webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

629

บทที่ 629 วิพากษ์วิจารณ์

ชื่อเสียงของซูเพ่ยเอิน โด่งดังมากในวงการหนัง

คำวิจารณ์ของเขามีอิทธิพลในสายตาของแฟนหนังเป็นอย่างมาก ผู้คนในวงการต่างยอมรับในฐานะและบทวิจารณ์หนังของเขา

แต่ที่ชาวเน็ตเริ่มรับรู้ชื่อเสียงของซูเพ่ยเอินจริงๆ คือหลังจากหนังเรื่อง ‘Evil’ และ ‘The Incident’ เข้าฉายและการที่เขาชื่นชมหนังเรื่อง ‘Evil’

“หมายความว่ายังไง”

ซูเพ่ยเอินได้ยินคำพูดของเขาก็แปลกใจ ชุยจางเฉิงกลับตอบเสียงกลั้วหัวเราะว่า

“อีกสักครู่ อาจารย์ลองไปดูในเว็บ ‘สือไต้ผิงซัว’ แล้วอาจารย์ก็จะรู้เองล่ะครับ” เขาพูดทิ้งเอาไว้ ก่อนจะถามต่อว่า

“จริงสิ วันนี้อาจารย์คงดูหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ แล้วใช่ไหมครับ สำหรับอาจารย์แล้ว หนังเรื่องนี้เป็นยังไงบ้างครับ”

ชุยจางเฉิงเองก็เป็นหนึ่งในแขกของงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ และเขาก็มีสิทธิ์มางานนี้ แต่ในฐานะบรรณาธิการของเว็บวิจารณ์หนังมืออาชีพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอย่าง ‘สือไต้ผิงซัว’ เขางานยุ่งมาก โดยเฉพาะช่วงนี้ของทุกๆ ปี งานที่เบื้องบนสั่งมาเยอะจนเขาหาเวลาสิบห้าวันมาร่วมงานที่อเมริกาไม่ได้เลย

สำหรับหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ชุยจางเฉิงเองก็กำลังติดตาม นี่เป็นหนังเรื่องแรกที่เจียงเซ่อร่วมงานกับต่างชาติ ชุยจางเฉิงก็หวังว่าเจียงเซ่อจะมีอนาคตที่ดี เดินเข้าสู่สายตาของผู้ชมในทวีปยุโรปและอเมริกา

“ดีมากเลยล่ะ”

พอพูดถึงเรื่องหนัง ซูเพ่ยเอินก็ตื่นเต้นขึ้นอีกครั้ง

วันนี้เขาดูหนังหลายเรื่องติดต่อกัน จึงรู้สึกตื่นเต้นมาก พอกลับโรงแรมว่าก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเหนื่อยเลย กลับมีคำพูดมากมายที่อยากหาใครสักคนมารับฟัง คำถามของชุยจางเฉิงถือเป็นการเปิดประเด็นให้เขาได้พอดี

“จางเฉิง ฉันรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จะได้รับรางวัล”

นิสัยของซูเพ่ยเอิน ชุยจางเฉิงรู้สึกดี ถ้าไม่ใช่หนังที่ชื่นชมมากๆ เขาจะไม่พูดแบบนี้ออกมาง่ายๆ

“ดีขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“อืม”

ซูเพ่ยเอินพยักหน้า ขณะผู้ช่วยกำลังต้มน้ำเพื่อชงชาดอกไม้ให้เขาอยู่ในโรงแรม

ในห้องของซูเพ่ยเอิน กลิ่นหอมชาและชาดอกไม้อ่อนๆ ค่อยๆ อบอวลขึ้นมา ทำให้ร่างกายของเขารู้สึกผ่อนคลาย เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างหน้าต่างระเบียง หลับตาลง ในหัวคิดถึงฉากสุดท้ายของหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ฉากที่บริตนีย์ที่รับบทโดยเจียงเซ่อและอังเดรที่รับผลโดยโดนัลด์มีจุดจบเหมือนกัน ภาพที่น้ำตาไหลออกจากดวงตาของทั้งสอง

และนี่ก็คือสิ่งที่กระทบกระเทือนต่อจิตใจของซูเพ่ยเอินมากที่สุด

นักแสดงในทวีปยุโรปและอเมริกาใบหน้าคมเข้ม ร่างกายผอมแห้ง อารมณ์ที่แสดงออกบนใบหน้าสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว บนจอใหญ่ ใบหน้าแบบนี้ถือว่าได้เปรียบ เพราะเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ง่ายต่อการเปลี่ยนอารมณ์กลายเป็นคาแรคเตอร์ที่หลากหลายได้

และนี่ก็คือเหตุผลที่เหล่าผู้กำกับชื่อดังมักจะใช้นักแสดงต่างชาติ เพราะพวกเขาถ่ายทำได้ง่าย เหมาะกับจอใหญ่ ความรู้สึกหลายๆ อย่าง ไม่จำเป็นต้องกระตุ้นมากนักก็สามารถเข้าถึงอารมณ์อย่างที่ผู้กำกับต้องการได้

ในดวงตาสีฟ้าน้ำเงินและสีเขียวชอุ่มดั่งไข่มุกเหล่านั้น แม้จะดูสวย แต่สำหรับซูเพ่ยเอินแล้ว กลับดูเยอะเกินไป

เมื่อเทียบกันแล้ว ดวงตาคู่นั้นของเจียงเซ่อดีกว่ามาก ซูเพ่ยเอินรู้สึกว่า มันเหมือนมีนัยบางอย่างซ่อนอยู่

หญิงสาวคนนี้รู้จุดแข็งของตนเองเป็นอย่างดี ฉากที่เธออยู่ในกองไฟ ความเจ็บปวดและความกระวนกระวายบนหน้าใบ ถ้ามองจากอีกด้านหนึ่งแล้ว ความจริงมันเป็นการจำกัดการแสดงของเธอ

ความรู้สึกตอนนั้นของอังเดรหลากหลายกว่าเธออยู่มาก บรรยายเรื่องราวทั้งชีวิตของเขาอย่างละเอียด ทั้งความทุกข์เพราะไม่ได้ดั่งใจในครึ่งชีวิตก่อนและประสบความสำเร็จเพราะเหตุการณ์บางอย่างในครึ่งชีวิตหลัง ในขณะที่คิดว่าเดินมาถึงจุดหมายสูงสุดของชีวิตแล้ว กลับพบว่า ‘บทสวดของพระเจ้า’ นี่เป็นเรื่องโกหก

ดั่งคำพูดของหัวเซี่ยที่ว่า สุขกับทุกข์เป็นของคู่กัน ในขณะที่เขาได้เขาก็ต้องเสียเช่นกัน

เพราะฉะนั้น การที่เขาได้อำนาจและฐานะ สิ่งที่ต้องแลกคือชีวิตที่ต้องดับสูญ ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

และเขาก็อยากมีชีวิตที่เป็นอมตะจนแทบจะทนรอต่อไปไม่ไหว แต่สิ่งที่ได้มาพร้อมกับความเป็นอมตะ กลับไม่ใช่อย่างที่เขาต้องการ แต่เป็นความทรมาน

ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ ‘ลูกศิษย์’ โลภมากที่เคยอยากครอบครองอำนาจ ตำแหน่งและความเป็นอมตะต้องการกลับเป็นแค่ความตาย แต่เขาพบว่า นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่มีทางได้มา

หลังจากดิ้นรนมาหลายปี ในที่สุดเขาก็ได้ในสิ่งที่ต้องการ วินาทีนี้ความสุขของเขายากจะบรรยายออกมาได้ ความรู้สึกที่เขาแสดงออกมาในตอนนั้นยอดเยี่ยมมาก

สมแล้วที่โดนัลด์เป็นนักแสดงระดับเทพและที่มีชื่อเสียงมานาน เคยกวาดรางวัลทั้งใหญ่และเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนในยุโรปและอเมริกา เขาถ่ายทอดตัวอังเดรออกมาได้ละเอียดอ่อนมาก การแสดงโดดเด่น ทำให้คนที่โหดเหี้ยมไร้ยางอายคนหนึ่งกลายเป็น ‘ฮีโร่’ ในสายตาของทุกคน คาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวแบบนี้ เขาแสดงมันออกมาได้อย่างชำนาญ ทำให้ตัวละครที่ชื่ออังเดรมีชีวิต

ในฉากสุดท้าย การแสดงของเขาทำให้ผู้คนต่างชื่นชมเป็นอย่างมาก ทุกรายละเอียดของการเปลี่ยนอารมณ์บนใบหน้า ล้วนถือได้ว่าเป็นฝีมือการแสดงตามในตำรา

ไม่ว่าใคร ถ้ามาแสดงร่วมกับเขาในตอนนี้แล้วถูกการแสดงของเขากดก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่เจียงเซ่อกลับปูทางให้ตนเองท่ามกลางการแสดงระดับนี้ของโดนัลด์ได้อย่างเด็ดขาด ในขณะที่ทุกคนกำลังชื่นชมการแสดงของโดนัลด์ ดวงตาที่มีน้ำตานองอยู่ของเธอ ก็ดึงดูดสายตาของผู้ชมได้สำเร็จ

ในอารยธรรมหลายพันปีของหัวเซี่ย หล่อหลอมบุคคลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและอ่อนโยนดั่งสายน้ำเหล่านี้ออกมา ดวงตาเป็นประกาย ราวกับเป็นบ่อน้ำอันใสบริสุทธิ์ รวบรวมความสุขและทุกข์ทั้งหมดเอาไว้ในดวงตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนไหวของเธอ พร้อมที่จะปะทุออกมาในเวลาที่เหมาะสม ทำให้ความอึดอัดทั้งหมดซ่อนอยู่ในดวงตาอันงดงามที่มีน้ำตาคลออยู่

ความอบอุ่นในสายตานั้น ถูกแสดงออกมาในตอนท้าย ท้ายที่สุดก็ได้กลายเป็นวงแสงระยิบระยับ ทั้งในขณะที่น้ำตาหยดนั้นหยดลงมาก็ยังมีเสียงถอนหายใจดังขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้สายตาของเจียงเซ่อมีระดับมากขึ้น

ในตอนแรกซูเพ่ยเอินเชื่อมั่นในฝีมือการแสดงของเจียงเซ่อใน ‘The second coming of Jesus Christ’ เป็นอย่างมาก พัฒนาการของเธอนั้นไม่ต้องพูดถึง ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนแอของเธอตอนเจอ ‘ปีศาจ’ ในตอนแรกหรือความเป็นความบ้าคลั่งตอนกลายเป็น ‘ปีศาจ’ ในตอนท้าย แต่ซูเพ่ยเอินล้วนรู้สึกว่านี่เป็นส่วนสำคัญของทักษะการแสดง

ความจริงตอนที่เขาบอกว่ามั่นใจในฝีมือการแสดงของเจียงเซ่อ ในใจก็แอบกังวลว่าเจียงเซ่อจะให้ความสำคัญกับทักษะการแสดงมากเกินไปจนสูญเสียความเป็นธรรมชาติ

แต่สายตาสุดท้ายของเจียงเซ่อ ก็ทำให้เขาต้องยอมสยบ

ถ้าจะบอกว่า ดวงตาของเจียงเซ่อใสบริสุทธิ์เหมือนสายน้ำ ถ้าอย่างนั้นน้ำตาที่ไหลออกจากดวงตาและสายตาที่ควรค่าแก่การวิเคราะห์ให้ละเอียดในวินาทีนั้นของเธอ ก็เหมือนน้ำต้มเดือดที่ใส่ชาเข้าไป กลิ่นชาที่หอมละมุน หลังจากได้ดื่มแล้ว ก็ควรค่าแก่การดื่มด่ำไปกับรสชาติของมัน และนี่อาจจะเป็นจุดที่ฉลาดที่สุดของเธอ รู้จักใช้จุดแข็งมาเสริมจุดอ่อน ใช้จุดเด่นที่ตนเองมี จนไม่ดูด้อยและเอาตัวรอดจาการถูกฝีมือการแสดงของโดนัลด์กดลงไปได้

ตอนนี้ซูเพ่ยเอินสามารถพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่า เชี่ยซ่าเหลยตาแหลมมาก ถ้าหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เชิญลาร่ามาแสดงเป็นบริตนีย์อย่างที่ผู้ชมและชาวเน็ตคาดการณ์เอาไว้ในตอนแรก บางทีฝีมือการแสดงของเธออาจจะพอๆ กับเจียงเซ่อ ยากที่จะเปรียบเทียบได้ แต่ซูเพ่ยเอินกลับคิดว่า เชี่ยซ่าเหลยอาจไม่ได้ดวงตาที่ ‘แฝงไปด้วยน้ำตาของบริตนีย์’ เพราะนั่นเป็นเอกลักษณ์ของหัวเซี่ยที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้

น้ำชาที่ชงในคืนนี้ ซูเพ่ยเอินรู้สึกว่าอร่อยมากเป็นพิเศษ ชุยจางเฉิงยังคงคัดค้าน

“เจียงเซ่อเป็นนางเอกในหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ใช่ไหมครับ”

“ใช่ ฉันกังวลมาโดยตลอดว่าเชี่ยซ่าเหลยจะเอาไม่อยู่ แต่หลังจากดูจบ ฉันก็วางใจแล้วล่ะ”

ไม่ว่าจะเส้นไหน เชี่ยซ่าเหลยก็แบ่งอย่างชัดเจน ทั้งวิธีการถ่ายทำ แสงสีในหนังล้วนเพิ่มคะแนนให้กับหนังได้ไม่น้อย “ฉันไปเช็กสถานการณ์รอบฉายหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ในฮอลล์มาแล้ว”

เพราะจำนวนหนังที่เข้าร่วม เพราะฉะนั้นจำนวนเข้าฉายของหนังทุกเรื่องต้องเป็นไปตามกฎ แต่แขกของงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ก็เยอะมาก วันนี้จากเหตุการณ์ที่ซูเพ่ยเอินไปเข้าแถว แขกที่มาดูหนังมากกว่าปีที่แล้วอยู่มาก

ในสถานการณ์แบบนี้ เป็นความเป็นไปได้สูงมากที่งาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ จะเพิ่มรอบฉาย และจัดแจงไปตามจำนวนผู้ดูหนัง

“รอบฉายทั้งสามรอบของหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เต็มทั้งหมดแล้ว ตามกติกา จะแสดงโรงหนังที่ฉายล่วงหน้าก่อนห้าวัน นายรอดูเถอะ ช้าสุดอาจจะพรุ่งนี้ ทางเว็บไซต์จะจัดแจงสถานการณ์หนังที่จะเข้าฉายในรอบต่อไป เมื่อถึงตอนนั้นมันจะบอกสถานการณ์หลายอย่างกับเราได้”

ซูเพ่ยเอินเห็นว่าหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เต็มแล้วทุกรอบ หนังเรื่องนี้ฉายในโรงหนังขนาดกลาง โรงหนังขนาดกลางแบบนี้จุคนได้ประมาณสามร้อยยี่สิบคน ถ้าในสถานการณ์ที่เต็มทุกรอบ ทางผู้จัดงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ อาจจะคิดว่าแขกมากเกินไป ทำให้แขกบางส่วนไม่สามารถดูหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ภายในระยะเวลาที่กำหนดได้ ทำให้กระทบต่อการลงคะแนน เลยอาจจะมีการจัดการหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ใหม่ ให้หนังเรื่องนี้ไปฉายในโรงหนังใหญ่ที่สามารถจุคนได้หกร้อยห้าสิบเอ็ดคน เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของแขก

ปีที่ผ่านๆ มี ผู้ชมที่ติดตามงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ที่มีไหวพริบก็จะคาดเดาว่าหนังเรื่องไหนได้รับความนิยมในงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ จากการกระทำแบบนี้ของทางผู้จัดการ ใช้สถานการณ์แบบนี้ในการคาดเดาหนังที่จะเข้ารอบในงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ และเอาไปเปิดพนัน ‘เกม’ เป็นกิจกรรมใหญ่ที่เป็นผลพลอยได้ของแฟนหนังทั่วโลก

ซูเพ่ยเอินพูดถึงตรงนี้ ชุยจางเฉิงก็รู้เลยว่าเขาชื่นชมหนังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

“อาจารย์เตรียมจะเขียนบทวิจารณ์หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ สักฉบับมั้ยครับ”

ก่อนจะวางสาย ชุยจางเฉิงได้ถามขึ้น

“แน่นอน” ซูเพ่ยเอินดื่มชาคำหนึ่ง แล้วพยักหน้าอย่างไม่ลังเล

“หลังจากวางสาย ฉันจะเปิดคอมเลย” เขาถึงขั้นพูดอย่างดีใจว่า

“นายจะคิดว่ายังไงก็แล้วแต่ ตอนนี้ฉันตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับแล้ว หลังจากเขียนแบบร่างเสร็จฉันจะส่งไปที่อีเมลของนายแล้วกัน”

เขาอายุมากแล้ว ฝืนร่างกายไปเข้าร่วมงานที่ใช้ทั้งพลังกายและพลังใจแบบนี้ก็คงจะเหนื่อยมากแล้ว ความจริงหลังจากกลับโรงแรมไปก็ไม่ควรฝืนอีก แต่ซูเพ่ยเอินกลับไม่ง่วงเลยแม้แต่น้อย ตัดสินใจถือโอกาสตอนที่อารมณ์ของตนเองยังอยู่เขียนบทวิจารณ์หนังให้เสร็จ

ชุยจางเฉิงย้ำให้เขาดูแลสุขภาพและไม่ได้เร่งให้เขาเขียนบทวิจารณ์ให้เสร็จ สุขภาพสำคัญมากที่สุด บ่นไปมานานกว่าจะวางสาย

หลังจากเปิดคอมพิวเตอร์ ซูเพ่ยเอินก็เข้าเพจของตนเองและรู้สึกถูกใจเพราะจำนวนความคิดเห็น

จนถึงตอนนี้เขาถึงเข้าใจเหตุผลที่ชุยจางเฉิงบอกว่า ‘กลายเป็นคนดังในโลกโซเชียล’ เพียงแค่วันเดียวแล้ว ความคิดเห็นในเพจของเขามีมากกว่าหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นความคิดเห็น นี่เป็นตัวเลขที่ไม่เคยมีมาก่อน แม้กระทั่งในเทศกาลหนังฝรั่งเศส ตอนที่เขาเขียนบทวิจารณ์หนังเรื่อง ‘Evil’ ยังสร้างความฮือฮาได้ไม่ถึงขนาดนี้เลย

มาดามแห่งปารีส ‘อาจารย์ซู เซ่อเซ่อเป็นนางเอกในหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เหรอคะ’

ร่างไร้วิญญาณ ‘วันนี้ในงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ มีการลงคะแนนกันอย่างดุเดือด ในอินเทอร์เน็ตก็เริ่มมีการพนัน อาจารย์ซูคิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ’

ตั้งใจเรียน พัฒนาตัวเองขึ้นทุกวัน ‘มีข่าวจากทางหัวเซี่ยจือซวิ่นออกมา บอกว่าอาจารย์ยืนยันว่าเจียงเซ่อเป็นนักแสดงนำในหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เหรอคะ’

……

แฟนหนังและผู้ชมที่เร่งรีบอยากได้คำตอบ ต่างก็รอซูเพ่ยเอินออกมาไขปริศนา จากเวลาที่แสดงความคิดเห็นแล้ว หลังจากเปิดงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ในประเทศเมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างต่อเนื่อง

ซูเพ่ยเอินอ่านความคิดเห็นคร่าวๆ รอบหนึ่ง จากนั้นก็หยิบสมุดโน้ตที่ติดตัวมาด้วยออกมาเตรียมเขียนบทวิจารณ์หนัง

นี่เป็นนิสัยส่วนตัวของเขา ถ้าเจอหนังที่ชอบมากๆ มักจะใช้สมุดโน้ตจดความคิดเห็นของตนเอง ให้สมองของตนเองได้หวนคิดถึงเรื่องราวในหนังในขณะที่เขียน

หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ยังไม่เข้าฉาย จากเนื้อหาในทีเซอร์ที่ถูกปล่อยออกมา จะเขียนยังไงให้ไม่เป็นการสปอยแต่สามารถแสดงความคิดเห็นของตนเองออกมาได้นั้น เป็นเรื่องที่ซูเพ่ยเอินคุ้นชินและถนัดมาตั้งนานแล้ว

สำหรับเขาแล้ว หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ นอกจากเพลงประกอบ คอสตูมและฉากอันอลังการแล้ว ความหมายที่ซ่อนอยู่ในเนื้อเรื่องเองก็ยอดเยี่ยมมาก

ในโปสเตอร์ที่ทางผู้จัดทำหนังปล่อยออกมา สำหรับผู้ชมที่ไม่รู้เนื้อเรื่องแล้ว อาจจะคิดว่าทางผู้จัดการต้องการใช้นางเอกของเรื่องเป็นตัวหลอก ในขณะเดียวกันเพราะมี ‘เงา’ ยิ่งทำให้ทุกคนจินตนาการไปไกลและคิดเชื่อมโยงไปถึงอะไรอีกมากมาย

แต่หลังจากซูเพ่ยเอินดูหนังจบแล้ว กลับเข้าใจความหมายของโปสเตอร์นี้มากกว่าเดิม

ทางผู้จัดหนังเอาเงาของนางเอกมาทับบนร่างของอังเดรที่รับบทโดย ซึ่งแฝงความหมายว่า อังเดรปรารถนาใน ‘พระเจ้า’ แต่ท้ายที่สุดแล้ว คนที่ไถ่ชีวิตให้เขาจริงๆ ก็คือ บริตนีย์

และการมีปีก ควรจะหมายถึงนางฟ้าผู้บริสุทธิ์ แต่กลับทำออกมาในรูปแบบของเงามืด

ตั้งแต่ต้นจนจบ ‘พระเจ้า’ ไม่เคยปรากฏตัวเลย แต่ ‘พระเจ้า’ กลับมีตัวตนอยู่ทุกที่ ‘เธอ’ ถูกพูดถึงโดยความศรัทธา โบสถ์และอังเดร รวมทั้งบริตนีย์ที่กลายเป็นปีศาจในตอนท้าย นี่ก็เป็นการเสียดสีที่รุนแรงมาก

เรื่องนี้เป็นแนวนิยายและเรื่องเล่า พระเจ้าในตำนานเรื่องเล่า เป็นผู้ช่วยให้มนุษย์คลายความทุกข์ เป็นตัวแทนของความดีในโลกมนุษย์

หน้าโบสถ์อันหรูหรามีรูปพระเจ้าบูชาอยู่ ในอดีตทั้งพระสันตะปาปา ศิษยาภิบาลและเหล่านับรบต่างจงรักภักดีต่อพระเจ้าเป็นอย่างมาก แต่ความเป็นจริงแล้ว ทุกคนต่างไม่เคยเห็นพระเจ้าที่ตนเองศรัทธา เลยและต่างสงสัยว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่ แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะถาม

ตรงหน้าโบสถ์ ตอนที่หญิงสาวผู้บริสุทธิ์ถูกใช้เป็นเครื่องเซ่นสังเวย อังเดรที่ถูกคำสาปกลับได้รับเสียงปรบมือและคำชื่นชม นักรบผู้กล้าและไม่กลัวตาย แต่กลับถูก ‘ความจริง’ บังตา กลายเป็นการช่วยผู้ก่อโศกนาฏกรรมที่ ‘ด้านชา’ โดยไม่รู้ตัว

“หนังเรื่องนี้ควรค่าแก่การดูแล้วดูอีก ตัวละครบางตัว อาจจะหาได้จากตัวเรา”

“หลังจากดูหนังจบ กว่าฉันจะสงบจิตใจลงได้ก็ยากมาก พระเจ้าในหนัง เห็นเป็นกฎกติกาในการใช้ชีวิตในโลกภายนอก ทุกคนล้วนเป็นผู้เสียสละในกฎกติกา ครั้งแรกที่บริตนีย์ต่อต้าน ‘พระเจ้า’ ทำให้เธอกลายเป็นคนที่ใครๆ ก็รังเกียจ ความซื่อสัตย์ของนักรบ ต่างหากที่ ‘เหมาะสม’ กับพลังนี้”

ตอนที่บริตนีย์เรียนรู้การขอพรกับพระเจ้า บางทีหลังจากหญิงสาวที่เคยถูกใช้เป็นเครื่องเซ่นในตอนแรกเมื่อได้รู้ความจริงอันโหดร้ายแล้ว ในที่สุดก็เรียนรู้ที่จะถอยออกมาจากความจริง

“วินาทีนั้น ฉันรู้สึกเสียดายแทนเธอ เพราะตอนที่เธอยอมแพ้กับกฎกติกา และทุบกระจกจอมปลอมนี้กับมือของตนเอง จึงพบว่าคนที่จะไถ่ชีวิตให้ตนเองได้ ไม่ใช่ ‘พระเจ้า’ แต่เป็นตัวเธอเอง”

“ฉันชื่นชมหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ มาก เชี่ยซ่าเหลยสร้างผลงานที่ควรค่าแก่การคิดทบทวน ในขณะที่นิยายอันแปลกใหม่สร้างความสุขให้กับผู้ชม ก็มีประเด็นที่น่าชื่นชมก็ไม่ขาดเลย”

……

“ฉันหวังให้ถึงวันที่หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เข้าฉาย และฉันก็รอดูวันที่เจียงเซ่อจะได้เดินอยู่บนพรมแดงของงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ คิดว่าคงจะเป็นการแสดงเอกลักษณ์เฉพาะของหัวเซี่ยออกมาได้อย่างแน่นอน!”

ซูเพ่ยเอินเขียนฉบับร่างเสร็จในรวดเดียวแล้วส่งให้ผู้ช่วย ผู้ช่วยยังไม่ทันตรวจสอบความถูกต้อง ก็เห็นบรรทัดสุดท้ายที่ซูเพ่ยเอินเขียน จึงลังเล “อาจารย์ซู คุณจะเปลี่ยนบรรทัดสุดท้ายหรือเปล่าครับ”

ยังไงก็ตามหนังเรื่องนี้ยังไม่เข้าฉาย และตอนนี้เรื่องที่เจียงเซ่อเป็นนักแสดงนำก็ยังเป็นประเด็นที่กำลังถกเถียงกันอยู่