webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

644-1

บทที่ 644-1 สองพยัคฆ์

ท่าทางนิ่งสงบของเจียงเซ่อในตอนนี้ สามารถช่วยปลอบโยนผู้ช่วยหลายๆ คนที่กำลังตื่นตระหนกได้

ที่จริงในใจไม่อานฉีเองก็พอจะรู้ดีอยู่แล้ว ว่าในมือของเจียงเซ่อยังมีไพ่ตายสุดท้ายที่จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้อยู่ ข่าวนี้ ก็คือเรื่องความรัก และเรื่องที่กำลังจะแต่งงานกับเผยอี้นั่นเอง

ครั้งนี้เรื่องที่เถาเฉินจะออกจากซื่อจี้หยินเหอ ไม่ว่าเรื่องมันจะใหญ่โตแค่ไหน แต่ถ้าเทียบกับเรื่องใหม่นี้แล้ว ยังไงก็ไม่มีทางเทียบกันได้แน่นอน

ถ้าหากว่าเรื่องที่เจียงเซ่อและเผยอี้กำลังจะแต่งงานถูกปล่อยออกไปละก็ หัวข้อและความน่าสนใจของเรื่องก็จะถือว่ายกระดับขึ้นเป็นระดับประเทศเลยทีเดียว ถึงตอนนั้นแล้วทั้งสื่อกระแสหลักและกระแสข่าวย่อยภายในประเทศก็คงพากันประโคมข่าวกัน

ขอแค่เจียงเซ่อแกล้งปล่อยข่าวเล็กๆ น้อยๆ เรื่องพวกนี้มันก็ไม่ได้ยากอะไรอยู่แล้ว

แต่ปัญหาก็คือ เจียงเซ่อจะพูดถึงมันหรือเปล่า

โม่อานฉีเองก็อยู่กับเธอมาหลายปีแล้ว นิสัยของเธอหล่อนเองก็เข้าใจในระดับหนึ่ง

ในมุมมองของโม่อานฉี เจียงเซ่อเป็นคนที่ยึดหลักการในตัวเองสูงมาก เธอแบ่งแยกระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกันอย่างสิ้นเชิง เข้าวงการมาตั้งหลายปี ถึงแม้ว่าในระหว่างนั้นจะต้องมีการแข่งขันกับเถาเฉิน แถมยังต้องถูกเถาเฉินคอยขัดขาอยู่ตลอด แต่ก็ไม่เคยที่จะเอาเรื่องของตระกูลเผย ออกมากดเถาเฉินลงเลย

หรือแม้แต่การเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับซุปเปอร์คาร์อย่าง leopard ในปีที่แล้ว ที่ถูกคุณนายโจวและคนอื่นๆ ยั่วยุต่างๆ นาๆ แต่สุดท้ายเธอก็พึ่งแค่คนในกลุ่มด้วยกันเอง และผ่านสถานการณ์เหล่านั้นมาได้ทุกครั้ง

กับในสถานการณ์ตอนนี้ โม่อานฉีเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะยอมเอาชื่อของตระกูลเผยมาอ้าง เพื่อที่จะก้าวผ่านสถานการณ์อันตรายนี้ไป

“เรื่องจะใหญ่มากไหมงั้นหรือ?” โม่อานฉีขบริมฝีปาก แล้วลองถามออกไป

“เธอจะคิดที่จะ เปิดเผยเรื่องฐานะของคุณเผยเหรอ?”

“จะทำอย่างนั้นทำไมกัน”

เธอหัวเราะขำๆ เรื่องของเถาเฉินจะว่าเล็กก็ไม่เล็ก แต่จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่

เรื่องที่เถาเฉินยกเลิกสัญญากับซื่อหยินเหออาจจะเป็นข่าวที่ใหญ่ที่สุดสำหรับในปลายปีนี้เลยก็ว่าได้ แต่ถ้าจะพูดให้ดูหนักกว่านั้น ก็คือมันสามารถดึงความสนใจจากกลุ่มคนภายในประเทศที่กำลังให้ความสนใจกับหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ไปได้ และมันก็จะส่งผลกับเรื่องยอดขายบัตรหนังด้วย

ที่ใหญ่ที่สุดก็คงจะกลายเป็นว่ายอดขายบัตรหนังภายในประเทศอาจจะไม่ได้สูงตามที่ผู้เชี่ยวชาญในวงการคาดการณ์กันเอาไว้ และมันก็จะกลายเป็นเรื่องที่คนอื่นๆ จะเอามาเหน็บแนมกันไป

แต่หนังเรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะมาเสียชื่อเสียงเพียงแค่ได้รับคำเหน็บแนมและเสียงหัวเราะจากคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเสียหน่อย เพราะรางวัลที่ใหญ่ที่สุดในงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ก็ยังคว้ามาแล้ว และชื่อของเธอก็มีการบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของงานหนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนังแล้วด้วย ไม่มีทางที่ผลลัพธ์ของยอดขายหนังจะมาเปลี่ยนไปได้อีกแน่นอน

เรื่องๆ นี้ มันยังไม่ได้มากพอที่จะให้เธอเอาเรื่องการแต่งงานมาพูดหรอก

คุณปู่เผยเป็นถึงผู้นำหัวเซี่ยที่กุมอำนาจเอาไว้เกือบทั้งหมด ทำให้ฐานะของคนในตระกูลเผย มากพอที่จะเป็นที่จับตามองของคนทั่วๆ ไปอยู่แล้ว

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว เธอก็ไม่อยากจะที่เอาเรื่องของเผยอี้มาปะปนกับเรื่องงานของตัวเอง เอามันมาเป็นเหมือนด้ายดิ้นเงินดิ้นทองที่ปักประดับบนผืนผ้า เพื่อส่องประกายโอ้อวดคนอื่น

ตั้งแต่ที่เผยอี้เกิดมา เขาก็ถูกคนจับตามองมากมายพอแล้ว

เธอที่เลือกทางเดินเป็นนักแสดง หนทางที่มีทั้งความมีเกียรติและความเสื่อมเสียเธอเองก็เห็นมามากพอแล้ว การที่เป็นบุคคลคนหนึ่งในวงการ มันถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าจะต้องยืนอยู่ท่ามกลางแสงอันเจิดจ้า ถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าจะต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสายตาของผู้คน แต่เธอก็ทนไม่ได้ที่จะให้เผยอี้ต้องมาเจออย่างเธอ ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องถูกจ้องมองอยู่ตลอด จนไม่กล้าที่จะทำอะไรผิดพลาด

ถึงแม้ว่าตัวเขาเองก็เป็นชายหนุ่มที่รูปร่างหน้าตาดีเหมือนกัน และค่อยๆ เติบโตเป็นผู้ชายที่มีความเด็ดเดี่ยวเหมือนอย่างที่ใจของเธอคิด ในอนาคตของทั้งสองคน ที่จริงต่างก็ยอมรับแล้วว่าจะไม่สามารถให้ชีวิตแบบสงบเงียบได้อีก

แต่ก่อนที่วันเวลาเหล่านั้นจะมาถึง เธอก็ยังหวังว่าจะให้เผยอี้ได้ผ่อนคลายอีกสักนิด และนั่นก็เป็นสิ่งที่เธอกำลังพยายามมาทั้งหมด เป็นความอบอุ่นเล็กๆ ที่อยากจะปกป้องเผยอี้

เธอปฏิเสธข้อเสนอของโม่อานฉี และโม่อานฉีเองก็พอจะเดาได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว หล่อนลากเก้าอี้มาตัวหนึ่งแล้วนั่งลง

“เมื่อคืนนี้ ฉันได้วีดิโอคอลกับคุณเซี่ยมาแล้วด้วย”

ในสถานการณ์แบบนี้ ดูท่าแล้วเซี่ยเชาฉวินเองก็คิดที่จะปล่อยข่าวการแต่งงานเหมือนกัน เอาข่าวเรื่องการแต่งงานมาปัดข่าวของเถาเฉินออกไป แน่นอนว่ายังไงก็เหนือกว่าเห็นๆ แต่ว่ายังไงเรื่องนี้ก็ต้องถูกเจียงเซ่อปฏิเสธอยู่แล้วแน่ๆ ความเป็นไปได้ที่เธอจะเห็นด้วยก็มีไม่มากแน่นอน

“คุณเซี่ยเองก็คิดว่าเธอเองก็คงไม่ยอมใช้วิธีนี้ แต่ว่านะเซ่อเซ่อ เธอจะไม่ลองพิจารณาดูสักหน่อยหรือ?”

โม่อานฉีพยายามพูดโน้มน้าว

“ยังไงเรื่องงานแต่งงานของเธอกับคุณเผยก็จะเกิดขึ้นในปีนี้อยู่แล้วนี่”

งานแต่งานของทั้งสองจะถูกจัดขึ้นภายในเดือนกันยายนปีนี้ หลังจากที่โปรโมทหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เสร็จ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จนไปถึงพฤศจิกายนเซี่ยเชาฉวินก็ได้ปล่อยตารางงานที่ว่างยาวให้เจียงเซ่อ ให้เธอได้ไปถ่ายพรีเวดดิ้งกับเผยอี้และจัดการเตรียมการเรื่องงานแต่ง

ตระกูลเผยไม่ได้เหมือนกับคนทั่วๆ ไป หลานคนโตแต่งงานทั้งที ก็ต้องเป็นไปตามระเบียบประเพณี จะต้องมีสื่อของทางราชการ เพื่อที่จะประกาศให้ทั่วทั้งประเทศได้รับรู้ ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

ในหลายปีก่อนหน้านี้ที่มีงานแต่งงานของเผยจิ้นฮว๋าย ก็ได้มีการประกาศให้ทั้งประเทศได้รู้เช่นกัน

ในตอนนั้นสื่อข่าวต่างๆ ไม่ได้เป็นเหมือนอย่างในปัจจุบัน แต่การที่ลูกชายคนโตของตระกูลเผยแต่งงาน ก็สามารถดึงดูดความยินดีจากทั้งประเทศได้เช่นกัน

จนมาถึงคราวของเผยอี้ ในยุคที่สื่อและอินเทอร์เน็ตก้าวหน้าไปขนาดนี้ เรื่องที่เผยอี้จะแต่งงาน แค่ชี้ทางนิดหน่อย บวกกับฐานะของเจียงเซ่อ แน่นอนว่ายิ่งเป็นเรื่องใหญ่อยู่แล้ว ถ้าเอามาสยบข่าวของเถาเฉินในตอนนี้ ก็น่าจะเหมาะสมกว่าเรื่องไหนๆ อยู่แล้ว

อย่างมากก็แค่เร็วไปหน่อยสำหรับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน โม่อานฉีคิดว่าปล่อยข่าวออกไปตอนนี้ มันก็แตกต่างกันแค่เรื่องระยะเวลาช้าเร็วก็เท่านั้นเอง

“ยังไงช้าเร็วก็ต้องบอก บอกตอนนี้เลยก็ได้นี่นา”

เจียงเซ่อส่ายหน้า เธอเข้าใจเหตุผลดี และเธอก็คิดอะไรได้มากกว่าที่โม่อานฉีคิดได้ในตอนนี้

ในใจของเธอ เธอไม่อยากจะเปิดตัวเผยอี้เร็วเกินไป แต่ในสถานการณ์เบื้องหน้า เธอเองก็มีเหตุผลที่จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ในตอนนี้เหมือนกัน

“อานฉี เธอเองก็อยู่กับฉันมาหลายปีแล้ว มีเรื่องบางเรื่อง เธอก็น่าจะรู้ดี”

โม่อานฉีอยู่กับเธอมานาน ตั้งแต่ที่เธอเข้าวงการบันเทิงมา หล่อนก็อยู่ข้างเธอมาโดยตลอด ทั้งสองร่วมงานกันได้อย่างสงบสุขและราบรื่น และในระหว่างนั้นก็ไม่เคยสักครั้งที่จะมีเรื่องบาดหมางเสียดสีกัน กับเรื่องส่วนตัว เสื้อผ้าอาหารรวมไปถึงที่อยู่ โม่อานฉีก็เป็นคนจัดการให้อย่างน่าเชื่อถือและเหมาะสม และไม่เคยทำให้เธอต้องรู้สึกหงุดหงิดใจกับเรื่องพวกนี้เลยสักครั้ง กับเรื่องงาน โม่อานฉีก็สามารถทำสิ่งต่างๆ ตามที่เซี่ยเชาฉวินกำชับและสั่งเอาไว้เป็นอย่างดี ทั้งการตรวจเช็ค การติดต่อกับหน่วยงานต่างๆ ก็ไม่เคยเกิดข้อผิดพลาด ตารางงานก็จัดออกมาได้อย่างดี และสามารถปกป้องดูแลเธออย่างใส่ใจทุกรายละเอียดไม่บกพร่อง

เจียงเซ่อคิดว่า ถ้าหากว่าไม่ได้เกิดเรื่องกะทันหันอะไรจริงๆ โม่อานฉีก็คงร่วมงานกับเธอได้เป็นสิบปี และอาจจะยาวนานกว่านั้น จึงมีเรื่องบางเรืองที่เจียงเซ่อเองก็ไม่คิดที่จะปกปิดหล่อน

“คนในตระกูลเผยเป็นคนประเภทไหน เธอเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว”

ตอนนี้เธอกำลังค่อยๆ สะสมชื่อเสียงและความสำเร็จต่างๆ ถ้าพูดในอีกมุมมองหนึ่ง ก็พูดได้ว่ามันเป็นการชดเชยให้กับชาติกำเนิดที่ด่างพร้อยให้กับ ‘เจียงเซ่อ’ เป็นการสะสมและสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง และถือว่าเป็นสินเดิมของฝ่ายหญิงในการแต่งงานกับเผยอี้ด้วย เมื่อถึงเวลาแต่งงานกับเผยอี้แล้ว จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดในใจ และพูดได้อย่างเต็มภาคภูมิ

ในขณะเดียวกันการจัดการปัญหา ‘ที่ไม่คาดฝัน’ แบบนี้ ก็ถือว่าเป็นการเผยถึงศักยภาพของตัวเธอและทีมงานของเธอเองด้วย

ถ้าหากว่าแค่ ‘เรื่องเล็กๆ’ แค่นี้ของเถาเฉินยังต้องเอาตระกูลเผยมาช่วย อย่างนั้นอุปสรรคต่างๆ ที่จะต้องเจอในอนาคต ก็ไม่สามารถรอให้คนอื่นมาช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ได้ และนี่ก็จะเป็นจุดที่จะวัดว่าเจียงเซ่อจะมีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็น ‘คุณนายเผย’ ได้หรือเปล่า ผลลัพธ์ที่จะออกมาในตอนสุดท้ายมันจึงสำคัญมากกว่าสิ่งใด

สถานการณ์เหล่านี้ เซี่ยเชาฉวินนั่นแหละที่รู้ดีกว่าใคร