webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

652

บทที่ 652 พอใจ

คุณปู่เผยขมวดคิ้วและกำลังจะปฏิเสธ ทว่าเฝิงจงเหลียงกลับพูดอย่างจริงจังว่า

“หัวหน้า ท่านอย่าปฏิเสธผมเลย ที่ผ่านมาผมเองก็ไม่เคยขออะไรท่านเลย ถือซะว่าให้โอกาสผมได้ทำอะไรเพื่อลูกหลานบ้าง”

คนในตระกูลเผยคิดว่าสำหรับงานแต่งของเจียงเซ่อและเผยอี้ การที่เฝิงจงเหลียงจะจ่ายค่าตกแต่งเรือนหอนั้นถือว่ามากไป แต่สำหรับเฝิงจงเหลียงกลับรู้สึกว่าตัวเองยังให้น้อยไปด้วยซ้ำ

หากไม่ใช่เพราะเจียงเซ่อเกิดใหม่เพราะอุบัติเหตุ ถ้าเธอยังคงเป็นหลานสาวของตัวเอง ไม่มี ‘อุบัติเหตุ’ ครั้งนั้น งานแต่งของเธอกับเผยอี้ เฝิงจงเหลียงจะออกอีกสิบเท่าร้อยเท่าก็ไม่ถือว่ามากไป แต่ตอนนี้เพราะ ‘อุบัติเหตุ’ พวกนี้ สำหรับงานแต่งงานของหลานสาวเขาเพียงแค่อยากจัดสินสอดทองหมั้นให้เธอ เขาก็ยังไม่สามารถทำได้

เฝิงจงเหลียงเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีมาก เจียงเซ่อโตมากับเขา รู้ว่าเขาไปมาหาสู่กับตระกูลเผยมาหลายปีแต่ไม่เคยขออะไรกับคุณปู่เผยเพราะความสนิทสนมเลย ตอนนี้เขาทิ้งศักดิ์ศรีและหน้าตาที่รักษามานานหลายปี ทำให้เธออดเสียใจไม่ได้

“ท่านก็รู้ดีว่าหลายปีมานี้ ผมได้หาธุรกิจเล็กน้อยๆ ทำแก้เบื่อ แม้อย่างอื่นไม่มี แต่เงินก็เหลืออยู่บ้าง”

เขาวางไม้เท้าไว้ข้างๆ ยื่นมือออกไปทุบขาของตัวเองเบาๆ

“ผมเห็นเผยอี้มาตั้งแต่เล็ก ความจริงสำหรับผมแล้ว เขาก็เป็นหลานของผมคนหนึ่ง” คำพูดของเขามีความหมายอื่นแอบแฝง เรื่องนี้เผยอี้สามารถสัมผัสได้ คุณปู่เผยเห็นท่าทุบขาของเขาสายตาก็เปลี่ยนไป เฝิงจงเหลียงจึงพูดอีกว่า

“เซ่อเซ่อเองผมก็รักมากและเธอก็เรียกผมว่าคุณปู่ ถึงแม้จะไม่ใช่หลานสาวแท้ๆ ก็เถอะ” ตอนทีเขาพูดถึงประโยคนี้ได้หยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกัดฟัน แล้วทำหน้าเคร่งขรึม

“แต่กลับรักมากกว่าหลานแท้ๆ ผมก็แค่อยากทำอะไรเพื่อเด็กๆ บ้าง ของตกแต่งพวกนี้ไม่เท่าไหร่หรอก หากวันหนึ่งผมเป็นอะไรไปก็พอจะเหลืออะไรไว้ให้เซ่อเซ่อได้คิดถึงบ้าง”

ก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาบอกว่าจะออกค่าตกแต่งก็ทำให้คนในตระกูลเผยแปลกใจมากแล้ว ตอนนี้กลับเปิดเผยว่าในอนาคตจะแบ่งทรัพย์สมบัติให้เจียงเซ่อ ยิ่งทำให้คนในตระกูลเผยตกใจมาก

เฝิงจงเหลียงร่ำรวยมากแค่ไหนทุกคนล้วนรู้ดีแก่ใจ วิสาหกิจจงหนานนั้นยิ่งใหญ่ เขาเพียงแค่ดึงออกมาจากเศษเสี้ยวก็เป็นตัวเลขที่น่าตกใจแล้ว

คุณปู่เผยมองขาของเขา นี่เป็นแผลจากการถูกยิงตอนสมัยหนุ่มๆ เพราะไปปฏิบัติภารกิจตามคำสั่งของเขา อายุมากอาการก็ยิ่งเห็นได้ชัด ไปไหนมาไหนจึงต้องใช้ไม้เท้า

เฝิงจงเหลียงไม่เคยพูดถึงเรื่องขานัก วันนี้เขาอยากตกแต่งเรือนหอให้เผยอี้และเจียงเซ่อ ไม่ว่าจะพูดยังไงก็คุณปู่เผยก็สามารถปฏิเสธได้ แต่พอเขาตบขา คุณปู่เผยกลับไม่สามารถเอ่ยปากได้อีก

พูดถึงเรื่องนี้บรรยากาศก็อึมครึมไม่น้อย เผยอี้รู้ว่าเจียงเซ่อต้องทุกข์ใจเพราะเรื่องนี้แน่ๆ ความหวังดีของเฝิงจงเหลียง ถ้าถูกปฏิเสธ อาจจะทำให้เขาเสียใจและทำให้เจียงเซ่อเป็นทุกข์

“ถ้าอย่างนั้นเรื่องตกแต่งเรือนหอก็ยกให้ท่านเป็นคนจัดการทั้งหมดไปเลย”

เขาจับมือหนุ่มๆ ของเจียงเซ่อ ตอนที่พูดเจียงเซ่อหันมายิ้มให้เขาและเอียงหัวลงพิงบนไหล่ของเขา ทำให้จิตใจเขารู้สึกชุ่มฉ่ำขึ้นมา แม้คำพูดนี้ทำให้เผยจิ้นฮว๋ายจ้องเขาด้วยความโกรธ แต่เผยอี้ก็ไม่ใส่ใจ

“เจ้าเด็กคนนี้...”

คุณย่าเผยมองเผยอี้อย่างจนใจ ตรงข้ามกับตระกูลเผยที่คิดว่าไม่เหมาะ ท่าทางเฝิงจงเหลียงกลับดูมีความสุข เขาพลันตบขาทีหนึ่ง

“เป็นความคิดที่ดี!”

ท่าทางของเขาดูมีความสุขเป็นอย่างมาก

“ช่วงนี้ผมก็ว่างๆ อยู่พอดี ถ้าเสี่ยวหนิงไว้ใจผม เรื่องนี้เดี๋ยวผมจัดการให้”

คุณนายเผยไม่คิดว่า คำพูดที่ไม่เกรงใจของลูกชาย เฝิงจงเหลียงกลับคิดจริงจัง

ตามหลักแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งสะใภ้ของตระกูลเผย ความจริงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเฝิงจงเหลียงแม้แต่น้อย ทว่าท่าทางของเขากลับเหมือนหลานสาวกำลังจะแต่งงาน วุ่นเรื่องนั้นเรื่องนี้ คำพูดที่คุณนายเผยคิดว่าเสียมารยาท เขาไม่เพียงแค่ไม่ถือสา แต่กลับดูเต็มใจจัดการเรื่องนี้ให้ทั้งสองเป็นอย่างมาก

เฝิงจงเหลียงพูดแบบนี้ แน่นอนว่าคุณนายเผยจะบอกว่าไม่เชื่อใจเขาไม่ได้ “จะไม่ไว้ใจท่านได้ยังไง แต่กลัวว่าเรื่องนี้จะลำบากเกินไปสิคะ”

เธอจ้องลูกชายทีหนึ่ง เผยอี้นั่งอยู่บนโซฟา แขนซ้ายยื่นออกไปวางบนหลังโซฟา ให้เจียงเซ่ออยู่ในระยะใกล้ๆ ตัวเอง สำหรับสายตาที่ไม่เห็นด้วยของพ่อแม่ เขาเพียงแค่ยิ้มและรับคำต่อว่าที่ผู้ใหญ่ไม่ได้พูดออกมาเอาไว้

“ลำบากอะไรกัน ถือเป็นการออกกำลังกายพอดี”

ความกระตือรือร้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ของเฝิงจงเหลียงเหนือความคาดหมายของคนในตระกูลเผย ในขณะที่ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ คุณปู่เผยก็หันมองเผยอี้อย่างมีนัยยะแวบหนึ่ง สุดท้ายก็หันมองเฝิงจงเหลียงและตัดสินใจเด็ดขาดว่า

“ก็ได้ งั้นก็ตามนี้แล้วกัน”

คุณปู่เผยพูดแล้ว แน่นอนว่าทุกคนไม่สามารถพูดอะไรได้อีก เฝิงจงเหลียงโล่งใจและหันมองหลานสาวแวบหนึ่งพร้อมเผยรอยยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่

หลังจากอาหารค่ำ ทั้งเจียงเซ่อและเฝิงจงเหลียงต้องกลับบ้าน ตอนแรกเผยอี้ควรจะไปส่งเจียงเซ่อ แต่ก่อนไปเขาถูกคุณปู่เผยเรียกเอาไว้ บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับเขา

เจียงเซ่อจึงไปส่งเฝิงจงเหลียงและได้พูดคุยกับเขา

เรื่องงานแต่งจนกระทั่งคืนนี้ เธอจึงรู้ว่าส่งผลกระทบต่อคุณปู่มากเพียงนี้

ถ้าเขาไปร่วมงานแต่งของเจียงเซ่อก็ไม่ใช่ในฐานะผู้ใหญ่ที่รอดื่มเหล้าจากเจียงเซ่อและเผยอี้และไม่ใช่ในฐานะผู้ใหญ่ที่จูงมือเธอแล้วส่งเธอให้เผยอี้

แม้กระทั่งการตกแต่งบ้านง่ายๆ ถ้าเปิดเผยมากเกินไปก็จะทำให้คนในบ้านตระกูลเผยสงสัย

ในขณะที่เจียงเซ่อและเผยอี้มีความสุข เธอไม่คิดเลยว่าคุณปู่อาจจะกำลังกังวลเพราะเรื่องนี้อยู่

เธอไม่ได้ขับรถ แค่นั่งอยู่ในรถของเฝิงจงเหลียง เสี่ยวหลิวนั่งอยู่บนเบาะหน้าและหันกลับมามองเป็นระยะ

คืนนี้คนที่ตกใจเพราะคำพูดของเฝิงจงเหลียงไม่ใช่เพียงแค่คนในบ้านตระกูลเผยแต่ยังมีเสี่ยวหลิวอีกคน

เขาเป็นคนที่รู้แผนงานของเฝิงจงเหลียงและเขาก็รู้ว่า เฝิงจงเหลียงเอ็นดูเจียงเซ่อมาโดยตลอด แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจะเอ็นดูขนาดนี้

หลังจากออกจากบ้านตระกูลเผย เจียงเซ่อร้องไห้ทันทีที่ขึ้นรถ น้ำตาเหล่านั้นห้ามยังไงก็ห้ามไม่อยู่ เธอคิดถึงการแสดงความอ่อนแอของคุณปู่ นึกถึงท่าทุบขาของคุณปู่ กิริยาแบบนั้นคุณปู่เผยเข้าใจ เจียงเซ่อเองก็เข้าใจเช่นกัน

เขาหยิ่งในศักดิ์ศรีมากเพียงใด ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเจียงเซ่อ เขาไม่เคยเอาเรื่องบาดเจ็บที่ขามาพูดให้ใครดูถูก บางครั้งก็ดื้อไม่ยอมให้ใครพยุง วันนี้เพราะการตกแต่งเรือนหอ เขากลับยอมทำทุกวิถีทาง

“ร้องไห้ทำไม”

เฝิงจงเหลียงเลี้ยงเธอมา ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาว่าเธอคิดอะไรอยู่

ตอนแรกเขายังปั้นหน้า ทำท่าทางเคร่งขรึมเพื่อเก็บความทุกข์เอาไว้ในใจ แต่พอเห็นเจียงเซ่อร้องไห้ เขาก็ทำหน้าเคร่งไม่ไหวอีกต่อไป รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าให้เธอ

“โตขนาดนี้ แถมจะแต่งงานอยู่แล้ว ร้องไห้อะไรเล่า”

ความคิดทั้งหมดของเธอเขาล้วนเข้าใจดี

“ปู่อายุปูนนี้แล้ว สถานการณ์อะไรบ้างที่ยังไม่เคยพบเจอ ยังจะต้องให้หลานมากังวลแทนอีกเหรอ”

ความจริงเขาเสียใจมาก แต่ไม่สามารถพูดออกมาได้ เพราะกังวลว่าจะทำให้เธอร้องไห้หนักกว่าเดิม

“จับมือหลานหรือไม่ แล้วยังไง ได้ดื่มเหล้าจากหลานกับเผยอี้หรือไม่ก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือคนแก่อย่างปู่ยังมีชีวิตอยู่ จนถึงวันที่ได้เห็นหลานใช้ชีวิตอยู่กับเผยอี้กับตาของตัวเอง เห็นหลานแต่งงานและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยตาของตัวเอง”

เหตุผลเหล่านี้ความจริงเขาคิดมาหลายครั้งแล้ว

บางคืนคิดจนนอนไม่หลับแต่ก็ใช่ว่าจะไม่อึดอัดใจ แต่ว่า ‘เรื่องเล็ก’ เหล่านี้เมื่อเทียบกับความสุขของหลานสาวที่เป็น ‘เรื่องใหญ่’ แล้ว เห็นได้ชัดว่าเปรียบกันไม่ได้เลย

“หลานดูสิ คืนนี้คุณปู่เผยของหลานก็ตอบตกลงว่าจะให้ปู่ตกแต่งเรือนหอให้หลานแล้วไม่ใช่เหรอ อย่าร้องเลย เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ร้องไห้ไปได้ โตขนาดนี้แล้ว รีบกลั้นน้ำตาเร็วเข้า”

แม้ปากเขาจะบ่นและใช้น้ำเสียงเข้มงวด แต่กลับเช็ดน้ำตาให้เจียงเซ่ออย่างเบามือและอบอุ่นมาก จากนั้นก็ลูบผมของเธอ รู้สึกว่าความรู้สึกมากมายอัดอั้นอยู่ในใจ

“เพียงพริบตา หลานก็โตขนาดนี้แล้ว”

ท่าทางของเขาดูจริงจัง คำพูดเหมือนจะไม่มีอะไร แต่เสี่ยวหลิวที่นั่งอยู่ข้างหน้าได้ยินแล้วกลับตกใจ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าคำพูดนี้มีอะไรผิดปกติ

เฝิงจงเหลียงกับเจียงเซ่อเพิ่งจะรู้จักกันเมื่อหลายปีมานี้ ทำไมคุณท่านพูดเหมือนเห็นเจียงเซ่อตั้งแต่เล็กจนโต

เด็กผู้หญิงที่เขาเห็นมาตั้งแต่เล็กๆ จะว่าไปแล้ว คนที่สนิทสนมมากที่สุดก็คือเฝิงหนานที่เขาเลี้ยงมากับมือ

เสี่ยวหลิวขนลุก แทบจะไม่มีกะจิตกะใจขับรถแล้ว อยากถามแต่ก็ไม่กล้าถาม

“ตอนนี้ปู่ก็ไม่คิดอะไรมากแล้ว รอให้หลานๆ แต่งงานกัน ในอนาคตได้เห็นหลานกับอาอี้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ถ้าอยู่ได้นาน ได้เห็นหลานๆ มีลูกด้วยกัน แค่นี้ก็พอใจแล้ว อย่างอื่นล้วนไม่สำคัญ” เขาพึมพำ ไม่รู้ว่าต้องการปลอบใจเจียงเซ่อหรือปลอบใจตัวเอง

“มันไม่สำคัญ ไม่สำคัญเลย”

เขาพูดคำนี้ซ้ำหลายรอบ แต่กลับทำให้ใจของเจียงเซ่อหนักอึ้ง เธอคล้องแขนคุณปู่เอาไว้ น้ำตาพลันพรั่งพรูออกมามากกว่าเดิม

ที่บ้านตระกูลเผย คุณปู่เผยเรียกเผยอี้ไปคุย ห้องอ่านหนังสือถูกปิดเอาไว้ ก็ไม่รู้ว่าสองปู่หลานนี้คุยอะไรกัน รู้เพียงแค่ว่าหลายวันมานี้คุณปู่เผยดูเหม่อๆ

ผ่านตรุษจีนไป เจียงเซ่อก็ยุ่งขึ้นมาทันที เธอต้องถ่ายรูปครอบครัวกับตระกูลเผยและต้องถ่ายพรีเวดดิ้งกับเผยอี้

นอกจากนี้ ญาติมากมายของตระกูลเผยจะเข้ามาทักทายเธอ ในขณะเดียวกับก็ต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่างกับคุณนายเผย เรียกได้ว่าตารางแน่นกว่าตอนทำงานอีก

สิ่งที่ทำให้คุณนายเผยมองเธอเปลี่ยนไป คือตอนแรกคิดว่าเธอจะรับตารางงานที่แน่นและกดดันแบบนี้ไม่ได้ แต่เธอกลับเอาชนะแรงกดดัน ถึงขั้นที่ในหลายๆ บทเรียน เธอทำออกมาได้ดีมาก ราวกับเธอเคยเรียนมาแล้วและเรียนรู้ไวมากด้วย

ในขณะเดียวกันเธอก็ยังหาโค้ชรักษารูปร่างมาด้วยตัวเอง เพื่อรักษาหุ่นเอาไว้ อยากสวยที่สุดในวันแต่งงาน ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเพียงพอที่จะทำให้คุณนายเผยชื่นชมสายตาที่เป็นเลิศของลูกชาย ยิ่งทำให้คุณนายเผยพอใจในตัวเจียงเซ่อมากขึ้นกว่าเดิม

วันแต่งงานใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่องของเรือนหอมีเฝิงจงเหลียงคอยดูแล เขาดูจริงจังกับเรื่องนี้มาก ไปดูแลถึงที่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่สนใจว่าจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ ทุกอย่างจะต้องดีที่สุด

กลางเดือนกรกฎาคม อีกสองเดือนเจียงเซ่อจะแต่งงานแล้ว โม่อานฉีเอาสายวัดเอวมาวัดรอบเอว แขนและสะโพกให้เจียงเซ่อ ยิ่งวัดไปก็ยิ่งอิจฉา

หลายเดือนมานี้ พูดได้ว่าเธอไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนแล้ว แต่เธอยังคงรักษารูปร่างให้คงที่เหมือนตอนที่หุ่นดีมากที่สุดเอาไว้ได้ โม่อานฉีพลางจด พลางถาม

“เธอทำได้ยังไงน่ะ”

ในฐานะผู้ช่วยของเจียงเซ่อ โม่อานฉีเองก็มีตารางเรียนของเจียงเซ่อ ตารางของเธอแน่นทุกวัน ทั้งเรียนจัดดอกไม้ ชงชา ทำอาหารและขี่ม้า รวมถึงคลาสอื่นๆ อีกมากมาย ที่จัดขึ้นพิเศษก่อนเข้าไปเป็นสะใภ้ของตระกูลเผย ในขณะเดียวกัน เธอก็เคร่งเรื่องการเรียน ในสถานการณ์แบบนี้ เธอสามารถมุ่งมั่นออกกำลังกายรักษารูปร่างทุกวันแบบนี้ โม่อานฉีก็แทบจะทรุดแล้ว

“จริงสิ หลังจากงานแต่ง พี่เซี่ยบอกว่าฉันมีเวลาฮันนีมูนสองเดือน”

ช่วงนี้โม่อานฉีก็เรียนรู้อะไรมากมายจากเจียงเซ่อ รู้ว่าสำหรับคนในตระกูลเผย ไม่ใช่ว่าเสร็จจากพิธีแต่งงานแล้วพิธีต่างๆ จะจบลง หลังจากนั้นเจียงเซ่ออาจจะไม่มีเวลาเลย จะต้องไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่และต้อนรับแขกที่ไปบ้านตระกูลเผย ในขณะเดียวกัน งานแต่งนอกจากเป็นงานของเผยอี้และเจียงเซ่อแล้ว ยังต้องให้ประชาชนได้รับรู้ สองเดือนหลังจากนั้นเจียงเซ่ออาจจะไม่มี ‘เวลาพัก’ เลย

“ฮั่วจือหมิงเตรียมจะพาหนังเรื่อง ‘Suspect’ เข้าร่วมเทศกาลหนังฝรั่งเศสเดือนมีนาคมปีหน้า” เจียงเซ่อเข้าใจความหมายของโม่อานฉี หมายความว่า ‘ลาแต่งงาน’ ของเธออาจจะต้องหยุดประมาณเดือนมกราคม เพื่อร่วมโปรโมทหนังเรื่อง ‘Suspect’

ปีนี้ เพราะแต่งงาน เจียงเซ่อจึงไม่ได้รับหนังและไม่ได้ร่วมกิจกรรมต่างๆ เลยแม้แต่กิจกรรมเดียว แต่ก็ไม่ใช่ว่ากระแสของเธอจะตกลง

เหตุผลเพราะปีนี้หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เข้าฉาย ท้ายที่สุดแล้วทำรายได้ในประเทศได้ห้าพันสามร้อยล้าน ทำลายสถิติหนังในหัวเซี่ยได้สำเร็จ ช่วงที่ผู้ชมมากที่สุด มากถึงสามสิบล้านคนทั่วประเทศ

รายได้ในต่างประเทศโดดเด่นมาก หลังจากเข้าฉากที่อเมริกาเหนือ ใช้เวลาเพียงสามสิบเจ็ดวัน ก็ทำลายสถิติหนังที่ทำรายได้ได้เจ็ดร้อยล้านไวที่สุดในอเมริกาเหนือ ท้ายที่สุดทำรายได้ทั้งหมดเก้าพันแปดร้อยล้าน กลายเป็นอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์อเมริกาเหนือ

สามารถจินตนาการได้ว่า หลังจากนี้อีกนาน หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จะอยู่บนสุดของสถิติ ให้คนรุ่นหลังได้เงยหน้าขึ้นมอง

ท้ายที่สุดรายได้ของหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จบลงที่สามพันสามร้อยล้านดอลล่าร์จากยอดขายทั่วโลก แต่ถึงแม้ว่าหนังจะออกโรงแล้ว สถิติทั้งหมดนี้ ก็ได้สร้างปาฏิหาริย์อย่างที่ไม่เคยมาก่อน ถูกจารึกใน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ หลังจากนี้ก็ยังคงถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง

เป็นการการันตีฐานะว่าเจียงเซ่อเป็นนักแสดงหญิงแถวหน้าของประเทศ และไม่มีใครสามารถแย่งตำแหน่งนี้ไปได้อีกแล้ว

แม้ว่าปีนี้เธอจะไม่มีผลงาน แต่เพราะหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ สามารถต้านทานทุกอย่างได้

และเธอก็ประกาศแต่งงาน ทำให้เธอยังคงอยู่ในกระแสอย่างต่อเนื่อง ประเด็นของเธอมักจะเป็นประเด็นที่ชาวเน็ตและแฟนคลับชอบมากที่สุด แม้ว่าเธอไม่ได้ปรากฏบนจอครึ่งปีและไม่ได้ร่วมงานใดๆ แต่ข่าวไหนที่เอ่ยถึงชื่อของเธอ ก็จะมีคนเข้าไปอ่านมากมาย มีชาวเน็ตและแฟนคลับเข้าไปแสดงความคิดเห็นและกดติดตาม

หนังเรื่อง ‘Suspect’ ถ่ายจบตั้งแต่ปีที่แล้ว หลังจากผ่านมาตัดต่อมานานหนึ่งปี กำหนดฉายหลังเทศกาลหนังฝรั่งเศสปีหน้า หลังจากกำหนดฉายแล้ว ก็กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ครั้งใหญ่

หนังเรื่องนี้เป็นผลงานของฮั่วจือหมิงหลังจากหายไปหลายปี ก่อนหน้านี้ผลงานของตาเฒ่าคนนี้ถูกหัวเราะเยาะมาหลายเรื่องแล้ว หลายคนในวงการไม่สนับสนุนหนังของเขา แต่เพราะนางเอกเป็นเถาเฉิน และ ‘นักแสดงสมทบ’ ของเธอคือเจียงเซ่อ เพราะฉะนั้น ยังไม่ทันได้เข้าฉาย ก็ทำให้คนจำนวนมากเริ่มตื่นเต้นแล้ว