webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

594

บทที่ 594 เท่านั้น

“ความจริงที่ฉันกับเชี่ยซ่าเหลยรู้จักกันเกี่ยวข้องกับหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ น่ะค่ะ” ในหัวเซี่ยสำหรับหลายคนแล้ว การที่เธอรู้จักกับผู้กำกับที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างเชี่ยซ่าเหลย เป็นเรื่องแปลกที่ทุกคนต่างก็อยากรู้

เชี่ยซ่าเหลยมีความสามารถ มีชื่อเสียง สำหรับคนจำนวนมากแล้ว เป็นคนที่มีฐานะสูงส่งเป็นอย่างมาก ในสายตาของแฟนคลับ เขาเหมือนดั่งเทพเจ้าองค์หนึ่ง

เถาเฉินเคยมีปฏิสัมพันธ์กับเชี่ยซ่าเหลย เมื่อเปรียบกับคนทั่วไปแล้ว เธอมีสิทธิ์พูดถึงเรื่องนี้มากกว่า

ความเย่อหยิ่งของเชี่ยซ่าเหลยนั้นถูกฝังลึกอยู่ในกระดูก ความอ่อนโยนและมารยาทที่แสดงออกมาภายนอกก็เพื่อปกปิดความเอาแต่ใจโดยไม่เกรงกลัวใครของตนเอง

แต่คนที่ดูเข้าหายากแบบนี้ กลับชื่นชมเจียงเซ่ออย่างเปิดเผยครั้งแล้วครั้งเล่า ในเทศกาลหนังฝรั่งเศสเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ เขาถึงขั้นอุตส่าห์ไปดูหนังเรื่อง ‘Evil’ ที่เจียงเซ่อเป็นนักแสดงนำ ทั้งยังเปิดโอกาสให้เจียงเซ่อได้เป็นส่วนหนึ่งในหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ ของตนเอง ท้ายที่สุดทำให้เจียงเซ่อเขี่ยลาร่าออก แล้วกลายเป็นนักแสดงนำในเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ แทน

ทั้งหมดนี้ได้แสดงให้เห็นว่า มิตรภาพระหว่างเชี่ยซ่าเหลยและเจียงเซ่อมั่นคงกว่าที่ทุกคนเห็นอยู่มาก แต่เพราะเหตุผลอะไรนั้น เถาเฉินก็ยังคงไม่เข้าใจ

ตอนนี้พอได้ยินเจียงเซ่อพูดถึงในสัมภาษณ์ด้วยตนเอง เธอก็ฟังอย่างตั้งใจ

“หอสมุดในมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศมีหนังสือที่หลากหลายมาก ในนั้นมีหนังสือประเภทต่างๆ ที่ให้อาจารย์และนักศึกษายืม ตอนที่ฉันเพิ่งขึ้นปีหนึ่ง ยังไม่ได้เซ็นสัญญากับทางต้นสังกัด งานก็ไม่หนักมาก จึงมีเวลาว่างมากและใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในหอสมุด”

เจียงเซ่อพูดถูก เซิ่งจิ้งจือก็เผยความคิดถึงออกมา

ตอนนี้คนจำนวนมากที่กำลังดูการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ ก็ได้เข้าใจเจียงเซ่อมากขึ้นกว่าเดิม

หลังจากสาวน้อยผู้หน้าตางดงามคนนี้จบมัธยมปลาย ชีวิตควรจะเป็นเหมือนหนังสือที่เปิดเข้าสู่หน้าใหม่ ยากที่จะสงบจิตใจให้อยู่กับที่ได้

เถาเฉินคิดถึงตนเองตอนอายุสิบแปด เธอมีเป้าหมายว่าอยากเข้าวงการตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนั้นเมื่อว่างจากการเรียน เธอใช้เวลาไปกับการหาโอกาสแคสติ้งโฆษณาและงานแบรนด์แอมบาสเดอร์

“และเพราะความบังเอิญ ตอนนั้นฉันได้ยืมหนังสือนิยายเล่มหนึ่งจากมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นแนวศาสนา น่าสนใจมากทีเดียวค่ะ” เรื่องราวได้ผ่านไปหลายปีแล้ว เจียงเซ่อคิดทบทวนครู่หนึ่ง

“หนังสือเล่มนั้นมีความรู้ทางด้านศาสนามากมาย วางอยู่ในมุมอับ น้อยคนนักที่จะสังเกตเห็น ‘เธอ’ และฉันก็ยืม ‘เธอ’ มา ถือซะว่าเป็นการทบทวนภาษาอังกฤษ”

หลังจากอ่านเรื่อง ‘นักโทษ’ จึงได้รู้ว่าหนังสือเล่มนี้เขียนออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม มีความรู้ทางศาสนาและเสียดสีพฤติกรรมของมนุษย์ จากนิยายสามารถเห็นถึงความรู้ อารมณ์และความรู้สึกของผลงานดั้งเดิม “ในเทศกาลหนังฝรั่งเศสปีใดปีหนึ่ง เชี่ยซ่าเหลยไปร่วมงานพอดี เขาเองก็ชอบหนังสือเรื่อง ‘นักโทษ’ เป็นอย่างมาก จึงได้ผูกมิตรกันเอาไว้”

           เธออธิบายสั้นๆ แต่เบื้องหลังของมิตรภาพหมายความถึงความรู้และการวางตัวของเจียงเซ่อที่ต้องตามทันความคิดของเชี่ยซ่าเหลยจึงจะมีสิทธิ์ยืนอยู่ในระดับเดียวกันและใกล้ชิดกับเขาได้

            และเป็นเพราะว่าเธอได้ฝึกฝน ได้อ่านหนังสือมากมายที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน จึงสามารถคว้าโอกาสเอาไว้ได้ทันเวลาทันทีที่โอกาสเข้ามาหา

          ความสัมพันธ์ในครั้งนี้มีความหมายเป็นอย่างมาก

           ถ้าจะบอกว่า แฟนคลับของเจียงเซ่อรู้จักความสวยงามของเธอผ่านงานหนัง โฆษณาและแบรนด์แอมบาสดอร์ ถ้าอย่างนั้นการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการทำให้ผู้คนได้รู้จักชีวิตมุมมองชีวิตส่วนตัวของเจียงเซ่อ

           เหมือนแฟนหนังได้วาดวงกลมวงหนึ่งเอาไว้ให้กับเธอ การสัมภาษณ์ในครั้งนี้เธอได้เติมสีสันให้กับวงกลมวงนั้น ทำให้ในสายตาของผู้คนมองภาพลักษณ์ของเธอดูสดใสมากขึ้น

            รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงอย่างไร รู้ว่าเธอทุ่มเทกับหนังมากเพียงใด รู้ว่ามิตรภาพระหว่างเธอกับเชี่ยซ่าเหลยมีที่มาจาก ‘The second coming of Jesus Chrit’ ท้ายที่สุดจึงได้ร่วมแสดงในหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’

            ในช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่า เถาเฉินรู้สึกแปลกใจมาก

ในระยะเวลาสั้นๆ นี้ ถ้าจะให้เธอบอกว่าเข้าใจเจียงเซ่อทั้งหมด ก็คงไม่ใช่เรื่องจริงแน่ แต่ในระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่านี้ การแสดงออกของเจียงเซ่อเหนือความคาดหมายของเธอ

เธอคิดว่าเหตุผลที่เซี่ยเชาฉวินเลือกเจียงเซ่อเพราะเธอสวย เพราะเธอมีความสามารถในงานทำงานไม่น้อยกว่าตนเอง เซี่ยเชาฉวินจึงทิ้งตนเองที่อายุไม่น้อยแล้วไปเลือกคนที่มีความสามารถมากกว่าอย่างเจียงเซ่อ

ตอนแรกเธอคิดว่าที่เซี่ยเชาฉวินถูกใจเจียงเซ่อ เหตุผลหนึ่งอาจจะเพราะเธอเหมือนตนเอง เธอควรจะอยู่กับการไขว่คว้างานแบรนด์แอมบาสเดอร์และงานหนัง ไม่ยอมปล่อยทุกโอกาสที่เข้ามา ใช้ชีวิตอย่างทะเยอทะยาน

แต่ในสัมภาษณ์ชีวิตของเจียงเซ่อไม่ได้ดูเร่งรีบ เธอให้ความรู้สึกนิ่งเฉยเป็นอย่างมาก ไม่รีบร้อนไปแย่งงานหนังและแบรนด์แอมบาสเดอร์ เธอก้าวเดินอย่างช้าๆ แต่ทุกก้าวนั้นมั่นคง ให้ความรู้สึกว่าแม้ลมพายุจะรุนแรงแค่ไหนก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้

การเรียนเปียโน เรียนเต้นและออกกำลังกายที่เจียงเซ่อพูดถึง เถาเฉินก็ล้วนเรียนทั้งหมด หยาดเหงื่อที่เสียไปทำให้รู้สึกไปเองว่าตนเองไม่ด้อยไปกว่าเจียงเซ่อเลยแม้แต่นิดเดียว

เธอก็เหมือนเจียงเซ่อ ต่างก็ร่วมงานกับเซี่ยเชาฉวินมาหลายปี ไม่แปลกที่วิถีชีวิตจะซ้ำกัน

แต่เถาเฉินกลับกระจ่างแล้ว ระหว่างเธอกับเจียงเซ่อความจริงแล้วควรจะมีด้านใดด้านหนึ่งที่เหมือนกัน ถ้าจะบอกว่าตอนแรกเธอและเจียงเซ่อล้วนเป็นกระดาษแผ่นหนึ่ง เซี่ยเชาฉวินเป็นผู้ถือปากกาที่ล้วนเคยร่วมมือกับพวกเธอทั้งสองคนมานานหลายปี เธอถูกย้อมให้เป็นคนที่มีจุดเด่นเหมือนเซี่ยเชาฉวิน มาก ทั้งความทะเยอทะยาน ความขยันและต่อสู้เพื่อสิ่งที่ดีกว่า แต่หลังจากที่ร่วมงานกับเจียงเซ่อมาหลายปี เมื่อเทียบกับเถาเฉินแล้ว เธอยังคงมีจุดเด่นของตนเองอย่างชัดเจน

เธอเองก็มีความทะเยอทะยานของเธอ เธอรู้ว่าตนเองต้องการอะไร อยากได้ตัวละครจางยวี่ฉินในเรื่อง พอรู้ว่าความสามารถของตนเองไม่มากพอก็พยายามฝึกฝน

อยากร่วมงานกับหลิวเย่ก็ออกปากอ้อนวอน

อยากเล่นหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ที่เชี่ยซ่าเหลยกำกับ ก็ไปเรียนด้านโบราณคดีเพื่อตัวละครตัวหนึ่งในบท ลงพื้นที่พร้อมกับนักศึกษา หายไปจากวงการบันเทิงครึ่งปีและชอบ ‘The second coming of Jesus Chrit’ จึงทำทุกอย่างเพื่อคว้าโอกาสเอาไว้ จนสุดท้ายได้เป็นนางเอกของเรื่อง

ในบางเรื่องเธอเหมือนเถาเฉินอยู่บ้างแต่บางทีก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง

หลังจากเซี่ยเชาฉวินและเถาเฉินหมดสัญญาต่อกัน เถาเฉินก็คิดหาเหตุผลมาโดยตลอด

เป็นเพราะเธออายุมากแล้ว การเติบโตในวงการบันเทิงถูกจำกัดหรือคิดว่าตนเองพัฒนาช้าเกินไป ถึงขั้นที่เถาเฉินเคยคิดว่าเป็นเพราะคิดว่าตนเองไม่สามารถสร้างความท้าทายใหม่ๆ ให้กับเธอได้แล้วใช่หรือไม่ จนตอนนี้จึงเข้าใจแล้วว่าที่เซี่ยเชาฉวินทิ้งเธอไปอาจจะเป็นเพราะว่า หลายปีมานี้เธอสูญเสียจุดเด่นของตนเองไป

เมื่อก่อนเธอเป็นอย่างไร เถาเฉินเองก็จำไม่ได้แล้ว เธอเข้าสู่วงการมาสิบกว่าปี ช่วงเวลาที่ร่วมงานกับเซี่ยเชาฉวินเธอเหมือนเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ถูกฝนจนกลายเป็นวงกลม หลังจากฝนจนเรียบ กลายเป็นที่รักของประชาชนแล้ว มันกลับแตกต่างไปจากตัวเธอในสายตาของเซี่ยเชาฉวินในตอนแรกไปเสียแล้ว

“ที่แท้ ก็เป็นแบบนี้เองเหรอ...”

เถาเฉินกระตุกมุมปาก อยากหัวเราะก็กลับหัวเราะไม่ออก

การกระทำในบางเรื่องของเธอเหมือนเป็นเงาของเซี่ยเชาฉวิน วิธีการแก้ไขปัญหา การวางตัวท้ายที่สุดเป็นเพราะเหมือนกับเซี่ยเชาฉวินมากเกินไป จนสูญเสียตนเองและถูกทอดทิ้ง

วินาทีนี้รอยยิ้มตรงมุมปากของเถาเฉินแฝงความเย็นเยียบ ตอนที่ซ่งอี้มองเธอ ก็เกิดขนลุกขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ

สำหรับการสัมภาษณ์พิเศษของเจียงเซ่อเพราะแฟนคลับที่เข้ามาดูมากขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดสถิติอยู่ที่สามร้อยล้าน หัวเซี่ยจือซวิ่นกลายเป็นผู้ชนะอันดับหนึ่งในค่ำคืนนี้ หลังจากจบการสัมภาษณ์ครึ่งชั่วโมงนี้จบไป แฟนคลับจำนวนมากยังคงไม่เต็มอิ่ม

แม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไรมาก เมื่อเทียบกับชีวิตจริงของเธอแล้วสิ่งที่เธอเปิดเผยออกมาอาจจะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยว แต่นี่ก็ทำให้แฟนคลับจำนวนไม่น้อยต่างก็พอใจแล้ว

ตอนที่เซิ่งจิ้งจือบอกว่าการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ได้จบลงแล้ว คนจำนวนมากยังคงอาลัยอาวรณ์ แม้ว่าการถ่ายทอดสดจะจบลง ยังคงมีคนไม่ยอมออกจากหน้าเว็บของหัวเซี่ยจือซวิ่นและแสดงความคิดเห็นกันอย่างต่อเนื่อง บ้างก็ถามว่าสัปดาห์หน้าหัวเซี่ยจือซวิ่นจะทำสัมภาษณ์พิเศษเกี่ยวกับเจียงเซ่ออีกได้หรือเปล่า

ตอนนี้ในถ่ายทอดสดได้ฉายโฆษณาแล้ว แม้รู้ว่าการถ่ายทอดสดได้จบลงแต่เหอฉงและเพื่อนสาวก็ยังคงจ้องหน้าจอ หวังว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นและได้ดูต่อ

ตอนนี้คนที่ยังคงรอเจียงเซ่อปรากฏตัวอีกครั้งเหมือนพวกเธอมีไม่น้อยเลย แม้หลายคนจะรู้ดีแก่ใจว่าการสัมภาษณ์ได้จบลงแล้ว ตอนนี้เจียงเซ่ออาจจะออกจากถ่ายทอดสดไปแล้ว อาจจะเตรียมจะล้างเครื่องสำอาง เปลี่ยนเสื้อผ้า

เพื่อนสาวเงียบไป ภาพจำเกี่ยวกับเจียงเซ่อในหัวของเธอคือ ‘มีความสามารถในด้านการแสดง ผลงานหนังน่าประทับใจ จบจากมหาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ เป็นนักแสดงหญิงที่ร้อนแรงที่สุดของวงการบันเทิงในตอนนี้’ รวมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับจูพ่าน จนทำให้เพื่อนสาวเคยคิดว่าเจียงเซ่ออาจจะใช้เส้น

แต่วันนี้พอมาดูสัมภาษณ์พิเศษนี้ มันก็ได้ทำลายภาพ ‘ความเย่อหยิ่งและทะนงตน’ ของเจียงเซ่อในหัวของเธอไปจนหมดสิ้น

ชีวิตส่วนตัวของเธอยากที่จะมีคนเชื่อมโยงเธอกับคำว่า ‘ยโส’ เข้าด้วยกันได้ แต่มันกลับสง่างามและอ่อนน้อม สร้างความประทับใจให้กับผู้คนได้ดีเป็นอย่างมาก

“ทำยังไงดี ฉันว่าฉันเริ่มชอบเธอแล้วสิ”

เพื่อนสาวพึมพำ เมื่อก่อนไม่ว่าเธอจะดูหนังของเจียงเซ่อมากี่เรื่องและติดตามข่าวของเจียงเซ่อมามากเท่าไหร่ก็ไม่เคยยอมรับว่าตนเองเป็นแฟนคลับของเจียงเซ่อ ตอนนี้กลับเป็นเพราะการสัมภาษณ์พิเศษครั้งนี้ ทำให้เธอยากที่จะควบคุมตนเองได้

วันต่อมาสื่อใหญ่ต่างๆ ต่างก็พูดกันถึงเรื่องนี้ หลังจากกระแสในครั้งนี้ก็ทำให้ ‘การสัมภาษณ์พิเศษ’ ของเจียงเซ่อกลายเป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งไป แผนการของเถาเฉินก็พ่ายแพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง

กระแสที่เกิดขึ้นจากการสัมภาษณ์พิเศษยากที่จะหมดไปภายในเวลาอันสั้น ทางซื่อจี้หยินเหอเองก็ไม่ได้คิดจะสาวความยาวเรื่องที่เซี่ยเชาฉวินทำอะไรโดยไม่ปรึกษา

ท่าทีของเขาทำให้คนมากมายพอจะคาดเดาได้ถึงขีดความอดทนของลัวหยิ่น ขอเพียงแค่ไม่ทำลายภาพลักษณ์ของนักแสดง ผลประโยชน์ของบริษัท การแย่งชิงระหว่างเถาเฉินและเจียงเซ่อ ลั่วหยิ่นก็ยินยอมที่จะไม่ก้าวก่ายหากมันอยู่ในขอบเขตที่รับได้

หลังจากจบรายการสัมภาษณ์ เจียงเซ่อก็ไม่ได้สนใจความคิดเห็นของโลกภายนอกและการแย่งชิงกับเถาเฉินอีก เธอจดจ่ออยู่กับการเตรียมสอบในเดือนมกราคม

เธอทบทวนบทเรียนมาปีกว่าแล้วและเซี่ยเชาฉวินก็สมัครไว้ให้เธอเอาตั้งนานแล้ว หลังจากสอบเสร็จ ในช่วงที่งานของเถาเฉินเสร็จในระดับหนึ่งก็จะเริ่มเข้าสู่การถ่ายทำหนังเรื่อง ‘Suspect’ และเปิดกล้องอย่างเป็นทางการ

ต้นเดือนมกราคมผ่านไปอย่างรวดเร็ว เจียงเซ่อที่เพิ่งสอบเสร็จก็ได้รับเอกสารเกี่ยวกับ ‘Suspect’ ที่เซี่ยเชาฉวินเตรียมเอาไว้ให้อย่างรวดเร็ว

งานของเถาเฉินจะเสร็จประมาณเดือนกุมภาพันธ์ นั่นก็หมายความว่าการเปิดกล้องของหนังเรื่อง ‘Suspect’ ควรจะอิงตามเธอที่เป็นนางเอกเป็นหลัก และจะเปิดกล้องประมาณเดือนกุมภาพันธ์

เอกสารเกี่ยวกับ ‘Suspect’ ที่ฮั่วจือหมิงเอามาให้ในครั้งนี้ละเอียดกว่าครั้งที่แล้วเป็นอย่างมาก ตอนที่เจียงเซ่อเปิดแฟ้มเอกสารออกมา ด้านในนอกจากบทของหนังเรื่อง ‘Suspect’ เค้าโครง เนื้อเรื่องและตัวละครแล้ว ยังมีหนังสือเรื่อง ‘Suspect’ ในรูปแบบใหม่อีกเล่มหนึ่ง

“เหมือนเนื้อเรื่องจะเปลี่ยนไป” หลังจากเจียงเซ่อได้รับบทเล่มใหญ่ก็ดูออกในทันทีว่า ความหนาของหนังสือเล่มใหม่นี้ไม่เท่ากับต้นฉบับที่เธอได้รับก่อนหน้านี้

จากนั้นเธอก็เปิดดูตัวละครในแฟ้มเอกสาร หลังจากที่อ่านแล้วจึงสังเกตเห็นว่าในเอกสารที่ฮั่วจือหมิงส่งมา แม้กระทั่งตัวละคร ‘จงฉี’ ที่เธอจะแสดงในตอนแรกยังถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ‘ซูอี้’

เซี่ยเชาฉวินพยักหน้า “และนี่ก็คือเหตุผลที่ฉันไม่ให้เวลาเธอได้พัก”

ช่วงที่เจียงเซ่อสอบระดับปริญญาโทเธอยุ่งมาก ตามหลักแล้วหลังจากเธอสอบเสร็จ เซี่ยเชาฉวินจะเว้นเวลาหลายวันให้เธอได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่เพราะทางฮั่วจือหมิงปรับบทอย่างกะทันหัน เพราะฉะนั้นหลังจากเธอเห็นเนื้อเรื่อง เค้าโครงและตัวละครแล้ว เห็นว่าจะต้องศึกษาดูใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ

จางฉือยื่นกาแฟแก้วหนึ่งให้เซี่ยเชาฉวิน เธอดื่มไปคำหนึ่ง

“เธอจะคิดเสียว่ามันเป็นเรื่องใหม่เลยก็ได้”

ตอนนี้เดือนมกราคมแล้วทางทีมงานกำหนดเปิดกล้องเดือนกุมภาพันธ์ ตอนนี้ฮั่วจือหมิงได้เปลี่ยนบทครั้งใหญ่เท่ากับว่าการเตรียมตัวทั้งหมดที่ผ่านมากลายเป็นศูนย์

เจียงเซ่อขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้ เธอเคยได้ยินวิธีการทำงานที่เอาแต่ใจเป็นอย่างมากของฮั่วจือหมิง

เคยได้ยินมาก็อีกเรื่อง มาเจอด้วยตัวเองก็อีกเรื่องหนึ่ง

เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เซี่ยเชาฉวินมองเธอแวบหนึ่ง

“สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุด คือบทของเธอ ทางด้านเถาเฉินไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก เธอต้องรีบทำเวลา ก่อนเริ่มถ่ายทำต้องศึกษาดูบททั้งเรื่องให้คล่องแคล่วสักรอบและในขณะเดียวกันก็ต้องท่องฉากแรกๆ ที่ต้องถ่ายทำให้คล่อง”

เจียงเซ่อรู้สึกได้รางๆ ว่ามีอะไรผิดปกติ จึงอดถามไม่ได้

“พี่เชาฉวิน ผู้กำกับฮั่วจือหมิงคนนี้จะเปลี่ยนบทอย่างกะทันหันระหว่างถ่ายทำอีกหรือเปล่า”

เห็นท่าทางอันเคร่งขรึมของเธอก็อดยิ้มไม่ได้

“พูดยาก”

ฮั่วจือหมิงขึ้นชื่อเรื่องความเอาแต่ใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขายืนยันว่าจะใช้แนวทางของตนเอง ไม่ก้มหัวให้ทางผู้จัด ตลาดและนักแสดงเด็ดขาด แม้นักแสดงหญิงทั้งสองที่ร่วมงานกับเขาในครั้งนี้จะมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เขาก็ไม่ประนีประนอม

และนี่ก็เป็นเหตุผลที่หลายปีมานี้เขาไม่เป็นที่ยอมรับของตลาด แต่คนที่มีนิสัยเป็นของตนเองแบบนี้ ก็มักจะค่อยๆ ถูกละลายพฤติกรรม

เจียงเซ่อรู้สึกปวดหัว เข้าวงการมาหลายปี น้อยมากเธอจะเจอคนเอาแต่ใจแบบนี้ เซี่ยเชาฉวินเห็นท่าทางของเธอที่เปิดดูบทพร้อมขมวดคิ้วแน่นก็วางแก้วกาแฟในมือลงและปลอบใจเธอว่า

“ช่วงที่ผ่านมานี้ ฉันได้ถือโอกาสอ่านบทโดยคร่าวๆ แล้ว ความจริงบทนี้หลังจากปรับแก้แล้ว มันเป็นผลดีกับเธอ”

บท ‘จงฉี’ ที่เจียงเซ่อจะแสดงก่อนหน้านี้ มีเบื้องหลังที่เรียบง่ายเกินไป คาแรกเตอร์ไม่ชัดเจน จะต้องให้นักแสดงจินตนาการเอง แม้ว่าจะท้าทายแต่ก็มีความเสี่ยงแฝงอยู่ไม่น้อย

หลังจากผ่านการเปลี่ยนให้เป็นตัวละครที่ ‘ซูอี้’ คาแรกเตอร์ก็หลากหลายมากขึ้น การเปลี่ยนบทอย่างกะทันหันแบบนี้จึงมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

จนถึงตอนนี้แล้ว บ่นไปก็ไม่มีประโยชน์และเวลาก็กระชั้นชิดขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเจียงเซ่อจะเหลือทน แต่เมื่อเทียบกับการเสียเวลาไปกับการบ่นแล้ว การอ่านบทจะมีประโยชน์ต่อการถ่ายทำหลังจากนี้เสียมากกว่า