บทที่ 628 ที่มาครั้งนี้
เชี่ยซ่าเหลยควบคุมหนังได้ดีมาก เนื้อเรื่องก็มั่นคง เขาเหมือนเป็นเชฟระดับสูงที่ปรุงอาหารสดอย่าง ‘นักโทษ’ ให้เป็นอาหารสำเร็จรูปรสเลิศและอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย
แน่นอนว่า นี่เป็นเพราะความหมายของตัวละครในหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ และการแสดงของโดนัลด์ เจียงเซ่อก็ทำให้เนื้อเรื่องมีเสน่ห์ ทั้งสองคอยสนับสนุนกันและกัน จึงเกิดเป็นหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’
พอหนังจบเสียงปรบมือก็ดังขึ้นปานฟ้าร้อง
หลังจากหนังจบเจียงเซ่อและโดนัลด์ก็ออกจากโรงหนังไปเงียบๆ หลังจากออกมาหัวใจของโดนัลด์ก็พองโต
“ไม่แปลกใจเลยที่เชี่ยซ่าเหลยยอมพนัน ถ้าฉันมีโอกาสแบบนี้ ฉันก็ยอมพนันเหมือนกัน”
เขาพูดกับเจียงเซ่อพร้อมรอยยิ้ม โดยไม่สนใจสายตาของแขกในงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ที่เดินผ่านไปผ่านมานอกโรงหนังที่โดนัลด์เห็นเขาแล้วตกใจและต่างมองเขาด้วยความดีใจ
การแสดงของตนเองในหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไร โดนัลด์รู้อยู่แก่ใจ แต่หลังจากการตัดต่อกลับมีเสน่ห์ที่ยากจะมองข้ามได้ ผลลัพธ์ออกมาดีมาก ประกอบกับเพลงที่เหมาะสมถ่ายทอดความศรัทธาของกลุ่มนักรบในโบสถ์ออกมาและนี่เป็นสิ่งที่หนังดีๆ เรื่องหนึ่งไม่ควรมองข้าม
“เจียง เชี่ยซ่าเหลยพูดถูก เธอต้องไปเตรียมตัวให้ดี” เขาลูบหน้าทีหนึ่ง สายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“พรมแดงในพิธีเปิดของ ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ เธอจะต้องเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด”
คำพูดของเขาได้แฝงความนัยไว้ว่า หนังเรื่องนี้มีโอกาสได้รับรางวัล เรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา ประเด็นในเรื่องทั้งยังเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์และจิตสำนึก ล้วนเป็นสิ่งที่กรรมการมักจะประเมิน หนังเรื่อง ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ นอกจากความเป็นนิทานแล้ว ก็ยังแฝงประเด็นเหล่านี้เอาไว้ด้วย
ภายนอกอันเมตตาของอังเดรมีความ ‘ร้ายกาจ’ ซ่อนอยู่และภายนอกที่เป็นปีศาจของบริตนีย์มีความบริสุทธิ์ซ่อนอยู่ การเปรียบเทียบที่เห็นได้ชัดแบบนี้ ท้ายที่สุดแล้ว ‘ความดีเอาชนะความชั่ว’ และแฝงความหมายว่าความดีหรือความชั่วมี ‘คำโกหกเพราะหวังดี’ แฝงอยู่ ตอนจบที่เสียดสีแบบนี้ จะทำให้คนประทับใจได้มากกว่า
ในโรงหนังหลังจากซูเพ่ยเอินออกมาก็ยังยากที่จะเก็บความประทับใจเอาได้ แทบจะแขกทุกคนที่ดูหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จบ ก็ต่างลงคะแนนเสียงในมือให้กับหนังเรื่องนี้อย่างไม่ลังเล
สถานที่ลงคะแนนอยู่ที่ห้องวีไอพีของ Shrine Auditorium and Expo Hall ซึ่งในขณะนี้แถวก็ยาวมากแล้ว
แฟนหนังส่วนหนึ่งจากทั่วโลกที่ติดตามงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ต่างก็กำลังดูถ่ายทอดสดจากทางเว็บไซต์ คนจำนวนมากต่างพบว่า สถานที่ลงคะแนนมีการเข้าแถว แฟนหนังจำนวนมากเห็นสถานการณ์แบบนี้แล้วต่างก็แปลกใจ
ทุกคนต่างรู้ดีว่า ระยะเวลาดูหนังของแขกในงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ มีประมาณ 15 วันจากเทปบันทึกของปีที่ผ่านๆ มา คนที่ลงคะแนนในวันแรกจะน้อยมากไม่ใช่เหรอ
อย่างไรก็ตาม แขกที่ได้รับเชิญมางานและมีสิทธิ์ลงคะแนน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ที่มีประสบการณ์และเป็นคนที่เข้าใจกติกาของงานแบบนี้เป็นอย่างดี
เพราะแขกทุกคนมีเพียงแค่เสียงเดียว คนส่วนใหญ่จะระมัดระวังในการลงคะแนนเสียงเป็นอย่างมาก ถ้ายังไม่ดูหนังทุกเรื่องจบ โดยปกติแล้วจะไม่ตัดสินใจง่ายๆ
ที่ผ่านมา บรรยากาศการเข้าแถวแบบนี้จะเกิดขึ้นหลังจากฉายหนังสิบห้าวันจบ
สำหรับการลงคะแนนเสียงก่อน น้อยมากที่จะเกิดขึ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหตุการณ์เข้าแถว
แม้ว่าจากคลิปในกล้องวงจรปิด คนเข้าแถวไม่ได้เยอะมากมีประมาณสิบกว่าคน แต่ก็ยังคงทำให้แฟนหนังที่เฝ้าอยู่หน้าอินเทอร์เน็ตเห็นเหตุการณ์นี้แล้วตกใจไม่น้อย แต่งคาดเดากันว่าปีนี้มีหนังคุณภาพสูงที่ทำให้แขกของ ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ที่มีดวงตาเฉียบแหลมประทับใจใช่หรือไม่
ทางเว็บไซต์ได้เปิดเผยผลงานสิบกว่าเรื่องที่เข้าร่วม แทบจะเป็นผลงานของผู้กำกับชื่อดังทั้งหมด เดายากจริงๆ ว่าผลงานของผู้กำกับท่านใดที่ทำให้แขกประทับใจ
ในโลกโซเชียลต่างวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ ในเว็บไซต์ของงานหนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง ความคิดเห็นของแฟนหนังที่ใช้ ID ที่ชื่อ ‘แมวบ้านของบ้านวิลเลียม’ ได้รับความนิยมมากที่สุด
หลังจากเหตุการณ์เข้าแถวลงคะแนนเกิดขึ้นเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง เขาได้แจกแจงหนังที่ ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ประกาศว่าจะฉายในรอบแรกและรายชื่อผู้เข้าแข่งขันก่อนจะโพสต์ลงในโลกโซเชียล ให้แฟนหนังทั่วโลกมาลงคะแนน เพื่อเดาว่าใครคือผู้โชคดีที่ได้รับคะแนนตั้งแต่หนังเข้าฉายรอบแรก
หนังที่ฉายในรอบแรกของงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ มีทั้งหมดสิบห้าเรื่อง ผู้กำกับแต่ละคนล้วนมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่ผู้กำกับหลายคนถูกเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของหนังในตำนานของงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ไปแล้ว และกลายเป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมในบรรดาผู้เข้าแข่งขัน
และเพราะทีเซอร์หนังเรื่องของ ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่ถูกปล่อยออกมาในตอนแรกอลังการมาก เพราะฉะนั้นจึงมีแฟนคลับจำนวนหนึ่งสนับสนุนหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’
แต่ก็มีคนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จะทำให้แขกลงคะแนนตั้งแต่หนังฉายรอบแรก
เชี่ยซ่าเหลยมีผลงานที่มีคุณภาพจริง แต่จากผลงานที่ผ่านมาเป็นไปไม่ได้ที่หนังของเขาจะสร้างปรากฏการณ์การลงคะแนนแบบนี้ได้ ‘แขก’ ทุกคนต่างเป็นคนที่มีประสบการณ์ ไม่ตัดสินอย่างง่ายดายแบบนี้แน่
ผู้หญิงของแวร์ซาย ‘การที่หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เปลี่ยนบทของลาร่าเป็นการกระทำที่ผิดมากที่สุดของเชี่ยซ่าเหลย เขาเหมือนถูก ‘ผู้หญิงหัวเซี่ย’ วางยาและตัดสินใจลงไปอย่างขาดสติ’
โบลล์ ‘การร่วมงานกันของหญิงสาวหัวเซี่ยและโดนัลด์กลับอาจจะเป็น ภัยพิบัติ แต่ตั้งแต่ที่หนังเรื่องนี้สามารถมาเข้าฉายที่นี่ได้นั้นฉันก็คิดว่าหนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้แขกลงคะแนนกันมากขนาดนั้น เพราะฉะนั้นฉันคิดว่าการลงคะแนนให้ผลงานของโมนเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุด’
……
ในหัวเซี่ยความคิดเห็นเหล่านี้ถูกนักข่าวเขียนเป็นข่าวอย่างรวดเร็วและกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด
ชาวเน็ตถูกแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มที่หนึ่งคือ กลุ่มที่หวังให้หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่เจียงเซ่อเป็นนักแสดงนำได้รับคะแนนโหวตมากพอและถูกเสนอชื่อเข้าชิงใน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’
เพราะอย่างไรก็ตามตั้งแต่งาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ จัดขึ้นจนเกือบหนึ่งร้อยปีมานี้ปียังไม่เคยมีผลงานของหัวเซี่ยมีโอกาสถูกเสนอชื่อเข้าชิง ยิ่งนักแสดงหญิงในหัวเซี่ยก็ไม่เคยได้เดินบนพรมแดง การมีผลงานมาฉายใน Shrine Auditorium and Expo Hall ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้พบบ่อยมากนัก
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เจียงเซ่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งของหนังฟอร์มยักษ์และเป็นผลงานของผู้กำกับชื่อดัง ทั้งยังเป็นนางเอกในหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ คู่กับนักแสดงระดับโดนัลด์อีกด้วย ซึ่งแค่นี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากแล้ว
นี่อาจจะเป็นก้าวที่นักแสดงหัวเซี่ยได้เข้าใกล้กับพรมแดงของงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ มากที่สุด คนในประเทศต่างชื่นชมเธอเป็นอย่างมากและหวังให้เธอได้โอกาสนี้
และอีกกลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มที่เหมือนชาวเน็ตต่างชาติที่ไม่ชื่นชมนักแสดงในหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ และเหตุผลก็เหมือนกับชาวเน็ตต่างชาติ นั่นก็คือผลงานก่อนหน้านี้ของเชี่ยซ่าเหลยแม้กระแสตอบรับจะดี แต่ก็ยังไม่ได้ถึงขั้นมีผลงานระดับเทพมาพิสูจน์ฐานะจนสามารถทำให้แขกเหรื่อไปลงคะแนนทันทีตั้งแต่ดูหนังเรื่องแรกได้
คนพวกนี้ต่างเป็นคนใจเย็นและมีสติมาก จากผลงานที่ผ่านมา ชาวเน็ตคิดว่าผลงานของผู้กำกับระดับ โมนและเหล่าผู้กำกับระดับเทพดูจะมีแรงดึงดูดคะแนนเสียมากกว่า
หยางลี่หรงเป็นหนึ่งในผู้ชมที่ไม่ชื่นชมหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ แต่เหตุผลที่เธอไม่ชอบหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ไม่ได้เป็นเพราะเจียงเซ่อ แต่กลับเป็นเพราะเชี่ยซ่าเหลยต่างหาก
เธอเป็นแฟนคลับที่ติดตามเถาเฉินมานานหลายปี ตอนที่เถาเฉินร่วมงานกับเชี่ยซ่าเหลย เธอเป็นคนที่ชื่นชมมากที่สุด
เพราะหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ทำให้เธอเคยหลงชอบเชี่ยซ่าเหลยอย่างไม่มีข้อแม้อยู่นานมาก หลังจากหนังเรื่อง ‘The Lost City’ เข้าฉาย ไม่เพียงแค่ไปดูด้วยตนเองยังชวนเพื่อนๆ และญาติพี่น้องที่อยู่รอบข้างไปดู ในช่วงที่หนังเรื่องนี้เข้าฉายเธอดูไม่ต่ำกว่าสิบรอบ
สามารถพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่า รายได้หลายพันล้านของหนังเรื่อง ‘The Lost City’ เธอเองก็มีส่วนในการสนับสนุน!
เธอเคยคิดว่าเชี่ยซ่าเหลยเป็นผู้กำกับที่มองการณ์ไกลมาก เพราะว่าเขาตาแหลม เห็นความสามารถของเถาเฉินและยอมให้โอกาสเถาเฉินในหนังเรื่อง ‘The Lost City’
ตอนนั้น ข่าวที่เจียงเซ่อจะแสดงหนังเรื่อง ‘The Lost City’ สร้างความฮือฮาให้กับคนในประเทศเป็นอย่างมาก จนกระทั่งภายหลังเจียงเซ่อถูกเชี่ยซ่าเหลยเอ่ยปากชม ในขณะเดียวกันก็เซ็นสัญญากับหนังเรื่องใหม่ของเชี่ยซ่าเหลย และนั่นก็ทำให้หยางลี่หรงผิดหวังในตัวเขามาก
ช่วงที่ทีเซอร์ของหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ถูกปล่อยออกมา แม้ว่าทางเว็บไซต์จะไม่ได้เปิดเผยว่านักแสดงคนไหนแสดงเป็นใคร แต่ในทีเซอร์มีตอนที่เจียงเซ่อปรากฏตัวแล้วสบตากับโดนัลด์ จากนั้นการที่เจียงเซ่อเดินทางไปโปรโมทหนังที่อเมริกา ทำให้เกิดการคาดเดาที่ว่า เธอเป็นนางเอกในหนังของเชี่ยซ่าเหลย เรื่องนี้จึงทำให้หยางลี่หรงโกรธมาก
ไม่ว่าจะอายุหรือประสบการณ์ เจียงเซ่อก็มีน้อยกว่าเถาเฉิน หนังที่เธอแสดงไม่ว่าเรื่องไหนก็ทำรายได้ไม่ต่ำเลย รายได้รวมกันมากกว่ารายได้หนังทั้งหมดของเจียงเซ่อรวมกันเสียอีก
ในหนังเรื่อง ‘The Lost City’ แม้ว่าบทของเถาเฉินจะไม่มากนัก แต่เธอก็สร้างคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นให้กับตัวละครนี้อย่างสุดความสามารถ
สำหรับหยางลี่หรงแล้ว ไม่ว่าอย่างไรนางเอกก็ไม่ควรเป็นเจียงเซ่อ เธอคิดว่านี่เป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในการเลือกนักแสดงของเชี่ยซ่าเหลย
หลังจากข่าวเรื่องการลงคะแนนในงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ถูกเผยแพร่ในประเทศ เพื่อนร่วมงานในสำนักงานต่างวิเคราะห์เรื่องนี้กันตลอดเวลา สำหรับเรื่องที่เพื่อนร่วมงานอยากให้หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ถูกเสนอชื่อเข้าชิงในงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ หยางลี่หรงรู้สึกอึดอัดมาก เธอหาเหตุผลต่างๆ นานา มาเถียง เถียงนานมาก จนมีเพื่อนร่วมงานมองเธออย่างไม่เข้าใจ
“ลี่หรง หรือเธอไม่คิดว่าการที่คนในประเทศได้เดินบนพรมแดงของ ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจเหรอ”
ใบหน้าของเพื่อนร่วมงานดูแปลกใจมากและเหมือนจะไม่เข้าใจ หยางลี่หรงโกรธจนหน้าแดง เธอเองก็หวังให้นักแสดงของหัวเซี่ยได้เดินบนพรมแดงที่เหล่าคนสร้างหนังระดับเทพเคยเดิน แต่ถ้าคนแรกที่ได้เดินบนพรมแดงนั้น ไม่ใช่เจียงเซ่อแต่เป็นเถาเฉิน เธออาจจะดีใจมากกว่านี้
ความจริงแล้วเธอก็เพียงแค่เสียใจแทนเถาเฉิน
เถาเฉินไม่มีอะไรแย่กว่าเจียงเซ่อเลย ในฐานะแฟนคลับที่ชอบเถาเฉินมานาน เธอรู้ว่าในหลายปีที่ผ่านมาเถาเฉินพยายามมากแค่ไหน เธอหวังเพียงแค่ว่าสิ่งที่เถาเฉินทุ่มเทไปจะได้รับการตอบแทนก็เท่านั้น
“พอเถอะๆ หยุดเถียงกันได้แล้ว”
บรรยากาศเริ่มอึดอัด เพื่อนร่วมงานช่วยไกล่เกลี่ย ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้
“ฉันจำได้ว่าอาจารย์ซูเพ่ยเอินที่เป็นนักวิจารณ์หนังในประเทศก็เป็นแขกของ ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ไม่ใช่เหรอ การมาเยือนอเมริกาในครั้งนี้ ทาง ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ เผยแพร่แผนงานของเขาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน เขาจะมาร่วมงานนี้ไม่ใช่เหรอ หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ สนุกหรือไม่ไปถามในเพจส่วนตัวของซูเพ่นเอินก็ได้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะตอบก็ได้นะ”
ตอนนี้ภายใน Shrine Auditorium and Expo Hall หลังจากซูเพ่ยเอินจะลงคะแนนเสียงเสร็จแล้วและรอให้ตนเองจิตใจสงบลง เขาก็ดูเวลา อีก 30 นาทีเรื่องต่อไปที่เขาจองถึงจะเริ่มฉาย เขาไม่ได้เร่งรีบเข้าไปในโรงหนัง แต่หลังจากออกจากห้องลงคะแนนก็เลี้ยวเข้าตึกหน้าของ Shrine Auditorium and Expo Hall ไปเพื่อดูตารางหนังหลังจากนี้
หลังจากหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ในรอบนี้ฉายจบ รอบต่อไปจะฉายตอนสองทุ่มและที่นั่งก็ถูกจองทั้งหมดแล้ว
ในการแข่งขันผลงานของผู้กำกับที่มีชื่อเสียงหลายคนก็เป็นที่นิยม ตรงหน้าตู้ขายบัตรอัตโนมัติแต่ละเครื่อง ตอนนี้มีการเข้าแถว เพื่ออำนวยความสะดวกให้แขกที่มาเลือกหนังหน้างาน
วันแรกซูเพ่ยเอินดูหนังไปทั้งหมดสี่เรื่อง กว่าจะออกจาก Shrine Auditorium and Expo Hall ก็ดึกแล้ว
ข้างนอกยังมีนักข่าวและสื่อจำนวนไม่น้อยรออยู่ ถ้าเห็นคนออกจาก Shrine Auditorium and Expo Hall ก็จะรีบเข้าไปสัมภาษณ์ ให้ทุกคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นของตนเอง
ผู้ช่วยของซูเพ่ยเอินรออยู่นอกฮอลล์ตั้งนานแล้ว คนของหัวเซี่ยจือซวิ่นก็รออยู่ข้างนอกมาทั้งวัน วินาทีที่อวี๋จือหลินและกวนหมิงหมิงเห็นซูเพ่ยเอินออกมา ทั้งสองรีบวิ่งเข้าไปด้วยรองเท้าส้นสูง ยังไม่ทันหายหอบก็รีบถามทันทีว่า
“อาจารย์ซู เราเป็นนักข่าวจากหัวเซี่ยจือซวิ่นค่ะ”
ทั้งสองหยิบใบบัตรพนักงานของตนเองออกมา “ในบรรดาหนังที่ถ่ายใน Shrine Auditorium and Expo Hall คุณได้ดูเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่เจียงเซ่อเป็นนักแสดงสมทบแล้วหรือยังคะ”
หญิงสาวทั้งสองรอคำตอบจากซูเพ่ยเอินด้วยใบหน้ารอคอย
“ไม่ใช่นักแสดงสมทบ” ซูเพ่ยเอินพลางใส่เสื้อกันหนาว พลางแก้ไขคำพูดของกวนหมิงหมิงให้ถูกต้อง
“แต่เป็นนักแสดงนำต่างหาก”
คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวทั้งสองกรีดร้องอย่างเหลือเชื่อ ประเด็นนี้ทางผู้จัดหนังตอบอย่างคลุมเครือมาโดยตลอด ในโลกโซเชียลก็กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด ตอนนี้ซูเพ่ยเอินกลับพูดออกมาอย่างง่ายดาย นักข่าวสองสาวจากหัวเซี่ยจือซวิ่นดีใจมากที่ได้ข่าวใหม่นี้ ซูเพ่ยเอินกลับขมวดคิ้วเพราะเสียงกรีดร้องที่ดังมากนี้
นี่เป็นการยืนยันว่าวันนี้ เขาไปดูหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จริง อวี๋จือหลินนึกถึงคำถามในโลกโซเชียล
“สำหรับหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ถ้าคุณจะต้องประเมิน คุณคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นยังไงบ้างคะ”
“ฉันคิดว่าไม่เสียแรงที่มาในครั้งนี้!” ซูเพ่ยเอินตอบด้วยท่าทางอันเคร่งขรึม นี่เป็นคำประเมินค่าที่สูงมากที่เขามีต่อ ‘The second coming of Jesus Christ’
ในช่วงที่ทั้งสองกำลังดีใจจนแทบจะควบคุมตนเองไม่ได้เพราะรู้ข่าวใหญ่นี้ พวกผู้ช่วยก็ออกมาช่วยกันคนไว้ ซูเพ่ยเอินจึงผ่านวงนักข่าวที่อันหนาแน่นและออกไปจากที่นี่ได้อย่างราบรื่น
หลังจากรับประทานอาหารค่ำอย่างง่ายๆ กลับไปถึงโรงแรมก็เปิดโทรศัพท์อีกครั้ง ในโทรศัพท์มีข้อความส่งมาอย่างต่อเนื่อง เขายังไม่ทันเปิดดู สายเรียกเข้าของชุยจางเฉิงก็เข้ามาเสียก่อน หลังจากซูเพ่ยเอินรับสายเขาก็ถอนหายใจยาว
“ในที่สุดก็ติดต่อคุณได้เสียที”
ที่เขาโทรมาได้จังหวะพอดีแบบนี้ อาจเพราะบางทีวันนี้ทั้งวันเขาอาจจะโทรหาซูเพ่ยเอินอยู่ตลอดเวลาก็ได้
“อาจารย์ซู ตอนนี้คุณกลายเป็นคนดังไปแล้วนะครับ” หลังจากชุยจางเฉิงถอนหายใจ ก็พูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย