวัญเพื่อเป็นการรับขวัญ

ทั้งสองคบกันมานานหลายปี ตระกูลเผยและเจียงเซ่อก็สนิทกันมาก ทางผู้ใหญ่ในบ้านตระกูลเผยก็เอ็นดูเธอ

ตอนที่ยกเหล้าให้เฝิงจงเหลียง เฝิงชินหลุนนั่งอยู่ข้างเฝิงจงเหลียงอย่างกระวนกระวาย เจียงเซ่อและเผยอี้เปลี่ยนชุดใหม่ เฝิงจงเหลียงนั่งตัวตรงดื่มเหล้าของหลานสาวและหลานเขย เขาเก็บความรู้สึกเอาไว้ ให้พรเพียงไม่กี่ประโยคก็ไม่พูดอะไรอีกเลย

สิ่งที่ควรพูดกับเผยอี้ก่อนหน้านี้ก็ได้พูดไปหมดแล้ว เฝิงจงเหลียงดื่มเหล้าเสร็จ สายตาของเผยอี้ก็หยุดอยู่ที่เฝิงชินหลุนและภรรยาจนทั้งสองทำอะไรไม่ถูก ทั้งหวาดระแวงเพราะได้รับความสำคัญอย่างกะทันหัน ทั้งรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก

เขาทำเหมือนจะยกเหล้าให้ญาติผู้ใหญ่ เฝิงชินหลุนรู้สึกกังวล แอบมองเฝิงจงเหลียงแวบหนึ่ง เฝิงจงเหลียงจึงพูดว่า

“เขายกเหล้าให้พวกเธอก็ดื่มสิ ลังเลทำไม”

คุณท่านพูดขนาดนี้แล้ว เฝิงชินหลุนกลัวเขาจนติดเป็นนิสัย ทันทีที่เขาสั่งก็รีบทำตามที่เขาพูด

จนกระทั่งดื่มเหล้าแก้วนี้ลงไป เฝิงชินหลุนจึงมองคนตระกูลเผยอย่างอึดอัด เขาและคุณนายเฝิงก็ไม่ได้คุ้นเคยกับตระกูลเผยมากนัก แม้ว่าเฝิงจงเหลียงและคุณปู่เผยจะเป็นรุ่นเดียวกัน เขาและคุณนายเฝิงก็ยังถืออยู่ในฐานะ ‘ผู้ใหญ่’ แต่การจะดื่มเหล้าแก้วนี้ยังเป็นสิ่งที่ทำให้อึดอัดใจไม่น้อย

จากนั้นเจียงเซ่อก็ไปทำความเคารพคนในตระกูลตู้ ไม่ว่าเธอจะสนิทกับคนในตระกูลตู้หรือไม่ แต่ตอนนี้เธอคือเจียงเซ่อ ในขณะที่ได้ร่างกายของเธอ แน่นอนว่าจะต้องรับภาระหน้าที่ของเธอด้วยเช่นกัน

งานแต่งจัดจนถึงช่วงกลางคืน ตอนที่เจียงเซ่อกลับถึงบ้านก็เหนื่อยจนยกขาไม่ขึ้นแล้ว

ตอนแรกเธอเตรียมจะอยู่ที่บ้านตระกูลเผยสักระยะ แล้วค่อยย้ายออกมา คุณนายเผยชื่นชมความตั้งใจของเธอ แต่ก็รู้ว่าช่วงแต่งงานใหม่เป็นช่วงที่สามีภรรยากำลังหวานแหวว เพราะงานของเผยอี้ ทำให้หลังจากแต่งงานทั้งสองยังต้องแยกกันช่วงหนึ่ง รวมทั้งฐานะที่มีความพิเศษของเขา การฮันนีมูนหลังจากแต่งงานก็ไม่สามารถออกนอกประเทศได้เหมือนคนธรรมดา เพราะฉะนั้นคุณย่าเผยจึงจะให้เวลาพวกเขาได้อยู่ด้วยกัน ให้พวกเขาย้ายเข้าเรือนหอทันทีตั้งแต่หลังแต่งงาน

บนเตียงยังเต็มไปด้วยกลีบดอกกุหลาบ ก่อนหน้านี้ ในบ้านถูกฉีดให้มีกลิ่นหอม กลิ่นนั้นจึงยังหลงเหลืออยู่บ้างชวนให้หลงใหลมาก

ทันทีที่เจียงเซ่อนั่งลงบนเตียงก็พลันถอนหายใจ เธอเพิ่งจะรู้สึกเหมือนมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง

แม้จะบอกว่า ก่อนหน้านี้ตอนที่ไปโปรโมทหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่อเมริกายุ่งมาก แต่ความกดดันทางจิตใจสู้ตอนนี้ไม่ได้เลย

หลายเดือนก่อนงานแต่งเธอก็เตรียมตัวมาโดยตลอด ครึ่งเดือนมานี้เพราะเวลาที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จึงยุ่งมากและเมื่อคืนก็นอนไม่หลับ ในงานแต่งวันนี้ก็มีหลากหลายความรู้สึกเกิดขึ้น แต่ก็อดทนจนจบพิธี จนตอนกลับไปถึงบ้านเผยอี้เป็นคนอุ้มเธอขึ้นห้อง

เผยอี้จับขาของเธอและนั่งลงข้างตัวเธอ ทุกส่วนในร่างกายของเธอถูกดูแลให้งดงาม ในทุกๆ ปีจะต้องเสียเงินมากมายเพื่อบำรุงรักษาและเพิ่งจะเห็นผลลัพธ์ตอนนี้

ขาทั้งคู่เรียวยาวได้รูป เล็บงามดั่งหยกกำลังส่องแสงระยิบระยับจางๆ ท่ามกลางแสงไฟ

แต่ตอนนี้เผยอี้ไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจสิ่งเหล่านี้ หลังเท้าและนิ้วเท้าของเธอถูกรองเท้ากัด โชคดีที่เธอเตรียมความพร้อมมาก่อน จึงได้จัดการระหว่างงาน เอาเข็มกับด้ายเสียบทะลุตุ่มน้ำใส ให้ด้ายค้างเอาไว้แล้วมัดขอด น้ำข้างในจึงไหลออกมา ตอนนี้ก็ดูดีขึ้นมากแล้ว

เขาโล่งอกและนวดขาเล็กๆ ของเธอ เธอหรี่ตาอย่างผ่อนคลายและนอนลงบนผ้าห่มทับกลีบดอกกุหลาบเอาไว้

“เซ่อเซ่อ หิวไหม”

เขาพลางนวดขาพลางถามเธอ ตอนกลับมาถึงเขาดูตู้เย็นในบ้านแล้ว แม่บ้านให้เตรียมอาหารเอาไว้ในตู้เย็นก่อนกลับ เพื่อสะดวกต่อการให้พวกเขาเอาออกมาอุ่นตอนหิว

เจียงเซ่อส่ายหน้าทั้งน้ำตา ความจริงวันนี้เธอไม่ได้กินอะไรเลย ระหว่างนั้นโม่อานฉีกลัวเธอไม่ไหวจึงเอาช็อกโกแลตมาให้เธอชิ้นหนึ่ง ตามหลักแล้วเธอควรจะหิว แต่ตอนนี้อาจจะทั้งหิวและเหนื่อยเกินไป เธอกินไม่ลงจริงๆ

“ฉันกินไม่ลง”

เธอยื่นมือออกไปจัดกลีบดอกกุหลาบที่อยู่ข้างๆ ใบหน้า น่องที่ปวดเกร็งเริ่มรู้สึกผ่อนคลายเพราะแรงนวดที่ได้ที่ของเผยอี้ เขามองหญิงงามที่นอนอยู่บนเตียงครึ่งตัว ปล่อยตัวตรงหน้าตนเอง ยืดเอวอย่างผ่อนคลาย

เธอนอนทับอยู่บนกลีบดอกไม้ที่ซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ กลีบดอกที่แดงดั่งเปลวเพลิงทำให้ผิวของเธอดูขาวดั่งเนื้อหยก ดอกไม้ดอกงามที่เขาเฝ้ารอคอยมานาน ตอนนี้ตอนอยู่ตรงหน้าเขา ทำให้เด็ดดมได้ดั่งใจ

“ถ้าอย่างนั้นดึกๆ ค่อยกิน”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ จับขาของเธอเอาไว้ ก้มลงจูบหัวเข่าของเธอ เธอเหมือนตกใจ ในขณะที่กำลังจะลุกขึ้น เผยอี้กลับทับขาของเธอเอาไว้และโน้มตัวเข้ามา

กลีบดอกไม้เหล่านั้นพลันกระจายตัวขึ้นเพราะการเคลื่อนไหวของทั้งสอง ร่างอันนุ่มนวลของเธออยู่ในอ้อมกอดของเขา เหมือนได้ครอบครองสิ่งที่ฝันมาทั้งชีวิต เมื่อมาอยู่ในมือแล้วก็ไม่ยอมปล่อยอีกต่อไป

“ไม่ต้องกลัวนะ เซ่อเซ่อ”

เขาพูดปลอบเบาๆ พยายามควบคุมตนเองให้เบามือ

ตั้งแต่เขายังเด็กก็รักเธอดั่งเมล็ดพันธ์เม็ดหนึ่งที่ปลูกลงไป ดูแลรักษาให้เจริญเติบโตอย่างระมัดระวัง เฝ้ามองดูมันผลิตออกผล จนถึงวันนี้ผลลัพธ์ได้สุกงอมเต็มที่ให้เขาได้เด็ดดมแล้ว

ความรู้สึกหอมหวานแบบนั้น ยากที่จะสรรหาคำพูดใดมาเปรียบเทียบได้

เขาไม่ได้นอนทั้งคืน เอาแต่มองเธอแล้วก็รู้สึกว่าเธอช่างสวยงามไปทุกสัดส่วน หลายครั้งที่ลูบหน้าเธออย่างควบคุมไม่ได้ กระทั่งบางครั้งเธอขมวดคิ้วอย่างแง่งอนเขาก็ยังหัวเราะออกมาเหมือนคนโง่

….

เจียงเซ่อขดตัวลงไปนอนอยู่ในอ้อมอกของเขา ใบหน้าแนบอกของเขา แสงอาทิตย์สาดส่องแสงสว่างผ่านหน้าต่างเข้ามา เขายกมือขึ้นพยายามบัง เพื่อไม่ได้แสงอาทิตย์ส่องหน้าเธอ

ทันทีที่เผยอี้ขยับตัว เธอก็ตื่นอย่างมึนงง

“กี่โมงแล้ว”

เธอถามทั้งที่ยังงัวเงียและหลับตา ใต้ตามีวงดำสองดวง ตอนพูดลมหายใจกระทบหน้าอกของเขาเบาๆ ทำให้รู้สึกจักจี้ ความละมุนละไมแบบนี้ เขาหวงแหนมันมาก

เขาหันไปดูเวลา เก้าโมงแล้ว ด้วยนิสัยของเธอ ปกติแม้จะนอนดึกมาเพียงใด นาฬิกาในร่างกายมักจะทำให้เธอตื่นเช้ามาก

เมื่อคืนคงจะหลับยาวไปหน่อย เขาวางโทรศัพท์ลง เธอยื่นมือไปเปิดผ้าห่ม ท่ามกลางแสงอาทิตย์ แขนของเธองดงามราวกับปั้นขึ้น ผิวละเอียดเปล่งประกาย เหมือนเส้นใยสำเร็จรูป

เขาจับแขนของเธอเอาไว้ วงแขนนั่นเล็กมาก ผิวอันขาวละเอียดเหมือนเปลือกไข่ที่ถูกแกะออก เส้นเลือดสีเขียวก็ชัดเจน เขาเหมือนถูกดึงดูดให้ดึงร่างนั้นเข้ามาจูบเบาๆ

ภายใต้ริมฝีปาก ชีพจรกำลังเต้นอยู่ เขาจูบแล้วจูบอีก แม้กระทั่งฝ่ามือ ปลายนิ้วของเธอเขาก็ไม่ปล่อยเอาไว้

“กี่โมงแล้ว” อาจจะเพราะจั๊กจี้ ทำให้เธอกำหมัดและมุดหน้าเข้าผ้าห่มอีกครั้ง พยายามเก็บแขนเข้าไป เผยอี้กลับจับไม่ปล่อย เธอถามอีกครั้ง เขาจึงตอบว่า

“เก้าโมงแล้ว”

เมื่อคืนเพราะคุณหญิงเผยเป็นห่วง จึงให้พวกเขาไม่ต้องรีบกลับบ้านตระกูลเผยตั้งแต่เช้า ให้สองสามีภรรยาได้นอนให้เต็มที่ แต่สั่งไว้ว่าให้กลับไปทานมื้อค่ำที่บ้าน

หลังจากวุ่นมานานในที่สุดก็ได้พัก เจียงเซ่อรู้สึกว่ากล้ามเนื้อแทบจะอ่อนตัวลงเพราะความผ่อนคลาย เผยอี้ถามเธอว่า

“เซ่อเซ่อ หิวไหม”

ตอนเขาไม่พูดยังพอไหว แต่พอพูดขึ้นมาจึงทำให้เธอก็รู้สึกหิวขึ้นมา จึงพยักหน้า เผยอี้เปิดผ้าห่มและลุกจากเตียง เสื้อผ้าที่ทั้งสองใส่เมื่อวานกองเต็มพื้น ไม่สามารถใส่ซ้ำได้แล้ว เขาจึงลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้า

หลังจากเรียนจบ แม้เขาจะงานยุ่ง แต่ก็เรียนศิลปะการต่อสู้อยู่ตลอด รูปร่างดีมาก เขาใส่กางเกงยีน เผยให้เห็นซิกแพคที่ชัดเจน ด้านบนเป็นหน้าอกที่แข็งแรง ความใกล้ชิดและความเป็นธรรมชาติแบบนี้ ทำให้เจียงเซ่อหน้าแดง

จนถึงตอนนี้ เธอเพิ่งจะรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเผยอี้เปลี่ยนไป สนิทสนมกันมากกว่าเดิม

เขาหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวมาใส่ ขณะที่ค่อยๆ ติดกระดุมก็ถามเธอขึ้นมา

“เมียจ๋า อยากกินอะไร”