บทที่ 647-2 ประกาศ
ถึงแม้ว่ารูปมันจะเป็นรูปแอบถ่ายจึงไม่มีความชัดเจนนัก แต่ว่าก็ถ่ายออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคือเจียงเซ่อ เจียงเซ่อสวมชุดราตรีสีดำ และถูกร่างกายอันสูงใหญ่ของเผยอี้โอบกอดเอาไว้ในอ้อมอก เขากำลังก้มหน้าลง เหมือนกำลังฟังเธอพูดอย่างตั้งใจ ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน แววตาดูอ่อนโยนมากทีเดียว ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่รูปภาพแต่ก็สัมผัสได้ว่ารักและถนอมเจียงเซ่อมากแค่ไหน
หลานชายคนโตของตระกูลเผย ตอนที่เปิดตัวออกมาคราวนั้น ก็เหมือนว่าจะมีการเปิดเผยรูปออกมาด้วย
ตั้งแต่ครั้งที่มีการประกาศครบรอบสิบปีหลังก่อตั้งประเทศ นายท่านเผยก็เคยเผยรูปหลายชายคนโตในวันเด็กออกมาให้ได้เห็นด้วย
ในความทรงจำของทุกคนในตอนนั้น ก็แค่เด็กผู้ชายที่แสนเลือนรางคนหนึ่ง หลายปีหลังจากนั้น หน้าตาของหลายชายก็ถูกปกปิดมาโดยตลอด และไม่มีการเปิดเผยที่ไหนอีกเลย
ใครก็คงคิดไม่ถึง ว่าตระกูลเผยจะมีกรรมพันธุ์ที่ดีขนาดนี้ หลานชายคนโตของตระกูลไม่ได้อายุมากเหมือนที่ทุกคนจินตนาการเอาไว้ แต่อยู่ในช่วงรอยต่อของวัยรุ่นและวัยหนุ่ม มีความสง่างามเปล่งประกาย ให้ความรู้สึกของหนุ่มอายุน้อย บวกกับฐานะแสนพิเศษ ตอนที่เขากอดเจียงเซ่อ ก็ยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเป็นภาพที่น่าชื่นชมภาพหนึ่ง
หัวหน้ากองบรรณาธิการแย่งมือถือของอวี๋จือหลินไป แล้วดูภาพที่อยู่บนหน้าจอ ทำหน้าราวกับว่าได้รับสารลับอย่างไรอย่างนั้น
“รูปนี่มาจากไหนกัน?”
อวี๋จือหลินสะดุ้ง แล้วอธิบายออกไปอย่างติดๆ ขัดๆ
“งาน งานครอบรอบสามสิบปีของ Steinway เมื่อปีที่แล้วค่ะ เจียงเซ่อเปิดตัวมาพร้อมกับแฟนหนุ่ม ฉันก็เลยแอบถ่ายมา…”
ตอนที่หล่อนถ่าย เพื่อร่วมงานอีกคนก็ห้ามหล่อนเอาไว้ด้วย บอกว่าถึงถ่ายไปแต่ก็อาไปลงไม่ได้อยู่ดี ตอนนั้นที่เขาเตือนว่าอย่าถ่าย แต่อวี๋จือหลินก็ยังห้ามความสงสัยของตัวเองเอาไว้ไม่ไหว ยังแอบถ่ายมันมาจนได้ แถมยังเก็บรูปเอาไว้ตั้งแต่ตอนนั้น จนกระทั่งวันนี้ถึงได้เปิดอีกรอบ
“ทำได้ดีมาก! ฮ่าๆๆ…”
หัวหน้ากองบรรณาธิการร้องดีใจออกมาจนเสียมาด ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ตอนนั้นอนาคตของเจียงเซ่อและแฟนหนุ่มยังไม่ได้ถูกกำหนด การจะเข้าตระกูลเผย มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เสียหน่อย การที่ทางการสั่งห้ามเผยแพร่รูปถ่ายของเจียงเซ่อและเผยอี้นั้นก็พอเข้าใจได้อยู่
แต่ทว่าตอนนี้ตระกูลเผยได้เตรียมตัวที่จะประกาศถึงงานแต่งงานของทั้งสองคนแล้ว แน่นอนว่ารูปถ่ายของทั้งคู่ ก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องปกปิดอีกต่อไป
รูปถ่ายของสื่อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเจียงเซ่อและเผยอี้ ได้ถูกทางการสั่งห้ามเอาไว้ คาดว่าทุกสำนักข่าวก็คงจะพากันลบภาพพวกนั้นออกหมดแล้ว แต่อวี๋จือหลินยังเก็บเอาไว้อยู่หนึ่งภาพ ถือว่าเป็นภาพยืนยันเพียงหนึ่งเดียวที่หาได้อยากและล้ำค่าที่สุดแล้ว!
ความหมายก็คือ หัวเซี่ยจือซวิ่น ในวันขึ้นปีใหม่วันแรก อาจจะได้เป็นสำนักข่าวที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในวันปีใหม่แบบนี้อีกครั้ง!
ชาวเน็ตยังคงอยากรู้ถึง ‘เรื่องสำคัญ’ ที่เจียงเซ่อยังปกปิดเอาไว้อยู่ ชาวเน็ตพากันค้นหาและอัพเดทข้อมูลใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับเจียงเซ่อและเฝิงหนานไม่หยุด ยังคงไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้
เวลาแต่ละนาทีผ่านไปเรื่อยๆ จนถึงวันข้ามปีในตอนเที่ยงคืน เที่ยงคืนเป็นการบ่งบอกว่าปีใหม่ได้มาถึงแล้ว ทั้งสถานีโทรทัศน์ กรมวัฒนธรรมหัวเซี่ย กลุ่มสันทนาการด้านวัฒนธรรม เหล่าหน่วยงานสื่อทั้งหลาย ก็พร้อมใจกันประกาศข่าว หลายชายคนโตนายทหารใหญ่เผยอิงเจวี๋ยประกาศแต่งงานเจียงเซ่อ กำหนดงานแต่งในเดือนกันยายน
ข่าวๆ นี้ เหมือนจู่ๆ ก็เกิดฟ้าผ่าลงมาเสียเฉยๆ เพียงไม่กี่นาทีข่าวก็แพร่ไปทั่วอินเทอร์เน็ตแล้ว
ปฏิกิริยาแรกหลังจากที่ทุกคนได้รับข่าวนั้น ต่างก็เหมือนๆ กัน คือตรวจสอบก่อนว่าเจียงเซ่อที่พูดถึง คือคนคนเดียวกันกับที่ทุกคนคิด คือเจียงเซ่อที่กำลังโด่งดังอยู่ในตอนนี้
ตอนนี้ไม่มีใครสนใจข่าวของเฝิงหนานอีกต่อไปแล้ว ข่าวชวนตีสร้างกระแสเล็กๆ น้อยๆ ของหล่อน มันก็เป็นเหมือนแค่ฟองคลื่น ที่ไหลกลับเข้าไปในคลื่นลูกใหญ่อย่างรวดเร็วก็เท่านั้นเอง
กลุ่มคนหลายคนที่กำลังเตรียมตัวจะเคาท์ดาวน์เข้าสู่ปีใหม่ หลังจากที่ได้เห็นข่าวนั้น ต่างก็พากันกรูไปรวมตัวกันที่หน้าตึกสถานีโทรทัศน์หัวเซี่ยทันที เพราะอยากจะเห็นข่าวการยืนยัน และอยากจะมั่นใจว่าคนที่ได้แต่งเข้าตระกูลเผยก็คือเจียงเซ่อจริงหรือไม่
ที่สถานีโทรทัศน์หัวเซี่ยในทุกๆ ปีของการเคาท์ดาวน์ขึ้นปีใหม่ มักจะมีการเอาภาพกลุ่มคนที่อยู่ตามที่ต่างๆ ที่รอเคาท์ดาวน์อยู่มาฉาย ล้วนแล้วเป็นจุดที่เป็นเอกลักษณ์ต่างๆ ของหัวเซี่ย หรือไม่ก็เป็นพวกตึกใจกลางที่มีความคึกคัก หรือเป็นลานศูนย์การค้าที่กว้างขวาง หรือโรงละครแห่งชาติที่ตั้งตระหง่านโดดเด่น หรือพระราชวังต่างๆ
แต่สถานีโทรทัศน์ในคืนนี้ การถ่ายทอดสดสถานการณ์กลับอยู่ที่สถานีโทรทัศน์แห่งหัวเซี่ยที่อยู่ใจกลางตี้ตูแทน และถนนบริเวณรอบๆ ก็เต็มไปด้วยผู้คนที่มากันอย่างเนืองแน่น
มองไปไกลๆ ก็ยังเห็นว่ามีกลุ่มคนอีกหลายกลุ่มที่กำลังวิ่งมาทางนี้ ในมือของหลายๆ คนถือแท่งไฟเพื่อเตรียมตัวที่จะเคาท์ดาวน์กัน ในกลุ่มคนที่ถือแท่งไฟนั้นก็มีเสียงเรียกชื่อของเจียงเซ่อดังขึ้นมาด้วย
ที่ข้างหน้าตึกซื่อจี้หยินเหอเองก็เต็มไปด้วยสื่อนักข่าว และเหล่าแฟนคลับที่หลั่งไหลเข้ามา เพื่อความปลอดภัย ทางบริษัทก็ได้จัดการหาหน่วยรักษาความปลอดภัยมาทำงานเรียบร้อยแล้ว ในขณะเดียวกันก็ประสานงานกับทางตำรวจของตี้ตูไปด้วย คอยควบคุมและดำเนินการกับกลุ่มชาวเน็ตที่อยากจะรู้ความจริงมากจนบุกเข้าไปในตึก
ป้ายไฟของบริษัทยังคงเปิดสว่างโร่ เหล่าพนักงานที่ทำโอทีจนดึกในคืนนี้ต่างก็ติดอยู่บนตึกเพราะออกไปไหนไม่ได้ ตอนนี้ไม่มีท่าทีว่าคนที่มารวมตัวกันจะสลายตัวออกไปแต่อย่างใด แน่นอนว่าคนที่อยู่ในบริษัทเองก็ออกไม่ได้เช่นกัน
ตระกูลเผยเลือกวาระแบบนี้ในการประกาศเรื่องงานแต่งงาน ทำให้ดึงดูดเสียงฮือฮาได้มากเกินไปแล้ว
บนอินเทอร์เน็ต หน้าเว็บออฟฟิเชียลของเจียงเซ่อเรียกได้ว่าเป็นอัมพาตไปแล้ว แทบจะรีเฟชเพื่อดูข่าวใหม่ไม่ได้เลย เป็นเพราะว่ามีแต่คำถามขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา หลายๆ คนที่อยากรู้มากก็ยังเอาแต่ด่าและคอมเมนท์หาอยู่ตลอด
มีชาวเน็ตบางคนโชคดีก็สามารถส่งข้อความได้สำเร็จ และรอที่จะให้เจียงเซ่อออกมาอธิบายสิ่งต่างๆ ให้ชัดเจน
โชคเล็กๆ : เซ่อเซ่อ เซ่อเซ่อ เมื่อกี้ ประกาศการแต่งงานของหลานชายคนโตตระกูลเผยใช่เธอหรือเปล่า?
แกล้งนอนหลับ : คนที่ตระกูลเผยจะแต่งงานด้วยชื่อว่า ‘เจียงเซ่อ’ เธอรึเปล่า?
เสื้อคลุมแดง : ก่อนหน้านี้เธอเองก็บอกว่าหมั้นแล้ว คนที่เธอหมั้นด้วยคือหลานชายของเผยอิงเจวี๋ยรึเปล่า?
……
และยังมีข้อความอีกหลากหลายรูปแบบ โม่อานฉีเปิดมันดูได้ครู่หนึ่ง ก็ต้องตกใจกับจำนวนข้อความมหาศาลที่ถูกส่งเข้ามาเรื่อยๆ
ระยะเวลาการปล่อยข่าวยังไม่ทันเลยหนึ่งนาทีเลยด้วยซ้ำ แต่บนหน้าเว็บออฟฟิเชียลของเจียงเซ่อกลับเต็มไปด้วยข้อความคอมเมนท์เสียแล้ว
เพียงแค่ตระกูลเผยใช้อำนาจปล่อยข่าวในเวลาแบบนี้ ก็สามารถลบข่าวที่จะส่งผลไม่ดีกับเจียงเซ่อในสองวันนี้จนมลายหายไปทันที และทำให้เจียงเซ่อกลายเป็นที่พูดถึงและทำให้คนหันกลับมาสนใจได้เหมือนอย่างเดิมอีกด้วย
จากการประกาศออกไปผ่านสถานีโทรทัศน์และทางซื่อจี้หยินเหอ ก็เรียกได้ว่าเธอเป็นดาราที่ดึงกระแสได้มากที่สุดแล้วในช่วงปีที่ผ่านมานี้ และทั้งหมดนี้คงจะไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้อีก
เรื่องของเถาเฉินก็ถูกเรื่องงานแต่งงานของเจียงเซ่อแซงขึ้นจนไม่เป็นที่พูดถึงอีก กับข่าวของเฝิงหนานเองก็ไม่สามารถสร้างกระแสได้อีกต่อไป
มือถือของโม่อานฉีผู้ช่วยคนอื่นๆ ต่างก็ถูกโทรเข้าจนดับไปแล้ว เหล่าสื่อนักข่าวทั้งหลายที่หวังว่าตัวเองจะได้ข่าวเป็นคนแรกก็พยายามที่จะติดต่อหาโม่อานฉีและคนอื่นๆ ไม่หยุด
ทั้งมือถือ ข้อความ โปรแกรมแชท อีเมลและวิธีการติดต่ออื่นๆ อีกมากมายก็มีการติดต่อเข้ามาไม่หยุด ทำเอาผู้ช่วยและทีมงานทั้งหลายต่างก็เหนื่อยที่จะตอบอะไรกลับแล้ว
คนที่อยู่ไกลถึงนอกประเทศอย่างเซี่ยเชาฉวินเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าในขณะที่กำลังวีดิโอคอลกับเจียงเซ่ออยู่ ก็ยังได้ยินเสียงมือถือดังอยู่ตลอด เหล่าผู้ช่วยต่างก็เหงื่อตกกันไปหมด
ตอนที่เนี่ยต้านโทรมา เซี่ยเชาฉวินก็เพิ่งรับโทรศัพท์จากผู้เป็นพ่อซึ่งน่าจะโทรมาถามเรื่องงานแต่งงานของเจียงเซ่อ จึงทำได้แค่ตัดสายวิดิโอคอลไป เพื่อรับโทรศัพท์
“เซ่อเซ่อ เธอเห็นประกาศจากตระกูลเผยหรือยัง?”
ตอนนี้พวกเขาอยู่ข้างนอก และเหมือนว่าคงจะออกจากตี้ตูไปแล้วด้วย เพราะว่าที่ๆ เขาโทรมา มีเสียงจุดพลุดังออกมาด้วย
“เห็นแล้วล่ะ”
ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามทำน้ำเสียงให้สงบนิ่งมากแค่ไหน แต่ก็ยากจะปกปิดความตื่นเต้นเอาไว้ได้อยู่ดี
หลังจากที่เกิดเรื่องเฝิงหนาน ตอนที่เผยอี้โทรมาหาเธอ เขาก็บอกเธอว่า ‘อย่ากลัว ยังมีเขาอยู่’
เธอไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะใช้วิธีนี้จัดการให้เธอ
จนถึงนาทีนี้ เธอยังรู้สึกมึนงงอยู่เลย