webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

645-1

บทที่ 645-1 คลื่นที่โหมซัด

หลังจากที่หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ฉายจบแล้ว คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในงานก็เหมือนว่าจะได้รับข่าวร้อนของเถาเฉินกันหมดแล้ว

พอพิธีกรดำเนินงานพูดจบ ก็ปล่อยให้เป็นการจัดเตรียมพื้นที่ให้กับเหล่าสื่อได้มาสัมภาษณ์ แต่ทว่าความคิดของทุกคนในตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวหนังเลยแม้แต่น้อย โม่อานฉีออกไปโทรศัพท์ข้างนอกได้หลายนาทีแล้ว ยังไม่กลับเข้ามา เฉินซั่นจึงทำได้แค่ประกาศบอกกับเหล่าสื่อว่า ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องของตัวหนังเท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นในบทสนทนาต่างๆ ก็ยังดำเนินไปตามที่คุยกับเจียงเซ่อเอาไว้ ว่าจะมีการพูดถึงลาร่าที่เคยถูกวางตัวเป็นนางเอกบริตนีย์ในเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เอาไว้ในตอนแรก

แต่พอพวกสื่อพากันถามเกี่ยวกับตัวหนังกันเสร็จแล้ว ก็มีใครคนหนึ่งถามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“คุณเจียงครับ คุณรู้เรื่องเมื่อสิบนาทีก่อนหน้านี้หรือยังครับ ว่าคุณเถาเฉินได้ประกาศออกจากบริษัทซื่อจี้หยินเหอเรียบร้อยแล้ว? คุณและคุณเถาเฉินเป็นนักแสดงของซื่อจี้หยินเหอกันทั้งคู่ ก่อนหน้านี้คุณพอจะทราบหรือเคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาบ้างหรือเปล่าครับ?”

ในงานฉายหนังรอบปฐมทัศน์แบบนี้ การที่นักข่าวมาถามอะไรที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตัวเนื้อหาหนังนั้นถือว่าเป็นการไม่เคารพกันมากเลยทีเดียว

แต่เมื่อลองมองจากมุมของเหล่านักข่าวทั้งหลาย หลายๆ คนก็ดูเหมือนว่าจะให้ความสนใจกับปัญหานั้นไม่น้อย และดูเหมือนว่าทุกคนเองก็คิดอยากจะถามคำถามเหล่านั้นอยู่เช่นกัน

พอมีคนพูดขึ้นมาแบบนั้น หลังจากนี้เรื่องข่าวที่เถาเฉินออกจากซื่อจี้หยินเหอก็คงจะถูกประโคมมาที่เจียงเซ่อไม่หยุดแน่ๆ

เจียงเซ่อถือไมค์เอาไว้ นักข่าวที่ถามขึ้นมานั้นถามเป็นภาษาหัวเซี่ย เชี่ยซ่าเหลยและโดนัลด์ฟังไม่ออกแน่นอน แต่ก็มีล่ามแปลคอยกระซิบบอกพวกเขาอยู่แล้ว และได้แปลคำถามของนักข่าวคนนั้นเรียบร้อยแล้วด้วย

ทั้งสองคนต่างก็รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ จึงพากันขมวดคิ้ว

เจียงเซ่อเป็นนักแสดงหญิงจากหัวเซี่ย และเป็นถึงนางเอกของหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่มีต้นทุนถ่ายทำมหาศาล แน่นอนว่าทางนักลงทุนและฝ่ายการตลาดในหัวเซี่ยจะต้องให้ความสำคัญมาก

ในส่วนของเงินทุนที่จ่ายไปสำหรับการโปรโมท ส่วนใหญ่ก็เป็นของอเมริกาเหนือและหัวเซี่ยที่มากที่สุด แล้วถ้ามาเกิดเรื่องทำให้ต้องชะงักไปกลางคันแบบนี้ ก็น่ากลัวว่าอีกหลายปีหลังจากนี้ คงจะต้องโดนคนในวงการมองว่ามันเป็นเรื่องที่น่าขบขันแน่นอน

ภายในงานเงียบสนิท โม่อานฉีไม่ได้อยู่ในงาน ทีมงานที่กำลังประสบกับสถานการณ์ตรงหน้า ต่างก็ทำอะไรไม่ถูก

เหล่าสื่อนักข่าวทั้งหลายที่ถูกรับเชิญให้มาเข้าร่วมงาน คิดเอาไว้เลยว่ากว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ คงอยากจะถามเรื่องข่าวของเถาเฉินที่เพิ่งออกมาแน่

วินาทีนี้ในหัวของเจียงเซ่อกำลังคิดวิธีรับมือมากมาย พอดูจากสายตาของแต่ละคนที่คาดหวังและรีบร้อนอยากจะได้คำตอบแล้ว ก็พอจะมองออกถึงความหมายในประโยคของนักข่าวคนนั้น ‘เมื่อสิบนาทีก่อนเถาเฉินได้ประกาศตัวว่าออกจากซื่อจี้หยินเหอ’ เถาเฉินเลือกเวลาแบบนี้ในการปล่อยข่าว ช่างเป็นความคิดที่ฉลาดหลักแหลมมากจริงๆ

“ปัญหาเรื่องนี้เกี่ยวกับตัวหนังหรือเปล่าคะ?”

เธอลุกขึ้นยืนเต็มตัว คืนนี้เพื่อที่จะให้ดูเป็น ‘บริตนีย์’ ที่กลายเป็นปีศาจในภายหลัง เธอจึงแต่งหน้าด้วยลุคดูสวยหยาดเยิ้มและแพรวพราวไปด้วยเสน่ห์ สวมชุดเดรสชีฟองสีดำยาว ตอนที่เธอถามออกมานั้นทำให้รู้สึกเหมือนกับว่ามีบริตนีย์ตอนที่เป็น ‘ปีศาจ’ เหมือนอย่างในหนังออกมาอยู่บนโลกนี้จริงๆ และยังเจาะจงถามไปที่นักข่าวคนนั้นด้วย

“คืนนี้เป็นงานหนังรอบปฐมทัศน์ของเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ไม่ใช่งานแถลงข่าวสำหรับนักข่าวนะคะ”

ใครจะไปคิด ว่าต่อหน้าคำถามของนักข่าว เจียงเซ่อจะตอบออกมาได้อย่างไม่ไว้หน้ากันขนาดนี้

พูดก็พูด ดาราและนักข่าวนั้นต้องมีความเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว ต่างก็ต้องส่งเสริมซึ่งกันและกัน ปลายปากกาของผู้เขียนนั้นก็เปรียบเสมือนคมมีด ในความหมายของสิ่งที่เขียนออกไป มันสามารถดึงดูดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของมวลชนได้ และก็รุนแรงไม่น้อยเลย

เถาเถาเองก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย หล่อนเองก็ชื่นชอบเจียงเซ่อมานานหลายปีแล้ว และติดตามเธอมานาน เคยได้สัมผัสและพูดคุยส่วนตัวกับเจียงเซ่อมาแล้วด้วยซ้ำ แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นด้านแข็งกร้าวและไม่ไว้หน้าใครแบบนี้ของเจียงเซ่อ

“การโปรโมทโฆษณาต่างๆ ของเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ในหัวเซี่ยได้ทุ่มทุนไปเกือบสองร้อยล้าน เพื่อที่จะให้ทุกคนได้รับชมหนังของพวกเรา ให้พวกคุณได้ลองพิจารณาว่าผู้กำกับต้องการที่จะสื่ออะไรให้พวกคุณได้รู้ ให้พวกคุณได้ซึมซับถึงแก่นเรื่องของตัวหนัง ต้องการให้พวกคุณวิจารณ์และพูดถึงการแสดงของนักแสดง เงินมากมายที่ได้ลงทุนไป ก็เพื่อให้พวกคุณเข้ามาถามถึงการสร้างหนัง ‘The second coming of Jesus Christ’ เรื่องนี้ ว่าใครเป็นผู้แต่งเนื้อเรื่อง ทีมงานเบื้องหลังมีการเตรียมการอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะถ่ายหนังเรื่องนี้ฉันและคุณโดนัลด์ ได้มีการเตรียมการ ตั้งใจและจริงใจมากแค่ไหนต่างหาก!”

เชี่ยซ่าเหลยและโดนัลด์จนไปถึงทีมงานคนอื่นๆ ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เจียงเซ่อลุกขึ้นเต็มตัว รูปร่างผอมเพรียวและสูงสง่าของเธอนั้นมันดึงดูดสายตามากๆ ภายใต้แสงไฟสว่างไสวมือทั้งสองข้างของเธอจับไมค์โครโฟนเอาไว้ รัศมีของเธอแผ่ปกคลุมไปทั่วงาน สะกดหยุดทุกการเคลื่อนไหวของเหล่านักข่าวเอาไว้

ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่าเจียงเซ่อจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา หรือแม้แต่เฉินซั่นเองที่คิดว่าเธอคงจะยอมกล้ำกลืนความเจ็บปวดเอาไว้ และพยายามหาช่องทางเบี่ยงเบนประเด็นและดึงเข้าสู่เนื้อหาของตัวหนัง ‘The second coming of Jesus Christ’ ไปเนียนๆ ก็ยังคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะตอบกลับไปด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวแบบนี้ ทำเอาพวกหน้าเนื้อใจเสือพวกนั้นถึงกับตั้งรับไม่ทัน และยังพูดออกมาซึ่งๆ หน้าเลยด้วย

รู้สึกกดดันและอึดอัดไปหมด แต่ก็อดพูดไม่ได้ว่าถึงอกถึงใจสุดๆ ไปเลย

บรรยากาศในงานดูเงียบเชียบ เถาเถากลั้นหายใจ แม้แต่จะยกมือขึ้นเสยผมก็ยังไม่กล้า ที่สวนทางกับท่าทางที่ดูเรียบนิ่งของหล่อนก็คือหัวใจของหล่อนในตอนนี้ที่กำลังเต้นแรงสุดๆ เลือดมันไหลพล่านจนร้อนไปทั่วร่างกาย

ก่อนหน้านี้ ตามงานสัมภาษณ์ต่างๆ ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมีพวกนักข่าวที่คิดจะทำเรื่องเจ้าเล่ห์อะไรแบบนี้ แต่คนส่วนใหญ่ที่ถูกทำให้รู้สึกแย่ ถ้าไม่ยอมกล้ำกลืนฝืนทน ก็คงจะขัดแย้งกันไปเลย และหลังจากนั้นก็จะถูกเรียกว่าเป็นพวก ‘ขี้วีน’ จึงยังไม่เคยมีใครที่จะมาโต้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวอย่างเจียงเซ่อมาก่อน

เธอพูดแม้กระทั่งเรื่องเงินลงทุนเกือบสองร้อยล้านที่ทุ่มไปสำหรับการโปรโมทในครั้งนี้ แต่ละประโยคที่พูดออกมาก็ล้วนแล้วมีเหตุมีผล และยังวนเวียนอยู่แค่ที่เรื่องของตัวหนัง ‘The second coming of Jesus Christ’ อีกด้วย

ถึงแม้ว่าหลังจากนี้พวกนักข่าวจะไปตีข่าวกัน เอาเรื่องไปเขียนให้ดูรุนแรงกว่านี้ แต่ตั้งแต่ต้นจนจบก็ล้วนแล้วยังเกี่ยวกับตัวหนังอยู่ดี

การที่เถาเถาเองก็เป็นคนที่ทำงานในวงการนี้ ทันทีที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ในหัวสมองก็คิดถึงหลายๆประโยคที่จะสามารถแสดงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว เช่น ในงานโปรโมท ‘The second coming of Jesus Christ’ เจียงเซ่อฉุนนักข่าวถามเรื่องเถาเฉิน

ในงานโปรโมท ‘The second coming of Jesus Christ’ เจียงเซ่อเก็บอาการไม่อยู่ระเบิดอารมณ์ออกมา

ในงานโปรโมท ‘The second coming of Jesus Christ’ เจียงเซ่อรับ ทุ่มทุนโปรโมทหนัง ‘The second coming of Jesus Christ’ กว่าเกือบสองร้อยล้าน

ในงานโปรโมท ‘The second coming of Jesus Christ’ …

ไม่ว่านักข่าวจะเขียนออกมาแบบไหน แต่การที่เจียงเซ่อเกิดมีอาการโมโหขึ้นมาแบบนี้ก็ใช่ว่าจะมีให้เห็นได้บ่อยๆ แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นข่าวใหม่ที่น่าสนใจแน่ๆ

แต่ไหนแต่ไรมาเธอวางตัวดีมาโดยตลอด จู่ๆ ก็แสดงด้านฉุนเฉียวออกมาก็ต้องได้รับความสนใจจากใครหลายๆ คนอยู่แล้ว ไม่ว่านักข่าวจะเขียนในด้านดี หรือจะเขียนในด้านไม่ดี แต่หัวเรื่องยังไงก็ยังวนเวียนอยู่ที่ตัวหนัง ‘The second coming of Jesus Christ’

ถ้าเกิดว่าก่อนหน้านี้เถาเถาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เจียงเซ่อถึงได้มีท่าทางแข็งกร้าวขึ้นมาแบบนั้น อย่างนั้นความคิดและหัวข้อข่าวต่างๆ ที่เข้ามาในหัวของหล่อนในตอนนี้ ก็ทำให้หล่อนเข้าใจในสิ่งที่เจียงเซ่อกำลังทำขึ้นมาในทันที

หล่อนรู้สึกตัวขึ้นมา นี่สิคือแบบอย่างของการรับมือกับวิกฤตเฉพาะหน้า ในขณะที่เรื่องของเถาเฉินกำลังมาแรงเป็นอย่างมาก แต่เธอก็ยังสามารถใช้สถานการณ์แบบนี้ ดึงทุกอย่างให้กลับมาอยู่ในการควบคุมเหมือนเดิม ทั้งความเยือกเย็น จิตใจ และความเฉียบแหลมของความคิด มันแทบจะทำให้เถาเถาอยากจะลุกขึ้นปรบมือกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งให้ได้

พอเจียงเซ่อพูดสิ่งต่างๆ อย่างมีเหตุผลออกมาแบบนี้แล้ว บอกได้เลยว่ามันน่าหลงใหลมากๆ

“รบกวนรปภ.ช่วยนำตัวเขาออกไปด้วยค่ะ แล้วช่วยจำชื่อของสำนักข่าวของเขาเอาไว้ด้วยนะคะ ฉันขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่า ต่อไปไม่ว่าฉันจะออกงานไหนก็ตาม ฉันจะไม่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวนั้นอีกตลอดไป ในงานโปรโมทหนังเรื่องต่อๆ ไปของฉัน ก็ไม่ต้องเชิญนักข่าวของสำนักข่าวนี้มาอีก!”