webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

610

บทที่ 610 เดิมพัน

โจวเซิงเอามือป้องลำโพงเอาไว้ เหมือนว่าตรงที่เขาอยู่นั้นมีคนมา เขาเอ่ยทักทายเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกมา เพื่อหาที่เงียบๆ ใหม่ จากนั้นก็พูดขึ้นเบาๆ “ข่าวจากทางคุณลัวยืนยันมาแล้วว่าเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ได้ยื่นเสนอชื่อเข้าร่วมกิจกรรม ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ แล้ว”

เขาถอนหายใจออกมา

“ได้ยินมาว่าเขาได้ทำข้อตกลงสัญญากับทางบอร์เจียและฮว๋านเต่า เป็นการวางเดิมพันด้วยยอดขายบัตรหนัง”

ข้อมูลที่โจวเซิงได้มามันก็ไม่ได้เยอะอะไรเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าตัวเขาจะได้ยินข้อมูลพวกนี้มาจากภายในบริษัท แต่ข้อมูลที่เกี่ยวกับบริษัทลงทุนของต่างประเทศ มันก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะสามารถเข้าถึงได้อยู่ดี

ข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ เขาได้ยินมันมาจากคนในบริษัททั้งนั้น และได้ยินมาว่าทางเจียงเซ่อได้รับสายจากเชี่ยซ่าเหลย และเขาก็ได้บอกเรื่องนี้ให้เธอรู้ จากนั้นก็เป็นเซี่ยเชาฉวินที่ได้รู้ข่าว และเป็นคนนำเรื่องนี้ไปบอกกับทางบริษัท

“ถ้าหากว่าสุดท้ายแล้วหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ได้ยอดขายเกินหนึ่งพันห้าร้อยล้าน เขาถึงจะได้รับเงินตอบแทนจากทางกลุ่มนักลงทุนตามที่เขียนเอาไว้ในสัญญา แต่ถ้าหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ได้ยอดขายน้อยกว่าหนึ่งพันห้าร้อยล้าน เขาก็จะไม่ได้เงินตอบแทนหรือแม้แต่ส่วนแบ่งสักแดงเดียว หรือแม้แต่เงินค่าตอบแทนจากการกำกับหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ทั้งสามภาคในก่อนหน้านี้ก็จะไม่ได้เช่นกัน” โจวเซิงไม่สนใจว่าตอนที่เถาเฉินได้ยินแบบนั้นแล้วจะรู้สึกยังไง และเขาก็พูดต่อทันที

“อีกทั้งเขายังเซ็นสัญญากับทางบอร์เจียและฮว๋านเต่าอีกด้วยว่า นอกจากจะไม่ได้เงินค่าตอบแทนแล้ว เขายังจะถ่ายหนังอีกสองเรื่องให้ฟรีๆ”

หรือพูดได้ว่า ถ้าหากว่ายอดขายทั่วโลกของ ‘The second coming of Jesus Christ’ มันได้ไม่ถึงหนึ่งพันห้าร้อยล้าน อย่างน้อยก็อีกประมาณห้าปีที่เชี่ยซ่าเหลยจะต้องทำงานให้กับกลุ่มนักลงทุนฟรีๆ ไม่มีค่าตอบแทนเลยสักแดง

“แต่ถ้าสุดท้ายแล้วหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ได้ยอดขายเกินหนึ่งพันห้าร้อยล้าน เขาก็จะได้ในสิ่งที่เขาต้องการ และถ้าได้เกินสองพันล้านขึ้นไปส่วนแบ่งก็จะถูกปรับไปด้วย”

นี่ถือเป็นการวางเดิมพันที่ช่างกล้าและสุ่มเสี่ยงเอามากๆ!

การเป็นผู้กำกับแนวหน้า ค่าตัวการกำกับหนังเรื่องหนึ่งของเชี่ยซ่าเหลยเป็นจำนวนเงินมามหาศาลอยู่แล้ว

ถึงแม้ว่าตอนที่เถาเฉินรับเล่นเรื่อง ‘The Lost City’ ในตอนนั้น เพื่อเป็นการเคาะประตูสู่วงการต่างประเทศ และเลือกที่จะรับค่าตัวต่ำกว่าเกณฑ์เพื่อที่จะได้เล่นบทในเรื่อง ‘The Lost City’ แต่การกระทำของหล่อนในตอนนั้น มันไม่ได้เหมือนกับการ ‘วางเดิมพัน’ ของเชี่ยซ่าเหลยในตอนนี้

หลังจากที่หล่อนแสดงหนังเรื่อง ‘The Lost City’ แล้ว หล่อนก็ประสบความสำเร็จในการเปิดประตูเข้าสู่ยุโรปอเมริกาแล้ว หลายปีที่ผ่านมานี้ก็ได้งานและสัญญาจากต่างประเทศมาจำนวนหนึ่ง ก็ถือว่าได้เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาต่อชาวยุโรปอเมริกา

แต่สำหรับเชี่ยซ่าเหลยนั้นถือว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะ ‘เทียบไม่ได้’ แต่ก็ถือว่าดีกว่าคนที่อยู่ด้านหลังมากแล้ว

ชื่อเสียงของเขาในตอนนี้ มันก็มากพอที่จะทำให้เขาสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้กำกับไปได้อย่างสบายๆ ทุกๆ ปีมีทุนมีงานเข้ามาหา มีเงินก้อนใหญ่ที่จะมาเชิญเขาไปกำกับหนัง ไม่เห็นจำเป็นเลยสักนิดที่เขาจะต้องไปทำสัญญาวางเดิมพันที่แสนบ้าบิ่นแบบนั้น

ถ้าเดิมพันชนะก็คงไม่ต้องพูดอะไร ถ้ายอดขายของหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ มันได้เกินหนึ่งพันห้าร้อยล้าน เขาก็ถือว่าได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเอง กลายเป็นผู้กำกับระดับตำนานที่จะสามารถนั่งตำแหน่งได้อย่างมั่นคงตลอดไป

แต่ถ้าแพ้ในการเดิมพันครั้งนี้ สำหรับเชี่ยซ่าเหลยแล้ว คำชมคำวิจารณ์ดีๆ ที่สั่งสมมาตลอดครึ่งชีวิต ก็จะต้องล้มเหลวไปอย่างสิ้นเชิง

เขาจะกลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะของวงการฮอลลีวูดและอาจจะรวมไปถึงในยุโรปอเมริกา และหน้าที่การงานของเขาก็อาจจะเป็นได้เพียงเรื่องในอดีต

ถ้าหากว่าตอนนี้ค่าตัวของเขามันอยู่ที่หลายสิบล้านเหรียญสหรัฐ งั้นถ้ายอดขายของหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ มันล้มเหลว ค่าตัวของเขาก็คงจะถูกลดลงมาหลายสิบเท่า

ที่ยากไปกว่านั้นก็คือ เพราะเขาได้ร่วมการวางเดิมพันในครั้งนี้ งานและทุนต่างๆ ต่อไปในอนาคต ก็คงไม่มีทางที่จะตกมาถึงมือเขาก่อนเป็นคนแรกอีก จากที่เคยเป็นผู้เลือก ก็จะกลายเป็นผู้ที่ถูกคัดเลือกเสียแทน

เรื่องพวกนี้ เชี่ยซ่าเหลยเองก็คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มานาน ก็น่าจะรู้และเข้าใจแจ่มแจ้งยิ่งกว่าเถาเฉินอยู่แล้ว

ถ้าหากว่าเถาเฉินไม่รู้ว่าโจวเซิงคงไม่กล้าเอาเรื่องอะไรแบบนี้มาหลอกหล่อนแล้วละก็ เถาเฉินก็คงจะแปลกใจไม่น้อยในสิ่งที่โจวเซิงบอกหล่อนมาทั้งหมด หล่อนอาจจะคิดไปว่าโจวเซิงกำลังจะเปลี่ยนฝ่ายไปเข้าข้างเจียงเซ่อ เลยตั้งใจจะสร้างสถานการณ์ใส่หล่อนก็ได้

“เขาเซ็นสัญญา ‘เดิมพัน’ ไปแล้วจริงๆ น่ะหรือ?”

หล่อนยังไม่อยากจะเชื่อ แต่โจวเซิงก็ยืนยันอย่างจริงจัง

“จริงครับ ข้อมูลมาจากทางฝั่งของเซี่ยเชาฉวิน ได้ยินมาว่าเชี่ยซ่าเหลยติดต่อหาเจียงเซ่อด้วยตัวเองเลยด้วย ว่าให้เธอเตรียมตัวเอาไว้แต่เนิ่นๆ”

ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ และการแต่งหน้า เพื่อที่จะให้มีภาพลักษณ์ที่ดีที่สุดในการเดินพรมแดง ทุกอย่างล้วนแล้วให้เจียงเซ่อเตรียมตัวให้พร้อม

ทันทีที่ข่าวคราวเหล่านั้นไปถึงหูของท่านประธานลัวหยิ่นโดยเซี่ยเชาฉวิน ลัวหยิ่นก็เก็บเรื่องนี้เอาไว้อย่างเงียบเชียบ จนช่วงนี้ที่งาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ เริ่มที่จะเปิดฉากขึ้นแล้ว สมาชิกของ ‘หนังศิลป์ร้อยปี’ เริ่มทยอยได้รับบัตรเชิญให้มาเข้าร่วมงานกัน และต่างก็เตรียมตัวที่จะเดินทางไปยังโรงละครแห่งชาติในอเมริกา เพื่อที่จะไปเข้าร่วมการ ‘รับชมภาพยนตร์’ ทั้งสิบห้าวันและลงคะแนนโหวต หากไม่ใช่เพราะข่าวเหล่านี้มันแพร่สะพัดไปทั่วแล้วล่ะก็ บางทีจนถึงตอนนี้แม้แต่ตัวโจวเซิงเอง ก็ยังจะโดนปิดหูปิดตาต่อไป

เรื่องพวกนี้กลุ่มหุ้นส่วนของบริษัทก็คงจะรู้ดีอยู่ในใจ โจวเซิงเองก็เป็นคนในบริษัทที่ซื่อสัตย์กับ เถาเฉินมาโดยตลอด แต่พอตอนนี้ได้มารู้ข้อมูล ตัวเขาก็เริ่มที่จะมีลางสังหรณ์ว่าเถาเฉินอาจจะเสียผลประโยชน์ขึ้นมาแล้ว

ดังนั้นพอเขาได้รู้ข่าวพวกนั้นถึงได้ร้อนใจรีบโทรหาเถาเฉินทันที แม้จะให้ซ่งอี้เป็นคนไปบอกต่ออีกทีก็ไม่ได้เด็ดขาด

การเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับยาสระผม Carolus ก็สำคัญเหมือนกัน แต่สำหรับเถาเฉินแล้ว การเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์มันก็เป็นการแค่การปักดอกไม้ลงไปบนผ้า การที่หล่อนได้งานแบรนด์แอมบาสเดอร์มามันสามารถสร้างชื่อเสียงภายในประเทศได้ก็จริงอยู่ แต่สิ่งที่ยังต้องพึ่งพามากที่สุดก็คือหนัง ยังต้องพึ่งพาผลงาน

ถ้าหากหล่อนต้องเสียผลประโยชน์ในเส้นทางภาพยนตร์ไป งั้นงานแบรนด์แอมบาสเดอร์ในอนาคตพวกนั้นจะยังเป็นหล่อนอยู่อีกหรือไม่ มันก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน

หลังจากที่เถาเฉินได้ยินในสิ่งที่โจวเซิงตอบกลับมา หล่อนก็พูดอะไรไม่ออกไปอีกครู่ใหญ่

ถ้าไม่ใช่เพราะรู้อยู่แล้วว่าเชี่ยซ่าเหลยและเจียงเซ่อเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าเจียงเซ่อยังมีคู่หมั้นคอยหนุนหลัง และหล่อนเองก็เคยได้พบเจอและพูดคุยกับเชี่ยซ่าเหลยมาก่อน รู้และเข้าใจดีว่าตัวเชี่ยซ่าเหลยนั้นเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูงเหมือนกัน ไม่มีทางที่เขาจะมายอมเสียรู้เพื่อเด็กสาวคนหนึ่งแน่ๆ แต่เถาเฉินก็ยังสงสัยอยู่ดี ว่าการที่เชี่ยซ่าเหลยทำแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นการปูอนาคต ให้กับเจียงเซ่ออยู่หรือไง

ในขณะที่หล่อนกำลังฉลองไปกับแผนที่ใช้ไปตอนถ่าย ‘Suspect’ ที่สามารถงัดเจียงเซ่อออกไปจากสัญญาที่จะได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับแบรนด์ Carolus ได้ ในขณะที่คิดว่าตนหาหนทางในการแย่งชิงชื่อเสียงกลับมาได้แล้วนั้น เจียงเซ่อกลับกำลังเตรียมเสื้อผ้าและเครื่องประดับเพื่อไปเดินพรมแดงในงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’

ครึ่งชีวิตก่อนหน้านี้หล่อนยังคงมีความรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องในความมีเกียรติและชื่อเสียงที่โด่งดังของตัวเอง แต่ในตอนนี้หล่อนกลับต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่แสนน่าอึดอัด และไม่มีทางไหนเลยที่จะช่วยหล่อนให้ออกไปจากจุดนี้ได้

ตอนนี้ในเมืองตี้ตู หลังจากที่ทานมื้อค่ำกันเสร็จแล้ว ซูเพ่ยเอินและภรรยาก็ออกไปเดินเล่นด้วยกัน กว่าจะกลับไปถึงบ้านก็ปาเข้าไปสองทุ่มกว่าแล้ว

ภรรยาของเขาชอบดูหนังที่เกี่ยวกับจริยธรรมครอบครัวที่สถานีโทรทัศน์ในหัวเซี่ยชอบเอามาฉาย และหล่อนก็ติดตามมาได้สองเดือนกว่าแล้ว หล่อนมักจะนั่งถักเย็บเสื้อไหมพรมไปด้วย ตาก็จ้องมองไปยังหน้าจอโทรทัศน์ไปด้วย

ซูเพ่ยเอินนั้นไม่ค่อยสนใจกับรายการทางโทรทัศน์สักเท่าไหร่ เขานั่งอยู่บนโซฟากับภรรยาตนเอง พลางเลื่อนดูข่าวใหม่บนแท็ปเล็ต สนใจอยู่กับหนังที่กำลังจะเข้าฉายภายในเดือนที่เหลืออีกไม่กี่เดือนในปีนี้ อยากจะเลือกหาหนังที่ตัวเองสนใจขึ้นมา

ภายในเดือนตุลาคมไม่ค่อยมีหนังที่เขาอยากจะเข้าไปดูในโรงสักเท่าไหร่ หนังที่หัวเซี่ยเอาเข้ามาก็เหมือนจะเป็นหนังกระตุ้นเศรษฐกิจเสียส่วนใหญ่ เขานั่งเลื่อนไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ