บทที่ 596 ทำผิด
อู่ชุนเหอเคยรับตำแหน่งข้าราชการในวั่งจิน จากนั้นก็ได้ลาออกมาทำธุรกิจ ระหว่างนั้นก็พัฒนาไปได้ไม่เลว ตอนหลังโชคดีที่มีรัฐบาลคอยสนับสนุนจึงได้ก่อตั้งโรงงานขึ้นมา ตอนนี้ธุรกิจกำลังเจริญรุ่งเรือง โรงงานของเขาหล่อเลี้ยงชีวิตคนจำนวนไม่น้อย ช่วยจัดการปัญหาหลายตำแหน่งงานให้กับรัฐบาล เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมากในวั่งโจว
บุคคลในระดับนี้ ในทุกๆ ปีได้รับจดหมายขยะมากมายอยู่แล้ว มีทั้งคุกคามและข่มขู่และมีกลุ่มมิจฉาชีพที่โลภในสมบัติของเขา เหตุผลที่คนร้ายจะลงมือกับเขา ทางตำรวจสามารถเข้าใจได้
ทำธุรกิจมันนานหลายปี กว่าจะมีวันนี้ก็ใช่ว่าจะใช้แต่วิธีใสสะอาด เคยทำให้คนจำนวนมากไม่พอใจ ถ้ามีคนต้องการชีวิตของเขาจริงนั่นก็ยากมากที่จะสืบว่าเป็นใคร
เขาเองก็รู้เรื่องนี้ดี จึงได้จ้างบอดี้การ์ดข้างกายเอาไว้มากมาย ทั้งในบริษัทและในบ้านล้วนมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด จะเข้าจะออกก็ล้วนมีคนดูแลโดยเฉพาะ
อู่ชุนเหอเป็นคนรอบคอบ การจะฆ่าเขาไม่ใช่เรื่องง่าย
อีกประการหนึ่ง ตั้งแต่ได้รับจดหมายฉบับสุดท้ายจนถึงตอนนี้ ฝ่ายธุรการของทางสถานีตำรวจก็ไม่ได้รับจดหมายแบบนั้นอีก เพราะฉะนั้น ในสถานีตำรวจจึงมีคนบางส่วนเอนเอียงไปทางประเด็นที่ว่ามีคนต้องการกลั่นแกล้งเสียมากกว่า คิดว่าที่ทำเช่นนี้เพราะจงใจจะให้สิ้นเปลืองกำลังตำรวจ ต้องการกลั่นแกล้งตำรวจและทำให้อู่ชุนเหอตื่นตระหนก
สำหรับความคิดแบบนี้ เฉินซวินหรานไม่เห็นด้วย
เธอชี้ประเด็นที่น่าสงสัยขึ้นมาสองข้อ ประเด็นที่หนึ่งคือ จดหมายได้จ่าหน้าซองด้วยลายมือ และเป็นลายมือที่ไม่สวยมากนัก แต่หลังจากให้ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ดูแล้ว ก็สามารถยืนยันได้ว่ามาจากคนๆ เดียวกัน
วิธีการก่อเหตุแบบนี้ไม่ใช่วิธีที่ฉลาดมากนัก เพราะถ้าทางตำรวจมั่นใจว่าใครเป็นผู้ต้องสงสัย การจะเอาลายมือของเขามาเทียบเพื่อให้รู้ว่าเขาเป็นใครนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย
ถ้าเพียงเพราะต้องการกลั่นแกล้ง แต่กลับพลาดแบบนี้ คนที่เล่นแบบนี้ก็คงจะใช้ชีวิตอันเรียบง่ายมากพอแล้ว จนอยากจะเข้าไปลิ้มรสชีวิตในคุกดูบ้าง
ไม่ว่าจะซื่อแค่ไหนหรือไม่มีประสบการณ์การก่อเหตุมากเพียงใด ก็ควรจะรู้ว่าในสมัยนี้ถ้าจะกลั่นแกล้งกันก็ควรจะใช้คอมพิวเตอร์ในการพิมพ์จึงจะปลอดภัยที่สุด
ประเด็นที่สองคือ จดหมายเหล่านี้ถูกส่งมาที่สถานีตำรวจ เรื่องนี้ทำให้เฉินซวินหรานแปลกใจเป็นอย่างมาก
โดยปกติแล้ว ในเมื่อจดหมาย ‘แจ้งวันตาย’ เจาะจงว่าเป็นอู่ชุนเหอ หมายความว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคิดร้ายกับอู่ชุนเหอ ตามหลักแล้ว จดหมายควรจะถูกส่งไปที่บ้านหรือสำนักงานของอู่ชุนเหอ อย่างน้อยก็ต้องเป็นที่ๆ ห่างจากเขาไม่ไกลสิถึงจะถูก
ส่งมาที่สถานีตำรวจ แสดงว่าผู้อยู่เบื้องหลังไม่ได้ต้องการเพียงแค่กลั่นแกล้งเท่านั้น แต่ต้องการให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่และสร้างความโกลาหลให้กับทุกคน
เรื่องราวมาถึงขนาดนี้ ไม่สามารถมองว่าเป็นจดหมายที่ส่งมากลั่นแกล้งได้อีกต่อไป เพราะจดหมายนี้แสดงให้เห็นว่า คนที่ส่งจดหมาย ‘แจ้งวันตาย’ มาให้อู่ชุนเหอนั้น นอกจากต้องการชีวิตของอู่ชุนเหอแล้ว ยังต้องการสร้างความขัดแย้งให้กับทางตำรวจ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงเป็นอย่างมากแล้ว
อีกประการหนึ่ง ตั้งแต่ได้รับจดหมาย เพราะเกี่ยวข้องกับอู่ชุนเหอ ทางสถานีตำรวจก็ได้ตรวจสอบผู้ส่งจดหมายแล้ว แต่เพราะเวลาผ่านมานานเกินไปและตอนแรกฝ่ายธุรการไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ ทำให้การตรวจสอบยากลำบากเป็นอย่างมาก
หลังจากตรวจสอบมานานหลายวัน นอกจากขุดคุ้ยคู่กรณีที่มีความแค้นกับอู่ชุนเหอและวิธีการที่ไม่ใสสะอาดในการทำงานของเขาออกมาได้บ้างแล้ว กลับไม่สามารถสืบได้เลยว่าใครเป็นคนส่งจดหมายนี้และส่งมาอย่างไรกันแน่
แม้ว่าตำรวจจำนวนหนึ่งยังคงคิดว่านี่เป็นเพียงการกลั่นแกล้ง และในทุกๆ ปีทางตำรวจก็ล้วนได้รับคดีในลักษณะนี้ แต่เพราะเฉินซวินหรานเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง เบื้องบนจึงให้เฉินซวินหรานเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ สืบเรื่องนี้ให้กระจ่างและรักษาความปลอดภัยให้กับอู่ชุนเหอ
ความแน่วแน่และเชื่อมั่นของเฉินซวินหราน ตอนนี้ได้แสดงผ่านการกระทำออกมา เธอมุ่งมั่นตรวจสอบเรื่องที่อู่ชุนเหอทำและความแค้นที่ก่อเอาไว้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ทั้งตรวจสอบและเรียกทุกคนที่มีความแค้นกับเขาและมีความเป็นไปได้ที่จะฆ่าเขามาให้การสอบปากคำที่สถานีตำรวจ
บุคคลที่เฉินซวินหรานสงสัย คือผู้หญิงที่ชื่อซูอี้
ถ้าพูดถึงคนที่แค้นเขามากที่สุด ก็คงจะเป็นเธอ เพราะระหว่างเธอกับอู่ชุนเหอมีความแค้นอันยิ่งใหญ่ต่อกัน พ่อของเธอติดหนี้จำนวนมหาศาลจนต้องผูกคอตายเพราะอู่ชุนเหอ น้องชายคนเดียวที่เหลืออยู่ไม่มีเงินรักษาโรคจึงจากโลกนี้ไป
แม่ทำงานหนักเกินไป จึงเสียชีวิตตั้งแต่อายุสามสิบต้นๆ เธอมีชีวิตอยู่ได้เพราะความพยายามของตัวเอง
สิ่งที่ต่างจากชีวิตอันแสนเศร้าในวัยเด็กของเธอคืออุปนิสัยอันแสนดีของเธอ
เธอไม่ได้ตัดพ้อชีวิตและไม่ได้เก็บกดเพราะหนี้จำนวนมหาศาลที่พ่อติดเอาไว้
ช่วงชีวิตมหาวิทยาลัยของซูอี้ ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ผลการเรียนโดดเด่น รูปลักษณ์งดงาม เป็นคนเด่นคนดังของมหาวิทยาลัย เบื้องหลังครอบครัวอันแสนทรหดไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเธอ ในช่วงมหาวิทยาลัยเธอถูกเลือกให้ไปแลกเปลี่ยน ได้ไปศึกษาที่อังกฤษเป็นเวลาสองปี กลับมาเรียนต่อในระดับปริญญาโท ยังไม่ทันเรียนจบก็มีบริษัทจำนวนมากติดต่อให้เธอไปทำงานด้วยเงินเดือนที่สูงเป็นอย่างมาก
สิ่งที่ชวนสงสัยคือ ช่วงนี้เธอกลับวั่งโจวเพื่อมาไหว้พ่อแม่พอดี ถ้าเฉินซวินหรานจะสงสัยว่าจะมีใครสักคนส่งจดหมาย ‘แจ้งวันตาย’ ให้อู่ชุนเหอ ไม่ว่าจะทั้งความแค้นและเวลาก็ล้วนตรงกับซูอี้ทั้งหมด
ยิ่งได้สัมผัสกับซูอี้ เฉินซวินหรานก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอลึกลับมาก
ในฐานะคนที่เฉินซวินหรานชี้ว่าเป็นผู้ต้องหา ซูอี้ได้เข้ามาอยู่ในสายตาของเฉินซวินหราน หญิงสาวทั้งสองก็ได้เผชิญหน้ากันทั้งในด้านความสามารถ ทักษะการแสดงอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะในชีวิตจริงหรือในหนังก็ตาม
เฉินซวินหรานรู้สึกว่าเรื่องของ ‘อู่ชุนเหอและจดหมายแจ้งวันตาย’ ซูอี้เป็นบุคคลที่น่าสงสัยมากที่สุด ในฐานะตำรวจที่มีประสบการณ์การไขคดีหลากหลายรูปแบบ สัญชาตญาณของเธอบอกว่าซูอี้เป็นบุคคลที่อันตรายมาก แต่พอได้มีปฏิสัมพันธ์กับซูอี้ เธอก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีหลายประเด็นที่น่าสงสัย ทำให้เธอยากที่จะหาทางออกได้
เพราะความแค้นระหว่างซูอี้กับอู่ชุนเหอ ทำให้เธอมีแรงจูงใจที่จะฆ่าอู่ชุนเหอ ตอนนี้เธอกลับวั่งโจวมาพอดี แสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้บังเอิญเกินไปเสียแล้ว
แต่ซูอี้ไม่ได้โง่ เฉินซวินหรานไปพบเธอหลายครั้ง ในทุกครั้งที่พบกันล้วนรู้สึกว่าเธอฉลาดพูด ดูแล้วเป็นคนการศึกษาสูง ควบคุมตนเองได้ดีและเป็นคนที่ฉลาดมากคนหนึ่ง
ถ้าเธออยากฆ่าอู่ชุนเหอ มีวิธีมากมายให้เลือก การทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ หลังจากทางตำรวจรับรู้ ก็จะไม่เป็นผลดีต่อเธอเลยและจะส่งผลกระทบต่อเธอเป็นอย่างมาก
ถ้าข่าวถูกแพร่ออกไป อู่ชุนเหอจะระวังตัวจากเธอ ทางตำรวจก็จะตั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดกว่าเดิมกับอู่ชุนเหอ ถึงขั้นที่โอกาสในการลงมือของเธอก็จะน้อยลงไปด้วย
วิธีแบบนี้ไม่ใช่วิธีที่ฉลาดนัก คนเฉลียวฉลาดอย่างเธอ จะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน
เรื่องทั้งหมดเหมือนถูกความมืดบดบังเอาไว้ พอดีกับตอนนี้ในวั่งจินมีคดีฆาตกรรม มีคนถูกฆ่าปาดคอในโรงแรม และเมื่อพบศพ เรื่องนี้ก็ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วและไม่สามารถปิดปากประชาชนได้อีก หลังจากนักข่าวได้สัมภาษณ์และผู้คนถ่ายภาพเอาไว้ ทั้งในโทรทัศน์และโลกโซเชียลต่างถ่ายทอดสดเรื่องนี้ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างร้ายแรง
การลงมือของคนร้ายโหดเหี้ยม ผู้บังคับบัญชาของสถานีตำรวจโกรธเคืองกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และคิดว่าเป็นเรื่องร้ายแรง จึงสั่งให้เฉินซวินหรานวางมือจากคดี ‘อู่ชุนเหอและจดหมายแจ้งวันตาย’ ชั่วคราว เพื่อมาทุ่มเทให้กับคดีนี้ คลี่คลายคดีให้ไวที่สุดและจบคดีฆาตกรรมที่สร้างความหวาดผวาดให้กับประชาชนนี้เสีย
เรื่องราวดำเนินมาถึงตอนนี้ ก็ได้ค่อยๆ คลี่คลายปมทีละนิดๆ จากนั้นก็รอเพียงแค่ผู้กำกับค่อยๆ ดึงเรื่องราวออกมาจากหมอกที่บดบังเอาไว้
ตอนนี้ในรถที่กำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่ถ่ายทำ อยู่ๆ ฮั่วจือหมิงก็ถามถึงความคิดของเจียงเซ่อที่มีต่อตัวละครที่ชื่อ ‘ซูอี้’ ขึ้นมา เจียงเซ่อจึงตอบว่า
“มีความแค้นในใจ ฉลาดหลักแหลม ควบคุมตัวเองได้ดี ภายนอกดูยอดเยี่ยมโดดเด่น แต่กลับผูกตัวเองไว้กับความแค้น”
เมื่อเทียบกันแล้วซูอี้ดูมีเอกลักษณ์มากกว่าความยุติธรรมและความมุ่งมั่นของเฉินซวินหราน
พื้นฐานครอบครัวของเธอไม่ดีนัก ชีวิตในวัยเด็กลำบากและส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเธอ หลังจากพ่อแม่ของเธอเสียชีวิต เธอแบกรับหนี้จำนวนมหาศาลเอาไว้ ในสถานการณ์ที่ในใจเกลียดชังอู่ชุนเหอเป็นที่สุด เธอกลับยอมรับภาระหนี้สินเอาไว้อย่างเงียบๆ
“เธอเป็นคนที่เข้มแข็งมาก ต่างจากพ่อของเธอโดยสิ้นเชิง”
ในอดีตพ่อของเธอถูกอู่ชุนเหอโกงจนต้องแบกรับหนี้อันมหาศาลเอาไว้ รับแรงกดกันไม่ไหวจึงผูกคอตาย เมื่อเปรียบกับตัวละครที่ชีวิตเต็มไปด้วยความโศกเศร้านี้แล้ว นิสัยของซูอี้ตรงข้ามกับพ่อโดยสิ้นเชิง
ในบท สภาพของเธอในวัยเด็กแย่กว่าพ่อที่ถูกบีบให้ผูกคอตายมากนัก แต่เธอก็ยังคงผ่านมันมาได้และถึงขั้นที่ชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ
ในฐานะผู้ต้องสงสัยในเรื่อง วิธีลงมือของเธอไร้ที่ติ ทั้งเรียบนิ่งและฉลาด ค่อยๆ ทำให้อู่ชุนเหอตายตามแผนการที่วางเอาไว้ทีละขั้นๆ สิ่งที่พ่อของเธอติดค้างคนอื่นเอาไว้ เธอจะชดใช้ด้วยตัวเองและคนที่ติดค้างพ่อของเธอ เธอก็จะทวงมันคืนด้วยตัวเองเช่นกัน
ภายใต้ใบหน้าอันงดงามเป็นจิตวิญญาณที่เต็มไปด้วยความสับสน ยากมากที่จะแสดงออกมาได้
แต่ยิ่งมีความท้าทาย เจียงเซ่อก็ยิ่งชอบ
ฮั่วจือหมิงพยักหน้าและชี้ไปยังบริเวณที่ไกลออกไป
“ถึงแล้ว”
รถถูกจอดอยู่หน้าสถานที่ถ่ายทำที่ถูกปิดล้อมเอาไว้ รอบๆ มีนักข่าวและแฟนคลับที่เข้ามาตามคำร่ำลือ คำพูดของเถาเฉินในวันนั้น ในขณะที่ทำให้ความลับของทีมงานถูกเปิดเผยและยังนำพาความวุ่นวายมาให้อีกด้วย
หนังเรื่องนี้โด่งดังตั้งแต่ยังไม่ถ่ายทำ แฟนคลับจำนวนมากที่เข้ามาทำให้ฮั่วจือหมิงรำคาญใจไม่น้อย
ตอนที่รถเคลื่อนตัวเข้ามา แม้ว่าภายนอกจะดูไม่ดึงดูดสายตา แต่พอเห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยหลีกทางให้และไปเปิดประตู ก็ทำให้แฟนคลับและนักข่าวจำนวนหนึ่งที่อยู่ข้างนอกเข้ามาล้อมเอาไว้ทันที
รถเคลื่อนตัวช้าลง มีคนมองผ่านกระจกรถเข้าไปเพื่อมองหาเจียงเซ่อ รถถูกล้อมเอาไว้ พนักงานรักษาความปลอดภัยที่อยู่ในสถานที่ถ่ายทำถูกเหล่าแฟนคลับเบียดออกไปอยู่อีกข้าง ใบหน้าดูจนปัญญา
“เซ่อเซ่อ...เซ่อเซ่อ...อยู่ข้างในไหม....”
นักข่าวเองก็ถ่ายอย่างไม่คิดชีวิต ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เพียงแค่นักข่าวในท้องของวั่งโจวเท่านั้น ยังมีนักข่าวจากต่างถิ่นที่มาทำข่าวเป็นการชั่วคราวด้วย
อย่างไรก็ตาม หนังเรื่องนี้ได้รวมดาราแถวหน้าทั้งสองของหัวเซี่ยเอาไว้ จนเป็นที่สนใจของผู้คนเป็นอย่างมาก จึงยากที่จะปิดเรื่องให้เงียบลงได้
สถานที่ถ่ายทำได้ถูกรั้วสเตนเลสล้อมเอาไว้แล้ว ข้างๆ มีป้ายห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้า แต่ในสถานการณ์ที่ประตูถูกปิดกั้นเอาไว้แบบนี้ มีรั้วก็เหมือนไม่มีอยู่ดี
รถถูกกั้นเอาไว้ข้างนอก ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปก็คงไม่ดีแน่ ผู้ช่วยของฮั่วจือหมิงโทรหาทีมรักษาความปลอดภัยให้ส่งคนมารับทันที ตอนที่เจียงเซ่อลงจากรถมา เสียงกรีดร้องและความกระตือรือร้นของแฟนคลับแทบจะเบียดทีมงานที่เข้ามาคุ้มกันออกไป
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คุ้นชินกับความกระตือรือร้นแบบนี้ ใบหน้าจึงบูดเบี้ยวตั้งแต่ที่รถโดนล้อมเอาไว้
เจียงเซ่อก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับสถานการณ์แบบนี้ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เธอควรจะออกสื่อ ถือว่ายังโชคดีที่หลังจากผู้ช่วยโทรไป ไม่นานทีมรักษาความปลอดภัยจำนวนมากก็เข้ามา หลังจากอพยพแฟนคลับที่ล้อมกันเข้ามาออกไปแล้ว รถก็ถูกขับเข้าไปในสถานที่ถ่ายทำอย่างราบรื่น รั้วเหล็กที่กั้นเอาไว้ถูกล็อกอีกครั้ง
“น่ากลัวชะมัด”
คนที่ล้อมกันเข้ามาไม่ถือว่ามากนัก แต่ก็เบียดจนรั้วเหล็กผิดรูปไปหมด นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้ช่วยของฮั่วจือหมิงได้เห็นอิทธิพลของเจียงเซ่อ
เมื่อก่อนเพียงแค่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับเจียงเซ่อ รู้ว่าเธอเป็นคนดังในหัวเซี่ย จะดังมากเพียงใดนั้น เพิ่งได้เห็นจริงๆ ก็วันนี้แหละ
ใบหน้าของฮั่วจือหมิงเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ โชคดีที่เขารู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจียงเซ่อ ดังนั้นหลังจากแอบเคืองไม่นาน หลังจากรถเข้าสู่สถานที่ถ่ายทำ ใบหน้าของเขาก็อ่อนโยนขึ้นมาก
รถถูกจอดเอาไว้กลางถนนสายหนึ่ง ตอนที่เหล่าผู้ช่วยของเจียงเซ่อลงจากรถ ต่างเบิกตาโตและชื่นชมกันอย่างไม่ขาดปาก
“สุดยอด!”
เฉินซั่นเอามือปิดปาก พยายามกลั้นเสียงกรี๊ดที่กำลังจะดังออกมา และแปรเปลี่ยนให้เป็นเสียงถอนหายใจยาวๆ แทน
ถนนที่อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าที่อยู่สองข้างทาง ตึกอาคาร สิ่งที่ควรมีล้วนมีทั้งหมด นอกจากผู้คนแล้ว ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับถนนจริงๆ เลย
นี่เป็นผลลัพธ์จากการที่ฮั่วจือหมิงควบคุมการทำงานของทีมงานที่วั่งโจงเกือบครึ่งปี ผู้กำกับที่จองโรงแรมธรรมดาๆ ให้กับทีมงานและใช้เงินอย่างประหยัดคนนี้ หลังจากที่ควักเงินห้าสิบล้านเพื่อเซ็นสัญญากับเจียงเซ่อและอีกเจ็ดสิบล้านเพื่อเซ็นสัญญากับเถาเฉินจนทำให้หนังเรื่อง ‘Suspect’ ได้นักแสดงแถวหน้าทั้งสองมาร่วมทีมแล้วยังบ่นว่าแพง กลับยอมทุ่มเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเพื่อปรับปรุงถนนเส้นนี้ขึ้นมา
ก่อนหน้านี้เฉินซั่นยังบ่นอยู่เลยว่าทีมงานไม่ขาดเงิน รวยถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงจองโรงแรมแคบๆ แบบนั้นให้นักแสดง ตอนนี้จึงได้กระจ่างถึงเหตุผลที่ซ่อนอยู่แล้ว
“ก่อนถ่ายทำหนังเรื่อง ‘Suspect’ ฉันได้ไปดูโลเคชั่นหลายที่ในวั่งโจว”
ฮั่วจือหมิงเห็นว่าใบหน้าของทุกคนต่างเต็มไปด้วยความแปลกใจ จึงเผยรอยยิ้มออกมา
เมื่อก่อนเขาขาดแคลนต้นทุน หาผู้สนับสนุนไม่เจอ จะถ่ายทำอย่างเอาแต่ใจไม่ได้ โลเคชั่นของหนังหลายเรื่องที่ผ่านมาก็ไม่เป็นอย่างที่เขาหวังเอาไว้ จนกระทั่งในหนังเรื่อง ‘Suspect’ เพราะมีเถาเฉินและเจียงเซ่อมาร่วมทีม ทำให้บริษัทมากมายต่างแย่งกันเข้ามาสนับสนุนเพื่อแบ่งผลประโยชน์
หลังจากไม่ขาดแคลนต้นทุนอีกต่อไป ฮั่วจือหมิงจึงแสดงนิสัยที่พิถีพิถันของตนเองออกมา
ก่อนที่หนังจะถ่ายทำได้เลือกสถานที่เอาไว้แล้ว หลังจากเถาเฉินตอบตกลงจะรับบท ‘เฉินซวินหราน’ หนังเรื่อง ‘Suspect’ ก็เป็นที่สนใจของคนจำนวนหนึ่งแล้ว พอรัฐบาลวั่งโจวรู้ว่าฮั่วจือหมิงจะมาใช้โลเคชั่นในพื้นที่ แน่นอนว่าดีใจเป็นอย่างมาก อำนวยความสะดวกให้เขาอย่างสุดความสามารถ หวังว่าหลังจากหนังเรื่อง ‘Suspect’ เข้าฉาย จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของวั่งโจวให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น
ฮั่วจือหมิงใช้เวลาเลือกนานมาก ก็ฝืนเลือกมาที่หนึ่ง จนกระทั่งทางซื่อจี้หยินเหอได้เจรจากับเขาเป็นการส่วนตัว ว่าเจียงเซ่อจะเข้าร่วมการถ่ายทำหนังเรื่องนี้
แน่นอนว่าหลังจากนั้นบริษัทหัวอิ่งก็เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุน ยอมทุ่มเม็ดเงินเพื่อลงทุนในหนังเรื่อง ‘Suspect’ ตามที่ต้องการเพื่อถ่ายทำหนังเรื่องนี้
หลังจากไม่ขาดแคลนเงิน แน่นอนว่าฮั่วจือหมิงก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องประหยัดในเรื่องสถานที่ถ่ายทำอีกต่อไป ท้ายที่สุดจึงไปหาทางรัฐบาลของวั่งโจว เพื่อแบ่งที่ดินและเตรียมสร้างถนนจำลองชั่วคราวให้ใกล้เคียงกับภาพตามจินตนาการจาก ‘Suspect’ มากที่สุด
“นี่คือร้านอาหาร นี่คือร้านขายผลไม้” เขาพาเจียงเซ่อไปดูตลาดที่ยังไม่ ‘เปิดอย่างเป็นทางการ’ “ตรงนั้นคือโรงแรมที่เกิดคดีฆาตกรรม”
โรงแรมที่เกิดคดีฆาตกรรมในเรื่องมีความสำคัญเป็นอย่างมาก นิสัยที่ไร้ซึ่งความประมาทของ ฮั่วจือหมิงแสดงออกมาอย่างชัดเจนผ่านเรื่องนี้
หนังยังไม่เริ่มถ่ายทำ ตั้งแต่ป้ายโรงแรมจนกระทั่งสิ่งที่จัดวางอยู่ในโรงแรม เขาก็ล้วนให้ความสำคัญทั้งหมด จนเกิดเป็นถนนที่น่าทึ่งสายนี้ขึ้นมา
ความพิถีพิถันแบบนี้ ความมุ่งมั่นในการเก็บรายละเอียดแบบนี้ ทำให้เจียงเซ่อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และหลับตาลง วินาทีที่เธออยู่ในถนนสายนี้ ความรู้สึกของเธอได้แทรกซึมเข้าไปอยู่ในฉากนี้อย่างง่ายดาย ราวกับสามารถจินตนาการได้ว่า หลังจาก ‘ตนเอง’ ‘ฆ่าคน’ แล้วได้ทำความคุ้นเคยกับถนนสายนี้ก่อนจากไปอย่างไรบ้าง