646-2
บทที่ 646-2 อย่างบ้าคลั่ง
ทำงานยุ่งมาทั้งวันทั้งคืน ผู้คนต่างๆ ที่อยู่ในหัวเซี่ยจือซวิ่นต่างก็ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น อวี๋จือหลินพิมพ์ข่าวไปได้หลายคำหลายประโยคแล้ว ทั้งคอ ไหล่และแขนก็ปวดไปหมด จึงหยุดนิ้วที่กำลังขยับ แล้วบิดขี้เกียจไปมา เพื่อที่จะคลายเอ็นกระดูกเสียหน่อย
ตอนนี้ห้าทุ่มกว่าแล้ว แต่ทีมงานยังคงนั่งทำโอทีกันอยู่ อวี๋จือหลินนั่งฟังเสียงเคาะแผ่นพิมพ์ที่ดัง ‘แต๊กๆๆ’ ติดๆ กันไม่หยุด ทุกคนต่างก็กำลังอยู่ในอารมณ์เดียวกัน แล้วหล่อนก็เอ่ยขึ้นมา
“ฉันเคยคิดว่าถ้ามาอยู่ในแผนกข่าวบันเทิงทั่วไปแล้ว น่าจะสบายกว่างานอื่นๆ แล้วแท้ๆ เชียว ใครจะไปรู้ว่ามันยุ่งวุ่นวายขนาดนี้” คำพูดของหล่อนดึงดูดทุกคนให้สนใจ หลายๆ คนก็พากันหยุดและถอนหายใจออกมา อวี๋จือหลินจ้องไปบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ อีกแค่ครึ่งชั่วโมง ก็จะถึงเวลาเคาท์ดาวน์ขึ้นปีใหม่แล้ว หล่อนจึงพูดออกไปลอยๆ
“พวกเธอว่า ข่าวที่พวกเรากำลังเขียนอยู่ จะเป็นเรื่องสุดท้ายแล้วจริงๆ หรือจะเป็นสิ่งที่สูญเปล่ากันนะ? บางทีในคืนนี้อาจจะมีเรื่องอะไรที่ใหญ่กว่าเรื่องที่เฝิงหนานออกมาเผยความลับหรือเปล่า?
พอทุกคนได้ยินแบบนั้นแล้ว ก็หัวเราะขึ้นมาทันที
“เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ทุกเรื่องก็ล้วนแล้วเอาไปเล่นข่าวได้ทั้งนั้น จะยังมีเรื่องอะไรอีก ที่ใหญ่ไปกว่านี้?”
ทุกคนพากันไม่เชื่อสิ่งที่หล่อนพูด ข่าวทั้งหลายที่เกิดขึ้นในคืนนี้ มันก็มากพอที่จะเอาไปทำข่าวใหญ่ได้อีกหลายเดือนเลย นานๆ ทีจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นมา ถ้าหากว่ายังมีข่าวไหนที่จะสามารถมากลบข่าว ‘เฝิงหนานด่าเจียงเซ่อ’ ได้ละก็ “เกรงว่าจะต้องเป็นข่าวที่พวกเบื้องบนออกมาประกาศด้วยตัวเองแล้วล่ะ”
มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพูดเล่นขึ้นมา แต่ในตอนนี้ทุกคนต่างก็คงนึกไม่ถึง ว่าจะมีข่าวอะไรที่สำคัญมากพอ จนต้องมีการประกาศผ่านโทรทัศน์หรือประกาศจากทางรัฐบาลกัน “ก็น่าจะเป็นเรื่องการแต่งงาน การหย่าร้างของพวกคนใหญ่คนโตแหละ นั่นน่ะใหญ่ของจริงเลยล่ะ”
“ถ้าเกิดจะหย่าจริงๆ ก็ไม่น่าจะต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่โตนี่นา พวกระดับสูงๆ แบบนี้ จะจัดการกับเรื่องแบบนี้ คงจะง่ายกว่าใครๆ อยู่แล้ว”
คนที่อาวุโสที่สุดในสำนักงาน นึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
“ฉันจำได้ว่า เมื่อสามสิบปีก่อน ตอนที่ลูกชายคนโตของตระกูลเผยจะแต่งงาน ก็ต้องมีการประกาศอย่างเป็นทางการด้วยล่ะ”
เพื่อนร่วมงานที่พูดขึ้นมาอายุราวๆ สี่สิบได้ พอนีกถึงเรื่องในตอนนั้นขึ้นมา ก็เหมือนว่าจะยังจำได้ขึ้นใจ
ในตอนนั้นวงการบันเทิงยังไม่ได้มีเทคโนโลยีและพัฒนามาถึงขนาดปัจจุบันนี้ แต่เรื่องที่ลูกชายคนโตของตระกูลเผยแต่งงาน ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากทีเดียว ถ้าเป็นในสมัยนี้แล้วละก็ ก็คงจะเป็นข่าวการแต่งงานที่น่าจับตามองมากที่สุด
ตระกูลเผยมีการสืบทอดทายาทกันมาอย่างยาวนาน ถ้าพูดถึงแหล่งต้นกำเนิดแล้วละก็คงต้องย้อนกันไปถึงช่วงยุคราชวงศ์ชิงเลยทีเดียว แถมยังมีผลงานใหญ่จากการทำสงคราม หลังสงครามก็คงเหลือชื่อเสียงและบารมีที่ยิ่งใหญ่ นายท่านเผยตอนนี้ก็ดำรงตำแหน่งอันดับหนึ่งในหัวเซี่ย อิทธิพลมากล้น เรียกได้ว่าเป็นคนที่ประชาชนในประเทศจะมองข้ามไปไม่ได้เลย
ถ้าหากว่ามีคนในตระกูลเผยจะแต่งงาน คงไม่ใช่แค่สื่อภายในประเทศที่จะต้องรายงาน เพราะแม้แต่สื่อนอกเองก็ต้องมาทำข่าวนี้ และข่าวแบบนี้นี่แหละที่มีอิทธิพลมากกว่าข่าวบันเทิงทุกๆ ข่าว
แต่ในเวลาแบบนี้ เรื่องนี้คนในตระกูลเผยจะออกมาประกาศว่าทายาทกำลังจะแต่งงาน ความเป็นไปได้นั้นมีน้อยมาก
หลังจากที่ในสำนักงานหัวเซี่ยจือซวิ่นพากันคุยเรื่องเรื่อยเปื่อยกันพอใจแล้ว ก็หันกลับไปก้มหน้ายุ่งกับงานของตัวเองต่อ
หลังจากที่งานหนังรอบปฐมทัศน์ของเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จบลง ยังเหลืออีกครึ่งชั่วโมงหนังก็จะเข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ว โม่อานฉีกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการกับข่าวที่เฝิงหนานก่อขึ้นมา ต้องการที่จะให้เรื่องนี้จบลงให้เร็วที่สุด
เรื่องนี้จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก เซี่ยเชาฉวินต้องมีการเรียกประชุมผ่านทางวีดิโอคอล
“ตอนนี้ฉันพอที่จะเข้าใจสถานการณ์แล้ว คลิปของเฝิงหนานคลิปนี้เป็นแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น สวี่หยางเธอไปเขียนข่าว ติดต่อหาทนายความ เราจะต้องออกมาตอบโต้แล้ว”
หล่อนสั่งงานออกมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
“ระหว่างนั้นก็เขียนขั้นตอนของการสัมภาษณ์ของเฝิงหนานเอาไว้ด้วย บอกว่าเพราะเป็นการ ‘พูดสุ่มสี่สุ่มห้า’ เลยถูกคนของตระกูลเฝิงยึดต้นฉบับไป โม่อานฉี เฉินซั่นติดต่อหาสื่อสำนักข่าวใหญ่ ปล่อยข่าวนั่นออกไปเลย”
เจียงเซ่อที่ได้ยินแบบนั้น ก็เกิดความสงสัยขึ้นมาทันที
“หล่อนถูกคนของตระกูลเฝิงสกัดไว้จริงๆ น่ะหรือ?”
การกระทำของเฝิงหนานมันน่าขายหน้ามากจริงๆ แต่ตอนนี้ตัวเองกับเฝิงหนานก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว ตระกูลเฝิงเองก็คงไม่ยอมที่จะออกมายุ่งเรื่องวุ่นวายแบบนี้
ถ้าหากว่าเฝิงหนาน ‘ถูกตระกูลเฝิงขัดขวาง’ การสัมภาษณ์เอาไว้จริงๆ ชาวเน็ตก็คงจะคิดว่าหล่อนอาจจะบ้าไปเองแน่ๆ ถึงได้ออกมาพูดอะไรมั่วๆ แบบนั้น
พอเจียงเซ่อถามออกมา ในหน้าจอวีดิโอคอล เซี่ยเชาฉวินมองเธอแวบหนึ่ง
“เปล่า!”
หลังจากที่เกิดเรื่องพวกขึ้นมา หล่อนก็ติดต่อหาตระกูลเฝิงทันที แต่ก็ติดต่อไม่ได้ ดูเหมือนว่าหลังจากที่คลิปวีดิโอการสัมภาษณ์ของเฝิงหนานถูกเผยแพร่ออกไป หลายๆ หน่วยงานก็คงจะพากันติดต่อหาตระกูลกันหมด ดูท่าว่าตอนนี้ตระกูลเฝิงคงไม่คิดที่จะออกมายุ่งกับเรื่องนี้แล้ว
ในเมื่อติดต่อไม่ได้ เซี่ยเชาฉวินก็ไม่พยายามติดต่ออีก
“มาถึงขั้นนี้แล้ว จะเรื่องจริงไม่จริงเอาไว้ก่อน หลังจากนี้ไม่ว่าจะต้องแก้ไขยังไง จะจัดการยังไง ก็ยังถือว่าดีกว่าสถานการณ์ในตอนนี้มาก”
ถ้าหากว่าตระกูลเฝิงออกมาหักล้างก็คงจะดีที่สุด ถึงตอนนั้นแล้วกระแสวิพากษ์วิจารณ์ก็คงจะเปลี่ยนทิศไป อย่างน้อยก็สามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องที่ ‘เฝิงหนานจวกพ่อแม่แท้ๆ เจียงเซ่อเป็นคนไม่ดี’ ให้กลายเป็นตระกูลเฝิง ‘สงสัยเฝิงหนานวิกลจริต’ พูดเพ้อเจ้อออกสื่อไปแทน
หรือพูดได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เซี่ยเชาฉวินก็จะลากประเด็นนี้ให้ถึงตระกูลเฝิงให้ได้
คืนนี้มันยุ่งวุ่นวายไปหมด ไม่ว่าวงการบันเทิงจะกำลังฮือฮาครึกครื้นกันแต่ไหน แต่เสียงที่ดังสนั่นเหล่านั้น ก็ไม่มีทางที่จะดังไปทั่วทุกที่ในตี้ตูได้
ในห้องเช่าของเจียงจื้อหยวน นอกจากเตียงเล็กๆ และโต๊ะไม้เก่าๆ โต๊ะหนึ่งแล้ว สิ่งที่ดูเตะตาอีกอย่างก็คงจะเป็นกระสอบทรายในมุมๆ หนึ่ง และนั่นก็คือสิ่งที่เขากำลังฝึกอยู่ทุกวันในช่วงนี้
เขาก้มหน้าลง คิ้วขมวดเข้าหากันจนทำให้ดวงตาคู่นั้นของเขาดูเหมือนดวงตาของสัตว์ป่า แววตาของเขาจ้องมองไปที่กระสอบทราย หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลจากหน้าผากลงมาถึงปลายคางราวกับแม่น้ำ ไหลลงมาทีละหยดๆ
ทุกหมัดที่เขาปล่อยออกไป แรงกำลังที่ส่งออกราวกับว่าต้องการทำให้กระสอบทรายมันสั่นไหวให้ได้
ตั้งแต่ที่ลาออกจากงานมา เขาก็ย้ายตัวเองมาที่นี่ ใช้ชีวิตให้มีความสุขเหมือนกับที่เคยมี ไม่เล่นอินเทอร์เน็ต ไม่ฟังไม่รับรู้ข่าวต่างๆ และสนใจทำแต่เรื่องของตัวเอง
บนโต๊ะมีกระดาษแผ่นหนึ่งถูกกางเอาไว้ บนกระดาษมีภาพวาดแผนที่
คืนนี้จิตใจของเขามันรู้สึกกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก หมัดที่ปล่อยออกไปมันไม่เป็นดั่งใจเลยสักครั้ง มือกำหมัด นิ้วบีบเข้าหากันแน่น มือที่ถูกสวมทับด้วยนวมถูกส่งออกไปกระแทกกับกระสอบทรายและดึงกลับมาอย่างรวดเร็วนั้นค่อยๆ อ่อนลง เขาเกาะกระสอบทรายเอาไว้ หอบหายใจแล้วหยุดลงแค่นั้น รู้สึกเหมือนกับว่าเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น
เพียงแค่ไม่กี่สิบนาที ข่าวที่ว่า ‘เจียงเซ่อเหมาะสมที่จะเป็นคนของสาธารณะหรือไม่’ เธอเกิดมาในครอบครัวแบบไหน พ่อกับแม่เป็นอย่างที่เฝิงหนานพูดเอาไว้จริงหรือเปล่านั้น ก็ถูกแพร่ออกไปบนอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว
ยังเหลืออีกสิบนาทีก็จะข้ามผ่านปีนี้ไปแล้ว บนเว็บออฟฟิเชียลของเจียงเซ่อ เต็มไปด้วยข้อความคอมเม้นของชาวเน็ตที่ต้องการคำตอบจากเจียงเซ่อ
ฉันมาจากป่า : เถาเฉินออกจากซื่อจี้หยินเหอแล้วจริงๆ น่ะหรือ? เธอรึเปล่าที่เป็นคนบีบให้เถาเฉินต้องออกน่ะ?”
ความทรงจำ : หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จะเข้าฉายแล้ว เซ่อเซ่อ เห็นหรือยังว่าฉันกำลังสนับสนุนเธออยู่?
ห้วงเวลาที่ยุ่งเหยิง : เฝิงหนานจากวิสาหกิจจงหนานออกมาบอกว่าพ่อของเธอเป็นเดนสังคม เจียงเซ่อ เธอมีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับสิ่งที่หล่อนพูดงั้นเหรอ?
ทางเล็กสายหนึ่ง : เฝิงหนานบอกว่าเธอไม่เหมาะสมที่จะเป็นคนของประชาชน บอกว่าเธอเกิดมาฐานะต้อยต่ำ นิสัยก็ชั่วช้า เจียงเซ่อเธอออกมาพูดอะไรหน่อยดีไหม?
ปีนี้หิมะตกแล้ว : เฝิงหนานบอกว่าเธอเป็นพวกชั้นต่ำ ไม่มีมูล หมาก็ไม่ขี้หรอก!
คุณแม่ตัวน้อย : เธอกำลังหลอกอะไรทุกคนอยู่กันแน่? เฝิงหนานบอกว่าเธอมีความลับสุดยอดที่ยังไม่ได้บอกทุกคน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรู้นะ อย่าให้เราต้องมายกยอดาราคนที่ไม่สมควรจะยกยอเลย หวังว่าจะมีใครรู้เรื่องนี้บ้าง รีบมาบอกฉันหน่อยเถอะ ฉันจะได้ขอลาออกจากการเป็นแฟนคลับเลย!
…
ข้อความแนวนั้นโผล่ขึ้นมาไม่หยุด ยังเหลืออีกห้านาทีก็เที่ยงคืนแล้ว ทีมงานของเจียงเซ่อกำลังติดต่อหาทนายความ เขียนสคริปต์ขึ้นมา แต่ก็ยังไม่ทันที่จะได้ปล่อยข่าวออกไป
ทั้งสำนักงานของหัวเซี่ยจือซวิ่น บันเทิงรอบโลก หลงสิงและสำนักข่าวอื่นๆ ต่างก็เขียนบทความเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังรอคอยเวลาเที่ยงคืนด้วยความมั่นอกมั่นใจ เพื่อที่จะส่งท้ายข่าวในปลายปีนี้ กับต้นปีหน้าให้ชาวเน็ตได้รับรู้
แต่ในเวลานี้ ทุกสายงานสื่อข่าว กลับได้รับข่าวด่วนมาจากเบื้องบนว่า กรมวัฒนธรรมหัวเซี่ยประกาศข่าวด่วน——หลานชายคนโตทายาทรุ่นที่สามของตระกูลเผยประกาศแต่งงาน!