บทที่ 653 ความตั้งใจ
หลายปีที่ผ่านมานี้ฮั่วจือหมิงไม่ได้รับการสนับสนุนมากนัก ผลงานก็ไม่โดดเด่น แต่ในเรื่อง ‘Suspect’ เถาเฉินเป็นนางเอกและนักแสดงสมทบคือเจียงเซ่อ เพราะฉะนั้นแม้ว่าหนังยังไม่ทันได้เข้าฉาย แต่ก็มีคนเริ่มรอคอยแล้ว
ยุคที่เป็นของเจียงเซ่อได้เริ่มขึ้นแล้ว แม้นักข่าวจะไม่ได้บอกว่าเธอได้เข้ามาแทนที่ ‘นักแสดงหญิงอันดับหนึ่งของหัวเซี่ย’ อย่างเถาเฉิน แต่ตอนนี้เรื่องที่กระแสของเธอดีกว่าเถาเฉินเป็นความจริงที่ไม่สามารถโต้แย้งได้
ข้อมูลสถิติรายได้ของเธอและเถาเฉิน เพียงแค่รายได้รวมของหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จากทั่วโลกก็ชนะขาดลอยแล้ว
ในสถานการณ์แบบนี้ หนังเรื่อง ‘Suspect’ มีความขัดแย้งของนักแสดงหญิงทั้งสองและการปะทะกันในเรื่องจึงถือว่าดึงดูดแฟนหนังได้เป็นอย่างดี
“พี่เซี่ยบอกว่า ปีนี้แหล่งเงินทุนหลายแห่งชื่นชอบเธอมากทีเดียวนะ”
อิทธิพลของเจียงเซ่อไม่ใช่เพียงแค่แสดงให้เห็นในด้านความสามารถในการสร้างรายได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถเห็นได้จากโฆษณาและแบรนด์แอมบาสเดอร์
เพราะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในประเทศให้กับนาฬิกาข้อมือ Federer ในขณะเดียวกันก็ทำให้แบรนด์นี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เพราะเจียงเซ่อกำลังจะเป็นสะใภ้ของตระกูลเผย ทำให้ยอดขายของแบรนด์นาฬิกาข้อมือ Federer ในประเทศสูงกว่าปีที่ผ่านๆ มาอยู่มากและไม่น้อยไปกว่าในยุโรปและอเมริกาที่ยอดขายสูงมากอยู่แล้วเลย
หลังจากหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ได้รับรางวัลใหญ่ รวมทั้งศักยภาพและเอกลักษณ์ในการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเจียงเซ่อ ดังนั้นหลังจากเซี่ยเชาฉวินเจรจากับฝ่ายผู้บริหารระดับสูงของ Federer แล้ว ทางแบรนด์ก็มีความคิดที่จะให้เจียงเซ่อเซ็นสัญญาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Federer ในทั่วโลก!
ถ้าเซ็นสัญญานี้สำเร็จ จะต้องเป็นผลดีกับเจียงเซ่ออย่างไม่ต้องสงสัย ตั้งแต่แบรนด์ Federer ก่อตั้งมาเธอจะเป็นนักแสดงหัวเซี่ยคนแรกที่ได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ทั่วโลกของแบรนด์นี้ ฐานะในวงการแฟชั่นของเธอก็จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์หรูอีกหลายแบรนด์ที่อยากร่วมงานกับเธอ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงในชื่อเสียงและฐานะในอีกระดับหนึ่ง
หลายเดือนมานี้สาเหตุที่เซี่ยเชาฉวินไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็เพราะเรื่องนี้
“พี่เซี่ยบอกว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่การเจรจาประสบความสำเร็จ จากหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ได้เปิดโอกาสในต่างประเทศให้กับเธอแล้ว”
รวมทั้งการประกาศแต่งงาน ทำให้ชื่อเสียงในต่างประเทศของเธอไม่น้อยไปกว่าดาราฮอลลีวู้ดอย่างลาร่าที่เคยมีข่าวบาดหมางกับเธอตอนถ่ายหนัง ในขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้สร้างหนังต่างประเทศจำนวนมากเห็นความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัดในตัวของเจียงเซ่อ
การจัดอันดับร้อยนักแสดงหญิงที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกที่ประกาศออกมาในเดือนกรกฎาคมปีนี้ก็มีชื่อของเจียงเซ่อเช่นกัน ถึงขั้นที่เบียดมาอยู่ในอันดับที่ยี่สิบหกเพราะงานหนังและการแต่งงานของเธอ ซึ่งอยู่ใต้ดอกกุหลาบแห่งอังกฤษอย่างแคทริน่าเพียงแค่หนึ่งอันดับเท่านั้น
ถ้าเจียงเซ่อพยายามต่อไป หากผลงานหลังจากนี้มีความโดดเด่นและระมัดระวังในการรับหนังมากขึ้น ความชื่นชมจากประชาชนต้องไม่น้อยลงแน่และในฐานะที่เธอเป็นสะใภ้ของตระกูลเผยซึ่งถือเป็นหนึ่งใน ‘ผู้แทนด้านภาพลักษณ์’ ของตระกูลเผย การจัดลำดับแบบนี้มีแต่จะขึ้นไม่มีลง เพราะฉะนั้นสัญญาโฆษณาในครั้งนี้เปอร์เซ็นต์สำเร็จจึงมีสูงมาก
“จริงสิ บ้านเธอตกแต่งเสร็จหรือยังล่ะ”
หลังจากคุยเรื่องงานเสร็จ อยู่ๆ โม่อานฉีก็เปลี่ยนประเด็น พูดถึงเรือนหอของเจียงเซ่อและเผยอี้ขึ้นมา
เฝิงจงเหลียงตั้งใจกับการตกแต่งภายในบ้านของเจียงเซ่อเป็นอย่างมาก ในช่วงแรกได้คุยกับดีไซเนอร์ด้วยตัวเองและหลังจากปรึกษาคุณนายเผย เจียงเซ่อและเผยอี้จึงได้ตัดสินใจ
บ้านหลังนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก เพราะยังไงก็อยู่กันเพียงแค่สองสามีภรรยา แต่สิ่งที่พิเศษคือ ดีไซน์ของสวนที่อยู่บริเวณรอบบ้าน
เจียงเซ่อเป็นนักแสดง รวมทั้งฐานะที่มีความพิเศษของเผยอี้ เพื่อกันไม่ให้คนที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องของพวกเขาเข้าไปแอบถ่ายหรือถ้ำมอง ทำให้ชีวิตของทั้งสองถูกรบกวน เพราะฉะนั้นตอนซื้อบ้าน เผยอี้จึงได้ซื้อที่ดินทั้งหมดที่อาจจะมองเห็นบ้านหลังนี้ได้ทั้งหมดแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกรบกวน
หลังจากผ่านการตกแต่ง พื้นที่นี้ดูร่มรื่นและดูดีมาก
เพราะเป็นผู้ช่วยของเจียงเซ่อ ระหว่างนั้นโม่อานฉีก็ไปมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเห็นเค้าโครงของสวนบ้างแล้ว ได้ข่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในนั้น เฝิงจงเหลียงเป็นผู้นำในการวางแผนด้วยตัวเอง ต้นไม้ใบหญ้าหลายชนิดในนั้นเขาก็ขนย้ายมาจากบ้านตระกูลเฝิงและตั้งใจลงมือปลูกด้วยตัวเอง
“ใกล้แล้วล่ะ เมื่อเดือนที่แล้วคุณปู่ของฉันบินไปจองเฟอร์นิเจอร์ที่อิตาลีด้วยตัวเอง”
โม่อานฉีเทน้ำร้อนแล้วยื่นเข้ามา เจียงเซ่อจึงรับมาดื่มสองคำ
“หลังจากย้ายเข้าไปแล้ว เชิญพวกเธอไปเที่ยวสักครั้งนะ”
โม่อานฉีพยักหน้าและพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ความจริงฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณท่านเฝิงจะใส่ใจเรื่องของเธอขนาดนี้”
อายุเจ็ดสิบแล้วแต่ยังไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไปกลับบ้านใหม่ที่กำลังตกแต่งของเจียงเซ่อและเผยอี้ทุกวันอย่างไม่รู้เบื่อ
ไม่เพียงแค่เสียเงิน แต่ยังเสียทั้งแรง
เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดในบ้านก็ต้องดีที่สุด ทุกคนห้ามยังไงก็ไม่ฟัง เดินทางไปจองเฟอร์นิเจอร์ถึงต่างประเทศ หลังจากโม่อานฉีถอนหายใจก็พูดโดยไม่คิดอะไรว่า
“ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าเธอไม่ได้แซ่เฝิงและไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลเฝิงล่ะก็ จากความกระตือรือร้นที่คุณท่านเฝิงมีให้กับเรื่องของเธอ ฉันก็คงจะคิดว่าเธอเป็นลูกนอกกฎหมายที่ตระกูลเฝิงแอบเอาไว้ และเป็นลูกแท้ๆ ของคุณท่าน”
“อย่าพูดจามั่วซั่ว!”
เจียงเซ่อขมวดคิ้วและต่อว่าเธอ โม่อานฉีรู้ตัวทันทีว่าตัวเองพูดผิด หลังจากขอโทษก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก
ความจริงเรื่องนี้ก็เป็นปมในใจของเจียงเซ่อ
จนกระทั่งเธอเสร็จจากคลาสออกกำลังกาย ตอนที่เผยอี้ขับรถมารับเธอ เธอยังรู้สึกทุกข์ใจอยู่ไม่น้อย
“เป็นอะไรไปเหรอ”
ตอนที่ขึ้นมาบนรถ ท่าทางการคาดเข็มขัดนิรภัยของเจียงเซ่อดูไร้เรี่ยวแรง คาดอยู่หลายครั้งแต่ก็คาดไม่ลงล็อกเสียที เผยอี้จึงโน้มตัวเข้ามาคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอและยกมือของเธอขึ้นมาจูบเบาๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะวางบนตักของตัวเอง ในขณะที่ขับรถก็พลางมองหน้าเธอเป็นระยะๆ
“เหนื่อยเกินไปหรือเปล่าครับ”
ช่วงนี้ตารางเวลาของเจียงเซ่อแน่นมาก แม้ว่าเธอจะไม่พูด แต่คุณนายเผยก็สงสารเธอไม่น้อย แอบคุยกับเผยอี้หลายครั้งแล้ว “แม่ผมบอกว่าช่วงนี้ตารางงานของพี่เธอแน่นมากนะ ลดลงหน่อย”
“เปล่าหรอก”
เธอส่ายหัว สัมผัสได้ว่ามือของเผยอี้ทับบนมือเธอ ตอนที่เขาหันมองตัวเธอ สายตาคู่นั้นช่างหนักแน่น ในดวงตามีเพียงแค่เงาของตัวเองเท่านั้น ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจ จึงพูดออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่า
“ฉันคิดถึงคุณปู่ขึ้นมาน่ะ”
ตรุษจีนปีนี้ คืนที่พูดถึงการตกแต่งเรือนหอ เธอได้คุยเรื่องพิธีแต่งงานกับเฝิงจงเหลียงแล้ว ตอนนั้นเฝิงจงเหลียงเคยบอกว่าจะอยู่ในงานแต่งด้วยฐานะอะไรไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเจียงเซ่อมีความสุขหรือไม่
แต่หลังจากนั้น พอเห็นความกระตือรือร้นในการตกแต่งเรือนหอ เจียงเซ่อก็แอบรู้สึกว่าคุณปู่เฝิงจงเหลียงไม่ได้ไม่ใส่ใจอย่างที่เขาแสดงออกมาสักนิด
“ท่านอายุมากแล้ว”
ผมขาวมากกว่าครึ่งหัวแล้ว หลังก็งองุ้มค่อมมากขึ้นทุกวัน ไม่ได้เดินเหินคล่องแคล่วเหมือนหลายปีที่ผ่านมา เขามีลูกหลานไม่น้อยเลยแต่คนที่โตมากับเขามีเพียงแค่ตัวเธอองคนเดียว
ตอนนี้ตัวเธอองจะแต่งงาน สำหรับเฝิงจงเหลียงแล้วเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่เพราะการเกิดใหม่ เขากลับทำได้เพียงแค่เฝ้ามองงานแต่งงานในครั้งนี้ในฐานะคนนอก ไม่สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะเสียใจมากเพียงใด แต่เขากลับกลัวเจียงเซ่อเสียใจมากกว่า จึงไม่กล้าแสดงความรู้สึกออกมา
แต่เขาไม่รู้ว่า ยิ่งเขาทำแบบนี้ยิ่งทำให้เจียงเซ่อทุกข์ใจ
แม้กระทั่งโม่อานฉียังมองดูเรื่องนี้ออก แน่นอนว่าเจียงเซ่อจะต้องเข้าใจอยู่แล้ว พอคิดถึงความลำบากของคุณปู่ เธอก็รู้สึกปวดใจ ถึงขั้นที่งานแต่งงานกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว แต่ก็ยังยากที่จะมีความสุขและดีใจอย่างหมดห่วงได้
เธอก้มหน้า ผมยาวสีดำเกือบถึงบ่าไหลร่วงลงมาบดบังแก้มของเธอเอาไว้ เธอยกมือขึ้นเอาผมทัดหู เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามครึ่งหนึ่ง ขนตาอันยาวงอนเปียกปอน น้ำตาหยดหนึ่งอยู่ในขอบร่องตาของเธอ จะไหลแต่ก็ไม่ไหลทำท่าจะไหลลงมา
“เรื่องนี้เองเหรอ” เผยอี้ถอนหายใจ ยื่นมือไปแตะขอบใต้ตาเธอ น้ำตาหยดนั้นหยดลงบนปลายนิ้วของเขา เขาลูบหลายที “เรื่องแค่นี้เองร้องไห้ทำไมล่ะครับเล่า”
เจียงเซ่อเงยหน้าขึ้นสายตาเหมือนไม่เข้าใจ เธอไม่รู้ว่าท่าทางแบบนี้ของเธอทำให้เขาหลงใหลมากเพียงใด เธอเหมือนยาพิษเข็มหนึ่งที่ฉีดเข้าตัวเขา สามารถควบคุมความรู้สึกของเขาได้ สามารถทำให้สติของเขาล่องลอยไปแสนไกลได้ แม้จะต้องพบเจอกับความยากลำบากก็ยังคงทำให้เขาชุ่มฉ่ำหัวใจ
เขาเกี่ยวนิ้วมือของเธอขึ้นมา มองนิ้วอันเรียวยาวของเธอที่อยู่ระหว่างนิ้วของตัวเอง แม้จะไม่ได้ใส่แหวนแต่งงานของกันและกันแต่ก็เห็นความผูกพันที่จะอยู่ด้วยกันไปจนชั่วชีวิต
เผยอี้ยิ่งมองก็ยิ่งชอบ ประสานมือของเธอไว้ในมือของตัวเองและกำมือนุ่มเอาไว้แน่น
“ผมบอกปู่แล้วว่าในงานแต่งให้คุณปู่เฝิงเป็นคนส่งตัวเธอพี่”
เขากะพริบตา พร้อมจับมือเธอขึ้นมาจูบ
“คุณปู่อนุญาตแล้ว พิธียกน้ำชาก็เหมือนกัน ถ้าพี่คุณรู้สึกว่ายังไม่มากพอ เซ่อเซ่อ หลังจากเสร็จงานแล้วก็ไปที่บ้านพี่คุณแล้วยกน้ำชาอีกรอบสองรอบ” เขาประสานนิ้วที่เรียวยาวดุจต้นหอม ราวกับกำลังดื่มด่ำกับรสชาติล่องหนที่เยี่ยมยอดหาใดเปรียบ
“เพียงแค่พี่คุณไม่ร้องไห้ ไม่ว่ากี่ครั้งก็ไม่เป็นไร”
เจียงเซ่ออึ้งไปครู่หนึ่ง พอได้สติก็ได้ยินคำพูดของเขา น้ำตานองเต็มดวงตาอีกครั้งและไหลทะลักออกมาอีกครั้งอย่างไม่รู้หยุด
“อาอี้....”
เธอไม่อยากจะเชื่อ พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ทว่าแต่น้ำตากลับยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาจอดรถข้างทาง ยื่นมือข้างหนึ่งมาเช็ดแต่ยิ่งเช็ดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งไหลออกมามากเท่านั้น เผยอี้ถอนหายใจพร้อมพยุงใบหน้าของเธอเอาไว้
“อ้าว ทำไมร้องให้หนักกว่าเดิมล่ะครับ”
“จริงเหรอ?”
เธอจับมือของเขาแล้วถาม เมื่อก่อนในเวลาแบบนี้เขาอาจจะแอบแกล้งเธอ แต่ตอนนี้คงไม่มีอารมณ์มาอ้อมค้อมอีก
“จริงสิ”
เขาไม่ได้พูดถึงว่าเบื้องหลังต้องแลทำกมากับอะไรไปบ้าง แต่พูดเพียงว่า
“เรื่องแบบนี้ผมจะเอามาพูดเล่นกันพี่คุณได้ยังไง”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ เธอก็ยื่นมือไปคล้องคอของเขาไว้ด้วยความดีใจและจุมพิตที่ริมฝีูบปากเขา แต่ก็ยังคงกังวล
“แต่ว่า น้าหนิงและคุณย่าเผยจะ...”
เฝิงจงเหลียงแสดงความกระตือรือร้นต่องานแต่งของเจียงเซ่อ คนในตระกูลเผยคงจะเห็นถึงความผิดปกติแล้ว
เผยอี้รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่จึงส่ายหน้า
“ไม่ต้องห่วง คุณปู่จะจัดการเอง”
ริมฝีปากของเธอนุ่มนวล จูบเพียงผิวเผินนอกจากจะให้ความอ่อนโยนที่ยากจะลืมแล้ว ยังมีกลิ่นจางๆ ของลิปมันและความเปียกปอนของน้ำตาด้วย กลายเป็นเอกลักษณ์ที่น่าเย้ายวนของเธอ ทำให้เขารู้สึกนั้นโหยหามันขึ้นมาอีก
แน่นอนว่าเขาไม่ยอมให้จูบนี้เป็นเพียงจูบแบบผิวเผิน แต่รอยยิ้มของเธอสำคัญกว่าจูบนี้อยู่มากนัก
น้ำตาลนั้นรสเค็มและแฝงไปด้วยความเศร้าโศก
“อย่าร้อง” มือของเขามีตุไตแข็งๆ้มตาปลา ตอนที่เช็ดน้ำตาให้เธอ ก็พยายามเบาที่สุด กลัวว่าเธอจะรู้สึกไม่สบาย
ต้องแคร์ความรู้สึกของใครคนหนึ่งมากถึงขั้นมากที่สุด จึงจะเห็นเรื่องเล็กน้อยพวกนี้เป็นเรื่องใหญ่ ใส่ใจในทุกรายละเอียดและคอยปกป้องเธอ
“อืม” เธอพยักหน้าและเชื่อคำพูดของเขา “ เราไปบ้านตระกูลเฝิงไปบอกเรื่องนี้กับคุณปู่ดีไหม”
เธออยากบอกเรื่องนี้กับเฝิงจงเหลียงจนแทบจะรอไม่ไหวแล้ว อยากให้เขารู้ไวๆ และมีความสุขมากขึ้นไวๆ
เผยอี้ลูบใบหน้าใบของเธอ
“เช็ดน้ำตาก่อน แล้วเราไปกัน”
เธอดึงกระดาษทิชชู่ออกมา แล้วซับตาอย่างระมัดระวังก่อนจะจัดทรงผมและหันมายิ้มให้เผยอี้
เขาหลงจนโงหัวไม่ขึ้นรอยยิ้มนั้นทำให้เขาหลงใหลจนมึนงงไปหมด ทำให้เขาคิดถึงเรื่องที่คุณปู่ท่านเผยเรียกไปคุยตอนคืนวันตรุษจีน หลังจากเฝิงจงเหลียงและเจียงเซ่อกลับไปขึ้นมา
ตอนนั้นหลังจากปิดประตู คุณปู่ท่านเผยก็พูดว่า
“อาอี้ ในพูดมาสิ ว่าหลานกับจงเหลียงมีเรื่องอะไรปิดบังปู่อยู่?”
เขาเลี้ยงหลานชายมากับมือ นิสัยเป็นยังไงเขารู้ดีที่สุด
แม้เผยอี้จะไม่กลัวฟ้ากลัวดินมากเพียงใด แต่เขาก็รู้ว่าอะไรควรมิควร คืนนั้นเขาเสนอให้เฝิงจง เหลียงตกแต่งเรือนหอของทั้งสอง ถือว่ามากเกินไป
แต่ปฏิกิริยาหลังจากนั้นของเฝิงจงเหลียงกลับทำให้คุณปู่ท่านเผยฝิงแปลกใจ เขาไม่ปฏิเสธ แต่กลับรับไว้เอาอย่างมีความสุข คุณปู่ท่านเผยสังเกตเห็นความสับสนในตอนนั้นของเจียงเซ่อและความดีใจของเฝิงจงเหลียง ได้ราวกับเรื่องอันใหญ่โตที่หวังเอาไว้ได้ประสบความสำเร็จ
คืนที่คุยกัน คุณปู่อนุญาตให้เฝิงจงเหลียงเป็นคนจูงมือเจียงเซ่อและส่งะยกเธอให้กับตระกูลเผย สำหรับเรื่องการอธิบายและเกลี้ยกล่อมคุณย่าหญิงเผยเขาจะเป็นคนจัดการเอง
หลังจากเฝิงจงเหลียงรู้เรื่อง แน่นอนว่าต้องดีใจ แม้เขาจะบอกว่าไม่ใส่ใจ แต่ความจริงหลานสาวที่สนิทใกล้ชิดกันมากที่สุดกำลังจะแต่งงาน ตัวเองได้เพียงแค่เฝ้าดูในฐานะคนนอก จะไม่ใส่ใจได้ยังไง เขาเพียงแค่พูดเพราะต้องการปลอบใจเจียงเซ่อเท่านั้น
เพราะเผยอี้รับปากเรื่องนี้ งานที่ต้องเตรียมก่อนงานแต่ง ไม่ว่าจะเหนื่อยยากมากเพียงใด เจียงเซ่อก็เต็มใจ เวลาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ บนอินเทอร์เน็ต สำหรับงานแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของหลานชายคนโตแห่งตระกูลเผย ทุกคนต่างติดตามอย่างต่อเนื่อง
พอเริ่มนับถอยหลัง เพจของทั้งเผยอี้และเจียงเซ่อเต็มไปด้วยคำอวยพร
หลังจากทางเจียงเซ่อตอบตกลง ทางหัวเซี่ยจือซวิ่นก็เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับเจียงเซ่อในต้นเดือนกันยายนทันที
เทพบุตรขี่้ม้าขาว ความรักสุดแสนโรแมนติกและงานแต่งงานอันยิ่งใหญ่ที่คนนับหมื่นจับตามองเป็นของเจียงเซ่อแต่เพียงผู้เดียว ความสุขได้เริ่มเข้ามาเยือนแล้ว
นอกจากความรู้สึกที่จุดประกายในใจของทุกคนอย่างง่ายดาย คำเกริ่นนำและหัวข้อที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นแล้ว เนื้อหาได้เรียบเรียงมาจากความรักของเจียงเซ่อ
เธอเปิดเผยเรื่องความรักในงานเปิดกล้องของ ‘The Occasion of Beiping' และยืนยันสถานะของแฟนหนุ่ม หลังจากที่มีภาพออกมาหลายครั้ง ความรักของเจียงเซ่อก็ถูกปกป้องปิดไว้มาอย่างดีตั้งแต่ต้นจนจบ
แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ ความจริงยิ่งทำให้ทุกคนแปลกใจ
ในรายงานของหัวเซี่ยจือซวิ่น นอกจากความรักของเจียงเซ่อ ยังมีรูปคู่ของเธอกับเผยอี้ ทำให้แฟนหนังต่างแชร์และเข้าไปอ่านอย่างบ้าคลั่ง
ในเพจของหัวเซี่ยฟอรัมในแอคคาท์ของตระกูลเผยของหัวเซี่ยจือซวิ่น ทางเพจเองก็เคยลงรูปตั้งแต่เล็กจนโตของเผยอี้ วันที่ประกาศแต่งงาน เขาก็เคยอัดคลิปวิดีโอมาอธิบายด้วยตัวเอง แต่ในสายตาของแฟนคลับของทั้งสอง กลับน้อยมากที่จะเห็นภาพที่ทั้งสองจับมือกัน
ในรูปนี้ เจียงเซ่อถูกเผยอี้โอบเอาไว้ เป็นรูปที่พวกเขาตอนไปร่วมงานครบรอบสามสิบปีของ Steinway
เผยอี้ในตอนนั้นดูออกว่าแตกต่างกับตอนนี้ เขาใสวม่ชุดสูทสีขาว ท่ามกลางชุดสูทสีดำของแขกทั่วไป เขาดูโดดเด่นมากดั่งไข่มุกที่เปล่งแสง