webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

595

บทที่ 595 ผู้กำกับฮั่ว

“หลังจากฉันได้บท ก็ได้คุยกับฮั่วจือหมิงแล้ว ผู้ช่วยของเขาบอกว่า หลังจากฮั่วจือหมิงเลือกนางเอกและนางรองเสร็จแล้วก็กลับไปดูหนังทั้งหมดที่เธอกับเถาเฉินเคยแสดงรอบหนึ่ง”

เซี่ยเชาฉวินนั่งลงตรงหน้าเจียงเซ่อและเอาบทเค้าโครงของหนังเรื่อง ‘Suspect’ มาเปิดดู

“รวมทั้งแบรนด์ที่เธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์และรูปโปสเตอร์ที่เคยถ่ายในอดีต ท้ายที่สุดจึงได้ปรับแก้”

แม้ว่าการเปลี่ยนบทอย่างกะทันหันของฮั่วจือหมิงดูเป็นการกระทำที่เอาแต่ใจ แต่จากอีกมุมหนึ่ง ก็เป็นการแสดงถึงความตั้งใจของฮั่วจือหมิงที่มีต่อตัวหนัง

หลายปีมานี้ ชีวิตของคนๆ นี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก อยู่ในฐานะผู้กำกับที่มีชื่อเสียง แต่ผลงานเด่นก็มีเพียงแค่หนังไม่กี่เรื่องในอดีต ช่วงหลังไม่มีผลงานที่โดดเด่น คนในวงการไม่อยากร่วมงานกับเขาและเขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะปรับเปลี่ยนนิสัยการทำงานของตัวเอง

ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง อาจจะสู้ผู้กำกับที่มีต้นทุนน้อยกว่าตัวเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

การที่เขาใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวให้ลัวหยิ่นจากซื่อจี้หยินเหอหาคนมาแสดงในหนังของเขา สำหรับฮั่วจือหมิงถือว่า ‘ลดตัวลงมา’ มากแล้ว แม้ว่านักแสดงหญิงทั้งสองที่แสดงหนังของเขาเป็นนักแสดงแถวหน้าของซื่อจี้หยินเหอ คนภายนอกเห็นว่ามีเกียรติเป็นอย่างมาก แต่ในใจของฮั่วจือหมิงอาจจะไม่รู้สึกดีใจเลยด้วยซ้ำ

“และเถาเฉินก็ปล่อยข่าวก่อนกำหนด เพราะฉะนั้นทางคนดูแลบทเลยไม่พอใจและสถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่สามารถแก้ไขได้”

เจียงเซ่อเข้าใจความหมายของเซี่ยเชาฉวิน เพราะการเปิดเผยข่าวออกไปก่อนแบบนี้ ทำให้หนังเรื่อง ‘Suspect’ ที่เธอและเถาเฉินแสดงถูกจำกัด และในสถานการณ์ที่ฮั่วจือหมิงมีนิสัยไม่ยอมลงให้ใครแบบนี้แล้วด้วย เจียงเซ่อจึงทำได้เพียงแค่จัดการสภาพจิตใจของตัวเอง

ทุกคนล้วนเป็นคนฉลาด เซี่ยเชาฉวินเพียงแค่พูดถึงประเด็น หลังจากวางบทเอาไว้แล้วเดินออกไป

ทีมงานของหนังเรื่อง ‘Suspect’ นัดรวมตัวกันวันที่สิบแปดเดือนกุมภาพันธ์ที่วั่งโจว ช่วงนี้เป็นช่วงตรุษจีนพอดี ก่อนออกเดินทาง เจียงเซ่อได้ไปไหว้ผู้ใหญ่ล่วงหน้า เวลาที่เหลือล้วนอ่านและท่องบท วันที่สิบกุมภาพันธ์ได้บินไปที่คิวชู เพื่ออยู่กับเผยอี้ที่ไม่ได้กลับบ้านเพราะติดงานและบินไปที่วั่งโจวในวันที่สิบห้า

ทีมงาน ผู้จัดและนักแสดงคนอื่นๆ ได้มาถึงแล้ว เถาเฉินจะมาช้ากว่าในวันที่สิบหกเพราะติดงาน

หลังจากเจียงเซ่อมาถึงวั่งโจว ก็ได้พบกับทีมงานที่เข้ามาต้อนรับ

ที่นี่เป็นมณฑลหนึ่งในภาคกลางของหัวเซี่ย เพราะความเจริญก้าวหน้าของหัวเซี่ย ตอนนี้ได้พัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก สถานที่ถ่ายทำของทางทีมงานเลือกอยู่ทางทิศใต้ ที่นี่ส่วนมากเป็นอาคารสำนักงานและศูนย์การค้า การแต่งตัวของผู้คนที่เข้าๆ ออกๆ ล้วนทันสมัย เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายขึ้น เจียงเซ่อจึงได้สั่งให้โรงแรมที่ทางทีมงานจองเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเอาไว้ก่อนแล้ว

แต่เพราะทีมงานประมาท ตอนเข้าพักเกิดปัญหาตอนเช็กอิน จึงยังไม่ได้คีย์การ์ด

ในห้องรับแขกมีพนักงานรักษาความปลอดภัยเฝ้าเอาไว้อย่างหนาแน่น ตอนที่โม่อานฉีไปจัดการเรื่องคีย์การ์ดก็มีแฟนคลับจำเธอได้

ในฐานะผู้ช่วยของนักแสดงหญิงที่ร้อนแรงที่สุดในประเทศ ชื่อเสียงและความเป็นที่รู้จักของโม่อานฉีไม่น้อยไปกว่านักแสดงในระดับสองและสามในวงการ แฟนคลับจำนวนหนึ่งของเจียงเซ่อคุ้นเคยกับเธอเป็นอย่างมาก

รวมทั้งก่อนหน้านี้ที่เถาเฉินปล่อยข่าวในงานเปิดตัวของ ELYSEES ทำให้ผู้ชมจำนวนมากและสื่อต่างๆ ล้วนรู้และติดตามหนังเรื่อง ‘Suspect’ จนโด่งดังตั้งแต่ยังไม่เริ่มถ่ายทำ

แฟนคลับและนักข่าวจำนวนหนึ่งได้สืบจนรู้ความเคลื่อนไหวของบทตั้งนานแล้ว ถึงขั้นมีคนยอมควักเงินเพื่อเดินทางมาที่วั่งโจว

แม้อากาศที่วั่งโจวจะไม่ได้หนาวเหมือนตี้ตู แต่ก็ไม่ได้อบอุ่นเหมือนฤดูหนาวในไห่หนาน

แต่ความเย็นเยียบเช่นนั้นก็เหมือนซึมลึกเข้ากระดูกก็ไม่ปาน ทำให้อดขนลุกขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

โชคดีที่ในโรงแรมเปิดเครื่องทำความร้อน เจียงเซ่อเข้ามาก็ถอดเสื้อกันหนาวทันทีและพูดคุยกับทีมงาน ในบริเวณที่ไกลออกไป หลังจากที่มีคนเห็นโม่อานฉีก็เห็นเจียงเซ่อเช่นกัน มีคนยกกล้องโทรศัพท์มือถือขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

หลังจากออกจากหน้าจออันเข้มงวด เจียงเซ่อดูไม่ต่างจากในจอเลยแม้แต่น้อย

เธอแต่งหน้าอ่อนๆ ใบหน้าไม่ได้ขาวซีดเพราะการเดินทาง ผิวอันขาวใสราวกับส่องแสงประกายออกมา เธอสวมเสื้อกันหนาวสีขาวตัวหลวมและเสื้อไหมพรมที่มีลูกปอมปอมประดับอยู่ ท่อนล่างเป็นกางเกงขาเดฟสีดำและรองเท้าบูต ท่ามกลางทีมงานที่ยืนล้อมอยู่ออร่าของเธอยังคงโดดเด่น

ตอนที่มีคนยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายเธอ เธอทำเหมือนไม่เห็น แต่ทีมงานของ ‘Suspect’ ตั้งใจบังให้เจียงเซ่อเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถห้ามความกระตือรือร้นของแฟนคลับได้

คนเยอะขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่พนักงานในโรงแรมยังอดยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายไม่ได้

ทีมงานทั้งตื่นเต้นและรู้สึกจนปัญญากับบรรยากาศแบบนี้

“คุณเจียง คุณมาก่อนเวลาที่ผู้กำกับฮั่วนัดสองวัน ตอนนี้ผู้กำกับฮั่วยังอยู่ในสถานที่ถ่ายทำ หลังจากรู้ข่าวก็รีบกลับโรงแรมทันที บอกว่าตอนบ่ายจะพาคุณไปทำความคุ้นเคยกับสถานที่ถ่ายทำ”

ทีมงานของ ‘Suspect’ ได้กำหนดให้เถาเฉินเป็นนักแสดงนำตั้งแต่แรกแล้ว หลังจากมีเจียงเซ่อเข้ามาร่วมทีมด้วย ฮั่วจือหมิงก็มาคุมการทำงานที่วั่งโจว แม้กระทั่งช่วงเทศกาลก็ไม่ได้กลับตี้ตู

เจียงเซ่อพยักหน้า โม่อานฉีเดินเข้ามาพร้อมคีย์การ์ด หลังจากนัดเจอกับทีมงานตอนบ่ายสามก็กลับห้องไปทันที

โรงแรมแห่งนี้ไม่ใหญ่มากนัก และไม่ได้ขึ้นชื่อในวั่งโจว จุดเด่นหนึ่งเดียวก็คือ เพิ่งจะเปิดได้ไม่ถึงสองปี เฟอร์นิเจอร์ยังถือว่าใหม่ ผ้าห่มและพรมก็สะอาดมาก

หนังอาจจะถ่ายที่วั่งโจวเป็นเวลายี่สิบกว่าวัน เจียงเซ่อจะต้องพักอยู่ที่นี่สักระยะ ขณะที่ทางทีมงานจัดสัมภาระ เฉินซั่นพลันอุทานว่า

“ทางทีมงานมีเงินแท้ๆ ทำไมถึงมาพักโรงแรมแบบนี้นะ”

ที่นี่ไม่กว้างนัก ในห้องมีเตียงหนึ่งหลัง พอเหล่าผู้ช่วยเข้ามายืนและเปิดสัมภาระออกมา ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้อีกเลย

จากที่ในตอนแรกหนังเรื่อง ‘Suspect’ ไม่มีคนถามไถ่เลย จนเถาเฉินและเจียงเซ่อเซ็นสัญญา ผู้ลงทุนก็เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทางทีมงานมีต้นทุนมากมาย ฮั่วจือหมิงกลับจองโรงแรมที่ไม่ได้เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดให้

สัมภาระจำนวนหนึ่งของเจียงเซ่อยังมาไม่ถึง เซี่ยเชาฉวินจะสั่งงานให้เก็บของๆ เธอและส่งตามมาทีหลัง เธอถือบทเอาไว้และไปอ่านอีกด้าน โม่อานฉีหาเวลาออกไปสั่งมื้อเที่ยงให้เธอ เดือนนี้เธอได้อ่านบทมาหลายรอบแล้ว จำเนื้อหาทั้งหมดได้ขึ้นใจแล้ว แต่ตอนบ่ายเธอต้องไปพบฮั่วจือหมิง ระหว่างนั้นก็ได้เอาเลคเชอร์ที่ตัวเองจดเอาไว้หลังจากอ่านบทออกมาอ่าน

หลังจากกินข้าวและอ่านบทเสร็จก็ประมาณบ่ายโมงแล้ว หลังจากเจียงเซ่อล้างเครื่องสำอางเสร็จก็ได้พักผ่อน ยังหลับได้ไม่นานเธอก็ถูกโม่อานฉีปลุกให้ตื่น

เธอตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่บ่ายสองครึ่ง ตอนนี้นาฬิกาปลุกยังไม่ดัง เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นว่ากี่ไม่กี่นาทีก็จะบ่ายสองแล้ว

โม่อานฉีได้เก็บเสื้อผ้าให้เธอแล้ว ในมือของเฉินซั่นถือเสื้อคลุมที่จะใส่ออกไปข้างนอก เจียงเซ่อลุกขึ้นนั่ง โม่อานฉีพูดต่อว่า

“ผู้กำกับฮั่วกลับจากสถานที่ถ่ายทำแล้วและอยากพบเธอ”

ตอนแรกนัดกันตอนบ่ายสาม แต่ฮั่วจือหมิงให้คนโทรมา บอกอยากให้เจียงเซ่อไปทำความคุ้นเคยกับสถานการณ์ที่ถ่ายทำก่อน เพื่อเตรียมถ่ายทำ

ครั้งนี้เจียงเซ่อแสดงเป็น ‘ซูอี้’ เป็นนักแสดงสมทบหญิงในเรื่อง เป็นตัวละครที่ไม่สามารถขาดได้ ฉากที่ถ่ายทำที่วั่งโจวก็สำคัญมาก จะผิดพลาดไม่ได้ ฮั่วจือหมิงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แม้ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลารวมตัวของทีมงานตามที่นัดหมายเอาไว้ เขาก็ยังคงเร่งรีบพาเจียงเซ่อไปดูสถานที่ถ่ายทำ

ทันทีที่พูดถึงว่าจะไปสถานที่ถ่ายทำ เจียงเซ่อก็เปิดผ้าห่มออก หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็แต่งหน้าอ่อนๆ เธอกำลังจะถามโม่อานฉีว่าฮั่วจือหมิงจะมาถึงเมื่อไหร่ วินาทีต่อมาก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ผู้ช่วยเปิดประตูก็เห็นฮั่วจือหมิงยืนอยู่หน้าประตูทันที

หลังจากเจียงเซ่อเข้าร่วมทีม ‘Suspect’ นี่เป็นครั้งแรกที่เจอฮั่วจือหมิง

หากไม่ใช่เพราะอายุของเขาและผู้ช่วยต่างกันมาก จึงทำให้มองออกตั้งแต่แวบแรกที่เห็นแล้วล่ะก็ เกรงว่าคนที่รู้จักเขาไม่ดีพอ อาจจะคิดว่าเขาเป็นผู้ช่วยก็ได้

เขาสวมเสื้อโค้ชสีน้ำตาลที่ซักจนเริ่มซีดขาว ผมสีดอกเลา รูปร่างสมส่วน สวมแว่นกันแดด ท่อนล่างสวมกางเกงสแล็ค ดูแสนธรรมดาและไม่ดึงดูดสายตาเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเทียบกันแล้ว ชุดสูทที่ผู้ช่วยสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาใส่และผูกเนคไทยังดูสง่ามากกว่าเสียอีก

เมื่อเปรียบกับเจียงเซ่อที่เพิ่งถึงวั่งโจววันนี้ ฮั่วจือหมิงดูเหนื่อยกว่า ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์แบบนี้ เขารีบร้อนมาที่นี่ เหงื่อบนหน้าผากเลยยังไม่ทันแห้งด้วยซ้ำ

“เจียงเซ่อเหรอ”

แวบแรกที่ฮั่วจือหมิงเห็นเจียงเซ่อ ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองมาไว จนอาจจะต้องรอเจียงเซ่อสักพัก

ยังไงก็ตาม ตอนแรกเขานัดกับเจียงเซ่อตอนบ่ายสาม เขาเองที่มาก่อนเวลา เจียงเซ่ออาจจะยังจัดของไม่เสร็จ

ตอนนี้พอเขาเห็นเจียงเซ่อเปลี่ยนชุดพร้อมเดินทาง ก็เห็นได้ชัดว่าฮั่วจือหมิงโล่งอก ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ เขาเห็นว่าเจียงเซ่อไม่มีท่าทีว่าจะโกรธก็โล่งอกเช่นกัน พลันเผยรอยยิ้ม

“สวัสดีค่ะ ผู้กำกับฮั่ว”

หลังจากเจียงเซ่อทักทายเสร็จแล้ว ฮั่วจือหมิงก็พูดว่า

“เธอเตรียมตัวเสร็จก็ดีแล้ว รถอยู่ข้างล่าง เราจะไปดูสถานที่ถ่ายทำกัน”

ความตรงไปตรงมาของเขา ทำให้ผู้ช่วยทั้งสองที่อยู่ข้างๆ ยิ้มขื่น

เพิ่งเจอฮั่วจือหมิงเป็นครั้งแรก เจียงเซ่อก็เดานิสัยคร่าวๆ ของคนคนนี้ออกแล้ว การทำงานไม่มีกฎเกณฑ์และไม่เคร่งเรื่องเวลา เป็นคนเอาแต่ใจ แต่กลับทุ่มเทกับการทำงานเป็นอย่างมาก

ทำงานกับคนแบบนี้ยากมาก จะต้องตามเขาให้ทัน คนที่อารมณ์ร้อนถ้ามาเจอคนนิสัยแบบเขา อาจจะขัดแย้งกันและแยกย้ายกันในที่สุด

เห็นได้ชัดว่าผู้ช่วยทั้งสองรู้จักนิสัยของฮั่วจือหมิงเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ โชคดีที่เจียงเซ่อไม่ได้โกรธ แต่กลับพยักหน้า หยิบถุงมือและเดินตามฮั่วจือหมิงไป

รถจอดอยู่ในโรงจอดรถของโรงแรม เป็นรถตู้เจ็ดที่นั่ง ฮั่วจือหมิงจ้องเจียงเซ่ออย่างพินิจตั้งแต่ขึ้นรถ

“อ่านบทใหม่หรือยัง”

“อ่านแล้วค่ะ”

เจียงเซ่อตอบกลับ ฮั่วจือหมิงจึงพูดว่า

“อาจจะต้องแก้อีกหน่อยนะ”

จนถึงตอนนี้แล้วยังจะแก้อีก เจียงเซ่อยิ้มเศร้าและถามว่า

“คุณคิดว่าต้องแก้ตรงไหนอีกเหรอคะ”

ผู้ช่วยที่นั่งอยู่ข้างหน้าต่างหันหลังมา กลัวว่าเจียงเซ่อจะไม่พอใจ ฮั่วจือหมิงกลับทำเหมือนไม่รู้ว่าบรรยากาศเริ่มอึดอัด ดันแว่นบนใบหน้าทีหนึ่ง

“มีหลายฉากที่ต้องเปลี่ยน สำหรับตัวละครที่ชื่อ ‘ซูอี้’ เธอคิดว่าเป็นยังไงบ้าง”

ตั้งแต่ได้รับบทนางรอง เจียงเซ่อก็พยายามจะเป็นตัวละครสำคัญในหนังเรื่อง ‘Suspect’

ตัวละคร ‘ซูอี้’ ดัดแปลงมาจาก ‘จงฉี’ หนังเรื่อง ‘Suspect’ เริ่มเรื่องตอนที่ทางตำรวจได้รับจดหมายปริศนาฉบับหนึ่ง

วันหนึ่งสถานีตำรวจวั่งจินได้รับจดหมายปริศนาฉบับหนึ่งที่ไม่ได้เขียนชื่อผู้รับ เบอร์ที่ทิ้งเอาไว้ก็เป็นเบอร์ของทางสถานีตำรวจวั่งจินเอง ทางฝ่ายธุรการเองก็รู้สึกแปลกใจกับจดหมายฉบับนี้เป็นอย่างมาก

แต่คนในสถานีตำรวจมีไม่น้อย จดหมายบางฉบับเขียนเบอร์โทรของสถานีตำรวจเอาไว้ และลืมเขียนชื่อผู้รับ ใครที่ยังไม่ได้รับจดหมายของตัวเอง หลังจากที่ตรวจสอบดูแล้วก็จะเข้ามาหา จึงไม่มีใครใส่ใจจดหมายฉบับนี้และทิ้งเอาไว้

ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้เลย จนวันหนึ่ง อยู่ๆ ก็ได้รับจดหมายแบบเดียวกันอีกครั้ง คนในฝ่ายธุรการจึงเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ

จดหมายที่ส่งมาไม่ระบุชื่อผู้รับอีกตามเคยและไม่มีชื่อผู้ส่ง เบอร์โทรยังคงเป็นเบอร์ของทางสถานีตำรวจวั่งจิน ที่อยู่ก็ยังคงเป็นที่นี่

จากนั้นอีกหลายวันก็ได้รับจดหมายปริศนาแบบเดียวกันอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้รับมาห้าหกฉบับติดต่อกัน ฝ่ายธุรการก็ได้เอาจดหมายไปถามคนในสถานีตำรวจว่าเป็นจดหมายของใครกันแน่ หรือใครกำลังแกล้งกัน

คนในสถานีตำรวจต่างก็คิดว่าน่ามีคนกลั่นแกล้ง ก่อนอื่นถ้าเป็นเอกสารร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อ นอกประตูสถานีตำรวจวั่งจินก็มีกล่องจดหมายแสดงความคิดเห็น ถ้ามีคนไม่พอใจกับตำรวจคนไหนจริงๆ ก็สามารถร้องทุกข์ผ่านกล่องแสดงความคิดเห็นได้ นานๆ ครั้งจะมีคนไปเอาจดหมายเข้ามาเอง ไม่จำเป็นต้องเสียเงินทองมากมายและทำให้เป็นเรื่องใหญ่มากขนาดนี้ก็ได้

คนในฝ่ายธุรการถือจดหมายเอาไว้และเดินไปหลายแผนก แต่ไม่มีคนเป็นเจ้าของๆ จดหมายพวกนี้เลย ในขณะที่ฝ่ายธุรการมั่นใจแล้วว่านี่เป็นการกลั่นแกล้ง ตอนที่ไปถามฝ่ายคดีอาชญากรรม รองหัวหน้าแผนกเฉินซวินหรานกลับสัมผัสได้ความผิดปกติ จึงเก็บจดหมาย ‘กลั่นแกล้ง’ ที่ฝ่ายธุรการเตรียมจะเอาทิ้งในตอนแรกเอาไว้

เฉินซวินหรานเข้ามาอยู่ในแผนกคดีอาชญากรรมมานานหลายปี เคยไขคดีได้มากมาย มีสัมผัสที่ว่องไวมาก ในขณะเดียวกับที่เธอกระชากหน้ากากอันเย็นเยียบของคนร้ายออกอย่างไร้ปรานี เธอกลับมีจิตใจอันอ่อนโยน ได้รับความรักและเคารพจากคนในแผนกเป็นอย่างมาก

หลังจากรับจดหมายเอาไว้ เฉินซวินหรานก็แกะจดหมายเหล่านี้ออกด้วยตัวเอง

จดหมายฉบับแรกที่ได้รับเมื่อนับเวลาก็สองอาทิตย์มาแล้ว ข้างบนมีตัวหนังสือประโยคหนึ่งเขียนไว้ว่า ‘อีกสองเดือนจะถึงเวลาตายของอู่ชุนเหอ!’

จดหมายฉบับที่สองเขียนว่า ‘อีกห้าสิบสามวันจะถึงเวลาตายของอู่ชุนเหอ!’

……

จดหมายฉบับสุดท้ายเขียนว่า ‘อีกสี่สิบเจ็ดวันจะถึงเวลาตายของอู่ชุนเหอ!’

เหมือนการนับถอยหลังสู่ความตายที่ชวนขนลุก

ทางแผนกอาชญากรรมได้รายงานเรื่องนี้และเบื้องบนก็ให้ความสำคัญขึ้นมาทันที

อู่ชุนเหอถือได้ว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในวั่งจิน เขาเป็นคนในพื้นที่วั่งจิน เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เริ่มจับธุรกิจโรงงานในช่วงแรกๆ จนร่ำรวยขึ้นมา ตอนนี้ได้ก่อตั้งบริษัทและร่ำรวยเป็นอย่างมาก

พอเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอู่ชุนเหอ เรื่องนี้ก็จะถือว่าเป็นการกลั่นแกล้งไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

ทางสถานีตำรวจได้ตั้งกลุ่มปฏิบัติการพิเศษขึ้นมา ส่งคนไปคุ้มกันอู่ชุนเหอ ในขณะเดียวกันก็สืบหาคนที่มีความแค้นกับเขา เมื่อสืบมาแล้วก็พบว่า มีเรื่องในอดีตมากมายที่เกี่ยวข้องกับอู่ชุนเหอ ในขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดม่านสู่เรื่องราวของ ‘Suspect’