webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

643-2

บทที่ 643-2 อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้

จนกระทั่งประตูห้องของหัวหน้าถูกเปิดออก และได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังขึ้นมา

“เสียงดังอะไรกันเนี่ย?”

สีหน้าของซูหมิ่นดูตื่นเต้นสุดๆ กำลังจะบอกออกไปว่าเถาเถาได้รางวัลใหญ่จากการวางเดิมพัน ก็ดันเห็นใบหน้าที่ดูจริงจังของหัวหน้าพร้อมกับประโยคที่พูดออกมาอย่างเคร่งเครียดเสียก่อน

“หยุดพักกันได้แล้ว มีเรื่องใหญ่มา”

ทุกคนชะงักนิ่ง เถาเถาสูดหายใจเข้าลึก หัวหน้าเองก็พูดต่อ

“เมื่อครู่ฉันเพิ่งได้รับข่าว ว่าที่ซื่อจี้หยินเหอ กลุ่มของหวงหยางอี้ พากันลาออกกันหมดแล้ว”

ในหลายปีที่ผ่านมานี้บริษัทหลงสิงก็พัฒนาก้าวหน้ามาไม่น้อย ขอบข่ายของบริษัทก็ขยายกว้างออกไปในทุกๆ วัน แต่การตามจับข่าวที่เกี่ยวกับวงการบันเทิงก็ยังเป็นเรื่องหลักสำหรับบริษัทนี้เหมือนเดิม

เพื่อนร่วมงานทุกๆ คนต่างก็คุ้นหูกับชื่อ ‘หวงหยางอี้’ นี้ดี คนๆ นี้เป็นคนที่อยู่ในระดับสูงของซื่อจี้หยินเหอ และเป็นแรงสนับสนุนของเถาเฉินด้วย ระหว่างเขาและเถาเฉินนั้นมีความสัมพันธ์เป็นเพื่อนที่ดีกันมาหลายสิบปีแล้ว

ถ้าหากว่าหวงหยางอี้ออกจากงานคนเดียวก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เหมือนว่าทั้งกลุ่มที่ทำงานกับเขาจะออกจากงานกันหมดเลย งั้นก็มีความเป็นไปได้ว่า จะต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเถาเฉินแน่ๆ

เถาเฉินเองก็อยู่ในวงการมาหลายปี ในความคิดของหลายๆ คน ส่วนมากก็คงคิดว่าหล่อนน่าจะมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับซื่อจี้หยินเหอจนไม่มีทางแยกออกมาแน่ๆ ชาวเน็ตทั่วๆ ไปที่ถ้านึกถึงดารานักแสดงของซื่อจี้หยินเหอขึ้นมา ถ้าในตอนที่เจียงเซ่อยังไม่ได้เข้าวงการละก็ คนแรกที่จะถูกนึกถึงก็คือเถาเฉิน

ในสถานการณ์แบบนี้ คงไม่มีใครคาดคิดว่าเถาเฉินจะออกจากซื่อจี้หยินเหอแน่ๆ ถ้าหากว่าสิ่งที่หัวหน้าคิดมันเป็นความจริงละก็ ถ้าเถาเฉิน มีการยกเลิกสัญญากับซื่อจี้หยินเหอจริงๆ นั่นก็คงจะต้องเป็นข่าวใหญ่ที่น่าตกใจในหัวเซี่ยมากแน่ๆ และไม่แปลกใจเลยที่หัวหน้าจะมีท่าทางที่จริงจังขนาดนั้น

เมื่อเทียบกันแล้ว เรื่องข่าวที่ว่าเถาเถาชนะพนันและได้เงินมาเกือบจะหกล้านนั่น กับเรื่องที่เถาเฉินและซื่อจี้หยินเหอ ‘ตัดขาดกัน’ ก็คงไม่มีทางที่จะเทียบกันติด

“อย่างไรเสียตอนนี้ทั้งสายโทรศัพท์ของผู้จัดการส่วนตัว ผู้ช่วยของเถาเฉิน จนไปถึงคนในซื่อจี้หยินเหอเองต่างก็ไม่ว่างกันทั้งนั้น ซูหมิ่น หวังห้าว พวกเธอรีบไปแสตนด์บายที่ซื่อจี้หยินเหอเลย” จากนั้นหัวหน้าก็ได้เรียกอีกหลายๆ คนออกมา ให้ทุกคนคอยติดต่อหาทุกคนที่เกี่ยวข้อง “ลองติดต่อหาดาราและผู้จัดการตัวของคนอื่นๆ ในซื่อจี้หยินเหอให้หมด ลองดูว่าพวกเขาจะรู้เรื่องพวกนี้บ้างไหม”

หลังจากที่เรื่องนี้ถูกปล่อยออกมา ถ้าหากว่ามีการยืนยันละก็ มันก็จะกลายเป็นข่าวร้อนที่ครึกโครมและฮือฮามากที่สุดในปลายปีนี้เลยทีเดียว หรือแม้แต่กับข่าวการเข้าฉายของหนังฟอร์มยักษ์อย่างเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ก็คงจะถูกดึงความสนใจจากคนที่กำลังสนใจในตัวหนังมาเลยก็ได้

ทางฝั่งของเจียงเซ่อเองก็ได้รับรู้ข่าวพวกนี้แล้ว สิ่งที่เธอรู้มา มันมากกว่าที่พวกสื่อรู้เสียอีก

“หลังจากที่เถาเฉินออกจากซื่อจี้หยินเหอไปแล้ว ก็เหมือนว่าตั้งใจที่จะเปิดบริษัทมีเดียด้วยนะ”

ตอนที่โม่อานฉีพูดแบบนั้น ก็ทำหน้าจนปัญญาออกมา

เวลา โชค และชะตาชีวิต

หนังของเจียงเซ่อรับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่แสนมีเกียรติจาก ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ที่จริงก็ล้วนแล้วเป็นเพราะจังหวะโอกาสและความเป็นหนึ่งอันเดียวกันทั้งนั้น หลังจากที่มีการโปรโมทในต่างประเทศไปแล้วยอดขายก็ดีไม่น้อย และการโปรโมทในประเทศเองก็ถือว่าเพียงพอ

พึ่งประโยชน์จากกระแสที่ยากจะได้รับจากงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ที่สามปีจะมีครั้งแบบนี้ นอกจากที่มีการปล่อยตัวอย่างหนังที่ทำให้คนดูเกิดความอยากดูและกลับมาคึกคักได้แล้ว ตัวดนตรีเพลงที่ใช้ประกอบในภาพยนตร์ก็ถูกปล่อยออกมาเช่นกัน ยอดขายบัตรหนังก็ทะลุยอดในประวัติศาสตร์ และการที่บัตรหนังเรื่องนี้กลายเป็นสิ่งที่หายากก็ได้ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นที่น่าสนใจมากขึ้นไปอีก

แม้แต่คนในวงการเองก็ต้องตีอกรับประกัน ว่ายอดขายบัตรหนังเรื่องนี้ในหัวเซี่ยมีแนวโน้มที่จะถูกจองจนหมดแน่นอน

แต่ถ้าหากว่ามีข่าวของเถาเฉินออกมาในตอนนี้ ทำลาย ‘แรงอิทธิพล’ ตรงนี้ไป อยากจะให้มันกลับมาใหม่อีกครั้งก็คงจะเป็นเรื่องยากแล้ว

ถ้าหากว่ากระแสของหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ถูกตัด ถูกดึงความสนใจไปแล้วละก็ ผลกระทบคงไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนที่กำลังให้ความสนใจเท่านั้น เพราะมันยังจะส่งผลต่อยอดขายบัตรหนังอีกด้วย

แฟนคลับที่มีความจงรักภักดีก็คงยังจะซื้อบัตรกันต่อ แฟนหนังเองที่ยังมีความสนใจต่อหนังเรื่องนี้ก็คงจะยังยอมเดินเข้าโรงหนังด้วยความสมัครใจ แต่ถ้าหากว่าความสนใจของใครอีกหลายๆ คนถูกดึงออกไปแล้ว ความอยากดูหนังเรื่องนี้ก็คงมีไม่มากเท่าเดิมอีกต่อไป

นอกจากเสียจากว่าจะต้องมีการออกกระแสอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับตัวหนังออกมาอีกเพื่อทับข่าวเถาเฉินเอาไว้ ไม่อย่างนั้นหนังเรื่องนี้ก็อาจจะกลายเป็นว่าเริ่มต้นมาดีแต่จะตายตอนจบ และบางทีมันอาจจะกลายเป็นหนังต่างประเทศเรื่องแรกที่เจียงเซ่อแสดง แต่สุดท้ายก็ดังได้แค่ในต่างประเทศ แต่ในประเทศตัวเองกลับงั้นๆ ให้ความรู้สึกเหมือนดอกไม้ที่เติบโตอยู่ในรั้วแต่กลับส่งกลิ่นหอมไปข้างนอกแทน

เป้าหมายที่เจียงเซ่อกำลังเพ่งเล็งในตอนนี้ก็คือตลาดต่างประเทศ แต่ก็ยังต้องให้ความสำคัญกับในประเทศตัวเองเสมอ ถ้าหากว่ากระแสพวกนี้ถูกเถาเฉินกลบไปละก็ มันก็จะทำให้คนอื่นรู้สึกว่า ขนาดตอนที่เธอยัง ‘แรงดี’ อยู่ แต่สุดท้ายก็ยังถูกเถาเฉินกดลงอยู่ดี

ตอนนี้ข่าวของเถาเฉินจะออกหรือไม่ออก ก็ถือว่าสำคัญมากทีเดียว

ซื่อจี้หยินเหอเองก็คงจะรู้ถึงผลดีผลร้ายของมันอยู่แล้ว และคงกำลังช่วยคิดหาวิธีกลบข่าวนี้กันอยู่ อย่างนั้นก็ต้องดึงไปจนกว่าจะหมดช่วงกระแสของ ‘The second coming of Jesus Christ’ ให้ได้ รอให้ยอดขายมันได้ตามที่คาดกันเอาไว้ แล้วค่อยปล่อยข่าวออกมา

แต่ทว่าเถาเฉินเองก็เป็นคนที่ฉลาด แน่นอนว่าหล่อนตั้งใจที่จะเลือกออกจากบริษัทในตอนนี้ และแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าหล่อนไม่ได้คิดเรื่องนี้มาแค่วันสองวัน

แน่นอนว่าหล่อนจะต้องมีการคิดพิจารณามาอย่างดี แต่แค่รอให้ถึงช่วงเวลาที่ ‘เหมาะสม’ เท่านั้น แล้วค่อยป่าวประกาศเรื่องพวกนี้ออกมา หยิบยืมช่วงเวลาแบบนี้ ในการกลบ ‘กระแส’ ของเจียงเซ่อลง เพื่อให้แน่ใจว่าในหัวเซี่ย หล่อนยังคงเป็นคนที่มีอิทธิพลมากที่สุดเพียงคนเดียวเท่านั้น

การตัดสินใจของบริษัทอาจไม่สามารถทำให้หล่อนยอมศิโรราบได้ ถ้าหากว่าหล่อนยอมที่จะไปตายเอาดาบหน้า เลือกที่จะมา ‘ตัดขาด’ กับซื่อจี้หยินเหอในตอนนี้ เมื่อกระแสความสนใจมันถูกดึงไปแล้ว จะดึงกลับมาก็คงเป็นเรื่องยาก

“ทำยังไงกันดีล่ะ?”

โม่อานฉีรู้สึกทำอะไรไม่ถูก หล่อนเองก็เป็นแค่ผู้ช่วยส่วนตัว คนที่จะสามารถจัดการกับเรื่องเร่งด่วนแบบนี้ได้ ก็คงมีแค่เซี่ยเชาฉวินคนเดียวเท่านั้น

แต่เมื่อหลายวันก่อนนี้ หล่อนได้เดินทางไปยังฝรั่งเศสแล้ว เพื่อที่จะไปเจรจาเรื่องเซ็นสัญญากับการเป็นแรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับ Melovin จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับประเทศเลย

แล้วจู่ๆ เถาเฉินก็ดันจะมายกเลิกสัญญากับซื่อจี้หยินเหอในตอนนี้ มันกะทันหันเกินไป และเหมือนจะไม่มีช่องทางให้ดึงอะไรกลับมาได้เลย ทางเซี่ยเชาฉวินเองก็รู้เรื่องและได้รับการเตือนจากท่านประธานแล้ว แต่เรื่องสัญญากับ Melovin เองก็เจรจาไปถึงครึ่งทางแล้ว ไม่ใช่ว่าจะทิ้งก็ทิ้งได้เลย

แล้วถ้าหากทิ้งไป ก็คงไม่พ้นจะเหมือนกับตอนแชมพูสระผม Carolus ในตอนนั้นอีก ที่ต้องถูกคนแย่งไปต่อหน้าต่อตา

“ทางคุณเซี่ยบอกว่า เข้าสู่ขั้นตอนการเซ็นสัญญาแล้ว”

ตอนนี้โม่อานฉีพยายามเป็นอย่างมากที่จะบังคับไม่ให้ตัวเองลนลาน “ฉันลองติดต่อไปแล้ว เขาบอกว่าจะรีบจัดการทำเรื่องให้เสร็จเร็วที่สุด แล้วจะกลับมาแก้ไขปัญหาทางนี้” พอเซี่ยเชาฉวินไม่อยู่ ทีมก็เหมือนขาดเสาหลักไปในทันที

ถึงแม้ว่าปลายสายอย่างเซี่ยเชาฉวินบอกว่าจะรีบกลับหัวเซี่ยให้เร็วที่สุด แต่ไอ้ ‘เร็ว’ นี่มันนานแค่ไหนกันล่ะ ไม่มีใครรู้ทั้งนั้น

กับวาระเร่งด่วนแบบนี้ สิ่งที่ต้องทำก็คือจะทำอย่างไรเพื่อที่จะหยุดเถาเฉินไม่ให้หล่อนปล่อยข่าวว่าตัดขาดกับซื่อจี้หยินเหอแล้วในตอนนี้ ถึงแม้ว่าโม่อานฉีจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเรื่องนี้ต้องเป็นหล่อนนั่นแหละที่ต้องเป็นคนหยุดยั้ง แต่ถึงจะมีความตั้งใจ แต่ก็ไร้กำลังจะทำอยู่ดี มันยากเกินกว่าที่จะหยุดยั้งได้

ผู้ช่วยที่เหลือเองต่างก็ร้อนรน ส่วนเจียงเซ่อยังคงเตรียมตัวกับการไปงานโปรโมทหนัง ‘The second coming of Jesus Christ’ รอบแรกในหัวเซี่ย

เมื่อเทียบกับสีหน้าของเหล่าผู้ช่วยที่ดูเคร่งเครียดแล้ว เจียงเซ่อก็ดูสงบนิ่งกว่ามาก กับปัญหาพวกนี้ มักจะมีเซี่ยเชาฉวินเป็นคนจัดการคนทุกอย่างเรียบร้อยเสมอ เรื่องอื่นที่อยู่นอกเหนือการถ่ายหนัง ก็ล้วนเป็นเรื่องที่ไม่ต้องให้เธอไปพะวง ไปถาม สิ่งที่เธอต้องทำก็มีแค่ตั้งใจทำสิ่งที่เป็นเรื่องของตัวเองและทำให้สำเร็จไปเท่านั้น

“เซ่อเซ่อ พวกเราจะทำยังไงกันดี?”

โม่อานฉีกัดปากแน่น มือทั้งสองข้างยกปิดหน้าเอาไว้ พยายามที่จะไม่ลนลาน “คุณเซี่ยบอกว่า ช่วงนี้ให้พวกเราคอยจัดการประคับประคองสถานการณ์ไปก่อน”

ทางทีมงานหนัง ทั้งเชี่ยซ่าเหลยและโดนัลด์เองต่างก็มีอิทธิพลในวงการต่างประเทศอยู่แล้ว แต่ในประเทศ ถ้าอยากจะฉุดยื้อกระแสกับเถาเฉินก็ยังถือว่าห่างกันมาก สุดท้ายแล้วคนที่จะมาฉุดยื้อกระแสกับเถาเฉินได้ ก็มีเพียงแค่เจียงเซ่อเท่านั้น

การปะทะกันระหว่างเธอและเถาเฉิน มันไม่ใช่แค่ในหนังเท่านั้น แต่ทั้งการวิพากษ์วิจารณ์ของคนทั่วไป ทั้งกระแสความนิยม และหัวข้อที่ต้องถูกพูดถึง ต้องห้ามโดนเถาเฉินกดลงไปได้เด็ดขาด

“ขอแค่ให้สามารถดึงกระแสกลับมาจากเถาเฉินได้ก็พอแล้ว”

เจียงเซ่อแต่งหน้าเตรียมไปงานฉายหนังรอบแรกในคืนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ในห้องโถงของโรงภาพยนตร์ IMAX ได้มีการจัดห้องพักให้กับทีม ‘นักแสดงหลัก’ ไว้เรียบร้อย เธอจ้องมองไปยังผู้ช่วยที่กำลังจะสติแตก ราวกับว่ามีแผนอยู่ในใจอยู่แล้ว

“พี่เชาฉวินบอกให้ประคองสถานกาณ์ไปก่อน แล้วได้บอกไหมคะ ว่าเรื่องนี้สามารถสร้างกระแสได้ถึงระดับไหน?”