webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

599

บทที่ 599 ปฏิบัติตัว

ในฉากนี้ทุกซีนก็ไม่ได้ยาวมากนัก เพียงแค่หนึ่งถึงสองนาที เจียงเซ่อดูซีนที่ ‘NG’ แล้วจึงเปิดซีนสุดท้ายที่เธอผ่าน หลังจากดูจบแล้ว ฮั่วจือหมิงก็ถามว่า

“รู้หรือยังว่ามีอะไรผิดปกติ”

โม่อานฉีได้ยินดังนี้ก็เก็บความโกรธเอาไว้ไม่อยู่

“ฉันคิดว่าก็ดีนะ ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ”

ท่าเดินก็เป็นท่าเดิม รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ บนสีหน้าก็แสดงออกมาได้ดีมาก องค์ประกอบสวยไม่มีอะไรที่ดูแล้วไม่เหมือนกัน

ฮั่วจือหมิงหัวเราะ ‘เหอะๆ’ อย่างเย็นเยียบออกมาสองที

“ด้อยประสบการณ์!”

เขาพูดจบ ก็หันมองเจียงเซ่อ

“รู้หรือยังว่ามีอะไรผิดปกติ”

เจียงเซ่อขมวดคิ้ว ให้ตากล้องเปิดเทปสุดท้ายให้เธอดูอีกครั้ง ในจอเธอเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อ ค่อยๆ เดินเข้ามาให้ความรู้สึกเหมือนไม่เป็นส่วนหนึ่งของถนนเส้นนี้ เหมือนเป็นคนแปลกหน้าที่เข้ามาโดยบังเอิญ แต่ก็ดูผ่อนคลายเป็นอย่างมาก

ตอนจบยังคงเป็นรอยยิ้มและการขยิบตา ตอนที่เจียงเซ่อเห็นตนเองผ่านจอ สัมผัสได้ว่าความรู้สึกที่แฝงอยู่ในการขยิบตานั้นถูกบันทึกเอาไว้ทั้งหมด

ตอนนั้นตากล้องอยู่ไกลมาก แต่กระทั่งความเหนื่อยล้าที่ซ่อนอยู่ในสายตาของเธอยังสามารถถ่ายออกมาอย่างชัดเจน

เธอคิดทบทวนครู่หนึ่งและพอจะเดาจุดประสงค์ที่ฮั่วจือหมิงให้เธอซ้ำหลายรอบออกแล้ว

“เข้าใจหรือยัง”

ฮั่วจือหมิงยังคงถามเธอ ดูต้องการคำตอบของคำถามนี้เป็นอย่างมาก

“เพราะความเหนื่อยล้า”

ซีนที่ปรากฏอยู่ในหนังเรื่อง ‘Suspect’ นี้ สิ่งที่ต้องการสร้างคือบรรยากาศ จะต้องทำให้ผู้ชมเข้าถึงความคิดของเฉินซวินหรานเชื่อมโยงซูอี้ให้เข้ากับคำว่า ‘ผู้ต้องหา’ แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่จะยืนยันว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนฆ่า

ส่วนจะเชื่อมโยงอย่างไรนั้น ต้องดูความสามารถในการถ่ายทอดของผู้กำกับ

พบศพถูกฆ่าปาดคอในโรงแรม เวลานั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นพอดีและเดินอยู่บนถนนด้วยท่าทางนิ่งเฉย เพียงเท่านี้ก็ทำให้ผู้คนสงสัยมากแล้ว

ท่าทางของผู้หญิงคนนี้ดูผ่อนคลาย ใบหน้าแฝงรอยยิ้ม มีความตื่นเต้นหลังจากฆ่าคน มีความผ่อนคลายหลังจากได้ชำระความแค้นอันใหญ่หลวง แต่ภายใต้รูปลักษณ์อันงดงามนี้ เธอคงจะไม่สามารถเก็บซ่อนความเหนื่อยล้าได้

อย่างไรก็ตาม การจะฆ่าคนๆ หนึ่ง เธอจะต้องวางแผนอย่างรอบคอบ อาจจะไม่ได้นอนทั้งคืนและอาจจะเสียแรงไปไม่น้อยตอนที่ฆ่าคน...

เมื่อเรียบเรียงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้เข้าด้วยกันแล้ว จึงจะส่งผลกระทบต่อผู้ชมซึ่ง น่าเชื่อถือมากกว่าการลงทุนสร้างบทพูดยาวเยียดไม่มีประโยชน์อยู่มาก

แต่เมื่อคืนเพราะต้องตื่นเช้า เจียงเซ่อจึงพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มเพื่อเก็บแรงมาถ่ายทำ เข้านอนแต่หัวค่ำ แม้กระทั่งข้าวเย็นก็ไม่ได้กิน การกระทำเช่นนี้ถึงแม้ว่าจะถ่ายทอดความตื่นเต้นของตัวละครออกมาได้ แต่ไม่มีความเหนื่อยล้าที่ทำให้ดูสมจริง

การที่ให้เธอเดินซ้ำหลายรอบเป็นการชดเชยในเรื่องนี้พอดีและทำให้เธอควบคุมได้ทั้งสองอย่าง

ความเหนื่อยล้าของร่างกายไม่สามารถโกหกได้ สำหรับภาษากายและสัญชาตญาณไม่ว่านักแสดงจะเก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถแสดงให้เป็นธรรมชาติได้ มีเพียงความจริงเท่านั้นที่จะทำให้ผู้ชมประทับใจได้มากที่สุด

การที่เจียงเซ่อสามารถชี้จุดนี้ออกมาได้ ทำให้ทัศนคติที่ฮั่วจือหมิงมีต่อเธอเปลี่ยนไป เขาหันไปมองเจียงเซ่อด้วยสายตาที่แฝงความพอใจ

“เธอสามารถสังเกตถึงเรื่องนี้ได้ถือว่าเก่งมากแล้ว” เขาชื่นชม “แต่ว่าไม่เพียงเท่านี้” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนขึ้น ในขณะเดียวกันก็ให้ทีมงานเปิดเทปที่ ‘NG’ ก่อนหน้านี้ให้เจียงเซ่อดู

“เธอลองดูฝีเท้า”

เขายื่นมือเข้าไปชี้บนหน้าจอ เจียงเซ่อมองตามที่เขาชี้ ในจอเธอก้าวเดินอย่างมั่นคง อยู่บนรองเท้าส้นเข็ม แต่ฝีเท้ากลับหน้าดูงดงามและน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก

เทปนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฮั่วจือหมิงสั่งให้เปิดเทปสุดท้ายเจียงเซ่อที่ผ่าน

“เขาดูเทปนี้อีกครั้ง ลองสังเกตใต้เท้า”

เพราะมีฮั่วจือหมิงคอยชี้ สายตาของเจียงเซ่อจึงหยุดอยู่ที่ใต้เท้าของตนเอง ตอนที่ดูมาถึงจุดหนึ่ง ฮั่วจือหมิงได้สั่งให้คนกรอเทปให้ช้าลง

“เห็นหรือยัง”

โม่อานฉี เฉินซั่นและคนอื่นๆ ต่างส่ายหน้า แต่เจียงเซ่อกลับเข้าใจความหมายของฮั่วจือหมิงแล้ว

“ฉันเห็นแล้วค่ะ”

ในเทปสุดท้ายที่เธอผ่านมีเสี้ยววินาทีที่ฮั่วจือหมิงจงใจกรอเปิดให้ช้าลง เธอเห็นตนเองยกขาขึ้นเพื่อจงใจหลบหลีกก้อนหินก้อนหนึ่งที่นูนออกมาบนถนน

“เธอทุ่มเทกับการศึกษาถนนและโรงแรมนี้เป็นอย่างมาก” หลังจากฮั่วจือหมิงเห็นว่าเธอรู้แล้วว่ามีอะไรที่แตกต่างก็ดีใจ

“ผู้หญิงฉลาดๆ คนหนึ่ง ถ้าคิดจะ ‘ฆ่าคน’ จริง จะต้องคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คำพูดเพียงคำเดียวจะทำให้ผู้ชมเชื่อได้ แต่ต้องแสดงให้เห็นจากรายละเอียดที่แฝงอยู่”

เมื่อเทียบกับการอธิบายยาวเหยียดเพื่อให้ผู้ชมเชื่อว่า ‘ซูอี้’ ระมัดระวังมากเพียงใด ก่อนจะ ‘ฆ่าคน’ ได้ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของโรงแรมนี้มาแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ควรจะใช้การกระทำในการยืนยันมากกว่า

“ในขณะที่เธอต้องทำให้ผู้ชมเชื่อว่าเธอเป็น ‘ซูอี้’ ก่อนอื่นจะต้องทำให้ฉันเชื่อให้ได้ก่อน” สำหรับถนนเส้นนี้ เธอถ่ายใหม่มากี่รอบก็เท่ากับเธอเดินมาแล้วกี่รอบ ภาพที่ถ่ายออกมาไม่สามารถทำให้ร่างกายของเธอจดจำท่าทางทั้งหมดได้ แต่การเดินไปเดินมาซ้ำกันหลายรอบทำได้ เพราะฉะนั้น เธอจึงหลบเลี่ยงก้อนหินที่จะทำให้ฝีเท้าของเธอชะงัก กิริยาเช่นนี้จึงจะทำให้ฮั่วจือหมิงพอใจ

จากประเด็นนี้ ทำให้เห็นถึงนิสัยที่ตามหาสิ่งที่ดีที่สุดของฮั่วจือหมิง ให้ความสนใจกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มากเพียงนี้ เจียงเซ่ออดเงยหน้าขึ้นมองเขาไม่ได้ เพราะซีนที่ถ่ายออกมาได้พอใจนี้ คนแก่คนนี้ก็ตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ ไปได้

เขาถ่ายใหม่หลายรอบขนาดนั้น ทีมงานจำนวนมากต่างก็ต้องแช่อยู่ในอากาศอันหนาวเย็นในยามเช้าของวั่งโจว เพื่อสิ่งที่เขาต้องการเลยต้องถ่ายซ้ำแล้วซ้ำอีก ใบหน้าของทีมงานจำนวนมากต่างเผยความไม่พอใจออกมา

แต่ฮั่วจือหมิงก็ไม่ยอมอธิบายเหตุผลที่ตนเองถ่ายซ้ำ ทำให้คนจำนวนมากผิดใจกับเขา ท้ายที่สุดแล้วนิสัยแย่ๆ ของเขาจึงโด่งดังมากเสียกว่าหนังของเขา

“ผู้กำกับฮั่ว ถ้าคุณบอกไวกว่านี้ก็คงจะผ่านตั้งนานแล้วนะคะ”

พอทีมงานที่ล้อมกันเข้ามาได้ยินคำพูดนี้ก็พ่นไออุ่นจากปากลงบนฝ่ามือทีหนึ่ง และพูดกึ่งเล่นกึ่งบ่น

ก่อนเข้านี้ทีมงานคิดว่านิสัยของฮั่วจือหมิงทั้งแย่และหัวดื้อ จงใจกลั่นแกล้งคนอื่น เรื่องที่เขากับทีมงานและนักแสดงเข้ากันไม่ได้โด่งดังไปทั่ว แต่เพราะในตอนถ่ายทำ เจียงเซ่อที่เป็นนักแสดงที่มีฐานะสูงส่งยังไม่โต้เถียง ปล่อยให้เขาทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ทุกคนจะลำบากใจแต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ก็เท่านั้น จึงถือโอกาสนี้ในการระบายสิ่งที่ไม่พอใจออกมา

สำหรับคำต่อว่าเช่นนี้ ฮั่วจือหมิงเพียงส่งเสียง ‘หึ’ ทีหนึ่ง “เธอจะรู้อะไร”

ท่าทางยังคงเหมือนการสั่งสอนเด็กที่ไม่รู้ความ เขาเอามือยัดเข้าไปในแขนเสื้อกันหนาวขนสัตว์อีกข้าง

“เรื่องบางเรื่องถ้าพูดไปแล้วก็ดูจงใจเกินไปและสูญเสียความสมจริง” เขาพูดถึงตรงนี้ได้ถอนหายใจ ลมหายใจที่ออกมากลายเป็นควันขาวและจางหายไปท่ามกลางหมอกในยามเช้า

“คนสมัยนี้ ทำงานไม่ได้คิดถึงประสิทธิภาพเลย บางเรื่องถ้าละเอียดอ่อนมากเกินไป จะดูตายตัว ไม่มีความเป็นธรรมชาติ ฉันแค่อยากให้ผู้ชมเห็นเรื่องราวที่สมจริงมากกว่าและไม่ได้เป็นเรื่องที่จงใจสร้างขึ้นมา”

ตอนที่เขาพูด มีเสี้ยววินาทีที่เผยให้เห็นความโดดเดี่ยว เหมือนถูกความท้อแท้เข้าปกคลุมเอาไว้ ดูไม่เข้ากับยุคสมัยแห่งความเร่งรีบนี้ ในดวงตาคู่นั้นแฝงความรู้สึกมากมาย ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว

เจียงเซ่ออึ้งไปครู่หนึ่ง ยังไม่ทันได้พูดอะไร คนแก่ที่วินาทีที่แล้วยังทำให้เธอซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก วินาทีต่อมาใบหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมา กลายเป็นคนที่เข้าถึงยากอย่างที่ทุกคนคุ้นเคยเหมือนเดิม

“เอาเถอะๆ พูดไปพวกเธอก็ไม่เข้าใจ ถ่ายจบก็แยกย้ายกันได้แล้ว ช่วงบ่ายยังมีฉากอื่นต้องถ่าย รีบไปเตรียมตัว!”

เขากลายเป็นคนแก่เจ้าระเบียบคนเดิม ทีมงานที่ล้อมกันเข้ามาล้วนวงแตก เขาเองก็ลุกขึ้นและก้มหน้าลงมองเจียงเซ่อ

เจียงเซ่อเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ราวกับคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาสะกิดใจเธอ ฮั่วจือหมิงกระตุกมุมปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะกลับสู่สภาพเดิม ใบหน้าพลันเคร่งขรึมขึ้นมา

“ยังไม่รีบกลับโรงแรมอีก ฉันจะบอกให้นะ ถ้านักแสดงนำเกี่ยงว่าสถานที่ถ่ายทำหนาว ฉันจะไม่ให้คนเอาเครื่องทำความร้อนมาเปิดให้เธอหรอกนะ ต้นทุนในการทำหนังเหลือน้อยมาก ค่าตัวของเธอกับเถาเฉินไม่ใช่ถูกๆ เลย” เขาบ่นว่าอะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเสียเงินแล้ว ทำให้เฉินซั่นโกรธจนสับเท้า และบ่นว่าคนแก่คนนี้ขี้เหนียวอยู่เบาๆ

หนังเรื่อง ‘Suspect’ เพิ่งจะเปิดกล้อง ทุกคนก็ได้ลิ้มรสนิสัยของฮั่วจือหมิงเข้าแล้ว ลับหลังต้องมีคนไม่พอใจแน่ แต่ตั้งแต่เปิดกล้อง ‘Suspect’ วันแรก เจียงเซ่อก็ได้แสดงให้เห็นถึงความเคารพในวิชาชีพของเธอ เมื่อเผชิญหน้ากับนิสัยอันแปลกประหลาดของฮั่วจือหมิง เธอทำตามคำสั่งของฮั่วจือหมิงโดยไม่บ่นสักวัน

อีกคนที่เหนือความคาดหมายของทุกคนคือเถาเฉิน

อากาศที่วั่งโจวหนาวมาก แต่ทุกครั้งที่มีฉากของเถาเฉิน ไม่ว่าฝนจะตกหรือลมจะแรงแค่ไหน เธอจะเป็นคนแรกที่มาถึงสถานที่ถ่ายทำ ถ้าพูดถึงความเคารพในวิชาชีพ เธอไม่น้อยไปกว่าเจียงเซ่อเลย ในช่วงพักกอง ทีมงานก็มักจะเห็นทั้งสองเอาบทมาศึกษา

ถ้ามองข้ามความขัดแย้งและการแย่งชิงต่างๆ ของทั้งสองในงานอื่นๆ จากในกองถ่ายแล้ว การที่ทั้งสองประสบความสำเร็จดั่งเช่นวันนี้ได้ ล้วนมาจากความพยายามที่สะสมมาทีละเล็กทีละน้อยทั้งนั้น

ในฉากการต่อบทของทั้งสอง พลังแบบนั้นถึงกับส่งผลกระทบต่อทีมงาน บรรยากาศการฟาดฟันกันแบบนั้น ทำให้ผู้คนถึงกับไม่กล้าหายใจเสียงดัง การปะทะกันของตำรวจและผู้ต้องหา เพราะ ‘ข่าวความขัดแย้ง’ ระหว่างเถาเฉินและเจียงเซ่อ งานที่ถ่ายออกมาทำให้ฮั่วจือหมิงพอใจมาก

เถาเฉินมีชื่อเสียงมาหลายปีแล้ว มารับบทเฉินซวินหรานแน่นอนว่าง่ายมาก ทั้งอารมณ์และน้ำเสียงเธอล้วนสามารถเข้าถึงได้ ไม่มีความกดดันในการแสดงเลย

ด้วยฐานะของเธอในตอนนี้ ถ้าให้คนอื่นมาแสดงเป็น ‘ซูอี้’ ก็อาจจะถูกเถาเฉินกด จนไม่กล้าแสดงไปเลยก็ได้ หนังเรื่อง ‘Suspect’ ที่ฮั่วจือหมิงลงทุนลงแรงไปมหาศาลนี้ ถึงตอนนั้นก็จะโด่งดังเพราะเถาเฉิน และดึงดูดผู้คนเข้ามาสนับสนุน แต่ในขณะเดียวกันเพราะความจืดจางของตัวรองก็จะทำให้ ‘Suspect’ สูญเสียงความหมายในตัวเองไป ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นการแสดงเดี่ยวของเถาเฉินไป

สำเร็จก็เพราะเถาเฉิน พลาดก็เพราะเถาเฉินเช่นกัน

แต่เพราะการเข้าร่วมของเจียงเซ่อจึงได้พังทลายกฎเกณฑ์นี้ลง

ตอนนี้ทั้งชื่อเสียงและฐานะของเจียงเซ่อและเถาเฉินเท่าเทียมกัน และก่อนหน้านี้ ทั้งสองก็เหมือนจะกำลังแข่งกัน ทำให้ตอนที่เจียงเซ่อเผชิญหน้ากับเถาเฉิน ก็ไม่ถูกชื่อเสียงของเธอกดลงไป และไม่ได้รับผลกระทบจากท่าทีของเธอจนแสดงไม่ได้ด้วย

ในทางกลับกัน เพราะการแย่งชิงของทั้งสอง หลังจากเอาเข้ามาใส่ในหนัง ก็ตรงกับฐานะตำรวจและผู้ต้องหาพอดี การแสดงที่สมบทบาทแบบนี้ ในขณะที่ถ่ายซีนที่ทั้งสองปรากฏพร้อมกัน มักจะทำให้ทีมงานในกองกำหมัดแน่นตามสัญชาตญาณและตื่นเต้นจนเหงื่อตก

ฉากทั้งหมดที่วั่งโจวถ่ายจบตอนต้นเดือนเมษายน ทีมงานจะรีบย้ายกองไปถ่ายที่ต่อไป

หนังเรื่อง ‘Suspect’ ถ่ายทำมาครึ่งทางแล้ว อาจจะจบก่อนเดือนมิถุนายนที่คาดการณ์เอาไว้

ตั้งแต่ถ่ายทำจนถึงตอนนี้ การแสดงของนักแสดงนำหญิงทั้งสองน่าทึ่ง บทดีและผู้กำกับก็รับผิดชอบหน้าที่อย่างตั้งใจ นักแสดงนำหญิงทั้งสองแสดงอย่างสุดฝีมือ สามารถจินตนาการได้ว่า ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป หนังเรื่อง ‘Suspect’ จะเป็นอีกหนึ่งความทรงจำหนึ่งในความสำเร็จของเถาเฉินและเจียงเซ่อ

ที่โรงแรม ซ่งอี้สั่งให้ผู้ช่วยหลายคนของเถาเฉินไปเก็บของใช้ส่วนตัวของเถาเฉิน หลังจากถ่ายฉากที่วั่งโจวเสร็จ ก็จะมีการย้ายกอง ท่าทางของเขาดูตื่นเต้นมาก

“ต่อจากนี้จะเดินทางไปที่เมืองหลินเจียง ที่นั่นอากาศอบอุ่น ไม่ต้องเอาเสื้อกันหนาวไป หลังจากเสี่ยวหมิ่นเก็บของเสร็จก็ส่งกลับตี้ตู”

ช่วงที่อยู่ที่วั่งโจว ซ่งอี้ทรมานมากจริงๆ ไม่รู้ว่าเถาเฉินทนได้อย่างไร

นอกจากความหนาวเย็นของอากาศที่ไม่ได้ดีไปกว่าตี้ตูแล้ว ที่สำคัญคือปริมาณน้ำฝนของฤดูใบไม้ผลิมาก เหนื่อยทั้งวัน สภาพจิตใจก็ย่ำแย่มากแล้ว

รวมทั้งโรงแรมนี้เพิ่งเปิด ทั้งเล็กและแคบมาก เฟอร์นิเจอร์หลายอย่างก็ยังไม่สมบูรณ์ ซ่งอี้บ่น “วางสัมภาระลงไปก็เต็มห้องแล้ว เข้าไปก็ขยับตัวไปไหนไม่ได้เลย”

ที่สำคัญที่สุดคือฝ่ายรักษาความปลอดภัยของที่นี่ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบ หลังจากเถาเฉินและเจียงเซ่อเข้าพัก ทำให้มีแฟนหนังจำนวนมากมาแอบสอดส่อง ตั้งแต่ทั้งสองเข้าพัก แฟนหนังและนักข่าวจำนวนไม่น้อยล้วนมาตามข่าวลือ เพิ่มรายได้ให้กับโรงแรมเป็นอย่างมาก และกระตุ้นการค้าของร้านอาหารที่อยู่รอบข้างอีกด้วย

ร้านค้าหัวไวหลายร้านที่อยู่รอบข้างได้รีบทำโปสต์การ์ดของเถาเฉินและเจียงเซ่อ และมีแฟนคลับไปซื้ออยู่บ่อยๆ ถ้าของขาดตลาด ก็จะมารบกวนนักแสดงในโรงแรม

แม้ว่าซ่งอี้และผู้ช่วยได้พยายามรวบรวมสติเพื่อปกป้องเถาเฉินอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ยังคงมีแฟนคลับเข้ามารุกล้ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ซ่งอี้ทุกข์ใจจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดออกมาได้ และโกรธแค้นฮั่วจือหมิงมากกว่าเดิม

ช่วงสองเดือนนี้ รูปที่เถาเฉินถูกแอบถ่าย มากกว่าทั้งสองปีที่เขาเข้ามาดูแลเถาเฉินรวมกันเสียอีก เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทำให้ซ่งอี้ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว

เขาจะได้ออกจากที่นี่แล้ว ใบหน้าจึงเต็มไปด้วยความสุข ตรงกันข้าม เถาเฉินถือบทเอาไว้ ท่าทางเรียบนิ่ง ไร้ซึ่งความดีใจ

เหล่าผู้ช่วยต่างวิจารณ์กันอย่างดุเดือด เธอกลับขมวดคิ้ว หลังจากที่ซ่งอี้แสดงความคิดเห็นหลายประการ ก็สังเกตเห็นว่าเถาเฉินกำบทในมือมาสิบนาทีแล้ว แต่ยังคงหยุดอยู่หน้าเดิม

รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไป หลังจากไล่เหล่าผู้ช่วยออกไปก็ถามว่า

“คุณเถา อารมณ์ไม่ดีหรือครับ”

“นายเห็นว่าฉันอารมณ์ดีหรือยังไงล่ะ”

เถาเฉินทิ้งบทในมือ นั่งไขว่ห้างแล้วถาม

ซ่งอี้รู้สึกอึดอัด

หนังเรื่อง ‘Suspect’ จนถึงตอนนี้ได้ถ่ายมาครึ่งเรื่องแล้ว เจียงเซ่อเป็นตัวรองของเถาเฉิน หลังจากหนังเข้าฉายอาจจะสร้างปรากฏการณ์เรื่องรายได้อีก ฉากส่วนใหญ่เป็นของเถาเฉิน เธอเป็นนางเอกอย่างไม่ต้องสงสัย แม้กระทั่งฮั่วจือหมิงที่เรื่องมากยังไม่เคยไม่พอใจกับการแสดงของเธอเลย เจียงเซ่อเองต่างหากที่ถูกฮั่วจือหมิงตำหนิอยู่บ่อยๆ