webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

598

บทที่ 598 สอนเธอ

ตัวประกอบจำนวนหนึ่งที่เซ็นสัญญาเป็นตัวประกอบกับทีมก็ยังไม่มา ในยามเช้าที่อากาศหนาวเย็นแบบนี้ อาจจะกำลังหลับสบายอยู่ที่โรงแรม ถ้าที่ไม่มีบทคงไม่มีใครยอมมาทรมานแบบนี้หรอก

การที่เถาเฉินสามารถมีชื่อเสียงในฐานะดั่งเช่นวันนี้ได้ นอกจากทักษะการแสดงและวิธีการอันชาญฉลาด การวางตัวแบบนี้ก็อาจจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ชื่อของเธอสะเทือนไปทั้งหัวเซี่ย

“ทุกคนประจำที่”

ทีมงานตะโกนผ่านโทรโข่ง ช่างไฟและตากล้องได้เตรียมพร้อมแล้ว ประตูร้านค้าที่ปิดสนิทยิ่งทำให้ยามเช้าอันหนาวเย็นที่ปกคลุมไปด้วยหมอกดูเย็นเยียบมากขึ้นกว่าเดิม

เถาเฉินที่เข้ามาในสถานที่ถ่ายทำผ่อนคลายเพราะไม่ต้องทำอะไร ท่าทางของเธอดูตั้งใจมาก ที่เธอมาในวันนี้ ก็เพื่อดูทักษะการแสดงของเจียงเซ่อเท่านั้น

แม้จะรู้อยู่แล้วว่าหลายปีมานี้ชื่อเสียงของเจียงเซ่อโด่งดังมาก ยอดขายของหนังที่แสดงก็สูงมาก หนังหลายเรื่องที่เป็นนักแสดงนำก็มีทั้งเสียงชื่นชมและได้รับความนิยม แต่เธอก็ยังคงอยากเห็นตอนที่เจียงเซ่อแสดงหนัง อยากรู้ว่าดีพอที่จะทำให้เธอให้ความสำคัญหรือไม่

เถาเฉินรู้สึกว่า ชื่อเสียงของเจียงเซ่อจะต้องมีอะไร ผลงานทั้งสองเรื่องของเธอที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงในเทศกาลหนังฝรั่งเศสหลายปีมานี้ ก็ล้วนเป็นผลงานที่แสดงร่วมกับหลิวเย่ และผู้กำกับก็มีความสามารถที่โดดเด่นมากพอในการสร้างคน

หลิวเย่เข้าวงการมานานหลายปี ทักษะการแสดงนั้นไม่ต้องพูดถึงและมีความสามารถในการส่งอารมณ์ของตนเองให้นักแสดงใหม่ได้ดีเป็นอย่างมาก

ถ้า ‘ชื่อเสียง’ ของเจียงเซ่อจะต้องเพิ่งคนอื่น ไม่ได้มาจากตนเอง บางทีในหนังเรื่องนี้ เธออาจจะถูกตนเองกดและกลายเป็นเพียงพื้นหลังที่ไม่น่าดึงดูด

การกดแบบนี้ สำหรับเจียงเซ่อแล้ว อาจจะใช้ได้ผลมากกว่าวิธีอื่นๆ

เถาเฉินคิดถึงตรงนี้ก็พลันตื่นเต้นขึ้นมา เธอต้องการจัดการกับความรู้สึกแบบนี้ เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่มีความคิดที่จะเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ ปล่อยให้มันค่อยๆ แสดงออกมา และเชื่อมโยงมันเข้ากับเฉินซวินหรานในเรื่อง ‘Suspect’ ที่ต้องการให้ซูอี้ที่เป็น ‘ผู้ต้องสงสัย’ ได้รับโทษตามกฎหมาย

ตากล้องและทีมงานที่อยู่รอบข้างถูกเถาเฉินมองข้าม ซ่งอี้กระซิบอะไรข้างหูเธอ เธอก็ได้ยินไม่ชัด ในยามเช้าที่เต็มไปด้วยหมอกหนา ถนนสายหนึ่งที่เงียบสงบปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ ท่ามกลางความพร่ามัวเหมือนมีเสียง ‘คัทๆๆ’ ดังขึ้น

คนยังไม่ทันเข้ามา ในหัวของเถาเฉินก็จินตนาการภาพออกมาแล้ว ผู้หญิงที่ใส่รองเท้าส้นสูง เดินเข้ามาพร้อมกลิ่นคาวเลือด ท่าทางของเธออาจจะตื่นตระหนกและทำอะไรไม่ถูก สภาพของเธออาจจะย่ำแย่และกระวนกระวายหลังจากฆ่าคน เธอคงจะมือสั่นและก้มหน้าไม่กล้ามองใคร

เรื่องราวในบทร้อยเรียงขึ้นในหัวของเถาเฉิน ตอนนี้ซูอี้นอกจากตื่นตระหนกแล้ว อาจจะมีความตื่นเต้นหลังจากฆ่าคนซ่อนอยู่

มือของเธอจะล้วงอยู่ในกระเป๋าเสื้อ และมีความเป็นไปได้สูงมากที่ในนั้นอาจจะมีอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ

“คุณเถา...”

มีคนเรียกเธอ เถาเฉินไม่แม้กระทั่งจะหันกลับไป

“ชู่ว เธอมาแล้ว เงียบ!”

ร่างอันผอมสูงและงดงามปรากฏขึ้นตรงทางเลี้ยวของถนน และเข้ามาอยู่ในเฟรมอย่างเป็นทางการ มีทั้งภาพที่เหมือนในจินตนาการของเถาเฉินและภาพที่เหนือความคาดหมายของเธอ

แม้ว่ามือของเจียงเซ่อจะล้วงอยู่ในกระเป๋า กระดุมของเสื้อกันหนาวสีครีมตัวยาวถูกกลัดอย่างเรียบร้อย เข็มขัดตรงเอวรัดเอวบางของเธอจนเหลือเพียงกำมือ ภายใต้เสื้อกันหนาวตัวยาวคือขาอันเรียวยาวกับรองเท้าส้นเข็มคู่หนึ่ง รองเท้าส้นเข็มทำให้เท้างดงามอย่างเหลือเชื่อ

แขนเสื้อของเธอยาวประมาณห้าส่วน เผยให้เห็นข้อแขนอันขาวเนียนของเธอ เธอยังคงยิ้ม และเดินอยู่ท่ามกลางความเงียบในตอนเช้ามืด เหมือนเป็นเทพธิดาที่หลงเข้ามาในโลกมนุษย์ แต่วินาทีต่อมา เธอราวกับสัมผัสได้ว่ามีคนแอบมอง พลันเงยหน้าขึ้น และค่อยๆ กระตุกมุมปาก เผยให้เห็นฟันขาวดั่งหิมะที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบหลายซี่ และขยิบตาให้กล้องเบาๆ ทีหนึ่ง เหมือนเพิ่มความน่าสนใจ ทำให้ฉากนี้เหมือนมีชีวิตขึ้นมา

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร รอยยิ้มนั้นงดงามมากแท้ๆ แต่กลับชวนผวา จนส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างทำให้สัมผัสได้ถึงความโหดเหี้ยมที่ซ่อนอยู่ในรอยยิ้มของเธอได้อย่างง่ายดาย แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกเธอดึงดูดอย่างไม่รู้ตัว

ซูอี้ที่ฮั่วจือหมิงบรรยายว่า ‘เป็นธรรมชาติ’ ‘รอยยิ้มงดงาม’ ‘แฝงความโหดเหี้ยม’ แต่กลับ ‘งดงามน่าเย้ายวน’ ได้เดินออกจากบทประพันธ์มาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงอย่างมีชีวิต

‘แย่แล้ว’ วินาทีนี้ในหัวของเถาเฉินมีคำเหล่านี้ผุดขึ้นมา

การแสดงของเจียงเซ่อไม่เหมือนกับที่เธอคิดเอาไว้ เพียงแค่รอยยิ้มก็เผยเบาะแสมากมายและเพียงพอที่จะชวนให้คิดตามและวิพากษ์วิจารณ์ได้แล้ว

ฉากนี้เป็นฉากเปิดของหนังเรื่อง ‘Suspect’ เถาเฉินสามารถจินตนาการได้ว่าตอนที่รอยยิ้มนี้ของเธอปรากฏอยู่ในจอ จะส่งผลต่อและทำให้ผู้ชมตะลึงมากเพียงใด

เจียงเซ่อไม่เหมือนแจกันดอกไม้ที่เธอจินตนาการเอาไว้ ในหนังเรื่อง ‘Suspect’ ในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่เธอไม่สามารถเอาชนะเจียงเซ่อได้แต่ยังพบกับผู้แข่งที่เก่งกาจมากที่สุด ถ้าแสดงออกมาได้ไม่ดี มีความเป็นไปได้สูงที่จะเธอจะถูกแย่งตำแหน่งไปแทน

เถาเฉินเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า ท่าทางดูมุ่งมั่นมากขึ้นเรื่อยๆ การแสดงของเจียงเซ่อได้ทำให้คนจำนวนมากในสถานที่ถ่ายทำหลงใหล รวมทั้งฮั่วจือหมิง

เขาเคยเห็นการแสดงของเจียงเซ่อ หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าเจียงเซ่อจะแสดงหนังเรื่อง ‘Suspect’ ของตนเอง ก็ได้กลับไปดูหนังทุกเรื่องที่เธอเคยแสดง ทั้งบทดรามาของโต้วโค่วใน ‘The Occasion of Beiping' ความคิดหวังของโจวเหวยในเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ความนิ่งสงบของจางยวี่ฉินในเรื่อง ‘Evil’ รวมทั้งความหนักแน่นของถังจิ้งในเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’

ทุกตัวละครล้วนถูกเจียงเซ่อสร้างออกมาให้แตกต่าง นอกจากหนังในช่วงแรกๆ ที่มีจุดขายเป็นความสวยแล้ว เธอได้สร้างตัวละครมากมายที่คลาสสิกและแตกต่างกัน

เธอทำให้ผู้กำกับและผู้ชมจำนวนมากต่างตะลึง ฮั่วจือหมิงไม่คิดว่าเธอจะเซอร์ไพรส์ตนเองแบบนี้

รอยยิ้มและการขยิบตาของเจียงเซ่อไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของฮั่วจือหมิงตั้งแต่แรก ตามบทฉากที่ซูอี้เดินออกมาจากถนนเส้นนั้น สิ่งที่เขาคิดเอาไว้คือ ‘ซูอี้’ ดูไม่เป็นส่วนหนึ่งของสถานที่แห่งนี้ได้ ทำให้เห็นว่าเธอห่างเหินกับสถานที่แห่งนี้ ตอนที่กล้องแพนไปที่เธอ เธอควรจะมองอย่างนิ่งเฉยแล้วหันหน้าหนี

แต่ตอนที่เธอยิ้ม กลับดูน่าทึ่งและมีเอกลักษณ์มากกว่าสิ่งที่ฮั่วจือหมิงคิดเอาไว้ เขาสั่งให้หยุดทันที ก่อนจะหยิบโทรโข่งขึ้นมาแล้วตะโกนให้เอาใหม่อีกครั้ง

ถนนเส้นนี้ไม่ยาวมาก ตั้งแต่หกโมงเจียงเซ่อเดินไปเดินมาอยู่เกือบชั่วโมงก็เพื่อถ่ายทำเพียงไม่กี่สิบวินาทีนี้

หมอกทำให้ผมของเธอเปียกปอน หลังจากวันนี้ จะมีคดีฆาตกรรมที่สะเทือนไปทั้งวั่งจิน การที่ ฮั่วจือหมิงให้ซูอี้ปรากฏตัว ทำให้ผู้ชมจำใบหน้าของเธอเอาไว้ตั้งแต่แรกและเชื่อมโยงเข้ากับคดีฆาตกรรมอันน่าตื่นตระหนกในภายหลัง เพื่อเป็นเบาะแสให้ผู้ชมคิดตามอย่างฉลาด

ในสภาพการณ์แบบนี้ เจียงเซ่อเพิ่งเดินออกจากโรงแรม ผมของเธอไม่น่าจะเปียกได้

ถ่ายทำจนถึงเจ็ดโมงครึ่ง ฮั่วจือหมิงก็ยังคงไม่พอใจกับฉากนี้และให้ช่างหน้าเช็ดผมที่เปียกเพราะไอหมอกจนแห้งและทำให้เธอกลับสู่สภาพเดิม

ตอนนี้ได้พักกองชั่วคราว เจียงเซ่อเดินมานานขนาดนี้ น่องทั้งสองข้างเปลือยอยู่ด้านนอก จนตอนนี้ก็เริ่มเย็นจนเริ่มปวดแสบแล้ว

โม่อานฉีและเฉินซั่นเอาถุงน้ำร้อนที่เตรียมเอาไว้มันแนบขาของเธอ อีกด้านผู้ช่วยก็ถอดรองเท้าของเธอออกอย่างปวดใจ นวดตุ่มน้ำใสและรอยแดงที่เกิดจากรองเท้าส้นเข็มให้กับเจียงเซ่อ

หลายปีมานี้ความสามารถในการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเจียงเซ่อทุกคนก็ล้วนเห็นอยู่กับตา แบรนด์จำนวนมากล้วนอยากร่วมงานกับเธอ แต่ถูกเซี่ยเชาฉวินปฏิเสธ

ผู้ผลิตที่ฉลาดหลักแหลมจำนวนมากล้วนสนับสนุนเสื้อผ้าและรองเท้าในการถ่ายหนังของเธอ ใช้อีกวิธีในการให้เจียงเซ่อ ‘โฆษณา’ สินค้าให้กับบริษัทของตนเอง

นอกจากในหนังเรื่อง ‘Evil’ ที่เธอแสดงเป็นแม่ เพื่อให้เข้ากับฐานะจึงจงใจใส่เสื้อผ้าและรองเท้าที่ผิดจากรูปร่างเดิม ทั้งเสื้อผ้า รองเท้าและกระเป๋าที่เธอใช้ในการแสดงหนังทุกเรื่อง แม้กระทั่งเครื่องประดับก็ล้วนกลายเป็นเทรนด์ที่เด็กสาวในหัวเซี่ยนิยมกัน

หลังจากที่ปล่อยข่าวว่าเจียงเซ่อเป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่อง ‘Suspect’ นอกจากบริษัททุนที่ติดต่อเข้ามางฮั่วจือหมิงอย่างต่อเนื่องแล้ว แบรนด์เสื้อผ้า รองเท้าและกระเป๋าจำนวนไม่น้อยก็ยื่นข้อเสนอให้กับ ฮั่วจือหมิงด้วยเช่นกัน

นักธุรกิจเหล่านี้เสนอว่าถ้าเจียงเซ่อและเถาเฉินยอมใส่เสื้อผ้า รองเท้าแบรนด์ของตนเอง แม้ว่าค่าใช้จ่ายจะสูงเท่าไหร่ก็ไม่เสียดาย

โดยเฉพาะเจียงเซ่อเป็นจับตาเป็นอย่างมาก เธอได้รับความนิยมจากกลุ่มหญิงสาวเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับเจียงเซ่อแล้ว เถาเฉินอายุมากกว่า แฟนคลับก็ไม่ใช่กลุ่มหนุ่มสาว ส่วนมากจะเป็นกลุ่มอย่างคุณนายโจวและคุณนายเวิงที่มีฐานะทางสังคมและพื้นฐานการเงิน ความเป็นไปได้ที่จะแต่งตัวตามตัวละครในหนังก็ไม่มากนัก

รวมทั้งฐานะของเธอในหนังไม่เหมือนกับเจียงเซ่อ เพราะถูกจำกัดให้เป็นตำรวจ ไม่ได้มีอิสระเหมือนเจียงเซ่อ เพราะฉะนั้นแบรนด์ที่เข้ามาร่วมงานด้วยเจาะจงเจียงเซ่อมากกว่า

ฮั่วจือหมิงไม่เป็นที่สนใจมานานหลายปีแล้วและอยู่ในขั้นที่ ‘เข็ดกับความจน’ สำหรับความช่วยเหลือแบบนี้ แน่นอนว่าตรงใจเป็นอย่างมาก

สามารถสนับสนุนเสื้อผ้าให้กับทีมและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทำให้ทีมงานสามารถนำเงินจำนวนนี้ไปใช้ในเรื่องที่จำเป็นได้ แน่นอนว่าเขาไม่ปฏิเสธแน่

โชคดีที่ทีมงานถือว่าตาแหลม คุณภาพของแบรนด์ที่เลือกก็ไม่เลวเลย ถือว่าเป็นแบรนด์ที่หรูหราในระดับหนึ่ง

แต่รองเท้าดูแย่ไปเล็กน้อย สำหรับรองเท้าส้นเข็ม ภายนอกดูงดงามและมีความเป็นผู้หญิง แต่ความจริงแล้วเจ็บเท้ามากและฮั่วจือหมิงก็เข้มงวดมาก ฉากหนึ่งถ่ายใหม่อยู่ประมาณสิบรอบ เจียงเซ่อเป็นคนผิวบาง เดินไปมาสิบกว่ารอบ ขาก็เริ่มเป็นตุ่มน้ำใส ผู้ช่วยเห็นแล้วปวดใจ สายตาที่มองฮั่วจือหมิงแฝงไปด้วยความโกรธเคือง

ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของวั่งโจวมีความพิเศษเหมือนเป็นแอ่ง หมอกจึงหนากว่าเมืองอื่นๆ ในหัวเซี่ยและกระจายตัวช้ากว่า

แต่พอพระอาทิตย์ขึ้น หมอกก็ยังคงค่อยๆ จางหายไป ฉากนี้จึงต้องรีบถ่ายให้เสร็จ มิเช่นนั้นจะต้องเลื่อนออกไปถ่ายใหม่ในวันพรุ่งนี้

ฮั่วจือหมิงคาดว่า หลังจากถ่ายที่วั่งโจวเสร็จจะย้ายไปที่อื่น ถ้าถ่ายให้เสร็จวันนี้จะดีมาก จึงพักเพียงไม่กี่นาที ขาของเจียงเซ่อยังไม่ทันอุ่น เพิ่งจะเป่าผมเสร็จ ทางฮั่วจือหมิงก็เริ่มเร่งให้ถ่ายทำต่อแล้ว

โชคดีที่ฉากนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง เจียงเซ่อถ่ายใหม่อยู่สามรอบ ในที่สุดก็ผ่านไปได้

ในยามเช้าแบบนี้ ใส่เสื้อกันหนาวตัวบางในการถ่ายทำอยู่หลายรอบ เจียงเซ่อแทบจะตัวแข็งไปแล้ว ตอนที่เธอไปนั่งอยู่ข้างมอนิเตอร์ มือก็แทบจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว

ตรงบริเวณข้อมือขนลุกชัน เถาเฉินที่นั่งอยู่ข้างมอนิเตอร์ในตอนแรกหายไปแล้ว อาจจะกลับโรงแรมไปเพื่อเตรียมถ่ายฉากแรกของเธอ

เธอตื่นเช้ามาก โม่อานฉีหยิบเสื้อกันหนาวที่วางอยู่ข้างๆ มาห่มให้กับเธอ พลางเกลี้ยกล่อมให้เธอกลับไปพักที่โรงแรม เจียงเซ่อส่ายหน้า อยากเห็นฉากที่ตนเองเล่นก่อนหน้านี้

หลังจากถ่ายทำฉากนี้เสร็จก็ได้พักกองชั่วคราว พอได้ยินคำขอจากเจียงเซ่อ ตากล้องก็ได้เปิดเทปที่เจียงเซ่อแสดงให้เธอดูแสดงอย่างเชื่อฟัง

ฮั่วจือหมิงดึงเก้าอี้เข้ามา คนแก่ดื้อรั้นคนนี้เผยใบหน้าที่เขาคิดไปเองว่าดีให้กับเจียงเซ่ออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สำหรับการถ่ายทำในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าพอใจ

“อยากดูเทปเหรอ”

เขาถาม เจียงเซ่อพยักหน้า นี่เป็นนิสัยของเธอ หลังจากถ่ายทำเสร็จจะต้องดูการแสดงของตนเอง ว่าสามารถทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้หรือไม่

“ดูว่ามีอะไรขาดเหลือที่ต้องปรับแก้หรือเปล่าน่ะค่ะ”

คำพูดของเธอทำให้ฮั่วจือหมิงมองเธออย่างเหลือเชื่อแวบหนึ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าชัดเจนมากกว่าเดิม

การร่วมงานกับเจียงเซ่อในวันนี้ ทำให้ฮั่วจือหมิงเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเจียงเซ่อในตอนแรก เขารู้จักนิสัยของตนเองดี การถ่ายทำฉากนี้เธอทำได้ดีตั้งแต่รอบแรกที่ถ่าย ความรู้สึกเต็มไปด้วยพลังและส่งผลกระทบถึงความรู้สึกของทุกคนที่จับจ้องเธออยู่ องค์ประกอบก็งดงาม สำหรับหลายคนแล้ว มันสามารถผ่านได้ตั้งแต่เทปแรก แต่ฮั่วจือหมิงกลับให้เจียงเซ่อถ่ายใหม่นับครั้งไม่ถ้วน

ผู้ช่วยหลายคนของเจียงเซ่อไม่พอใจ ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ ในประสบการณ์กำกับหนังของฮั่วจือหมิงมาสิบกว่าปีก็เคยเกิดขึ้นเช่นกัน ตอนที่เขายังมีชื่อเสียง นักแสดงทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ต่างไว้หน้าเขา

ตอนหลังชื่อเสียงของเขาไม่เหมือนที่ผ่านมา พอพูดมากเข้าหน่อยพวกนักแสดงจำนวนหนึ่งที่มีชื่อเสียงไม่ได้โด่งดังมากนักก็มักจะโต้เถียงกับเขาเพื่อเอาชนะ ในกองถ่ายเต็มไปด้วยการปะทะคารม ไม่มีความปรองดองกันเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเทียบกับนักแสดงที่เคยร่วมงานกับฮั่วจือหมิงแล้ว แน่นอนว่าทั้งฐานะและชื่อเสียงของเจียงเซ่อไม่ใช่ที่นักแสดงที่เคยร่วมงานกับเขาจะสามารถเทียบได้ เธอและเถาเฉินเป็นเสาหลักของซื่อจี้หยินเหอ เธอเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลและส่งผลกระทบต่อวงการหนังของหัวเซี่ย และในสถานการณ์แบบนี้ ความจริงเธอสามารถโมโห แต่สิ่งที่ฮั่วจือหมิงชื่นชมคือ ทุกครั้งที่เขาตะโกนว่า ‘เริ่ม’ เธอก็จะกลับไปยืนที่เดิมอีกครั้ง เพื่อถ่ายใหม่ แม้กระทั่งเหตุผลที่เขาคิดว่าเทปนี้ ‘NO GOOD’ คืออะไร เธอก็ไม่เคยถาม

“คนรุ่นใหม่รู้จักพัฒนาตนเองเป็นเรื่องที่ดี ใน ‘กวีนิพนธ์’ เจิงจื่อเคยบอกว่า ควรคิดทบทวนตนเองให้มาก” เขาพูดถึงตรงนี้ด้วยความได้ใจ ท่ายักคิ้วแบบนี้ โม่อานฉีเห็นแล้วโกรธจนต้องกัดฟัน

“แต่กับฉัน ฉากนี้ไม่มีอะไรให้เธอต้องแก้อีกแล้ว”

ความมั่นใจแบบนี้ของเขา ทำให้เฉินซั่นไม่พอใจขึ้นมาทันทีและอดเสียดสีไม่ได้

“ผู้กำกับฮั่ว ในเมื่อฉากนี้ไม่มีอะไรให้แก้ แล้วทำไมก่อนหน้านี้คุณถึงให้เซ่อเซ่อเดินไปเดินมาหลายรอบขนาดนั้นด้วยล่ะค่ะ”

หญิงสาวคิดว่าฮั่วจือหมิงจงใจกลั่นแกล้ง สายตาที่มองเขาแฝงความไม่พอใจ

เจียงเซ่อเป็นคนนิสัยดี วางตัวดี ไม่ถือสาเขา พอถ่ายจบยังถ่อมตนกลัวว่าตนเองแสดงได้ไม่ดีพอ แต่คนรอบข้างที่ได้ยินคำพูดของฮั่วจือหมิงก็อดเคืองไม่ได้

ฮั่วจือหมิงเองก็ไม่ต่อปากกับเธอ ส่งสัญญาณให้ตากล้องเปิดหลายเทปที่ถ่ายก่อนหน้านี้ให้เจียงเซ่อดู

“ถ้าเมื่อกี้นี้ตอนที่ถ่ายทำ เธอไม่พอใจและจะเอาชนะฉัน ให้ฉันบอกว่าเธอแสดงได้ไม่ดีตรงไหน ฉันก็ยิ่งจะไม่พูด”

นิสัยของคนแก่คนนี้แปลกประหลาดมาก ตอนพูดท่าทางดูชอบใจ

“แต่ว่าเมื่อกี้เธอเลือกที่จะไม่ถามและมาขอดูตอนนี้ ฉันชอบมากและคิดว่าสามารถสอนเธอได้”

เขาให้เจียงเซ่อดูเองก่อน โดยไม่ติชม