webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

609

บทที่ 609 เรื่องจริง

สำหรับผลงานที่จะได้รับเข้าคัดเลือก มันก็มีการคัดเลือกที่ดูจะเข้มงวดกว่างานอื่นๆ มันไม่เหมือนกับการที่ต้องพยายามให้หนังตัวเองได้ถูกเสนอชื่อเพื่อที่จะเอาใจคนกลุ่มเล็กๆ หรือให้คณะกรรมการที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมามาเป็นคนเลือกเหมือนอย่างในงานเทศกาลหนังภาพยนตร์ที่ฝรั่งเศส คุณสมบัติที่สามารถเข้าร่วมงานหนังศิลป์ร้อยปีของอเมริกานั้น จะต้องสามารถเข้าถึงคนกลุ่มใหญ่ได้

การคัดเลือกหนังของงานศิลป์หนังร้อยปีในขั้นแรกนั้น จะเป็นไปตามความตั้งใจของเหล่าสมาชิก

มันก็คืออำนาจทั้งหมดของหนังที่ยังคงเหลืออยู่ในปัจจุบัน รวมไปถึงผลกระทบต่างๆ ระบบคัดเลือกนั้นมีความยุติธรรมและตรงไปตรงมา จนคนในวงการหนังทั่วโลกก็ยังต้องยกให้เป็นระบบแบบที่ดีที่สุด

สมาชิกของหน่วยงานหนังศิลป์ร้อยปีนั้นเป็นหน่วยงานที่ใหญ่มากๆ สมาชิกเหล่านั้นจะมาจากการรับเชิญและอาสาสมัครเข้ามา และล้วนแล้วครอบคลุมไปถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างคนในวงการหนังภาพยนตร์ด้วย

ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำงานเกี่ยวกับทางด้านนี้ ทั้งในเรื่องของประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ และการพูดก็ล้วนแล้วมีข้อกำหนดที่เข้มงวดมากๆ หลังจากเข้ามาเป็นสมาชิกแล้ว ก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกหนังศิลป์ร้อยปี หนังทุกเรื่องที่ได้คัดเลือกเข้ามา ก็จะมีกลุ่มสมาชิกเหล่านี้เป็นคนพิจารณาก่อน

เบื้องต้นจำนวนสมาชิกของทางองค์กรหนังศิลป์ร้อยปีนั้น แค่จากกลุ่มสมาชิกเองก็ปาเข้าไปเกือบห้าหมื่นคนแล้ว ในสมาชิกแต่ละคนนั้นก็มีฐานะของตัวเองเป็นสัญลักษณ์ พวกเขาล้วนแล้วเป็นบุคคลหัวกะทิและยอดเยี่ยมทั้งสิ้น

หลังจากผ่านการคัดเลือกที่แสนเข้มงวดแล้ว เมื่อมีคุณสมบัติมากพอ ก็จะมีสิทธิ์ได้เข้าไปนั่งดูการฉายหนังที่โรงละครแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา สมาชิกที่ได้รับเชิญก็จะพากันเข้าไปนั่งดูและจะทำการโหวตโยที่ไม่ต้องลงชื่อเอ่ยนาม

ในขั้นตอนของการลงเสียงโหวตนั้นจะมีการอัดวีดิโอเอาไว้ และให้ผู้ที่ดูแลนำภาพเหล่านั้นถ่ายทอดสดผ่านทางอินเทอร์เน็ต เพื่อให้คนที่สนใจเกี่ยวกับขั้นตอนการโหวตนั้นได้เห็นผลลัพธ์ที่ออกมาอย่างชัดเจน

หลังจากนั้นสิบห้าวัน ก็จะเป็นการรวบรวมสถิติผลโหวต ยืนยันหนังที่จะได้เข้าไปสู่รอบต่อไป จากนั้นก็จะผ่านไปถึงการให้คะแนนโหวตของเหล่าสมาชิกที่เป็นแกนกลาง รวบรวมผลคะแนนอีก และสุดท้ายก็จะเลือกหนังเรื่องที่ควรจะได้รางวัลใหญ่มากที่สุด

หรือพูดได้ว่าตั้งแต่ที่งานหนังศิลป์ได้เริ่มต้นจัดขึ้นตั้งแต่เมื่อเก้าสิบหกปีก่อน ก็ได้มีอิทธิพลต่อโลกของวงการหนังภาพยนตร์มาโดยตลอด งานมอบรางวัลทุกๆ สามปีจะถูกจัดขึ้นเพียงหนึ่งครั้ง มันช่างเจิดจรัสดุจดวงดาว เป็นช่วงเวลาที่คอหนังจะได้สนุกสนานกันอย่างเต็มที่

ในวันประกาศมอบรางวัลในวันสุดท้าย ทั่วโลกทั้งหนึ่งร้อยห้าสิบกว่าประเทศจะมีการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์ ช่างมีอิทธิพลที่กว้างขวาง และมากกว่าที่จะพูดหรืออธิบายออกมาได้

สำหรับคนที่อยู่ในวงการหนังภาพยนตร์แล้ว งานหนังศิลป์ร้อยปีมันก็เปรียบเสมือนเทศกาลที่ยิ่งใหญ่เทศกาลหนึ่งนั่นแหละ ถ้าหากว่าผลงานของตัวเองได้รับคัดเลือก ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของงานนั้น คงจะทำให้ในระยะเวลาข้างหน้า จะมีชื่อถูกสลักเอาไว้ให้คงอยู่ตลอดไป และได้รับคำยกย่องชื่นชมจากคนรุ่นหลัง

ถ้าหากว่าหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ มันสามารถเป็นหนึ่งในรายชื่อเข้าชิงของงานนี้แล้วละก็ สำหรับหนังเรื่องนี้ ก็ไม่ต้องกังวลอีกเลยว่ามันจะไม่ดัง แต่ปัญหามันอยู่ที่หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จะสามารถเข้าชิงได้หรือเปล่ามากกว่า

ที่จริงก็ไม่น่าที่จะสงสัย เพราะหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่มีเชี่ยซ่าเหลยเป็นคนกำกับนั้นมันต้องยอดเยี่ยมอยู่แล้ว

แต่กับงานหนังที่สามปีจะจัดครั้งหนึ่งแบบนี้ แน่นอนว่ามันก็ต้องมีน้อยและไม่พอแบ่ง เพราะเหล่าผู้กำกับใหญ่ที่มีชื่อเสียงหลายคนก็ล้วนแล้วกำลังจ้องมองมาที่รางวัลของงานนี้ทั้งสิ้น ทุกครั้งที่วนครบสามปีและมีงานนี้ขึ้นมา รอบกายก็ล้วนรายล้อมไปด้วยดาบ

ผลงานที่จะสามารถขึ้นไปปรากฏอยู่ในงานนั้นได้ จะต้องเป็นชิ้นงานที่สุดยอดและล้ำเลิศที่สุด แต่การเข้าฉายหนังในก่อนหน้านั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพราะสิ่งที่จะเปิดผลกระทบจริงๆ ก็คือวันที่มีการประกาศรางวัลต่างหาก

เชี่ยซ่าเหลยเป็นผู้กำกับที่มีฐานะสูงส่ง หนังทุกเรื่องที่เขาถ่ายทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยอดขายบัตรหรือคำวิจารณ์ก็ล้วนแล้วดีเยี่ยมทั้งนั้น เขามีแฟนหนังที่ซื่อสัตย์และจริงใจ และนักวิจารณ์หนังหลายๆ คนก็วิจารณ์เขาเอาไว้ดี

แต่ก็เพราะว่าหนังแต่ละเรื่องของเขานั้นมันไม่เคยแย่ จึงทำให้ยังไม่มีหนังเรื่องไหนที่จะมาเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงตัวตนของเขาจริงๆ และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขายังห่างจากผู้กำกับคนอื่นๆ ไปหลายก้าว

ถ้าหากว่าหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ มันไม่สามารถสู้ไปถึงรอบสุดท้ายได้จริงๆ ความคิดทุกอย่างที่เชี่ยซ่าเหลยคิดมาก็คงกลายเป็นความว่างเปล่าทั้งหมด ในขณะเดียวกันก็จะทำให้พวกกลุ่มนักลงทุนเริ่มทำสิ่งต่างๆ ที่ตัวเองคิดเอาไว้ หลังจากเสียเวลาไปแล้ว ถึงตอนนั้นแผนของกลุ่มนักลงทุนที่ว่าจะเริ่มฉายหนังที่แรกที่อเมริกาเหนือในวันที่ยี่สิบหกธันวาคม หลังจากนั้นสามวันก็จะมีการออกฉายทั่วโลกก็คงพังไปหมดเหมือนกัน

สิ่งสำคัญมันไม่ใช่แค่ว่ายอดขายบัตรมันจะถึงตามเป้าหมายที่คาดกันเอาไว้หรือไม่ ถ้าไม่สามารถเข้าชิงได้ ความน่าเชื่อถือของเชี่ยซ่าเหลยก็จะถูกทำให้กระทบกระเทือนไปด้วย ยังไม่ทันที่หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จะได้เฉิดฉาย ก็อาจจะได้ผลลัพธ์ที่น่าหัวเราะมาก่อนแล้ว

บวกกับที่หนังเรื่องนี้มีดาราสาวชาวหัวเซี่ยมาเป็นนางเอก ก็จะยิ่งกลายเป็นที่ต่อต้านสำหรับคนที่จะเข้าไปดูหนัง คำวิจารณ์จะต้องพังสุดๆ และยอดขายบัตรหนังก็จะต้องได้รับความพ่ายแพ้ที่แสนจะเจ็บปวด

เมื่อเทียบกันระหว่างความน่าตื่นเต้นและสุ่มเสี่ยงของเชี่ยซ่าเหลย และแผนความปลอดภัยของกลุ่มนักลงทุนแล้ว เพื่อการออกฉายของหนังเริงนี้ จึงทำให้เกิดการโต้แย้งกันเกิดขึ้น

เชี่ยซ่าเหลยยังคงดึงดันในความคิดของตัวเอง ตอนที่เขาถ่ายหนัง ก็ได้มีการทำสัญญากับทางฝ่ายนักลงทุนเอาไว้แล้ว ในเมื่อเขาถ่ายหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ทั้งสามภาคให้แล้ว สิทธิ์ในการพูดการออกเสียงในเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ของเขาจะต้องใหญ่ที่สุด

บวกกับที่เขาเองก็กำกับหนังมาตั้งหลายปี คอนเนคชั่นต่างๆ ก็กว้างขวาง กับทั้งบอร์เจียและฮว๋านเต่าเองก็รู้จักและมีความสัมพันธ์ที่ดีในระดับหนึ่ง สุดท้ายแล้วเขาก็ได้ปรึกษาหารือกับทางเบื้องบน และพวกเขาก็ยอมที่จะไม่เอาหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ไปออกฉายตามแผน และส่งหนังเรื่องนี้ไปเข้าคัดเลือกในงานหนังศิลป์

เมื่อยืนยันแล้วว่าหนังเรื่องนี้จะมีการเข้าร่วมการคัดเลือก หลังจากนี้เรื่องการโปรโมทก็จะน้อยไปกว่านี้ไปได้แล้วทั้งบอร์เจียและฮว๋านเต่าต่างก็ทุ่มเงิน ประมานกลางเดือนตุลาคมก็เริ่มมีการโปรโมทหนัง ‘The second coming of Jesus Christ’ แล้ว เพื่อสร้างกระแสให้กว้างขึ้น

ขอแค่รู้ว่า ‘The second coming of Jesus Christ’ จะๆ ไม่เกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้น จึงต้องอาศัยอำนาจผู้กำกับอย่างเชี่ยซ่าเหลย คุณสมบัติที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าฉายหนังในโรงละครแห่งชาตินั้นมันคงไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ที่ยากก็คือไม่รู้ว่าจะสามารถผ่านการคัดเลือกหรือเปล่า

การคัดเลือกตัวหนังในเบื้องต้นนั้น ล้วนแล้วต้องผ่านสมาชิกเป็นหลัก

และสมาชิกของหนังศิลป์ร้อยปีนั้น ก็ล้วนแล้วเป็นผู้ที่ความโดดเด่นในสายงานด้านต่างๆ ยิ่งหนังที่ได้รับเข้าคัดเลือกให้ได้เข้าฉายนั้นทำเงินได้มากเท่าไหร่ ชื่อเสียงก็จะยิ่งมีเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งง่ายที่จะดึงดูดให้คนหันมาสนใจ

ยิ่งมีคนเข้ามาดูมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้รับเสียงคะแนนโหวตกฌจะมีมากขึ้นเท่านั้น

ของแค่มีคะแนนโหวตมากพอ สุดท้ายแล้วก็จะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง แบบนั้นแล้วก็จะสามารถไปถึงเป้าหมายที่กลุ่มนายทุนต้องการได้ เมื่อถึงวันที่ได้ออกฉายทั่วโลก ถึงแม้ว่าชื่อหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จะได้ถูกออกอากาศแค่ไม่กี่วินาที แต่มันก็จะได้เผยแพร่ออกไปบนทีวีของทุกๆบ้านทั่วโลก ได้ผ่านสายตาของคนทั่วโลก ขอแค่ได้มีเสียงยืนยันจากกลุ่มสมาชิกของหนังศิลป์ร้อยปี เรื่องยอดขายบัตรหนังก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอะไรอีกต่อไปแล้ว

หลังจากที่รู้ว่าหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จะถูกนำเข้าร่วมในงานหนังศิลปะร้อยปีแล้ว เซี่ยเชาฉวินก็ได้มีการเตรียมเที่ยวบินการเดินทางให้กับเจียงเซ่อเอาไว้เรียบร้อย

ไม่ว่าสุดท้ายแล้วหนังเรื่องนี้จะได้มีชื่อเสนอเข้าชิงหรือไม่ แต่ในเรื่องของชุดราตรีก็ต้องมีการเตรียมพร้อมเอาไว้

“ถ้าหากว่าได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง เซ่อเซ่อก็จะได้ร่วมเดินพรมแดงด้วย แค่นั้นก็ถือว่าจะได้กลายเป็นที่จดจำแล้ว” ขอแค่ได้เดิน อย่างน้อยก็ภายในยี่สิบปี ก็คงไม่มีดาราในหัวเซี่ยคนไหนที่จะสามารถขึ้นมาสั่นคลอนตำแหน่งนักแสดงของเจียงเซ่อได้แล้ว

ถ้าหากว่าหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ได้มีชื่อเข้าชิงจริงๆ ชื่อเสียงของ เจียงเซ่อในต่างประเทศ ก็จะไปได้ไกลกว่าเถาเฉินไม่รู้ตั้งเท่าไหร่

งานประกาศรางวัลของหนังศิลป์ร้อยปีนั้นจะถูกจัดขึ้นในเดือนธันวาคม แต่โม่อานฉีก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นเสียแล้ว ทั้งช่างแต่งหน้าและสไตล์ลิสต์ต่างก็พากันปรึกษาหารือเกี่ยวกับการแต่งตัวในการเดินสายโปรโมทหนังในต่างประเทศ

เซี่ยเชาฉวินเองก็ยุ่งไม่แพ้กัน เรื่องชุดราตรีที่จะต้องใส่ในการโปรโมทหนัง ‘The second coming of Jesus Christ’ นั้น ตั้งแต่ต้นปีก็มีแบรนด์เสื้อผ้าหลายแบรนด์ที่เข้ามาริดต่อพร้อมจะสนับสนุนเจียงเซ่อมากมาย

ส่วนเรื่องเครื่องประดับทางกังหัวเองก็รับผิดชอบเรียบร้อย และกำลังให้คนส่งมายังตี้ตู

ทั้งชุดเครื่องประดับและชุดราตรีที่จะต้องใส่ในวันต่างๆ ล้วนแล้วถูกกำหนดเอาไว้เรียบร้อย อีกทั้งยังมีการลองไปแล้วหลายครั้ง เจียงเซ่อจะออกเดินทางในเดือนพฤศจิกายน จนเมื่องานหนังศิลป์ร้อยปีจบลง และเมื่อหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ได้เข้าฉายในอเมริกาเหนือเรียบร้อยแล้ว ถึงจะรีบกลับมาเพื่อเข้าร่วมในงานการฉายหนังรอบแรกในตี้ตู

ในตอนที่โม่อานฉีกำลังพิมพ์ตารางงานต่างๆ อยู่นั้น บนตารางงานก็เต็มไปด้วยกิจกรรมที่เธอจะต้องทำภายในต่างประเทศอย่างถี่ยิบ และสัมผัสได้ว่าช่วงเวลาของการพักผ่อนของเธอมันได้จบลงแล้วจริงๆ

“เซ่อเซ่อดูสิ” โม่อานฉีอยากจะมีแขนงอกมาอีกสักสองแขนจริงๆ หล่อนพิมพ์งานไปด้วย พลางหันไปพูดคุยกับเจียงเซ่อ “นี่คือของขวัญที่คุณเซี่ยได้ไปสั่งกับทาง Melovin เอาไว้ให้เธอแหนะ” หล่อนเปิดรูปขึ้นมารูปหนึ่ง และเลื่อนให้เจียงเซ่อดู “ถ้าหากว่าหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ได้รับการเข้าชิง เธอจะต้องใส่ชุดนี้ในการเดินพรมแดง คุณเซี่ยบอกว่าไม่ใช่แค่สกินแคร์ของ Melovin เท่านั้นที่เธอจะได้มา เพราะในขณะเดียวกันการที่รับเสื้อผ้าของพวกเขามาก็เหมือนจะไม่ใช่ปัญหาที่จะเป็น แบรนแอมบาสเดอร์แล้ว”

เสื้อผ้าของ Melovin มันเต็มไปด้วยความสง่างาม และดูผ่อนคลาย ชุดราตรีทุกๆ ตัวที่เซี่ยเชาฉวินได้เลือกเอาไว้ให้เธอนั้นมีกลิ่นอายความเป็นเทพธิดาเป็นหลัก กระโปรงทุกตัวล้วนแล้วสื่อถึงบุคลิกและเรือนร่างของเจียงเซ่อเอง รูปแบบมีเพียงแบบเดียว ถ้าหากว่าได้มีโอกาสได้ร่วมเดินพรมแดงเข้าสู่โรงละครแห่งชาติจริงๆ ก็จะต้องทำทุกอย่างให้เพื่อให้เธอเป็นที่ดึงดูดสายตา

ตอนนี้เถาเฉินยังคงอยู่ที่ฝรั่งเศส เรื่องการเป็นแบรนแอมบาสเดอร์ให้กับยาสระผม Carolus นั้นทางซ่งอี้ก็ได้เจรจาไปได้มากแล้ว ในตอนที่หล่อนได้รับสายจากโจวเซิงที่อยู่ในตี้ตู ก็เป็นช่วงดึกของที่นั่นพอดี

เธอและเบื้องบนของ Carolus มีนัดทานดินเนอร์กัน และยังต้องมีการพูดคุยกันหลังจากทานดินเนอร ซ่งอี้เป็นคนรับสาย และส่งสายตาอย่างสื่อเป็นนัยๆ ให้กับเธอ

เถาเฉินจึงมอบรอยยิ้มขอโทษให้กับผู้ที่มาร่วมทานอาหาร ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาเช็ด พอเดินออกมาจากตรงนั้นแล้วรอยยิ้มที่อยู่บนหน้าก็ค่อยๆ หายไป

โอกาสที่จะได้เป็นแบรนแอมบาสเดอร์ให้กับ Carolus นั้น มันไม่ง่ายเลยกว่าที่หล่อนจะได้มา และหล่อนก็จะไม่ยอมให้มันเกิดข้อผิดพลาดเด็ดขาด

ถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอะไรมากมาย ซ่งอี้ไม่มีทางที่จะรบกวนหล่อนในเวลานี้แน่ๆ เขาคงจะจัดการทุกอย่างเองไปแล้ว

ซ่งอี้เองก็เหมือนว่าจะเข้าใจในนิสัยของหล่อนเองเหมือนกัน เขายื่นมือถือมาให้หล่อน แล้วเอ่ยเบาๆ “โจวเซิงโทรมากครับ เขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญ จะต้องบอกคุณด้วยตัวเองให้ได้” เขามีท่าทางลำบากใจ เขารู้ว่าการทานอาหารมื้อนี้มันสำคัญมากๆ ถ้าเป็นไปได้ เขาเองก็ไม่อยากจะไปรบกวนมื้อค่ำของเธอและเบื้องบนของ Carolus แน่ๆ แต่โจวเซิงนั้นยืนยันที่จะต้องบอกเรื่องบางอย่างกับเถาเฉินให้ได้ แถมยังบอกว่าเป็นเรื่องด่วนมากอีกด้วย เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น

“เถาเฉินพูดอยู่ค่ะ” หลังจากที่เถาเฉินรู้ว่าโจวเซิงโทนมา ในใจของหล่อนมันก็วูบไปหมด มันเหมือนรู้สึกได้แล้วว่าจะต้องมีเรื่องอะไรที่ไม่ดีแน่ๆ

โจวเซิงคือคนในซื่อจี้หยินเหอ ที่เธอ ‘ไว้เนื้อเชื่อใจ’ ที่สุด การที่เขาโทรมาหาเธอเองในเวลาแบบนี้ มันจะต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเจียงเซ่อแน่ๆ

แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ หล่อนเพิ่งจะพูดจบโจวเซิงก็พูดขึ้นมาว่า “คุณเถา หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จะได้เข้าร่วมงานหนังศิลป์ร้อยปีครับ”

ข่าวนี้ มันเหมือนมีคนมาตบหัวหล่อนเข้าให้หนึ่งที จนรู้สึกอึ้งและมึนงงไปหมด

หล่อนเพิ่งจะลองคิดไป ว่าถ้าหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จะเข้าฉายในอเมริกาเหนือในเดือนธันวาคม และเข้าฉายภายในประเทศตอนวันที่หนึ่งเดือนมกราคม เพราะงั้นหนังที่มีการลงทุนไปมหาศาลอย่างเรื่องนี้จะต้องมีการโปรโมทที่ยิ่งใหญ่มากแน่ๆ

แต่เถาเฉินนึกไม่ถึงเลยว่า เชี่ยซ่าเหลยจะนำหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ไปเขาร่วมการคัดเลือกในงานหนังศิลป์ร้อยปีแบบนี้

สำหรับคนในประเทศแล้ว เชี่ยซ่าเหลยถือว่าเป็นผู้กำกับที่เป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว พูดง่ายๆ ว่า ผลงานต่างๆ ที่ผ่านมาของเขา การที่ผลงานของเขานั้นยังไม่เคยก้าวตามทันผู้กำกับคนอื่นๆ ในวงการ ผลงานที่สามารถซื้อใจคนได้ จนกลายเป็นประวัติศาสตร์ จะต้องเป็นผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งมากแน่ๆ

เขาได้เลือกให้หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ไปเข้าร่วมในงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ต้องการที่จะถูกเสนอชื่อ ก็ถือว่าเป็นเรื่องยากเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม ในหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ก็ยังมีใบหน้าของชาวหัวเซี่ยอีกหนึ่งคน และสมาชิกส่วนใหญ่ของ ‘หนึ่งร้อยปีคนสร้างหนัง’ ก็ล้วนแล้วเป็นบุคคลระดับสูงของยุโรปและอเมริกาทั้งนั้น โอกาสที่จะถูกคัดออกก็มีสูงเล่นกัน

การที่เชี่ยซ่าเหลยทำแบบนี้ หรือว่าเขาไม่กลัวเลยว่าถ้าหนังเข้าสู่การคัดเลือกแล้ว และไม่ได้เสนอชื่อขึ้นมา จะกลายเป็นว่าเขาทำเรื่องที่เกินตัวเกินไปอย่างนั้นหรือ?

หรือเป็นเพราะว่าเขาเห็นดีในฝีมือการแสดงของเจียงเซ่อมากๆ มีความเชื่อใจในตัวเธอสูง ถึงได้เลือกที่จะเอาหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เข้ารับการคัดเลือกอย่างนั้นหรือ?

ไม่ว่าหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จะถูกเสนอชื่อเข้าชิงในงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ หรือไม่ ชื่อเสียงของเจียงเซ่อ ก็จะต้องดังในนามของการเป็น ‘หญิงสาวของเชี่ยซ่าเหลย’ ถ้าหากว่าได้เข้าร่วมในการคัดเลือก ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ แล้วละก็ สำหรับเธอก็ถือว่าเป็นผลกำไรล้วนๆ

เธอคว้าสิ่งดีๆ เอาไว้ได้แล้ว ถ้าเรื่องนี้ถูกประกาศภายในหัวเซี่ยไปเมื่อไหร่ ฐานะและชื่อเสียงของเจียงเซ่อก็จะต้องพุ่งขึ้นไปอย่างฉุดไม่อยู่แน่ๆ

ในจุดๆ นี้เซี่ยเชาฉวินนั้นเข้าใจดี เจียงเซ่อก็รู้ เช่นเดียวกับที่เถาเฉินรู้และเข้าใจ

ตอนนี้หล่อนกำมือถือเอาไว้ ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม แต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักอย่าง เธอได้ยินโจวเซิงกำลังพูดถึงเรื่องนี้อยู่ ได้ยินว่าเบื้องบนของบริษัทเองก็ได้รับข่าวนั้นแล้ว ลัวหยิ่นถึงกับประกาศการประชุมด้วยตัวเอง และกำหนดเอาไว้ว่างานต่างๆ ที่จะเข้ามาในอีกหลายปีนี้ จะต้องคัดแยกให้กับเจียงเซ่อเป็นพิเศษ

โจวเซิงที่อยู่ข้างเถาเฉิน พอเขาได้รับข่าวแบบนั้นแล้ว ก็รู้สึกกลุ้มออกกลุ้มใจไปหมด

หลังจากที่เจียงเซ่อได้รับผลประโยชน์ไปแล้ว แน่นอนว่า ‘ความไว้เนื้อเชื่อใจ’ ที่เถาเฉินมีให้ก็ถูกสั่นคลอนไปด้วย ซื่อจี้หยินเหอยังมีคำว่า ‘บริษัทต้นสังกัดอันดับหนึ่ง’ เป็นคำกิตติมศักดิ์ที่ยิ่งใหญ่อยู่ แน่นอนว่าการแข่งขันภายในบริษัทเองก็ไม่ใช่เล็กๆ

ในเมื่อเถาเฉินเริ่มที่จะเสียผลประโยชน์ คนที่อยู่ฝ่ายหล่อนก็จะต้องได้รับผลกระทบกันไปตามๆ กัน

ยิ่งหล่อนโดดเด่น ทั้งคำพูดของโจวเซิงและคนอื่นๆ ในซื่อจี้หยินเหอก็จะยิ่งมีอิทธิพลมากขึ้น เมื่อตำแหน่งฐานะถูกยกสูงขึ้น ทั้งงาน และต้นทุนต่างๆ ก็จะสามารถคว้ามาได้ง่ายขึ้น และมีประโยชน์ต่อการเจริญก้าวหน้าของเถาเฉิน

นี่คือรูปแบบการแข่งขันที่ลัวหยิ่นได้สร้างเอาไว้ แต่ตอนนี้เขาอยากที่จะทำลายมันด้วยตัวเองเสียแล้ว

“คุณเถา คุณต้องรีบคิดหาวิธีแล้วนะ” ตามที่เจียงเซ่อได้เชิดหน้าชูตาไปได้เรื่อยๆ มีเซี่ยเชาฉวินเป็นพวก ตัวหุ้นของเจียงเซ่อก็ยิ่งมีอิทธิพลมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และมันจะทำให้วันต่อๆ ไปของเถาเฉินผ่านไปอย่างยากลำบาก

โจวเซิงอดไม่ได้ที่จะเกิดความร้อนใจขึ้นมา หลังจากที่แจ้งข่าวนี้ไปแล้ว เถาเฉินนิ่งเงียบไปอยู่นานกว่าจะกลับมามีแรงพูด หล่อนสูดหายใจเข้าลึกๆ

“ทำไมเชี่ยซ่าเหลยถึงได้มีความคิดแบบนั้นกัน?”

หลังจากที่หนังเรื่อง ‘Suspect’ ปิดกล้องไป หล่อนก็บินมายังฝรั่งเศสเพื่อช่วงชิงการเป็นแบรนแอมบาสเดอร์ของ Carolus ทันที และได้เข้าพบกับทางเบื้องบนของบริษัทฮว๋านเต่ามาแล้วครั้งหนึ่ง และได้ยินมาว่าหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ทางฝั่งนักลงทุนยังมีความกังวลกับหนังเรื่องนี้อยู่มาก

เพื่อให้แน่ใจว่าเรื่องยอดขายจะไม่แย่ เห็นว่าเจรจากันอยู่นาน สุดท้ายแล้วก็คิดว่าจะค่อยๆ หาวิธีค่อยๆ ปล่อยออกฉาย

ในสถานการณ์แบบนี้ มันก็เหมือนกับตอนจบที่เถาเฉินได้คิดเอาไว้ แต่ว่าทำไมแค่ในระยะเวลาไม่กี่เดือน เรื่องทั้งหมดจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

“ทั้งบอร์เจียและฮว๋านเต่าไม่มีทางที่จะตอบตกลงกับเรื่องแบบนี้แน่ๆ”

หล่อนยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ โจวเซิงรู้สึกไร้หนทางและตอบกลับไปอย่างจริงจัง

“มันคือเรื่องจริงนะคุณเถา”