webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

612

บทที่ 612 โดดเด่น

“จริงสิครับ! ผมจะหลอกคุณได้ยังไงกัน?” ปลายสายอย่างชุยจางเฉิงยืนยัน

“ปล่อยออกมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว ก่อนที่ผมจะโทรมาหาคุณ ยอดวิวการเข้าดูก็ปาเข้าไปกว่าหนึ่งร้อยหกสิบล้านแล้วนะครับ เดี๋ยวดึกกว่านี้อีกหน่อย สื่อในประเทศก็คงจะเริ่มปล่อยข่าวออกมากันแล้ว”

ชุยจางเฉิงรู้ดีว่าช่วงนี้ซูเพ่ยเอินกำลังให้ความสนใจกับการเติบโตของเจียงเซ่อเป็นพิเศษ ภายในระยะเวลาสิบปีของเจียงเซ่อ เธอถือว่าเป็นนักแสดงที่ซูเพ่ยเอินให้ความสำคัญมากคนหนึ่ง ในหลายปีที่ผ่านมานี้บทวิจารณ์ดีๆ ที่เขาเขียนออกมา ก็ล้วนแล้วเกี่ยวกับเจียงเซ่อทั้งนั้น

ซูเพ่ยเอินเองก็เป็นหนึ่งในส่วนน้อยของชาวหัวเซี่ยที่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิก ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ทุกๆ สามปีงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ จะถูกจัดขึ้นที่โรงละครใหญ่แห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เป็นงานที่เขาไม่อยากจะพลาดเลยสักนิด เพราะหลายปีก่อนร่างกายของเขาไม่ค่อยแข็งแรง เพิ่งจะไปผ่าตัดหัวใจมา แต่เขาก็ยังอดทนและพยุงร่างกายไปเข้าร่วมจนได้

และงานหนังศิลป์ร้อยปีที่จะจัดขึ้นในปีนี้เขาก็ได้มีการจองตั๋วเครื่องบินเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แถมยังวางแผนว่าจะพักค้างอยู่ต่างประเทศกว่าสามสิบวัน

งาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ นั้นมีแค่ยี่สิบวัน เขาเตรียมตัวที่จะออกเดินทางตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน หลังจากจบงานการมอบรางวัลในวันที่ยี่สิบเดือนธันวาคมแล้ว เมื่อเข้าร่วมการปิดงานเสร็จที่จริงซูเพ่ยเอินก็ควรที่จะกลับได้แล้ว แต่เขากลับเลื่อนตั๋วขากลับออกไปอีกหนึ่งอาทิตย์ นั่นก็เพราะว่าเขาอยากจะดูหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่จะเข้าฉายในอเมริกาเหนือเป็นที่แรกให้จบก่อนแล้วค่อยกลับประเทศ

ชุยจางเฉิงเองก็รู้ถึงตางรางการเดินทางของซูเพ่ยเอินแล้ว และรู้ว่าการที่เขาทำแบบนี้ ก็เพื่อที่จะเตรียมเขียนบทวิจารณ์หนังให้กับเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ นั่นเอง

ในหลายปีที่ผ่านมานี้ซูเพ่ยเอินเริ่มที่จะจับปากกาน้อยลงแล้ว เริ่มยากที่จะได้เห็นเขาเขียนบทวิจารณ์หนังออกมาสักที แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ทำให้ชุยจางเฉิงดีใจได้ไม่น้อยเลย

“ผมได้ลองดูไฮไลท์ของเรื่องนี้ไปแล้ว ไฮไลท์ที่ปล่อยออกมาถือว่าไม่เลวเลยนะครับ ยิ่งใหญ่อลังการมาก แค่วีดิโอสั้นๆ แค่ไม่กี่นาที ก็ทำเอาผมอยากจะดูเต็มๆ เรื่องเลย ทุกอย่างดูไม่ได้เป็นอย่างที่ผมกังวลเอาไว้เลยสักนิด” เขาชมเปาะ “พูดได้เลยว่าเซี่ยซ่าเหลยไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ หนังที่เขากำกับ มันไม่เคยธรรมดาเลย”

พอเขาพูดถึงตรงนี้ก็ทำเอาซูเพ่ยเอินรู้สึกตื่นเต้นอยากจะเห็นขึ้นมาแล้ว แต่ทว่าเขาก็กลับทิ้งเป็นปริศนาไว้ให้อยากรู้เสียอย่างนั้น

“อาจารย์ซู ในวีดิโอนั่นยังมีเรื่องแปลกๆ บางอย่างอยู่ด้วย แต่ผมจะไม่พูดหรอกนะ คุณลองไปดูให้เห็นเองกับตาเลยดีกว่า”

พอเขาพูดถึงตรงนี้ ซูเพ่ยเอินก็เริ่มที่จะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว และดูเหมือนว่าชุยจางเฉิงเองก็รู้นิสัยของเขาดี พอได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่ดูตื่นเต้นของเขาแล้ว ก็หัวเราะขึ้นมาทันที

“งั้นผมไม่รบกวนการดูวีดิโอของคุณแล้ว แต่ว่าหลังจากที่ดูจบ คุณช่วยโทรกลับหาผมด้วยนะครับ แล้วพวกเรามาพูดคุยถึงหนังเรื่องนี้กัน”

“ได้” ซูเพ่ยเอินพยักหน้า “เดี๋ยวฉันจะติดต่อกลับไปอีกที”

พอวางสาย เขาก็วางสมุดบันทึกเอาไว้ที่โต๊ะน้ำชาอย่างเดิม จากนั้นก็เปิดประตูห้องหนังสือออก พร้อมกับเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้น

เสียงโทรทัศน์ที่ภรรยาของเขากำลังนั่งดูอยู่ก่อนหน้านี้ถูกปิดลงแล้ว และหล่อนก็เดินเข้ามาด้วยเหมือนกัน ก่อนจะเอ่ยด้วยความเป็นกังวล

“ชุยจางเฉิงส่งงานให้ทำอีกแล้วหรือคะ?”

หล่อนบ่นขึ้น “ร่างกายคุณไม่ค่อยแข็งแรง จะอดหลับอดนอนไม่ได้แล้วนะ…”

“เมื่อกี้จางเฉิงโทรมา บอกว่าก่อนหน้านี้หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่ผมติดตามอยู่ออกวีดิโอตัวอย่างออกมาแล้ว ผมยังกังวลอยู่เลยว่าที่กลุ่มนักลงทุนไม่ยอมประกาศอะไรเสียที เป็นเพราะว่ากำหนดการเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือเปล่า แต่ตอนนี้โล่งใจแล้วล่ะ”

มันยากมากที่จะมีนักแสดงหญิงของประเทศสักคนหนึ่งที่ได้ร่วมงานกับหนังใหญ่แบบนี้ ซูเพ่ยเอินจึงกลัวว่าการเข้าฉายหนังจะเกิดความล่าช้าขึ้น และมันก็ไม่ได้ส่งผลดีอะไรต่อเจียงเซ่อเลยสักนิดเดียว

คอมพิวเตอร์ถูกเปิดขึ้นมาแล้ว เขาเปิดหน้าเว็บออฟฟิเชียลของ ‘The second coming of Jesus Christ’ ขึ้นอย่างชำนาญ ภรรยาของเขาเองก็เดินมาอยู่ข้างๆ บนหน้าจอมีวีดีโอตัวอย่างของเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ประมาณสามนาทีออกมาแล้ว

ตั้งแต่ที่ชุยจางเฉิงโทรมาจนมาถึงตอนนี้ที่ซูเพ่ยเอินเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นก็ผ่านไปได้ประมาณสี่ห้านาทีแล้ว แต่ตอนนี้ยอดการเข้าชมที่ชุยจางเฉิงบอกว่าได้ถึงหนึ่งร้อยหกสิบล้านได้ขึ้นมาเป็นหนึ่งร้อยเจ็ดสิบล้านกว่าเรียบร้อยแล้ว

สามารถทำยอดวิวได้มากในระยะเวลาสั้นๆ แค่ครึ่งชั่วโมงแบบนี้ ดูก็รู้แล้วว่าหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่กำกับโดยเชี่ยซ่าเหลยได้รับความสนใจจากคนดูทั่วโลกมากขนาดไหน

ซูเพ่ยเอินไม่ได้รีบร้อนที่จะเปิดวีดิโอตัวอย่างดูก่อน แต่เลือกที่จะทำตามความเคยชิน โดยการเลื่อนดูข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวกับวีดิโอตัวนี้ที่ทางทีมงานได้ลงเอาไว้

คอมเม้นท์จากชาวเน็ตมีมากถึงสองแสนกว่าข้อความแล้ว และส่วนใหญ่ก็เป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้น มีภาษาจีนของแฟนคลับชาวหัวเซี่ยปะปนอยู่บ้างประปราย

ครั้งนี้นอกจากทางทีมงานจะปล่อยตัววีดิโอตัวอย่างหนังออกมาแล้ว ก็ยังมีโปสเตอร์หนังที่ดูตั้งใจทำเป็นอย่างมากอีกด้วย

เป็นคนที่แสดงเป็นพระเอกของหนังเรื่องนี้ ภาพของโดนัลด์เด่นหราอยู่บนรูปโปสเตอร์ เขาสวมชุดบาทหลวง ครึ่งตัวบนของเขาถูกถ่ายออกมา ใบหน้ามีรอยยิ้มที่น่าเคารพเลื่อมใส แต่ในแววตาของเขานั้น กลับฉายความรู้สึกบางอย่างออกมาหลายอย่าง

โดนัลด์เป็นนักแสดงชายชาวอิตาลีที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง ฝีมือการแสดงเป็นเลิศ ภาพนิ่งในโปสเตอร์ภาพนี้ มันทำให้คนที่ได้เห็นสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง

เหมือนกับว่าความรู้สึกนั้น มันมีทั้งความเสียใจต่อความผิดบาป เหมือนกับภาวนา แต่ก็เหมือนกำลังเฝ้าปรารถนาถึงบางสิ่งบางอย่าง มีทั้งความทะเยอทะยานและความหวังไปจนถึงความเย็นชาผสมผสานเข้าด้วยกัน แต่ท่าทางและบุคลิกของเขากลับมีความจริงใจและซื่อตรง

แต่สิ่งที่ทำให้ซูเพ่ยเอินเกิดความสนใจนั้นกลับไม่ใช่โดนัลด์ สิ่งที่เขาสนใจ คือภาพอีกมุมหนึ่งที่ถูกปรับแต่งสีออกมาแล้ว มันเป็นภาพเงาดำที่ดูคลุมเครือ ราวกับทูตสวรรค์ที่กำลังสยายปีกออกและปกคลุมทุกอย่างที่อยู่ในโปสเตอร์ไปกว่าครึ่งนั่นต่างหาก

โปสเตอร์แผ่นนี้สามารถให้ความรู้สึกต่อคนที่ได้เห็น ก็เหมือนกับตอนที่โดนัลด์เหมือนได้ค้นพบกับเรื่องราวที่มหัศจรรย์ เหมือนกับตอนที่เขากำลังสวดภาวนาต่อพระเจ้า สิ่งที่เขาภาวนาขอคืออะไร จากสีหน้าและแววตาของเขามันสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน มันอาจจะเป็นอำนาจ หรืออาจจะเป็นจุดยืน หรืออาจจะเป็นอะไรที่มากกว่านั้น

และที่ควรค่าแก่การให้ทุกคนได้ครุ่นคิด ก็คือในภาพนั้นไม่ได้มีอะไรที่สื่อถึง ‘พระเจ้า’ เลยสักนิดเดียว ดูจากรัศมีของแสงเงาแล้ว ‘เธอ’ คงจะเป็นลักษณะของหญิงสาวแน่ๆ เหตุผลที่ทางทีมงานไม่ได้แสดงให้เห็นอะไรไปมากกว่านี้ คงเป็นเพราะต้องการให้อยู่ในรูปของการอุปมา แสดงให้เห็นถึงการมีอยู่ของ ‘พระผู้เป็นเจ้า’ อาจจะสื่อว่าทรงสถิตในทุกๆ ที่ หรืออาจจะสื่อว่ามันก็เป็นแค่ ‘ภาพมายา’ ก็ได้

ที่มากกว่านั้นก็คือ การที่ใช้เงาสีดำมาสื่อนั้น ก็อาจจะสามารถหมายความว่าสิ่งที่ ‘พระเจ้า’ ได้นำมาให้ มันไม่ใช่ความหวังที่ส่องแสงสว่าง แต่อาจจะเป็นความทุกข์ยาก และความไม่เป็นมงคลใดๆ ต่อสิ่งมีชีวิตก็เป็นได้

สรุปได้ว่า แค่โปสเตอร์แผ่นเดียวขอแค่ลองตั้งใจพิจารณาดู ก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง

ด้านคอมเม้นท์ที่ทิ้งกันเอาไว้ หลายๆ คนก็เริ่มสังเกตเห็นภาพบนโปสเตอร์นั้นแล้วและเริ่มมีแฟนคลับต่างชาติหลายๆ คนที่เกิดความสงสัยขึ้นมา

Jack’s raccoon : ทำไมในโปสเตอร์ของ ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่ออกมา ฉันไม่เห็นลาร่าอยู่ในนั้นเลยล่ะ?

อย่างที่ ID ‘Jack’s raccoon’ ได้พูดเอาไว้ โปสเตอร์ที่ทางออฟฟิเชียลลง ไม่มีรูปหรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับนักแสดงหญิงลาร่าเลยสักนิดเดียว และนี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้แฟนคลับหลายๆ คนเริ่มสนใจ แต่ไม่รู้ว่าทำไม มันทำให้ซูเพ่ยเอินนึกถึงเรื่องเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ที่มีข่าวบางอย่างหลุดออกมาจากทาง The second coming of Jesus Christ’

คนวงในพูดต่อกันมาว่า หนังเรื่องนี้เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นในระหว่างการถ่ายทำ แต่เป็นเพราะว่าทางสื่อเองก็ไม่สามารถหาข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์มาได้ บวกกับทางกลุ่มนักลงทุนเองก็เก็บเรื่องนี้เอาไว้อย่างแน่นหนา ทำให้สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ก็ไม่มีข้อมูลอะไรออกมาอีก และไม่ได้เป็นประเด็นใหญ่โตอะไร