webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

600

บทที่ 600 ตัวหลักตัวรอง

ในสถานการณ์แบบนี้ เถาเฉินยิ่งแสดงกลับยิ่งไม่ชอบใจ ช่วงนี้เวลาที่เธออยู่คนเดียวเงียบๆ ก็มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ทำให้ซ่งอี้แปลกใจ

“แต่หนังเรื่อง ‘Suspect’ ก็ราบรื่นมากไม่ใช่เหรอครับ ฮั่วจือหมิงพอใจในการแสดงของคุณมาก และบทของคุณก็เยอะกว่าเจียงเซ่ออยู่มาก ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินฮั่วจือหมิงบอกว่า การแสดงของคุณรักษาระดับได้ดีมากเลยด้วย”

เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ดันแว่นบนใบหน้าหลายที ทันทีที่พูดจบ เถาเฉินก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“รักษาระดับได้ดี?”

เธอพูดเสียงสูง “สำหรับนาย นี่ถือเป็นคำชมเหรอ”

บรรยากาศเริ่มตึงเครียด ซ่งอี้เลียริมฝีปากหลายที ไม่กล้าพูดอะไร

ความจริงถ้าคำพูดนี้ไม่ได้มาจากฮั่วจือหมิง แต่เป็นคำพูดของผู้กำกับคนอื่น ซ่งอี้คงจะไม่มีปฏิกิริยาแบบนี้กับคำพูดนี้

แต่บังเอิญมานี่เป็นคำพูดของฮั่วจือหมิง ทีมงานต่างเคยลิ้มรสนิสัยของคนแก่คนนี้ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นเรื่องใหญ่โตสำหรับเขา จะต้องคอยหาจุดบกพร่อง ตอนที่เจียงเซ่อถ่ายก็มักจะถูกเขาตำหนิ

เมื่อเทียบกันแล้ว สิ่งที่เขาปฏิบัติต่อเถาเฉินแม้จะไม่ถึงขั้นเกรงใจ แต่ดีกว่าสิ่งที่ปฏิบัติกับเจียงเซ่อมากโดยไม่ต้องสงสัย

การที่เขาสามารถพูดคำพูดนี้ออกมาได้ หมายความว่าเขาพอใจในการแสดงของเถาเฉิน

“ที่ฮั่วจือหมิงคิดว่าฉันรักษาระดับการแสดงได้ดี เพราะเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับฉันแล้ว แต่เปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับเจียงเซ่อแทน”

เขาจึงคาดหวังกับเจียงเซ่อและเข้มงวดมากเป็นพิเศษ อยากให้เจียงเซ่อแสดงได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนถึงร้อยเปอร์เซ็นอย่างที่เขาหวังเอาไว้

“อีกอย่างตอนนี้ความคาดหวังที่เขามีต่อเจียงเซ่อ นายเห็นว่าเขาพูดจาไม่ดี แต่ความจริงกำลังสอนเธอเรื่องการปฏิบัติตัวอยู่ต่างหาก!” เหมือนคำพูดที่ว่า รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี เขาไม่ได้คาดหวังกับเถาเฉินมากนัก จึงเข้ามาตำหนิเธอไม่บ่อยนัก

เถาเฉินพูดถึงตรงนี้ สีหน้าดูแย่กว่าเดิม

หนังเรื่อง ‘Suspect’ ถ่ายทำมาจนถึงตอนนี้ เธอสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ

ตอนแรกที่เธอได้รับบทของเฉินซวินหราน บทที่ได้รับเป็นบทนางเอกและไม่ว่าจะในบทหรือสิ่งที่ทางบริษัทต้องการ ล้วนแต่บอกว่า เจียงเซ่อเป็นตัวรองของเธอ

แต่หลังจากมั่นใจแล้วว่าเจียงเซ่อจะเข้าร่วมทีม ฮั่วจือหมิงได้กลับไปดูผลงานเก่าๆ ที่เธอเคยแสดง และได้ทำสิ่งหนึ่งที่ไม่เป็นผลดีต่อเธอ นั่นก็คือเขาได้เปลี่ยนบทครั้งใหญ่ เพิ่มบทให้เจียงเซ่อ สร้างคาแรคเตอร์ที่สมบูรณ์แบบให้เธอ

ทำให้ ‘ผู้ต้องสงสัย’ ที่แข็งกระด้างในตอนแรก มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที แทบจะมีบทบาทเท่ากับนางเอกเลยด้วยซ้ำ

จากนั้นในกองถ่าย การแสดงของเจียงเซ่อไม่เพียงแค่เหนือความคาดหมายของเถาเฉิน ในขณะเดียวกันก็ได้รับความชื่นชมจากฮั่วจือหมิงและเข้มงวดกับเธอมาก

“หมายความว่ายังไงครับ”

ซ่งอี้ฟังถึงตรงนี้ก็อดถามไม่ได้

“การที่ฉันแสดงเป็นนางเอกอย่างเฉินซวินหราน นายเห็นแล้วอาจจะคิดว่ามีบทและมีบทพูดมาก ทั้งยังได้ปรากฏตัวอยู่บ่อยครั้ง” เถาเฉินหายใจเข้าลึกๆ ซ่งอี้พยักหน้า “เป็นแบบนั้นจริง”

“แต่คาแรคเตอร์ของเฉินซวินหรานอยู่ในกรอบมากเกินไป”

เฉินซวินหรานในหนังเรื่อง ‘Suspect’ ดูเคร่งขรึม มีประสบการณ์การไขคดีที่หลากหลาย มีสัญชาตญาณในการตรวจสอบ มีความมุ่งมั่นในการลงโทษคนผิดและปกป้องประชาชน แต่นอกจากนี้ เมื่อเถาเฉินคิดทบทวนดูให้ดีแล้ว กลับไม่มีคำพูดอื่นใดมาเปรียบเทียบได้อีก

จนถึงตอนนี้ เธอรู้สึกรางๆ ว่าตนเองเหมือนตกหลุมพราง คาแรคเตอร์ของเฉินซวินหรานธรรมดาเกินไป ไม่มีเอกลักษณ์

ตำแหน่งที่ฮั่วจือหมิงวางไว้ให้เธอก็ชัดเจน นั่นก็คือให้เธอแสดงตามกรอบ ไม่ผิดไปจากบทก็พอแล้ว เขาให้ความสำคัญกับเจียงเซ่อ ทำให้คาแรคเตอร์ของเจียงเซ่อโดดเด่นมากกว่า

อีกหนึ่งความหมายก็คือตามบททั้งลั่วหยิ่น ซื่อจี้หยินเหอ นักข่าวรวมทั้งแฟนคลับต่างก็เข้าใจว่าในหนังเรื่อง ‘Suspect’ เถาเฉินเป็นนางเอก เจียงเซ่อเข้าทีมมาก็เพื่อเป็นตัวประกอบของเธอก็เท่านั้น

แต่สำหรับฮั่วจือหมิง ตำแหน่งแบบนี้อาจจะสลับปรับเปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว ทำให้การแสดงทั้งหมดของเถาเฉินเป็นเพียงการสนับสนุนจุดเด่นของซูอี้ที่เจ้าเสน่ห์เหมือนหมาป่าและฉลาดหลักแหลมแต่กลับงดงาม

สถานการณ์แบบนี้อันตรายมาก ทักษะการแสดงของเถาเฉินยิ่งดีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นการสนับสนุนตัวละครของเจียงเซ่อ

ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือ การแสดงของเถาเฉินยิ่งดีมากเท่าไหร่ ปฏิสัมพันธ์ที่มีต่อเจียงเซ่อก็ยิ่งน่าดึงดูดและคาแรคเตอร์ที่รักความยุติธรรม มีความมุ่งมั่นของเฉินซวินหรานที่เธอแสดงยิ่งประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้บท ‘ซูอี้’ ที่เจียงเซ่อแสดงโดดเด่นมากเท่านั้น

การฟาดฟันกันแบบนี้ แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วจะสามารถสร้างหนังเรื่อง ‘Suspect’ ฉบับสมบูรณ์แบบออกมาได้ หลังจากเข้าฉายได้รับเสียงปรบมือกระหน่ำจากผู้ชม แต่สิ่งที่สร้างความประทับใจให้ทุกคนได้มากที่สุดก็อาจจะเป็นตัวละครที่เจียงเซ่อแสดง

ทั้งคำชื่นชมและโอ้อวดจะมาทับถมที่เจียงเซ่อ ทั้งชื่อเสียงและผลประโยชน์ล้วนตกเป็นของเธอ ตนเองอาจจะกลายเป็นเพียงหินรองเท้าที่ให้เจียงเซ่อเหยียบเพื่อประสบความสำเร็จก็เท่านั้น

ในหนังเรื่องนี้ ตอนแรกเป็นหนังที่เธอจะเหยียบเจียงเซ่อเอาไว้ สุดท้ายกลายเป็นการส่งเจียงเซ่อให้ไปสู่ความสำเร็จ

ในสถานการณ์แบบนี้ เถาเฉินจะยอมได้อย่างไร

“จนถึงตอนนี้ ฉันถึงขั้นสงสัยว่า บทที่เจียงเซ่อได้รับในตอนแรก เป็นตัวละครที่ชื่อเฉินซวินหรานของหนังเรื่อง ‘Suspect’ จริงหรือเปล่า” เธอพึมพำ “แม้ว่าเจียงเซ่อจะไม่มีประสบการณ์ แต่เชาฉวินก็คงไม่ยอมให้เธอเลือกตัวละครที่คาแรคเตอร์คงที่แบบนี้แน่”

อีกอย่างหนึ่ง เธอถ่ายหนังกับเจียงเซ่อมาจะสองเดือนแล้ว เถาเฉินก็รู้จักเจียงเซ่อมากขึ้น

แม้เจียงเซ่อจะยังอายุไม่มาก แต่นิสัยและความมุ่งมั่นไม่เหมือนเด็กสาวอายุยี่สิบกว่า แต่กลับเหมือนเป็นคนที่มีประสบการณ์ไม่น้อยไปกว่าเถาเฉิน

หนังเรื่อง ‘Suspect’ ถ่ายทำมาสองเดือน เถาเฉินยังสังเกตได้ถึงความผิดปกติ เจียงเซ่อก็ควรจะสัมผัสได้อยู่บ้าง ตอนนั้นเธอจะเลือกบท ‘เฉินซวินหราน’ จริงๆ เหรอ เถาเฉินไม่เชื่อ

เธอสงสัยว่าตนเองอาจจะตกหลุมพรางของเซี่ยเชาฉวินเข้าแล้ว เธอสงสัยว่าบริษัทได้วางแผน อยากให้เจียงเซ่อมาแทนที่ตนเอง

ถ้าไม่อย่างนั้นจะบังเอิญถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ตอนที่เธอได้รับบทประพันธ์ของหนังเรื่อง ‘Suspect’ ในตอนแรก เซี่ยเชาฉวินได้ขุดหลุมพรางให้กับตัวละครที่ชื่อ ‘เฉินซวินหราน’ จากนั้นลัวหยิ่งก็ถือโอกาสใช้เรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงการกุศล ส่งเจียงเซ่อมาแสดงเป็น ‘ผู้ต้องสงสัย’ ในเรื่อง

เถาเฉินโกรธตนเองที่ในตอนนั้นถูกเรื่องราวมากมายเข้ามาทำให้เวียนหัว ตอนนั้นข่าวที่เจียงเซ่อเขี่ยลาร่าออกและได้เป็นนางเอกที่ชื่อบริตนีย์ในหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ ถูกปล่อยออกมาสร้างแรงกระตุ้นให้เธอเป็นอย่างมาก กลัวว่าตำแหน่งของตนเองจะถูกคุกคาม จึงแย่งบทที่เจียงเซ่อชื่นชมอย่างไม่คิดชีวิตและเซ็นสัญญาตัวละครที่ชื่อเฉินซวินหรานในหนังเรื่อง ‘Suspect’ อย่างเร่งรีบ

จากนั้นก็เป็นฝ่ายเปิดเผยกับนักข่าวว่าตนเองจะร่วมงานกับเจียงเซ่อ ค่อยๆ ปิดทางออกของตนเองไปทีละก้าวๆ จนตอนนี้ไม่สามารถหวนกลับได้อีก

ซ่งอี้ฟังเธอระบายออกมาทีละน้อยแล้วอดตะลึงไม่ได้

เมื่อคิดทบทวนดูแล้ว ในการถ่ายทำ นิสัยของตัวละครที่เจียงเซ่อแสดงโดดเด่นมากกว่าที่เถาเฉินแสดงจริงๆ

บทบาทที่ทั้งสองแสดงซ่งอี้วิเคราะห์แล้วพบว่า เฉินซวินหรานปรากฏตั้งแต่ตอนแรกๆ ตัวละครนี้อยู่ในเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ แต่สิ่งที่เธอต้องการจะสื่อและคาแรคเตอร์ของเธอกลับเป็นเพียงแค่ตำรวจหญิงที่มากประสบการณ์และรักความยุติธรรมเท่านั้น

ในทางกลับกันซูอี้ต่างกากที่ปรากฏตัวตั้งแต่ฉากแรก เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยของเฉินซวินหราน สิ่งที่เธอพบเจอในวัยเด็กได้เชื่อมโยงเธอเข้ากับคดีที่อู่ชุนเหอได้รับ ‘จดหมายแจ้งวันตาย’ จากนั้นทั้งในโรงแรมที่เกิดคดีฆาตกรรมและที่อื่นๆ ก็มีเธอปรากฏอยู่ แต่ตำรวจกลับไม่มีหลักฐานที่จะมายืนยันว่าเธอเป็นคนผิด

ตัวละครตัวนี้มีที่มาที่ไป แต่กลับแฝงความลึกลับและทำให้กระตุ้นให้คนคิดวิเคราะห์ ถ้ามองจากอีกด้านหนึ่งเสน่ห์ของเธอนั้นมากกว่าเฉินซวินหรานเสียอีก

อย่างที่เถาเฉินบอก เธอปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบ แต่กลับเหมือนเป็นเบาะแสที่นำไปสู่ซูอี้ก็เท่านั้น

พาผู้ชมเข้าสู่สายตาของเฉินซวินหราน เพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับซูอี้

“บางทีความมากน้อยของบทไม่ได้หมายถึงความสำคัญของตัวละคร” ในหนังเรื่อง ‘Suspect’ ฉากที่มีเถาเฉินเยอะมาก บทพูดก็เช่นกัน ในขณะเดียวกันก็ปรากฏตัวอยู่ในซีนไม่น้อยเลย สำหรับเถาเฉิน เธอไม่ถือว่าเป็นนักแสดงนำอีกต่อไป ฮั่วจือหมิงแอบสลับตัวหลักกับตัวรอง

นึกถึงในงานหลายงานที่ไปร่วมก่อนการถ่ายทำ ที่นักข่าวเคยถามถึงความรู้สึกของเจียงเซ่อที่เป็นตัวประกอบให้กับเถาเฉินในหนังเรื่อง ‘Suspect’ เถาเฉินก็ยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิม

หลังจากหนังเข้าฉาย ใครเป็นตัวหลัก ใครเป็นตัวรอง ผู้ชมจะชั่งใจเอง ความรีบร้อนของเธอทำให้ตนเองตกหลุมพรางที่ตนเองขุดเอาไว้

นี่เป็นเหตุผลที่หลังจากเถาเฉินกระจ่างแล้ว กลับดีใจไม่ออก

เธอทุ่มเทกับการแสดงแต่เพราะบทบาทถูกจำกัด ไม่ว่าจะแสดงดีมากแค่ไหนก็ทำเพื่อสนับสนุนเจียงเซ่อเท่านั้น เถาเฉินไม่ยอม 

ถ้าจะบอกว่า ‘Suspect’ เป็นหนังฟอร์มยักษ์เหมือนหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ที่นักแสดงของเรื่องไม่ว่าจะทั้งในและนอกประเทศล้วนมีอิทธิพลกว่าเธอก็ช่างเถอะ เธอยอมเป็นตัวรอง

แต่ตอนนี้เป็นไพ่ในมือเธอแท้ๆ แต่กลับออกมาเป็นเช่นนี้ เถาเฉินจะทนอยู่เฉยได้อย่างไร

เธอทุ่มเทมานานถึงขนาดนี้แล่ว ทั้งล้มลุกคลุกฝุ่นในวงการบันเทิง ตั้งใจถ่ายหนังจนมีวันนี้ ความลำบากทั้งหมดที่พบเจอไม่ได้เพื่อมาเป็นตัวประกอบให้กับใคร

“ทำยังไงดีครับ”

ซ่งอี้ถามด้วยความกังวลใจ สายตาของเถาเฉินนิ่งสงบ เหมือนแฝงความเคียดแค้นอันมหาศาลเอาไว้

“เรื่องบางเรื่องถ้าไม่สามารถเปลี่ยนที่ตัวเองได้” เธอพูดถึงตรงนี้ได้หยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองซ่งอี้ สายตาที่แฝงรอยยิ้มเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานที่ไม่ยอมให้ใครมาแย่งตำแหน่ง

“นายก็ต้องเรียนรู้ที่จะไปขัดขวางคนอื่น”

ถ้าในเรื่อง ‘Suspect’ เธอแสดงได้ดีและไม่มีความคิดที่จะลดระดับของตนเองลงไปเพื่อทำให้ส่งผลกระทบต่อการแสดงของเจียงเซ่อ ถ้าอย่างนั้นเธอสามารถเลือกที่จะกดพลังของเธอลงได้ ทำให้การแสดงของเธอต่ำกว่ามาตรฐานที่มี จนฮั่วจือหมิงสูญเสียความหวังที่มีต่อเธอ หลังจากหนังเข้าฉายความคิดเห็นของผู้ชมแน่นอนว่าต้องเข้าข้างคนที่เหนือกว่า ถึงตอนนั้นใครเป็นตัวหลัก ใครเป็นตัวรองก็จะสามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจน

“แต่จะทำได้อย่างนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย”

ซ่งอี้เป็นกังวลอยู่ไม่น้อย วิธีของเถาเฉินตามหลักแล้วก็น่าจะเป็นไปได้ แต่การที่เจียงเซ่อเดินมาถึงจุดที่เท่าเทียมกับเถาเฉินได้ นอกจากความสามารถของเซี่ยเชาฉวินแล้ว ส่วนหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะตัวเธอเองด้วย

ในสถานที่ถ่ายทำเอง ซ่งอี้ก็คอยสังเกต ความตั้งใจและมุ่งมั่นของเธอไม่น้อยไปกว่าเถาเฉิน ตอนที่ต่อบทกับเถาเฉินก็คงที่ ไม่ได้ถูกพลังของเถาเฉินกดดันเพียงเพราะเข้าวงการหลังเถาเฉิน

คนแบบนี้ใช่ว่าขัดขวางได้ง่ายๆ อีกอย่างเถาเฉินเป็นคนพูดเองว่า ฮั่วจือหมิงดูแลเจียงเซ่อเป็นอย่างดี ตอนถ่ายทำวางมาตรฐานในทุกๆ ด้านของเธอเอาไว้สูงมาก การจะสร้างเรื่องเพื่อให้กระทบต่อเจียงเซ่อนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“แน่นอนว่าไม่ง่าย” ถ้าเจียงเซ่อจัดการง่ายขนาดนั้น เถาเฉินก็คงไม่ต้องลำบากเหมือนตอนนี้

เธอนึกถึงเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นเธอยังไม่มีชื่อเสียง เป็นนักแสดงใหม่ ทางทีมงานต้องการเลือกเด็กใหม่เพื่อเป็นตัวประกอบ ผู้กำกับเลือกอยู่นาน ท้ายที่สุดได้เลือกเถาเฉินที่ตอนนั้นอายุยังน้อยมาก

หลังจากรู้ข่าว เธอก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืนเพียงแค่ตัวละครตัวเล็กๆ แต่สำหรับเถาเฉินในตอนนั้นแล้วเป็นเรื่องใหญ่มาก

หลังจากแต่งหน้าเสร็จและท่องบทได้แล้ว ก่อนเข้าฉากกลับถูกนางเอกในเรื่องเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กเสิร์ฟ

ความจริงทีมงานจำนวนมากในนั้น รู้ว่าเธอเป็นตัวประกอบหญิงที่ผู้กำกับพาเข้าทีมมา แต่พอเผชิญหน้ากับนางเองที่เอาแต่ใจก็ไม่มีคนยอมออกมาพูดแทนเธอ

นักแสดงหญิงคนนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ มือวางไว้บนพนักวางมือ นั่งไขว่ห้างและเล่นไพ่อย่างเบื่อหน่าย สั่งให้เธอไปซื้อกาแฟแก้วหนึ่ง

เธอจะไปก็ไม่ได้ ไม่ไปก็ไม่ได้

กาแฟแก้วนั้นเธอยังต้องควักเงินของตนเองออกมาซื้อ วิ่งไปไกลมากกว่าจะหามาได้ จนท้ายที่สุดเธอก็ไม่ได้เล่นเป็นตัวละครที่ทำให้เธอตื่นเต้นมากตัวละครนั้น

เธอรับรู้แล้วว่าตัวละครที่ทำให้เธอนอนไม่หลับทั้งคืน สำหรับคนอื่นแล้วเป็นโอกาสที่เล็กน้อยมาก

เถาเฉินจำความอับอายที่ทีมงานให้เธอถอดเสื้อผ้าของกองที่เธอใส่เสร็จเรียบร้อยแล้วออกได้เป็นอย่างดี แล้วเธอสัญญากับตัวเองว่ามันจะไม่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง

หลังจากเธอมีชื่อเสียง นักแสดงหญิงที่เข้าใจเธอผิดก็ออกจากวงการไปตั้งนานแล้ว เธอไม่ใช่เด็กใหม่ที่นอนไม่หลับทั้งคืนเพราะบทตัวประกอบบทหนึ่งอีกต่อไป เธอคุ้นชินกับสายตาที่มองเธออย่างสูงส่งของคนรอบข้าง แต่การถ่ายทำหนังเรื่อง ‘Suspect’ ในครั้งนี้ กลับทำให้เถาเฉินรู้สึกเหมือนถูกเยาะเย้ยอีกครั้งและมันรุนแรงมากกว่าในอดีต

ทีมงานเร่งเดินทางมาถึงสถานที่ถ่ายทำที่ต่อไป ซึ่งสร้างเอาไว้ในเมืองหลินเจียง ฉากบรรยากาศภายนอกที่เหลือจะถ่ายทำที่นี่

อาจจะเป็นเพราะที่วั่งโจวเกิดเรื่องที่ไม่ได้ดั่งใจขึ้นมากมาย รวมทั้งนักแสดงหญิงทั้งสองถูกแฟนคลับและนักข่าวรบกวนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ฮั่วจือหมิงใจกว้างอย่างที่ไม่เคยมาก่อน โรงแรมที่ทีมงานพักในครั้งนี้ แม้จะไม่ใช่โรงแรมระดับห้าดาวใน แต่ก็หรูหรากว่าที่พักแรกอยู่หลายระดับ

หลังจากทีมงานถ่ายทำกันอย่างตื่นเต้นมาสองวัน มีฉากหนึ่งตอนบ่ายสองของเจียงเซ่อที่ต้องถ่ายภายในอาคาร

สถานที่ถ่ายทำได้เตรียมเอาไว้แล้ว เจียงเซ่อมาทำความคุ้นเคยกับสถานที่ถ่ายทำพร้อมกับทีมงาน แม้กระทั่งข้าวยังกินต้องกินพร้อมกับทีมงาน ฉากนี้มีเพียงเจียงเซ่อคนเดียวเหมือนฉากแรกที่เปิดกล้อง ไม่มีบท ใช้สถานการณ์ในการกระตุ้นให้คนคิดตาม เป็นจุดที่สำคัญที่สุดในเรื่อง

เจียงเซ่อแต่งหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ระหว่างที่รอเข้าฉาก โม่อานฉีพลางป้อนน้ำเธอพลางสะกิดเธอเบาๆ 

“เถาเฉินมาแล้ว”

ตารางงานของเย็นนี้ของทีมงาน โม่อานฉีดูแล้วล้วนเป็นฉากของเจียงเซ่อ ไม่มีส่วนของเถาเฉินเลย

เจียงเซ่อหันกลับไปมองเถาเฉิน เธอสังเกตเห็นสายตาของเจียงเซ่อจึงยิ้มให้และนั่งลงบนเก้าอี้ที่ใกล้กับฮั่วจือหมิงมากที่สุด

“ฉันรู้สึกว่าเธอไม่ได้มาดีแน่”

 โม่อานฉีเบะปากและเห็นปฏิกิริยาก่อนหน้านี้ของเถาเฉินเช่นกัน