webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

608

บทที่ 608 โอกาส

โอกาสที่จะได้กดเถาเฉินลงแบบนี้ถือว่าหายากมาก กับฐานะแบบนี้ของทั้งสองคน หลังจากหนังเรื่อง ‘Suspect’ ผ่านช่วงการตัดต่อไปแล้ว โอกาสที่จะได้มาร่วมงานกันก็คงไม่มีอีกแล้ว

ในมุมมองของเจียงเซ่อ ถ้าหากว่าในหนังเรื่อง ‘Suspect’ เธอไม่สามารถทำให้ตัวเองพึงพอใจในสิ่งที่ทำลงไปได้ บางทีต่อให้เธอได้เดินไปในวงการอีกยาวไกลแค่ไหน เธอก็คงจะยังรู้สึกเสียใจและเสียดายกับสิ่งนี้อยู่ดี

ความรู้สึกเหล่านั้นนั่นเอง ที่กลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เธอต้องแสดงออกมาให้ดีที่สุด ในตอนที่ฮั่วจือหมิงขอให้เธอตัดผม เธอจึงตอบตกลงด้วยความแน่วแน่ไปในทันที

“ฉันรู้ว่าการที่ตัวเองทำแบบนี้มันดูเอาแต่ใจไปหน่อย” เธอเลื่อนใบหน้าเข้าไปจูบลงบนริมฝีปากของเผยอี้และใช้น้ำเสียงออดอ้อน “และฉันก็เข้าใจ ว่าถ้าหากว่าฉันปฏิเสธไป นายกับพี่เชาฉวินก็ยังสามารถหาทางอื่นที่ดีกว่านี้มาช่วยฉันได้”

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ

เถาเฉินเป็นคู่แข่งของเธอ ไม่ใช่กับเซี่ยเขาฉวินหรือเผยอี้

ทั้งสองต่างก็แย่งชิงตำแหน่งการเป็นแบรนแอมบาสเดอร์ แย่งงานกัน นั่นก็เป็นเรื่องของเซี่ยเชาฉวิน เธอไม่เข้าไปก้าวก่ายหล่อนแน่นอน และคงไม่ทำตัวฉลาดไปพูดแนะนำนู่นนี่

แต่ในเรื่องของการถ่ายหนัง นั่นก็เป็นสิ่งที่เธอจะต้องไปเผชิญหน้า ไม่ใช่ว่าวิ่งหนีไม่ยอมปะทะ กลัวนั่นกลัวนี่ ถ้าเป็นแบบนั้น การที่เธอยังดึงดันที่จะเดินไปในเส้นทางนี้ต่อ มันก็เหมือนว่าไม่ได้มีความหมายอะไรเลย

อย่างไรเสียเธอก็เดินมาถึงจุดๆ นี้แล้ว ชื่อเสียงก็ถือว่าสร้างมันมามากพอ เธอมีผลงานที่สามารถตั้งตัวได้ ทั้ง ‘The Occasion of Beiping’ ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ‘Evil’ ‘Proof of Life’ ล้วนแล้วเป็นสิ่งที่เธอสามารถเรียกได้ว่าเป็นผลงาน และอีกเรื่องของเชี่ยซ่าเหลยอย่าง ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่กำลังจะเข้าฉาย สิ่งนี้ล้วนแล้วเป็นประวัติส่วนตัวที่แสนจะภาคภูมิใจ ขนาดตอนต่อสัญญาลัวหยิ่นก็ยังยอมที่จะแบ่งหุ้นของซื่อจี้หยินเหอให้

ในหัวเซี่ยเธอเป็นดาราที่ใครๆ ก็รู้จัก เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ต่างๆ ได้อย่างยาวนาน ถ้าหากว่าเธอคิดว่ามันพอแล้ว เห็นอะไรที่ดีก็เก็บเอาไว้ สิ่งเหล่านี้มันจะทำให้เธอมีกินมีใช้ไปเกือบตลอดชีวิต ได้มีชื่อเสียงไปจนสุดทาง แต่สิ่งที่เธอต้องการ มันไม่ได้มีแค่สิ่งพวกนี้เท่านั้น

เธอไม่ต้องการที่จะให้เผยอี้ยื่นมือเข้ามามีบทบาทระหว่างเธอและเถาเฉิน ถึงแม้ว่าเธอจะรู้อยู่แล้วว่าการที่จะเกลี้ยกล่อมเผยอี้นั้นมันไม่ใช่ง่ายๆ

“พี่แกล้งผมเพราะผมทำอะไรพี่ไม่ได้ใช่มั้ย?”

เผยอี้ทำเสียงอัดอั้น เจียงเซ่อแปลกใจขึ้นมาทันที “ที่ไหนกันล่ะ?”

ที่จริงที่เขาแสดงอารมณ์ออกมาในครั้งนี้ ก็ถือว่าทำเอาเธอใจเต้นได้เหมือนกัน ถึงได้ทำให้เธอต้องหาคำพูดมาอธิบายให้เขาฟัง

“ครั้งก่อนที่ตัวโฆษณา ‘Leopard’ ออก ที่น้าหนิงพูดก็ถูกนะ” เธอยื่นมือไปจับผมของแฟนหนุ่ม เขาถูกกล่อมจนต้องไหลไปตาม จนต้องก้มหัวลงไปให้เธอลูบต่อ และฟังเธอพูด “น้าหนิงบอกว่าคุณปู่เผยชอบพูดว่า เด็กๆ มักจะมีความคิดที่ขัดแย้งกันอยู่เสมอ และผู้ใหญ่ก็ไม่ควรที่จะเข้าไปยุ่ง”

“ก็เหมือนอย่างฉัน ถ้าฉันไม่ได้มาเกิดใหม่ ถ้าหากว่าฉันยังเป็นตัวฉันเหมือนเมื่อก่อน เชื่อฟังตามคำสั่งของคนตระกูล ไปทำความรู้จักกับจ้าวจวินฮั่น…” เธอเปรียบเทียบให้เขาฟัง แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบ เขาก็พูดขึ้นมาอย่างเฉียบขาด “ไม่ได้! พี่เป็นของผม”

“ก็ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ต้องให้ฉันชอบนายก่อนสิถึงจะถูก เพราะไม่งั้นนายจะไปสู้กับจ้าวจวินฮั่นได้ไงใช่ไหมล่ะ?”

พอเธอพูดจบ เผยอี้ก็หัวเราะขึ้นมา “อันนั้นก็ไม่แน่หรอกครับ”

ตอนที่เขาเป็นวัยรุ่น ตอนที่เฝิงหนานไปทานอาหารกับจ้าวจวินฮั่น ก็ทำเอาเขาเต้นแร้งเต้นกากระวนกระวายไปพักใหญ่ เป็นเหมือนลูกระเบิด ที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา

เขาเลียริมฝีปากตัวเอง เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ทำไมพี่ถึงรู้ว่าผมไม่เคยคิดที่จะจัดการเขาก่อนละครับ”

เรื่องก็ผ่านมาหลายปีแล้ว เวลาที่พูดถึงจ้าวจวินฮั่นทีไร เขาก็มักจะทำหน้าไม่พอใจตลอด เจียงเซ่อจึงอดไม่ได้ที่จะขำออกมา แต่ก็ลอบมองท่าทีของเขา “ฉันพูดจบไปแล้ว นายอย่าโมโหฉันอีกเลยนะ”

น้อยครั้งที่เธอจะมาง้อคนอื่นแบบนี้ และรู้ว่าเผยอี้ชอบเวลาที่เธอมาออดอ้อนใส่ เพราะปกติแล้วเธอก็ไม่ทำแบบนี้กับเขาอยู่แล้ว แต่ในเวลาแบบนี้ก็สามารถที่จะทำให้เขาสงบลงได้

ที่จริงเขาโกรธเธอลงที่ไหนกันเล่า เพียงแต่จะให้มันผ่านไปเฉยๆ แบบนี้ก็รู้สึกเหมือนไม่อยากจะยอมรับอยู่บ้าง

“เรื่องที่มหาลัยคิดออกหรือยังว่าอยากจะได้อาจารย์คนไหน?” เขาไม่พูดถึงเรื่อง ‘Suspect’ ขึ้นมาอีก และหันไปพูดเรื่องมหาลัยแทน

เจียงเซ่อพยักหน้า เธอตัดสินใจแล้วว่าจะศึกษาต่อกับอาจารย์แซ่เซี่ยของคณะประวัติศาสตร์

งานวิจัยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของศาสตราจารย์คนนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมากๆ ที่จริงการที่จะไปเข้าร่วมกับพวกเขานั้นไม่ใบ่เรื่องง่ายเลย แต่ในหลายปีที่ผ่านมานี้ถึงแม้ว่าเจียงเซ่อจะต้องเข้าวงการบันเทิง และงานที่ทำกับสิ่งที่กำลังเรียนนั้นไม่ได้มีความใกล้เคียงกันเลยสักนิด แต่ผลคะแนนการเรียนของเธอก็ไม่เคยตกลงเลย และวิทยานิพนธ์ตอนเรียนจบของเธอก็ท้องความประทับใจให้กับศาสตราจารย์เซี่ยไว้มากมาย ดังนั้นก่อนที่เจียงเซ่อจะกลับไปที่มหาวิทยาลัยในครั้งนี้ก็ได้มีการติดต่อหาศาตราจารย์เซี่ยเอาไว้ก่อนแล้ว และศาสตราจารย์เซี่ยก็เป็นคนเพิ่มชื่อเธอด้วยตัวเอง ก็เหมือนว่าได้จัดการเรื่องที่ยุ่งยากเรื่องหนึ่งให้เธอไปแล้ว

“งั้นไปคิวชูกับผม ไปอยู่ด้วยกันก่อน” เขาเสนอขึ้นมา และตอนนี้เจียงเซ่อก็คงทำได้แค่ตอบตกลง

เขายังรู้สึกว่าไม่อยากจะยอมจึงยกมือขึ้นลูบผมของเธอแล้วถอนหายใจออกมา “ถ้าครั้งหน้าจะต้องตัดผมอีก ก็บอกผมก่อนนะรู้ไหม” เขากดเสียงต่ำลง แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกรักลึกซึ้ง “ไม่อย่างนั้นก็จะทำให้ผมกังวลเหมือนในครั้งนี้ กลัวว่าพี่จะบาดเจ็บอะไรหรือเปล่า กลัวว่าพี่จะถูกใครมาเอาเปรียบ”

“อื้อ…” ถ้าเผยอี้ทำหน้าบึ้งตึงหรือทำเสียงดุใส่ เจียงเซ่อก็คงจะพอรับมือได้ดีกว่านี้ แต่พอเขามาทำเสียงอ่อนอ้อนวอนแบบนี้ มันก็ทำเอาใจเธออ่อนยวบยาบไปหมด “คราวหน้าไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็จะบอกนายก่อน จะไม่ทำให้นายกังวลอีก”

เธอเอาหน้าผากชนกับปลายคางของเผยอี้เบาๆ “อาอี้ นายอย่าโกรธไปเลยนะ” ที่จริงเรื่องความรักอะไรพวกนี้ ทั้งสองคนต่างก็อยู่ในช่วงคลำทางกันทั้งนั้น จะต้องคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

“เซ่อเซ่อ” เขาพยักหน้า แล้วประคองใบหน้าที่แสนสวยของเอาไว้ “จูบผมหน่อยสิ”

เธอถอนหายใจออกมา และทำตามสิ่งที่เขาต้องการ โดยการจูบเขาลงไปหนึ่งที และเรื่องนี้ก็ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย

ที่จริงทางฝั่งของเฝิงจงเหลียงเองเจียงเซ่อก็คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าจะต้องโดนบ่นแน่ๆ แต่ว่าเพราะมีเผยอี้ช่วยปกปิดอยู่ จึงสามารถหลบเลี่ยงไปได้

เผยอี้เป็นคนติดต่อไปหาเฝิงจงเหลียงด้วยตัวเอง และบอกว่าจะพาเจียงเซ่อไปที่คิวชูด้วยกันสักระยะหนึ่ง วันแต่งงานของทั้งสองคนใกล้เข้ามาถึงแล้ว การที่ทั้งสองจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันก่อนจะถึงช่วงเวลาสำคัญ เฝิงจงเหลียงเองก็เห็นด้วย

เมื่อถึงวันเปิดเรียนในเดือนกันยายนเจียงเซ่อก็กลับมาที่ตี้ตู ตอนที่ไปคิวชู เซี่ยเชาฉวินก็ได้จัดการหานักโภชนาการมาจัดตารางอาหารการกินเพื่อที่จะทำให้ผมของเธอยาวเร็วขึ้น ภายในระยะเวลาครึ่งปี ผมของเธอก็ยาวเลยติ่งหูมาแล้ว พอจัดแต่งทรงผมเรียบร้อยแล้วก็ไว้หน้าม้าด้วย ทำให้บุคลิกของเธอดูน่ารักสดใสกว่าเดิมมาก

ผมใหม่ที่ยาวออกมานั้นลื่นสลวยเหมือนกับเส้นไหม ในตอนที่เธอไปหาเฝิงจงเหลียง ถึงแม้ว่าทรงผมจะทำให้เฝิงจงเหลียงเกิดแปลกใจขึ้นมา แต่เพราะว่าไม่ได้มาเห็นตอนที่ผมของเธอเพิ่งจะถูกตัดไป เพราะงั้นเรื่องที่เธอตัดผมจึงไม่ได้ทำให้เขาคิดอะไรมาก

ที่จริงเวลาการเรียนปริญญาโทนั้นต้องใช้เวลามากพอสมควร แต่เซี่ยเชาฉวินก็จะต้องออกหน้าขอลาหยุดในช่วงเดือนตุลาคมถึงมกราคมปีหน้าเพราะเป็นช่วงที่จะต้องโปรโมทหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ให้กับเจียงเซ่อ

การกำหนดฉายของเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ นั้นมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แรกเริ่มหนังเรื่องนี้ที่มีนักแสดงเด็กสาวชาวหัวเซี่ยเป็นนางเอกนั้นยังไม่สามารถเป็นที่ยอมรับได้

ในหลายปีที่ผ่านมานี้เจียงเซ่อเองก็พอมีชื่อเสียงในวงการต่างประเทศอยู่บ้าง อย่างแรกก็คือหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ที่เธอร่วมแสดงในตอนนั้นก็แสดงถึงความเป็นหัวเซี่ยออกมาได้อย่างลึกซึ้ง รวมไปถึงเอาความงดงามของหญิงสาวในยุคโบราณเผยแพร่ไปถึงฝั่งยุโรปอเมริกาด้วย เรียกได้ว่าได้สร้างกระแสคลื่นลูกใหญ่ขึ้นมา

จากนั้นก็ได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับ Gang Hua Jewelry เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ก็ได้มีการถ่ายแบบแนวขาวดำที่ฝรั่งเศสไปสองรูป และทางกังหัวก็ทำไปเป็นรูปโปรโมทให้กับตัวแบรนด์เอง และได้นำรูปขาวดำทั้งสองรูปนั้นขึ้นเอาไว้ที่ร้านของกังหัวทั่วโลก

แต่สิ่งที่ทำให้เจียงเซ่อมีชื่อเสียงขึ้นมาจริงๆ นั้น ก็คือการที่ได้มีชื่อเข้าชิงในงานประกาศรางวัลของหนังภาพยนตร์ในสาขา ‘นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม’ และการที่ได้กับคำยอมรับจากเชี่ยซ่าเหลย จากนั้นก็ได้รับโอกาสเป็นแบรนแอมบาสเดอร์ให้กับแบรนด์นาฬิกาข้อมือ Federer กลายเป็นดาราหญิงชาวหัวเซี่ยคนแรกที่ได้เซ็นสัญญากับทาง Federer ในปีนั้นเจียงเซ่อถือว่าโดดเด่นมากจริงๆ

หลังจากนั้นเส้นทางของความโด่งดังของเธอก็ไม่มีท่าว่าจะหยุดลง เพราะหลังจากนั้นเธอยังได้เป็นแบรนแอมบาสเดอร์ให้กับแบรด์รถซุปเปอร์คาร์อย่าง ELYSEES เธอเป็นดาราสาวชาวหัวเซี่ยที่ถูดพูดถึงในหมู่คนยุโรปอเมริกา เป็นดาราสาวเพียงคนเดียวที่ถูกพูดถึง

หนังที่เธอแสดงเป็นตัวหลักก็มีหลายเรื่องที่ได้เข้าฉายในต่างประเทศ และได้รับการวิจารณ์ที่ดีมา ไม่ว่าจะเป็น ‘Evil’ หรือ ‘PROOF OF LOFE’ ก็ทำยอดขายบัตรหนังในอเมริกาเหนือไปกว่าสิบล้านเหรียญสหรัฐ

แต่ก็เพราะว่าเป็นแบบนี้ ทำให้ด้านนักลงทุนของ ‘The second coming of Jesus Christ’ ยังคงมีความกังวลอยู่

เซี่ยซ่าเหลยถือว่ามีชื่อเสียงมากในวงการต่างประเทศ และมีกลุ่มแฟนคลับที่ใหญ่ ในตอนที่หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เริ่มมีการถ่ายทำ ก็สามารถดึงดูดกลุ่มแฟนคลับให้มาสนใจได้มากมายแล้ว

ในตอนที่ได้รู้ว่าเซี่ยซ่าเหลยกำลังจะเริ่มถ่ายหนังแบบนี้ขึ้น แฟนคลับหลายๆ คนก็พากันเผยแพร่ข้อมูลออกไปอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นทางนักลงทุนเองก็ต้องการให้มันเป็นไปตามรูปแบบของตลาด ต้องใช้เวลากว่าเกือบหนึ่งปี เพื่อรอดูความสนใจของคนดู และคิดเอาไว้แล้วใครที่จะเหมาะสมกับการที่จะมารับบทบริตนีย์ในหนังเรื่อง ‘นักโทษ’ และสุดท้ายคนๆ นั้นก็คือดาราสาวฮอลลีวูดอย่างลาร่า

ในตอนที่มีการประกาศรายชื่อนักแสดงของเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ออกมา ทั้งกลุ่มแฟนคลับและกลุ่มคนที่กำลังให้ความสนใจกับ ‘The second coming of Jesus Christ’ ต่างก็แสดงออกมาว่าพึงพอใจ ในช่วงนั้นลาร่าเป็นดาราสาวสวยชาวยุโรปอเมริกา ทั้งยังเด็ก สวยสง่า มีรูปร่างที่เซ็กซี่ แต่มีรอยยิ้มที่แสนหวาน ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าวัยรุ่น และจะต้องมียอดขายบัตรที่ดีอย่างแน่นอน

การที่มีหล่อนมาเป็นตัวละครชูโรงแบบนี้แล้ว บวกกับเป็นการร่วมงานกับโดนัลด์นักแสดงชื่อดังสัญชาติอิตาลีแล้วด้วย มันก็ยิ่งเพิ่มศักยภาพด้านการแสดงที่แสนยอดเยี่ยมเข้าไปอีก

การที่มีโดนัลด์อยู่ด้วย ก็เพื่อที่จะดึงดูคนดูในยุโรปอเมริกาให้มากขึ้น ในหนังนั้นเต็มไปด้วยเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับนิสัย วัฎจักรชีวิต คุณธรรมจนไปถึงเรื่องของความเชื่อศาสนา และการมีอยู่ของลาร่า ก็ถือว่าเป็นการเรียกคนดูจากกลุ่มวัยรุ่นให้มาดู เมื่อทั้งสองอย่างนี้มารวมกัน ทำให้กลไกในตลาดตอนนั้น ทั้งบอร์เจียและฮว๋านเต่าต่างก็ยินดีที่จะให้ทุนและรอคอยกับ ‘The second coming of Jesus Christ’ เป็นอย่างมาก

ในมุมมองของนักลงทุนต่อกลุ่มกำลังสำคัญในแรกเริ่มนั้น ไม่ต้องสงสัยในความงดงามที่ล้นเหลือ เมื่อศิลปะและการตลาดมารวมกันแล้ว ทั้งคุณค่าของตัวหนังและยอดขายบัตรก็ยังต้องคำนึงถึงอีกหลายๆด้าน และในสุดท้ายแล้วทางนักลงทุนก็จะได้ผลประโยชน์ไปมากที่สุด

แต่ถึงแม้จะคิดเอาไว้ดีขนาดไหนในตอนเริ่มแรก ในตอนนั้นทั้งบอร์เจียและฮว๋านเต่าก็คงคิดไม่ถึง ว่าในระหว่างการถ่ายทำ ทั้งเซี่ยซ่าเหลยและโดนัลด์นั้นต่างก็ร่วมมือกัน แตะลาร่าออกจากกองถ่ายเสียได้

การร่วมงานกันเป็นไปอย่างไม่ราบรื่น ทำให้แค่เริ่มถ่ายทำก็ต้องหยุดชะงักไปหลายครั้ง แถมยังมีการเปลี่ยนตัวนางเอกกลางคัน ทำให้หนังที่มีการลงทุนเกินไปกว่าสองร้อยล้านเหรียญสหรัฐต้องพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก

ถึงแม้ว่าหลังจาดนั้นเซี่ยซ่าเหลยจะมีการยืนยันอย่างชัดเจน หรือแม้กระทั่งบริษัทหนังของหัวเซี่ยมีการทำสัญญาในเรื่องของการแผนการโปรโมท ‘The second coming of Jesus Christ’ ในหัวเซี่ยเอง แต่ทางบริษัทของเหล่านักลงทุนก็ยังมีความกังวลอยู่ดี

สำหรับเซี่ยซ่าเหลยแล้ว หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ถือว่าเป็นอะไรที่ล้ำเลิศที่สุด การที่จะเลือกคนที่สามารถเจาะตลาดมาเป็นนางเอกนั้น มันไม่สามารถทำให้ตัวละครของเขาเป็นที่น่ากระทับใจได้

ดังนั้นในมุมมองของบอร์เจียและฮว๋านเต่า เซี่ยซ่าเหลยคงจะมีอคติกับลาร่าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว บวกกับการร่วมงานที่ไม่ราบรื่นกันในภายหลัง จึงทำให้ลาร่าถูกไล่ออกจากการเป็นส่วนหนึ่งของหนัง เพื่อที่เขาจะได้ยกเจียงเซ่อขึ้นมา

เขาเตรียมพร้อมที่จะทำหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ มานานหลายปีแล้ว เขามีหน้าที่แค่เป็นคนกำกับหนังเรื่องนี้ กับการที่หนังจะออกมาดีหรือห่วย มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องมาคิดอะไรให้มากมาย

เจียงเซ่อถือว่าเป็นคนที่มีอิทธิพลมากในหัวเซี่ย ในหลายปีที่ผ่านมานี้ยอดขายในหัวเซี่ยนั้นก็เป็นไปอย่างสวยงามเสมอ แต่ตลาดหลักที่บอร์เจียและฮว๋านเต่าต้องการนั้นยังคงเป็นในยุโรปและอเมริกาอยู่ และพวกเขาก็ยังคงต้องพิจารณากระแสของคนดูในต่างประเทศอีกด้วย

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้กระแสตอบรับจากคนระดับเบื้องบนจะดีแค่ไหน แต่เรื่องที่เด็กสาวชาวหัวเซี่ยคนหนึ่งจะสามารถมารองรับตลาดยุโรปอเมริกาได้หรือไม่ ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่มีใครสามารถรู้และยืนยันได้

เมื่อปัจจัยเหล่านั้นมารวมกัน ทำให้เบื้องบนของฮว๋านเต่าต้องเปิดการประชุมกับทางเบื้องบนของบอร์เจีย เพื่อเสนอให้มีการปรับเปลี่ยนฝ่ายขายในการตลาด

หรือพูดได้ว่า ไม่ได้แค่คำนึงถึงการผลักดันการเข้าฉายสำหรับคนดูทั่วที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่มีการเผชิญหน้ากับกลุ่มคนดูเล็กๆ อีกกลุ่ม ทดลองการโปรโมทในแถบอเมริกาเหนือดู

คาดการณ์เอาไว้สิบวัน ภายในสิบวันนี้ ค่อยๆ เอาหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เข้าฉายตามโรงหนังในแถบนั้น

ในด้านของฝ่ายลงทุนมองว่า ถ้าอาศัยตำแหน่งชื่อเสียงของโดนัลด์ในยุโรปอเมริกา และความมีอิทธิพลของเซี่ยซ่าเหลยในรุปโรปอเมริกา บวกกับแผนที่เหมาะสมของฝ่ายขาย ดึงดูดให้สื่อและนักวิจารณ์ส่วนหนึ่งมาก่อน เพื่อที่จะเรียกคำวิจารณ์ดีๆ เพื่อให้เหล่าคนดูเหมือนได้คลี่คลายความไม่พอใจลงด้วย

เมื่อ ‘The second coming of Jesus Christ’ สามารถสร้างชื่อในอเมริกาเหนือได้แล้ว ก็ค่อยๆผลักด้นเข้ามาในยุโรปอเมริกา จากนั้นก็ปล่อยฉายทั่วโลกหลังจากผ่านไปสิบวัน ค่อยๆ ตีตลาดเข้าไป ขยายขอบเขตไปเรื่อยๆ และคนดูก็จะค่อยๆ เริ่มยอมรับกันเอง และสุดท้ายก็จะได้ผลลัพธ์ที่แน่นอนกว่า

และนี่คือสิ่งที่ทางนักลงทุนได้มีการทำการสำรวจตลาดมากว่าครึ่งปีและวางแผนการมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว และได้เลือกการเข้าฉายที่ดีที่สุดออกมาแล้ว

แต่ก็ดูเหมือนว่าเซี่ยซ่าเหลยจะไม่เห็นด้วย

เขาคิดว่าแผนการการเอาหนังเข้าฉายแบบนี้ มันก็แค่เป็นการลดอัตราการเสียผลประโยชน์ของนักลงทุนเท่านั้น สร้างกระแสให้หนัง ดึงดูดให้คนดูเดินเข้าไปในโรง มันเป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอนของฝ่ายขายทั้งนั้น

เซี่ยซ่าเหลยมีความทะเยอทะยานสูง เขาหวังกับหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เอาไว้สูงมากๆ การแสดงของเจียงเซ่อในเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ นั้น คนทั้งกองถ่ายก็เห็นกันด้วยตาตัวเองอย่างชัดเจนแล้ว

เธอสามารถแสดงบทบริตนีย์ออกมาได้อย่างสมจริงสมจัง ราวกับว่าบนโลกใบนี้มีคนๆ นี้อยู่จริงๆ และการร่วมมือกันระหว่างเธอและโดนัลด์นั้นก็ไร้ที่ติสุดๆ

สิ่งที่เธอยังขาดไป ก็มีแค่การที่คนทั้งโลกจะได้รู้จักเธอเท่านั้น เมื่อเทียบกับลาร่าแล้ว เธอนี่แหละที่เหมาะสมกับบท ‘บริตนีย์’ มากที่สุด

หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ นั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากสำหรับเขา มันเป็นความสำเร็จของหนังที่มีชื่อเสียง กับวิธีที่ต้องพึ่งพาตัวสื่อและนักวิจารณ์หนังเพื่อที่จะให้เกิดความสนใจอะไรแบบนั้น ทำไมถึงไม่ใช้วิธีที่มันง่ายและสะดวกรวดเร็วกว่า ในการมาทำให้กลายเป็นที่จับตามองมากขึ้นล่ะ?

ทางนักลงทุนต้องการที่จะปล่อยฉายก่อนเพื่อเป็นการเปิดตลาด แต่เซี่ยซ่าเหลยต้องการที่จะนำพาทีมงานของ ‘The second coming of Jesus Christ’ ไปแย่งชิงรางวัลในงานพิจารณาหนังศิลป์ร้อยปีของอเมริกาที่จะถูกแค่สามปีครั้งเท่านั้น

งานพิจารณาหนังศิลป์ร้อยปีของอเมริกามีตั้งแต่เมื่อเก้าสิบหกปีก่อน กลุ่มนายทุนมากมายของอเมริกาจะร่วมกันสร้างรางวัลรางวัลหนึ่งขึ้นมา เรียกกันติดปากว่า ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ จุดประสงค์ก็เพื่อจดบันทึกหนังที่ดีที่สุดของโลกนี้เอาไว้ เพื่อที่จะทำให้คนสร้างหนังได้ประกาศความสำเร็จ จะส่งผลกระทบที่ไม่ธรรมดา ต่อประวัติศาสตร์ของหนังบนโลกนี้เลย

การที่จะได้ถูกบันทึกลงในประวัติศาสตร์ของหนังศิลปะอีกทั้งยังได้รางวัลนั้น ในเกือบร้อยปีที่ผ่านมานี้ ทั้งหมดมันก็คือความสำเร็จที่ดีที่สุด

การที่จะได้เป็นหนังที่ได้เข้าร่วมในการคัดเลือกงานพิจารณาหนังศิลป์ร้อยปี ก็เหมือนเป็นการได้ความยอมรับจากคนสร้างหนังทั้งหมด และมันก็จะง่ายต่อการทำให้เรื่องของยอดขายประสบความสำเร็จด้วย ก็เหมือนได้รับผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย

มันจะถูกจัดขึ้นในเดือนธันวาคมในทุกๆ สามปี ระยะเวลาทั้งหมดคือยี่สิบวัน หนังที่จะเข้าร่วมคัดเลือกจะต้องเป็นหนังที่ถ่ายเสร็จแล้วเท่านั้น และเป็นหนังที่ยังไม่เคยเข้าฉายมาก่อน