webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

645-2

บทที่ 645-2 คลื่นที่โหมซัด

จากนั้นเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นมาอีกนิด

“ในงานโปรโมทหนังของฉัน มีไว้สำหรับผู้ที่รักหนัง มีไว้เพื่อแฟนหนังและคนที่ตั้งใจจะมาดูจริงๆ เท่านั้น ไม่ใช่ที่สำหรับให้ความบันเทิงไปทั่ว!”

น้ำเสียงของเจียงเซ่อนั้นมันนุ่มนวลและชวนให้คล้อยตาม แต่มันก็เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและจริงจัง เหล่าสื่อนักข่าวหลายๆ คนต่างก็ไม่กล้าที่จะส่งเสียงหายใจเลยด้วยซ้ำ และนักข่าวที่ยกมือถามเรื่องนั้นเป็นคนแรกก็หน้าแดงไปหมด

ตอนแรกคิดว่าตัวเองจะสามารถเป็นคนแรกที่ได้ข่าวแล้วเสียอีก เขายังกระหยิ่มยิ้มย่องที่ตัวเองเป็น ‘ผู้กล้า’ แต่คิดไม่ถึงเลยว่านาทีต่อมาจะถูกเจียงเซ่อตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้ากันขนาดนี้ มันไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่คาดคิดไว้เลยสักนิด

สายตาเห็นใจของสื่อนักข่าวรอบๆ ข้างทำเอาเขารู้สึกอึดอัดไปหมด จากตอนแรกที่คำถามของเขาทำเอาทีมงาน ‘The second coming of Jesus Christ’ ไปกันไม่ถูก จนตอนนี้ที่พอได้รับคำสั่งจากเจียงเซ่อแล้ว รปภ.ก็เดินเข้ามาเชิญให้เขาออกไปจากงานทันที จนคนที่ทำอะไรไม่ถูกกลายเป็นนักข่าวที่ถามคำถามขึ้นมาเสียแทน

เนี่ยต้านและคนอื่นที่นั่งอยู่บริเวณที่นั่งวีไอพีพากันตื่นเต้นดีใจสุดขีด เฉิงหรูหนิงที่คิดจะลุกขึ้นจัดการกับปัญหานี้ก็รีบนั่งลงที่เดิมทันที ก่อนจะพูดกลั้วหัวเราะขึ้นมา

“ผมกำลังคิดเลยว่า ปกติแล้วเซ่อเซ่อจะดูเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยโกรธ ดูจากนิสัยแล้วไม่ใช่คนโมโหร้าย แล้วแบบนั้นจะจัดการพี่อี้ของพวกเราอยู่ได้ยังไง แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว”

มือถือของเนี่ยต้านได้อัดคลิปตั้งแต่ตอนที่เจียงเซ่อถือไมค์และพูดด้วยความโกรธออกมาตั้งนานแล้ว ก็เท่ากับว่าถ่ายตอนที่เธอกำลังโกรธไว้นั่นแหละ พอเธอพูดจบแล้ว คลิปของเขาก็อัดเสร็จพอดี จากนั้นก็ค้นหาชื่อของเผยอี้ แล้วกดส่งทันที

ในงานโปรโมทครั้งนี้ เพราะว่าเจียงเซ่อได้แสดงท่าทีที่แข็งกร้าวออกมา ทำเอาเรื่องของเถาเฉินถูกชะงักเอาไว้แค่นั้น

ตอนที่โม่อานฉีเดินกลับเข้ามาในงาน ท่าทางของหล่อนก็ยังดูไม่ค่อนสบายใจเท่าไหร่ บรรยากาศในงานก็ดูแปลกๆ ไป ถึงแม้ว่าทุกคนยังคงพูดถึงและถามแต่เรื่องที่เกี่ยวกับตัวหนัง แต่โม่อานฉีกลับสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่แปลกไป

“พี่อานฉี โทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยแล้วหรือคะ?”

เฉินซั่นยังคงรู้สึกตื่นเต้น ตอนที่ถามหล่อน โม่อานฉีก็พยายามฝืนยิ้มออกมา แล้วยกมือขึ้นเสยผม

“เรียบร้อยแล้วล่ะ”

น้ำเสียงของหล่อนยังสั่นๆ แต่ก็เฉินซั่นที่ยังคงซึมซับบรรยากาศในตอนที่เจียงเซ่อลุกขึ้นมาพูดอยู่นั้นจึงไม่ทันได้สังเกตเห็น เฉินซั่นเหมือนอยากจะถามอะไรอีก แต่โม่อานฉีก็ถามตัดขึ้นมาเสียก่อน

“เมื่อกี้มีอะไรกันหรือเปล่า?”

“พี่อานฉี เมื่อกี้นี้มีคนใจกล้าถามเซ่อเซ่อถึงเรื่องที่เถาเฉินออกจากซื่อจี้หยินเหอ และออกไปตั้งบริษัทเองขึ้นมา แต่โดนเซ่อเซ่อเรียกรปภ. เชิญออกจากงานไปแล้วค่ะ!”

เฉินซั่นปัดมือไปมา เสียงเล็กนั่นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นจากเหตุการณ์นั้น

“พี่ไม่ได้เห็นเลย ตอนนั้นเซ่อเซ่อดูเท่ห์สุดๆ! นักข่าวที่ถูกไล่ออกไปนี่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา คงขายหน้ามาก!”

ตอนที่หล่อนพูดออกมา ก็ไม่รู้ว่าโม่อานฉีได้ฟังมันเข้าหูบ้างหรือเปล่า

เรื่องที่เกิดขึ้นในงานโปรโมทหนัง ‘The second coming of Jesus Christ’ ก็ได้ผ่านไปแล้ว แต่ข่าวที่ว่าเถาเฉินออกจากซื่อจี้หยินเหอนั้น ก็ไม่ได้ถูกเจียงเซ่อระงับเอาไว้ได้เพียงเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในงานหนังรอบปฐมทัศน์

เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้มันก็เหมือนกับภูเขาน้ำแข็งที่โผล่อออกมาแค่มุมเดียวนั่นแหละ ถ้าหากยังไม่มีข่าวที่ใหญ่กว่านี้มากลบ ระยะเวลาหลังจากนี้ ไม่ใช่แค่เหล่านักข่าวของหัวเซี่ยเท่านั้น เพราะแม้แต่ผู้คนทั่วไปก็คงจะหันไปให้ความสนใจกับเรื่องนี้เหมือนกัน

เจียงเซ่อนวดหน้าผากตัวเอง หลังจากจบงานโปรโมทไปแล้ว สิ่งแรกที่เธอทำคือติดต่อหาเซี่ยเชาฉวินทันที คืนนี้เธอรับมือจัดการกับปัญหาได้ดีทีเดียว แต่เรื่องของเถาเฉินยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าแค่เธอระเบิดอารมณ์ออกมาแค่คืนเดียวก็จะสามารถกลบข่าวนั้นได้

หลังจากนี้ยังจะต้องมีนักข่าวมางมหาคำตอบ และอยากจะได้เบาะแสอะไรจากปากของเธออีกแน่ๆ

“ทางเถาเฉินดูเหมือนว่าได้เตรียมงานแถลงข่าวแล้ว และเป็นการประกาศเรื่องการก่อตั้งบริษัทของตัวเองด้วย”

เธอลบเครื่องสำอางออกหมดแล้ว และกำลังวีดิโอคอลกับเซี่ยเชาฉวินอยู่

“คืนนี้ฉันระเบิดอารมณ์พูดถึงเรื่องต้นทุนของหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ บวกกับพวกอาต้านเองก็คอยสนับสนุนอยู่ ยังไงคืนนี้ก็น่าจะมีการพูดถึงประเด็นนี้อยู่”

แต่ตัวเจียงเซ่อเองก็ยังไม่กล้าที่จะมั่นใจอะไร ว่าประเด็นนี้กับข่าวการตั้งบริษัทขึ้นมาเองของเถาเฉิน มันจะเทียบขั้นกันได้

เรื่องของเถาเฉิน ดูเหมือนว่าจะมีผลกระทบมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้

อย่างที่เจียงเซ่อพูด ในเรื่องของการโปรโมทหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ทั้งเรื่องตัวเลขที่ใช้ไปในการสร้างหนังจนไปถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการโปรโมท ทั้งโปสเตอร์และตัวอย่างภาพยนตร์ การติดต่อโรงภาพยนตร์ชั้นนำต่างๆ ค่าที่พักค่ากินอยู่ของเหล่าทีมงาน ค่าประชาสัมพันธ์ จนไปถึงค่าใช้จ่ายการเชิญเหล่าสื่อต่างๆ และจำนวนเงินที่จ่ายไปทั้งหมดนั้นก็เป็นแค่วันวันเดียว แค่นี้มันก็ไม่ธรรมดาสำหรับหนังเรื่องหนึ่งแล้ว

แถมหลังจากนั้นตัวหนังก็ยังได้รับรางวัลใหญ่จากงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ มาอีก ถึงกลายมาเป็น ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่ดังและเป็นกระแสมากที่สุดในหัวเซี่ยได้ ถือว่าเป็นประเด็นที่เหมาะแก่การพูดถึงมากที่สุดแล้ว

แต่เบื้องหลังของความพยายามทั้งหมด กลับถูกเถาเฉินทำพังไปหมด และมันก็อาจจะทำให้สิ่งที่พยายามและลงทุนไปอย่างมหาศาลในก่อนหน้านี้กลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญน้อยลง และไม่สามารถที่จะทำให้สำเร็จได้ตามที่ตั้งเป้ากันเอาไว้ นี่เป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกคับอกคับใจเป็นที่สุด

เจียงเซ่อได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่สุดท้ายผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ยังต้องดูการโปรโมทประชาสัมพันธ์หลังจากนี้ เธอถอนหายใจออกมา เซี่ยเชาฉวินยังคงนั่งทำงานอยู่เหมือนเดิม

ตอนนี้เวลาที่ปารีสน่าจะเป็นช่วงเที่ยงพอดี เซี่ยเชาฉวินยังไม่ได้หยุดพักเลย ร่างกายของหล่อนมันเหมือนกับว่ามีพลังงานที่ไม่มีวันหมดอย่างไรอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ทำงานอยู่แต่ก็ยังแบ่งสมาธิมาคุยกับเจียงเซ่อได้

“อืม” หล่อนพลิกหน้ากระดาษอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร ใบหน้ายังไม่เงยขึ้นมาเลยด้วย

“เรื่องนี้ฉันได้ยินมาแล้ว เหมือนว่าท่านประธานเองก็ให้เงินร่วมลงทุนไปด้วยส่วนหนึ่ง ในการช่วยหล่อนก่อตั้ง ‘KONG ZHAO MEDIA’ ขึ้นมา”

ข่าวนี้ทำเอาเจียงเซ่อถึงกำลังชะงักนิ่งไป ดูเหมือนว่าจะมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ เธอยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป ประตูห้องพักก็ถูกโม่อานฉีเปิดเข้ามา ใบหน้าของโม่อานฉีซีดเผือด เสียงของหล่อนสั่นไปหมด

“เซ่อเซ่อ…”

ท่าทางของหล่อนเรียกความสนใจจากเจียงเซ่อได้เป็นอย่างมาก และเช่นกันมันก็ดึงดูดเซี่ยเชาฉวินให้สนใจได้ด้วย คนที่ก้มหน้าตลอดการวีดิโอคอลเงยหน้าขึ้นมา โม่อานฉีกลืนน้ำลายลงคอ แล้วพูดขึ้น

“บนเว็บเพจเจียงหนานของเฝิงหนานลงข่าว บอกว่าเธอมีฐานะต้อยต่ำ สภาพครอบครัววุ่นวาย นิสัยใจคอเป็นคนต่ำช้า ไม่คู่ควรที่จะเป็นแบบอย่างให้แก่ประชาชน”

พอโม่อานฉีพูดจบ เจียงเซ่อก็เงยหน้าขึ้น และหันไปสบตากับเซี่ยเชาฉวินบนหน้าจอทันที

คลื่นลูกเก่ายังไม่ทันสงบ คลื่นลูกใหม่ก็ซัดเข้ามาอีกแล้ว!

สิ่งที่เซี่ยเชาฉวินพยายามปกปิดให้เธอมาโดยตลอด กลับกำลังจะถูกเฝิงหนานเปิดโปงเสียแล้ว

อาจเป็นเพราะว่ามีประสบการณ์รับมือกับเรื่องของเถาเฉินมาก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้เจียงเซ่อในตอนนี้จึงดูสงบนิ่งกว่าที่เคย ไม่ร้อนรนไม่ลนลาน กลับมีความผ่อนคลายบางอย่างออกมาให้เห็นอีกด้วย

เรื่องบางเรื่อง สิ่งดีๆ ก็อาจจะให้ผลลัพธ์ที่แย่ แต่สิ่งแย่ๆ ก็อาจจะให้ผลที่ดีก็ได้

เซี่ยเชาฉวินในวีดิโอคอลวางเอกสารในมือลง จากนั้นก็ตะโกนเรียกชื่อจางฉือขึ้นมาทันที สั่งให้เขาหาข่าวบนอินเทอร์เน็ตในหัวเซี่ยตอนนี้ และหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา และติดต่อไปที่ฮ่องกง เพื่อที่จะติดต่อหาตระกูลเฝิง ให้จัดการเก็บเรื่องนี้

โม่อานฉีหยิบมือถือขึ้นมา ในมือถือของหล่อนได้บันทึกคลิปสั้นๆ เอาไว้หนึ่งคลิป ถึงใบหน้าของคนที่อยู่ในคลิปจะมัวและดูลำบากสุดๆ แต่ก็พอจะมองออกได้ว่าคือเฝิงหนาน โม่อานฉีมือสั่น ยังไม่ทันจะได้เปิดคลิป มือถือของเจียงเซ่อก็ดังขึ้นมา

ในเวลาสำคัญแบบนี้ คนที่โทรเข้ามาก็คือเผยอี้ มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนคว้าที่ยึดเหนี่ยวที่มีพลังไว้ได้ เธอกำมือถือแน่น เพียงแค่กดรับสาย น้ำเสียงอันอ่อนโยนของเผยอี้ก็ดังขึ้นมาทันที

“เซ่อเซ่อ ไม่เป็นไรนะครับ มีผมอยู่”