webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

613

บทที่ 613 เปิดเผย

ก่อนหน้านี้ที่ชุยจางเฉิงโทรมา ก็ได้ทิ้งปริศนาบางอย่างเอาไว้ด้วย บอกว่าในวีดิโอตัวอย่างของหนังเรื่องนี้มีสิ่งแปลกประหลาดบางอย่างที่แฝงเอาไว้ เมื่อเอามาเชื่อมกับเหล่าคอมเม้นต่างๆ ของแฟนคลับนักแสดงสาวฮอลลีวูดอย่างราล่าแล้ว ซูเพ่นเอินก็รีบเปิดวีดิโอดูทันที

ตัวอย่างหนังที่มีความยาวประมาณสามนาที แค่ห้าวินาทีแรกก็เป็นการโชว์เครดิตโลโก้ของบริษัทลงทุนแล้ว ซูเพ่ยเอินขมวดคิ้ว เขย่าขาเล็กน้อย รู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ หลังจากนั้นอีกไม่กี่วิ ก็เข้าสู่เนื้อหาของตัวอย่างหนังจริงๆ เสียที!

“อังเดร ท่านเคยเห็นพระเจ้าหรือไม่?”

น้ำเสียงกดต่ำของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา และเป็นน้ำเสียงที่มีความตื่นเต้นอยู่ในนั้นอีกด้วย ‘ตึง’ เสียงหนักๆ บางอย่างดังสนั่นขึ้น ราวกับว่าพื้นดินที่เรียบสงบเกิดการสั่นไหวและแตกออก เหมือนเป็นการเปิดฉากของหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’

เปลวไฟที่อยู่ในเตาผิงลุกโชนอย่างมีชีวิตชีวา อังเดรอยู่ในชุดบาทหลวงที่เก่าคร่ำคร่าถือถ้วยใบหนึ่งเอาไว้ ในตอนที่ได้ยินคำว่า ‘พระเจ้า’ ดวงตาของเขาก็มีแสงประกายบางอย่างแวบผ่านไปอย่างรวดเร็ว ประกายแสงที่ปรากฏออกมานั้นดูโดดเด่นและเปล่งประกายไม่น้อยเมื่อกระทบกับแสงเปลวไฟในเตาผิง

‘บนโลกนี้มีพระเจ้าอยู่จริงๆ ขอแค่ท่านต้องท่องบทสวดภาวนาถึงจะสามารถเรียก ‘เธอ’ ออกมาได้ ‘เธอ’ สามารถทำให้สิ่งที่ท่านกำลังปรารถนาให้เป็นจริง เติมเต็มสิ่งที่ท่าต้องการ” จากเสียงบอกเล่าของหญิงสาว มันเหมือนกับฟันเฟืองไขลานของกล่องแพนโดร่าถูกควบคุมเอาไว้ด้วยมือของอังเดร ที่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่สามารถที่จะควบคุมความปรารถนาและความทะยานอยากของตัวเองได้ จนต้องเปิดมันออกมา

ดนตรีประกอบที่ดังขึ้นมาอย่างตรงจังหวะทำให้บรรยากาศดูน่าตื่นเต้นขึ้น ประตูนรกถูกเปิดออกแล้ว ‘ปีศาจ’ มากมายเริ่มปรากฏตัวออกมา หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งถูกทำลาย สำหรับชาวบ้านในหมู่บ้านเล็กๆในค่ำคืนนี้ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุด

เสียงกรีดร้อง ความพินาศและตามมาด้วยการปรากฏตัวของ ‘พระเจ้า’ สิ่งที่มีอยู่เกลื่อนไปทั่วทุกซอกทุกมุมของหมู่บ้านแห่งนี้ ก็คือเงาทะมึนของ ‘ปีศาจ’ ที่ปกคลุมและโอบล้อมหมู่บ้านแห่งนี้เอาไว้ ท่ามกลางเสียงดนตรี อังเดรกำลัง ‘ภาวนา’ ต่อสิ่งที่ตัวเองปรารถนาสูงสุดด้วยน้ำเสียงที่ไร้เรี่ยวแรงและปนเปไปด้วยเสียงร้องที่ฟังดูน่าเวทนา และมันก็ทำให้ดูเหมือนว่ากำลังเยาะเย้ยกับอะไรบางอย่างอยู่

“…ข้าแต่ ‘พระบิดา’ ผู้ยิ่งใหญ่ ข้าพเจ้าผู้เป็นผู้ศรัทธราและเคารพเลื่อมใสท่าน…”

ดาวตกสีแดงเข้มทะลุผ่านขอบฟ้า และตกลงมาจนเกิดเสียงระเบิดสนั่นลั่นไปทั่ว ทุกๆ กองเพลิงล้วนแล้วมีแต่ความ ‘เลวร้าย’ หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ได้ถูกยึดครองเอาไว้แล้ว

ท่ามกลางความมืดในยามราตรี ผู้คนที่ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ต้องหลบซ่อนอย่างคนสิ้นหวัง ในมุมๆ หนึ่งของโบสถ์ หญิงสาวเท้าเปล่าคนหนึ่งกำลังนั่งหลบอยู่ใต้การคุ้มครองของเทวรูป กำลังสั่นสะท้าน และกำลังสวดภาวนาต่อ ‘สิ่งศักดิ์สิทธิ์’ ปีศาจตนหนึ่งได้คืบคลานเข้ามาใกล้แล้ว และมันกำลังยื่นมือเข้าไปหาเธอ

ร่างทั้งร่างของเธอถูกเงามืดปกคลุม ในนาทีที่คิดว่าตัวเองจะต้องตายแล้วแน่ๆ เสียงสาปแช่งบางอย่างก็ดังขึ้นมา

“อย่างได้กังวลไป ข้าจะช่วยเจ้าเอง” เสียงของอังเดรดังขึ้นท่ามกลางเสียงคำรามร้องที่แสนเจ็บปวดของ ‘ปีศาจ’ และยื่นมือเข้าไปหาเธอ

เด็กสาวที่เรือนผมถูกปล่อยสยายลงมาถูกอังเดรฉุดออกมาจากเทวรูป เสียงอันแสนอ่อนเบาของหญิงสาวดังขึ้น “ข้าคิดว่าในตอนนั้น ข้าได้รับการช่วยชีวิตเอาไว้แล้ว แต่ทำไม…” คำพูดต่อไป ถูกเสียงคำรามร้องของ ‘ปีศาจ’ กลบลงไปอีกครั้ง แต่ก็เป็นเพราะคำพูดสองประโยคนั้น ก็สามารถสื่อถึงความชัดเจนของบรรยากาศได้แล้ว น้ำเสียงของเด็กสาวนั้นสามารถสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดและความไม่บิดเบี้ยว ดูแตกต่างไปจากท่าทางตอนที่ได้รับการช่วยชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง

‘ปีศาจ’ กระโจนเข้ามาก่อนมันจะตาย ทำให้อังเดรโดนคำสาปแช่งนั้นเข้าเต็มๆ เด็กสาวตาเบิกกว้าง แล้วร้องเสียงแหลม “ไม่…”

ท้องฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้นมา พระอาทิตย์แรกส่องแสงจนก้อนเมฆส่องแสงเรืองรองสีแดงไปทั่ว ทำเอาหน้าจอมีแต่สีแดงส้มไปทั้งจอ ราวกับว่ามันถูกฉาบทาไปด้วยเลือดสดๆ ทำเอาโลกทั้งโลกกลายเป็นสีแดง พระอาทิตย์ที่ขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิด อาจจะพูดได้ว่ามันไม่ได้หมายถึงจุดจบของ ‘ฝันร้าย’ เสมอไป แต่เป็นการเริ่มต้นสู่ขั้นต่อไปต่างหาก

“ข้าแต่ ‘พระบิดา’ ผู้ยิ่งใหญ่ ข้าพเจ้าผู้เป็นผู้ศรัทธราและเคารพเลื่อมใสท่าน…พระผู้เป็นเจ้าผู้สูงส่ง ข้าพเจ้ายินดีที่จะทำตามคำสอนของท่าน เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากท่าน…”

คำอธิษฐานของอังเดรในครั้งนี้ มันทำให้จิตวิญญาณลึกๆ ของผู้คนต้องเต้นระส่ำด้วยความกลัว เสียงถอนหายใจนั่น ราวกับว่าต้องการที่จะคว้าบางสิ่งบางอย่างมาให้ได้ มันเต็มไปด้วยความอ้อนวอนและสั่นเทา

น้ำเสียงของเขาทำให้คนที่ได้ยินต้องรู้สึกหนักหน่วงอยู่ในอก ราวกับว่าสัมผัสได้ว่ามันจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ฝูงนกขนาดใหญ่กำลังบินอพยพไป เงาดำขนาดใหญ่แผ่ปกคลุมผืนดิน เหมือนค่อยๆ หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความสิ้นหวังลงในตัวทุกคน

มือข้างหนึ่งบีบรัดลำคอของอังเดรเอาไว้ ใบหน้าที่สวยสง่าเข้าใกล้เขาขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็สยายปีกที่ใหญ่และเป็นเงาดำออกมา ราวกับว่าต้องการจะบดบังภาพๆ นั้นเอาไว้

“บอกข้าเถิด ท่านต้องการสิ่งใดอย่างนั้นหรือ”

เรือนผมยาวสีดำขลับราวกับเถาวัลย์มีชีวิต มันพันรอบร่างอรชรอ้อนแอ้นของเธอเอาไว้ ทำให้เธอราวกับเป็นราชินีแห่งรัตติกาล เปลือกตาที่หรี่ลง ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันดูแฝงไปด้วยเสน่ห์ลึกลับบางอย่างที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้

เธอเชิดปลายคางขึ้น และจ้องมองไปที่อังเดร วินาทีที่ถามเขาว่า ‘ต้องการสิ่งใด’ แสงแดดก็ส่องกระทบลงมาบนข้างแก้มของเธอพอดี ดวงตาของเธอนั้นดูบริสุทธิ์เสียยิ่งกว่าอัญมณีหลายเท่านัก แสงสุกสกาวแผ่ขยายไปทั่ว ลักษณะท่าทางที่ดูยโสโอหัง ทำให้คนที่ได้เห็นต่างก็อยากที่จะสวามิภักดิ์

สีหน้าและอารมณ์ของอังเดรดูเจ็บปวด แต่ก็เหมือนหลุดพ้นจากทุกข์ “ข้าต้องการ การไถ่บาป…”

ปีกของเธอที่สยายออกขยับตีเบาๆ กลายเป็นลมพายุขนาดใหญ่ออกมา ชุดบาทหลวงของอังเดรสะบัดพลิ้วไปตามแรงลม ในนาทีนี้เขาไม่ใช่บาทหลวงในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ปรารถนาแต่อำนาจอีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่วีรบุรุษที่คอยปกป้องสำนักวาติกันจากปีศาจอีกต่อไป ไม่ใช่ศาสนาที่คอยครอบงำใครๆ อีก แต่เป็นแค่มนุษย์ต้อยต่ำคนหนึ่งที่รอให้มีคนมาบงการเท่านั้น

มุมกล้องหยุดอยู่ที่ตรงใบหน้าของเธอ ราวกับว่าสัญลักษณ์โบราณที่ดูลึกลับซับซ้อนค่อยๆ กำเนิดขึ้นมา ปกคลุมหางตาและลำแขนของเธอเอาไว้

ในตอนที่เธอได้ยินในสิ่งที่อังเดรพูด ใบหน้าของเธอก็เหมือนกำลังกักเก็บความรู้สึกในตอนแรกไว้ก่อนจะกลายเป็นรอยยิ้มเยาะหยันในภายหลัง ตามมาด้วยความรู้สึกเฉยชา สุดท้ายที่หางตาก็มีประกายหยาดน้ำสีใสขึ้น นิ้วมือที่บีบรัดเบาๆ อยู่บนลำคอของเขา ค่อยๆ คลายออก “ที่แท้ นี่ก็คือพระเจ้าอย่างนั้นหรือ…ฮะๆ…”

เมื่อเสียงดนตรีดังมาถึงตรงนี้ มันดังขึ้นก่อนจะหยุดเงียบลงไปในทันที และวีดิโอก็จบลง

หัวใจของซูเพ่ยเอินยังคงเต้นเร็วด้วยความตื่นเต้นจนเกิดเสียง ‘ตึกๆๆ’ ราวกับว่าภาพเหตุการณ์ที่แสนระทึกเหล่านั้นยังคงโลดแล่นอยู่ในหัวของเขา

ตัวอย่างหนัง ‘The second coming of Jesus Christ’ ดูจากเบื้องต้นแล้วคงเป็นผลงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ แค่ภายในระยะเวลาสามนาทีสั้นๆ ก็ทำให้คนดูต้องคิดตามได้แล้ว ในระหว่างที่ดูเขาแทบไม่กล้าที่จะกะพริบตาเลยด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าจะพลาดการบอกเล่าอะไรไป

แค่วีดิโอตัวอย่างสั้นๆ ก็ทำให้ความรู้สึกของซูเพ่ยเอินลุกโชนขึ้นมาได้แล้ว

วีดิโอตัวอย่างที่มีแค่สามนาที เมื่อได้ดูจบก็เหมือนกับยังทิ้งความรู้สึกไว้อยู่เหมือนเดิม

ตัวหนังสามารถดึงความสนใจจากคนดูเอาไว้ได้อย่างพอเหมาะ เขาที่ดูจบไปรอบหนึ่งก็ยังรู้สึกว่ามันอิ่มอกอิ่มใจแค่ไหน และอดไม่ได้ที่จะเปิดมันดูอีกสักรอบ

ดูครั้งแรกมันก็เหมือนกับการกลืนเข้าไปในคำเดียว รีบดูเกินไป ยังไม่ทันได้สังเกตให้ละเอียดจริงๆ จึงทำให้รู้สึกว่ามันก็ไม่เลว

แต่เมื่อซูเพ่ยเอินได้ดูครั้งที่สอง อารมณ์ของเขาก็สงบลงมากแล้ว ตัวหนังเริ่มจากความยิ่งใหญ่ของราชาน้ำแข็งที่ดึงดูดสายตาคนดูได้อย่างดี ถึงแม้ว่าการที่ซูเพ่ยเอินดูอีกรอบจะไม่ได้เหมือนตอนแรกอีกแล้ว และการที่รู้ว่าเดี๋ยวฉากต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นก็ทำให้ความตื่นเต้นลดน้อยลงอีก แต่เมื่อได้เห็นฉากนั้นอีกครั้งจริงๆ และรู้ว่าหลังจากนั้นความทุกข์ยากก็จะมาถึง เมื่อภาพวิวทิวทัศน์ที่สะอาดขาวบริสุทธิ์แห่งนี้ถูกทำให้มีรอยด่างพร้อย ในใจของเขามันก็รู้สึกเสียใจและสะเทือนใจอย่างที่สุด

ในตอนนี้ประเทศที่ตั้งอยู่ในทางเหนือกำลังงดงามเป็นอย่างมาก และเมื่อความทะเยอทะยานแผ่เข้าปกคลุม ทุกอย่างก็ยิ่งน่าเสียดายเข้าไปใหญ่

ตัวอย่างหนังสามนาทีนี้ ยิ่งได้พิจารณารายละเอียดก็ยิ่งได้เห็นอะไรอีกหลายสิ่งหลายอย่าง สภาพจิตใจที่ไม่เหมือนกัน ก็ยิ่งจะได้เห็นมุมมองที่ผู้กำกับสื่อออกมาแตกต่างกันไป และเห็นได้ชัดว่าต้องการสื่อถึงอะไรมากมายหลายอย่าง