webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

593

บทที่ 593 หนึ่งเดียว

จิตใจที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของเหอฉงและเพื่อนสาวก็เกิดขึ้นกับผู้ชมนับหมื่นล้านคนที่รอคอยการถ่ายทอดสดนี้เช่นกัน

ตอนที่นับถอยหลังยี่สิบวินาทีสุดท้าย หน้าจอที่นิ่งเงียบในตอนแรกสว่างขึ้นมา ท่ามกลางเสียงพิมพ์ดีด ‘แต่กแต่กแต่ก’ ตัวอักษรหลายบรรทัดได้ปรากฏขึ้น

ขอบคุณเมื่อยี่สิบสี่ปีก่อน ที่ฟ้าส่งเธอมา! ขอบคุณเมื่อเจ็ดปีก่อน ที่วงการหนังขุดเธอขึ้นมาอยู่ในงานหนังคุณภาพมากมายและได้สร้างตัวละครที่ยากจะลืมทุกตัวขึ้นมา

เธอเป็นดั่งของขวัญที่ดีที่สุดที่ฟ้าประทานมาให้ เธอเป็นผู้มีอิทธิต่อชีวิตของคนในยุคนี้——เจียงเซ่อ

แม้เวลาจะกระชั้นชิดและเวลาที่เซี่ยเชาฉวินให้หัวเซี่ยจือซวิ่นก็เพียงแค่สี่สิบกว่านาทีสั้นๆ แต่หัวเซี่ยจือซวิ่นก็นำเสนอออกมาได้อย่างน่าดึงดูด ทำให้ผู้คนตื่นเต้นจนถึงขีดสุด พลันเกิดความรู้สึกที่สุดแสนจะพิเศษ

ท่ามกลางคนเหล่านี้ เหอฉงประทับใจมากที่สุด

เสียงพิมพ์ดีดสมัยก่อนแบบนี้ การเปิดฉายโดยไม่มีคำพูด เป็นวิธีการกระตุ้นให้นึกถึงวันวานได้ดีที่สุด

เธอถือเป็นผู้ชมที่ติดตามเจียงเซ่อมาโดยตลอดตั้งแต่หนังเรื่องแรกของเจียงเซ่อเข้าฉาย เห็นเธอตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา จากที่ตอนแรกดูหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ เพราะชุยซิ่ง จนตอนหลังเธอไม่เคยพลาดหนังของเจียงเซ่อเลยแม้แต่เรื่องเดียว ถึงขั้นที่ต้องไปดูตั้งแต่รอบแรกที่เข้าฉาย

ไม่คิดเลยว่าจะดูมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ก็ปาเข้าเจ็ดปีแล้ว

เหอฉงไม่เคยรู้สึกว่าตนเองเป็นแฟนคลับของเจียงเซ่อ แต่ตอนนี้กลับถูกกระตุ้นความรู้สึกอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อเธอติดตามใครสักคนอย่างต่อเนื่องมานานเจ็ดปีและอารมณ์ก็เปลี่ยนแปลงไปตามทุกอิริยาบถของเธอ การกระทำแบบนี้ ความจริงก็ไม่ต่างอะไรกับการเป็นแฟนคลับ

เพื่อนสาวรู้สึกแปลกใจ “หัวเซี่ยจือซวิ่นมีเงินทุนเยอะจริงๆ เลย”

สามารถเชิญเจียงเซ่อให้มาสัมภาษณ์ได้ ช่วงเวลาที่นับถอยหลังคงจะได้รายได้จากโฆษณาไม่น้อยเลยทีเดียว

เพราะฉะนั้นหลายวันมานี้ผู้ติดตามมากขึ้นทุกวัน โฆษณาส่วนมากคงยินยอมควักเงินออกมาเพื่อลงโฆษณาในช่วงเวลาแบบนี้ แต่ทว่า ทางหัวเซี่ยจือซวิ่นกลับใช้เวลานี้ในการฉายบทนำ โดยไม่ตัดไปให้ในเวลาสัมภาษณ์ของเจียงเซ่อ

“เพียงแค่ยี่สิบวินาทีนี้ เมื่อคำนวณแล้ว ค่าโฆษณาที่หัวเซี่ยจือซวิ่นอย่างน้อยจะต้องมากถึงหลักล้าน!”

เหอฉงพูดเบาๆ

“เพราะเจียงเซ่อคู่ควร”

น้ำเสียงฟังดูเหมือนสะอื้น ตอนที่เพื่อนสาวหันมองเธอ เห็นหยดน้ำใสๆ ในดวงตาของเธอรางๆ

ตอนนี้คนที่กำลังพูดฉากนี้ นอกจากเหอฉงกับเพื่อนสาวและชาวเน็ตในโลกโซเชียลแล้ว ยังมีเถาเฉินที่ความจริงควรจะเตรียมตัวเพื่องานในวันพรุ่งนี้อีกคน

สองวันมานี้เธองานยุ่งมาก ตอนนี้กำลังคุยงานแบรนด์แอมบาสเดอร์กับสองแบรนด์ นอกจากนั้น ยังมีบทหนังหลายบทที่เธอต้องดูด้วยตนเอง น้อยมากที่เธอจะปล่อยให้ตนเองว่าง ราวกับเป็นเครื่องจักรที่หมุนอยู่ตลอดเวลา

ข่าวว่าหัวเซี่ยจือซวิ่นจะสัมภาษณ์เจียงเซ่อ เธอก็เพิ่งจะรู้โดยบังเอิญวันนี้ตอนที่ไปรับประทานอาหารกับผู้จัดท่านหนึ่ง

“คุณเถา คุณไม่ควรดูรายการนี้นะครับ”

ซ่งอี้เตือนเบาๆ อยู่ข้างๆ หัวข้อด้านบน แม้กระทั่งซ่งอี้เห็นแล้วยังอกสั่นขวัญผวา

เถาเฉินกลับนิ่งเป็นอย่างมาก ราวกับไม่รู้สึกอะไรกับบทนำบทนี้ ตอนที่ซ่งอี้เตือนเธอ เธอถึงขั้นขมวดคิ้วและพูดเบาๆ ว่า

“อย่ามารบกวนฉัน”

“หลังจากดูจบแล้ว อาจจะทำให้คุณไม่สบายใจได้นะครับ” แม้เขาจะเอ่ยปากแล้ว แต่ซ่งอี้ก็ยังคงรวบรวมความกล้าแล้วพูดออกมา เถาเฉินดึงเสื้อกันหนาวที่คลุมตัวอยู่ขึ้นและทิ้งตารางงานที่ถืออยู่ไปอีกข้าง ก่อนจะหาท่านั่งที่สบายแล้วนั่งลง

“ซ่งอี้ นายไม่เข้าใจหรอก สุภาษิตหนึ่งของหัวเซี่ยได้กล่าวเอาไว้อย่างมีเหตุผล รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”

การแข่งขันระหว่างเธอกับเจียงเซ่อครั้งที่ผ่านๆ มา เธอล้วนพ่ายแพ้ ความจริงส่วนหนึ่งเพราะเธอรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเจียงเซ่อไม่ดีพอ

บทนำของหัวเซี่ยจือซวิ่นและหัวข้อการสัมภาษณ์พิเศษแม้จะทำให้เถาเฉินรู้สึกแย่ แต่ทว่า สิ่งที่เธอสนใจไม่ใช่เรื่องนี้ สิ่งที่เธอสนใจคือหัวเซี่ยจือซวิ่นที่กล้าตั้งหัวข้อให้กับเจียงเซ่อว่าเป็น ‘หนึ่งเดียวเท่านั้น’ ความคิดเช่นนี้ถ้าฝังลึกเข้าไปในใจของผู้ชมแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนได้อีก

เธอนึกถึงเรื่องที่ตนเองพูดกับซ่งอี้เมื่อสองวันก่อน รอยยิ้มบนใบหน้าพลันหายไปทันที

เมื่อเทียบกับการบอกว่า การสัมภาษณ์ในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเจียงเซ่อ ควรจะบอกว่านี่เป็นแผนการของเซี่ยเชาฉวินที่ไล่ต้อนตนเองให้จมมุมเสียมากกว่า

หลังจากการสัมภาษณ์พิเศษในครั้งนี้ ถ้าเจียงเซ่อไม่ได้ทำออกมาแย่ อิทธิพลที่เธอมีต่อหัวเซี่ยจะเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกับก็ทำให้สิ่งที่เธอวางแผนเอาไว้ก่อนหน้านี้พังทลายลง “เชาฉวินช่างเจ้าแผนการจริง”

เธอถอนหายใจ ซ่งอี้ยังคงไม่เข้าใจ “เรื่องที่ฉันสั่งวันนั้น ไม่ต้องไปทำแล้ว”

หลังจากการสัมภาษณ์พิเศษ ถ้ามีกระแสแบบนี้เกิดขึ้นอีกก็คงไม่สามารถสร้างความฮือฮาได้มากนัก ท้ายที่สุดจะทำให้ตนเองลำบากเสียเปล่า

ซ่งอี้เองก็ไม่ใช่คนโง่ ทำงานกับเธอมานานขนาดนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะยังไม่เข้าใจ พอได้ยินคำพูดเช่นนี้จากเถาเฉินก็กระจ่างทันที เขาอ้าปากค้าง เหมือนอยากพูดอะไร ท้ายที่สุดกลับไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียว

ด้านบนของหน้าจอ ท่ามกลางตัวอักษรแต่ละบรรทัดที่ปรากฏขึ้น มีความคิดเห็นเกิดขึ้นมากมาย

เพื่อนกันจนวันตาย ‘เพียงแค่คำว่า ‘เจ็ดปี’ ก็ทำให้ฉันน้ำตาไหลแล้ว’

กอดกันให้แน่น ‘แบบนี้ ถ้าหัวเซี่ยจือซวิ่นใช้น้ำเสียงที่กระตุ้นอารมณ์ในการพูดออกมา อาจจะทำให้ฉันร้องไห้ ‘ฮือฮือ’ ออกมา’

……

ซูเพ่ยเอินเองก็กำลังดูถ่ายทอดสดในครั้งนี้และก็เห็นความคิดเห็นของชาวเน็ตที่อยู่ด้านล่างเช่นกัน

ตรงข้ามกับชาวเน็ตส่วนใหญ่ที่คิดว่าวิธีการใช้ตัวอักษรในการกล่าวบทนำไม่สามารถกระตุ้นความรู้สึกได้มากพอ ซูเพ่ยเอินกลับรู้สึกว่าวิธีแบบนี้เหมาะกับเจียงเซ่อ

ตัวอักษรทั้งหมดบนหน้าจอที่ถูกพิมพ์ออกมาดัง ‘ต๊อกๆ’ ทำให้เขานึกถึงเสียงรองเท้าส้นสูงที่กระทบบนการเทพื้นคอนกรีต ตอนที่เจียงเซ่อกางร่มท่ามกลางและหมอกควันในหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping' ที่เคยดูเพื่อหลายปีกว่าหน้านี้ แม้เสียงจะไม่เบาแต่กลับให้ความรู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก

ตัวอักษรค่อยๆ เลือนหายไป ในที่สุดภาพกรถ่ายทอดสดก็ปรากฏขึ้น

อาจจะเป็นเพราะว่ารอมานานและประทับใจเพราะคำพูดเหล่านี้ของหัวเซี่ยจือซวิ่นเป็นอย่างมาก ตอนที่เจียงเซ่อและเซิ่งจิ้งจือปรากฏตัวขึ้นบนหน้าจอพร้อมรอยยิ้ม เหอฉงถึงขั้นส่งเสียงอุทานด้วยความดีใจเบาๆ

ตอนที่เธอตะโกน เหมือนสติได้หลุดไป แต่เพื่อนสาวไม่มีกะจิตกะใจจะหัวเราะเยาะเธอ แต่กลับเหมือนดีใจมากกว่าเธอ ดึงเธอและตะโกนว่า

“มาแล้ว!”

ทันทีที่เพื่อนสาวพูดจบก็พูดอย่างจับผิดว่า

“เหมือนจะผอมกว่าที่ผ่านมาไปบ้าง สร้อยที่ใส่ก็ไม่สวยเท่าสร้อยไข่มุกในงานเปิดตัวของ ELYSEES เมื่อครั้งก่อน”

ในงานเปิดตัวของ ELYSEES เมื่อหลายวันก่อน สร้อยไข่มุกที่เจียงเซ่อใส่ได้กลายเป็นเครื่องประดับที่ถูกค้นหาในอินเทอร์เน็ตมากที่สุดในช่วงสองสามวันนี้ หลังจากชาวเน็ตรู้ว่าเป็นแบรนด์อะไร คนจำนวนไม่น้อยก็ได้สั่งจองไปแล้ว

วันนี้เธอสวมชุดเดรสแขนกุดสีฟ้าอ่อนที่เต็มไปด้วยไข่มุกเม็ดเล็กๆ ที่เรียงกันเป็นลายดอก สีผิวของเธอดูขาวดั่งหิมะ ผมถูกปล่อยลงกลางหลัง ใส่ต่างหูทองคำขาวเส้นเล็กและยาวดูเรียบง่าย

ตอนที่เพื่อนสาวพูด ได้หันมองเหอฉงแวบหนึ่ง

ความรู้สึกที่เธอมีต่อเจียงเซ่อนั้นสับสนมาก เพราะเรื่องของจูพ่านในตอนนั้น เธออยากดูหนังของเจียงเซ่อและติดตามข่าวต่างๆ ของเจียงเซ่อ แต่กลับยากที่ตนเองจะพูดว่าเจียงเซ่อมี ‘ดี’ ได้เต็มปาก

เหอฉงเข้าใจความคิดแปลกๆ นี้ของเธอ จึงทำเหมือนไม่ได้ยินว่าเธอพูดอะไร

ในถ่ายทอดสด เซิ่งจิ้งจือได้พาเจียงเซ่อทักทายผู้ชมแล้ว

“อรุณสวัสดิ์ทุกท่าน ผมเซิ่งจิ้งจือ ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่การสัมภาษณ์ในค่ำคืนนี้”

คืนนี้นอกจากชาวเน็ตส่วนใหญ่ที่มาเข้ามาดูเพราะเจียงเซ่อแล้ว แฟนคลับจำนวนหนึ่งของเซิ่งจิ้งจือก็เข้ามาดูเช่นกัน เจียงเซ่อเองก็ทักทายตามและโบกมือให้กล้องเบาๆ ทีหนึ่ง เพียงท่าทางง่ายๆ แบบนี้ ก็ทำให้ความคิดเห็นในถ่ายทอดสดเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพียงสิบกว่าวินาที ก็มีความคิดเห็นเพิ่มขึ้นเกือบพัน เกิดผลกระทบอย่างมากต่ออุปกรณ์ของหัวเซี่ยจือซวิ่นในระดับหนึ่ง ยังไม่นับชาวเน็ตส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้เพราะเครื่องค้างอีก

สำหรับสถานการณ์แบบนี้ ทีมงานของหัวเซี่ยจือซวิ่นทั้งดีใจกับอิทธิพลของเจียงเซ่อและกลัวว่าอุปกรณ์จะเกิดความผิดพลาดจนกลายเป็นปัญหาใหญ่

ตอนเริ่มแรกผู้จัดรายการหัวเซี่ยจือซวิ่นยังกังวลว่าตอนที่เริ่มพูดคุยกันอย่างเป็นทางการบรรยากาศจะไม่เหมือนที่ผ่านมา แต่เพิ่งจะเริ่มการพูดคุยกันบรรยากาศก็ครึกครื้นมากถึงเพียงนี้ คาดว่าหลังจากนี้ถ้าไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรกับเจียงเซ่อ การสัมภาษณ์ในครั้งนี้จะสามารถกอบโกยเรทติ้งไม่น้อยให้กับหัวเซี่ยจือซวิ่นเลยทีเดียว

นอกจากสั่งให้ทีมงานจับตาดูให้ดี เขายังพูดกับเจียงเซ่อที่ใส่หูฟังอยู่อย่างจนปัญญาว่า

“เซ่อเซ่อ ตอนนี้เธอเคลื่อนไหวให้น้อยลงเสียหน่อยนะ”

จุดสนใจของผู้ชมส่วนใหญ่อยู่ที่เธอ ยิ่งการถ่ายทอดสดเริ่มขึ้น ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ทุกคนจะแสดงความกระตือรือร้นออกมา ท่าทางเพียงเล็กน้อยของเธอก็ส่งผลกระทบให้กับรายการสัมภาษณ์เป็นอย่างมาก

เซิ่งจิ้งจือเองก็ได้คำสั่งของผู้จัดการจากทางหูฟังและหันมองเจียงเซ่อด้วยความแปลกใจแวบหนึ่ง

สิ่งที่ผู้จัดรายการกลัวมากที่สุดคือไม่มีสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ชมให้คงอยู่ เป็นครั้งแรกที่เห็นรายการกลัวว่าผู้ชมจะตื่นเต้นมากจนเกินไป

เขารู้ว่าหลายปีมานี้เจียงเซ่อดังมาก ผู้กำกับที่ร่วมงานด้วยล้วนเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียง โฆษณาและแบรนด์แอมบาสเดอร์ก็อยู่ในระดับที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่การได้ยินข่าวมันคนละเรื่องกับการที่เห็นอิทธิพลของเจียงเซ่ออย่างแท้จริง

หลังจากทักทายซึ่งกันและกันแล้ว ท่าทางของเซิ่งจิ้งจือก็ดูอ่อนโยนมากขึ้นและใช้วิธีการพูดถึงเรื่องทั่วๆ ไปเพื่อพาเจียงเซ่อเข้าสู่ประเด็นหลักอย่างแนบเนียน

“ไม่เห็นเซ่อเซ่อในรายการโทรศัพท์นานมากแล้ว คุยกันครั้งล่าสุดก็ตั้งแต่หนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’” เซิ่งจิ้งจือมีความสามารถในการควบคุมรายการเป็นอย่างมาก การศึกษาของเขาสูงและพูดจาอย่างรู้กาลเทศะ ทั้งยังเป็นคนคุ้นเคย แค่อ้าปากก็ทำให้เจียงเซ่อเผยรอยยิ้มออกมาได้แล้ว

“ผมรู้ว่าตั้งแต่คุณเข้าวงการมา นอกจากต้องโปรโมทหนังแล้วก็น้อยมากที่คุณจะมาพูดคุยถึงเรื่องส่วนตัวอย่างวันนี้ สำหรับแฟนคลับแล้ว เรื่องส่วนตัวของคุณถือว่าลึกลับเป็นอย่างมาก ไม่ค่อยพูดถึงชีวิตส่วนตัวและไม่แสดงอีกด้านหนึ่งของตนเองต่อสาธารณะ ภาพความทรงจำที่ทุกคนมีต่อคุณ นอกจากข่าวที่ถูกปล่อยออกมาว่าติดมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งและมีแฟนที่เคยอยู่โรงเรียนเดียวกัน ตอนนี้ได้หมั้นหมายกันแล้ว มีผลงานหนังและแบรนด์แอมบาสเดอร์มากมาย ก็น้อยมากที่จะรู้เรื่องอื่นเกี่ยวกับคุณ”

ทันทีที่เซิ่งจิ้งจือพูดจบ ไม่เพียงแค่ผู้ชมที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่หัวเราะ แม้กระทั่งเจียงเซ่อเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็เผยรอยยิ้มออกมา

“เหตุผลอะไรที่ทำให้คุณยอมรับการสัมภาษณ์ในวันนี้ครับ”

หลังจากเซิ่งจิ้งจือถามคำถามนี้จบ เหอฉงเองก็รอคำตอบของเจียงเซ่อ

อย่างที่เซิ่งจิ้งจือพูด ภาพความทรงจำที่แฟนคลับมีต่อเจียงเซ่อ อาจจะมาจากหนังโฆษณาและผลงานแบรนด์แอมบาสเดอร์

แฟนคลับรู้ลึกรู้จริงเกี่ยวกับผลงานของเธอได้ แต่กลับไม่สามารถบอกนิสัยที่แท้จริงของตัวเธอออกมาได้

คนอย่างเหอฉง ที่หลังจากเธอเข้าวงการมาก็ไม่เคยพลาดหนังของเธอเลยแม้แต่เรื่องเดียว และเป็นคนที่ติดตามข่าวของเจียงเซ่อมาโดยตลอด ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งที่เจียงเซ่อชื่นชอบคืออะไร

“ความจริงแล้วที่ไม่ได้บอกเรื่องพวกนี้กับทุกคนไม่ใช่เพราะฉันไม่ยินยอม แต่เพราะฉันคิดว่าการดำเนินชีวิตของฉันก็เหมือนคนทั่วไป ไม่มีอะไรน่าพูดถึงน่ะค่ะ”

มีการเริ่มต้นแบบนี้ บรรยากาศในการถ่ายทอดสดก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง การสัมภาษณ์ในวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับหนัง แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเจียงเซ่อ เพราะความจำกัดของเวลา นอกจากทางหัวเซี่ยจือซวิ่นกับเซี่ยเชาฉวินได้คุยกันแล้วว่าคำถามอะไรไม่สามารถถามได้บ้าง อย่างอื่นก็ต้องพึ่งการแสดงออก ณ เวลานั้นของตัวเจียงเซ่อเอง

เธอไม่ได้เป็นคนชอบพูดอะไรยืดเยื้อ ไม่ว่าจะไปรับประทานอาหารกับผู้ใหญ่ตระกูลเผย เวลาอยู่กับเผยอี้และตอนไปเจอพวกของเนี่ยต้าน ส่วนมากเธอจะอยู่ในฐานะผู้ฟังที่สงบเสงี่ยมมากกว่า

แต่สถานการณ์ในวันนี้เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถเงียบได้ หลังจากเจียงเซ่อพูดจบก็พูดถึงชีวิตส่วนตัวของตนเองเล็กน้อย

“ตอนที่ไม่ถ่ายหนัง ฉันมักจะไปเข้าคลาสต่างๆ ค่ะ”

ทั้งการเต้น เปียโนและพิธีการต่างๆ ทั้งยังมีการท่องและฝึกบท รวมทั้งด้านการดูแลตัวเองและออกกำลังกายที่ขาดไม่ได้ ความจริงเธอแทบจะไม่มีเวลาว่างเลย

เมื่อมีเวลาว่างเล็กๆ น้อยๆ เธอจะต้องรีบคว้าโอกาสนั้นเพื่ออ่านหนังสือและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสาขาที่ตนเองเรียน

ช่วงที่ถ่ายหนัง ต้องทำความคุ้นเคยกับบท ท่องบท เรียนทักษะทั้งหมดที่ได้ใช้ในการถ่ายหนัง เช่นในหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ ช่วงเวลาที่ว่างจากการออกกำลังกาย ก็ได้ให้อาจารย์ชาวอิตาลีมาสอนภาษาอิตาลีให้กับตนเอง

เธอพูดถึงความรู้สึกของตนเองตอนเข้าวงการ ตอนถ่ายหนังเรื่องแรก พูดถึงหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ ซึ่งเป็นเรื่องแรกที่ทำให้เธอเป็นที่จับตา กล่าวขอบคุณผู้กำกับจ้าว และพูดถึง ‘Evil’ ขึ้นเป็นกรณีพิเศษ พูดถึงเรื่องที่เธอไปเรียนที่โรละครหัวเซี่ยเป็นเวลาครึ่งปีเพื่อให้ได้แสดงเรื่อง ‘Evil’

จากนั้นเพราะคำชี้แนะจากรุ่นพี่อย่างเหลียงชุนปอในโรงละครหัวเซี่ย ที่สังเกตเห็นจุดสำคัญที่ว่าตัวละครจางยวี่ฉินในเรื่อง ‘Evil’ ผอมลงหลังจากเสียลูกสาวไป

เรื่องราวในเบื้องหลังเหล่านี้ เมื่อก่อนเธอไม่เคยเปิดเผยกับผู้ชมมาก่อนเลย

ตอนที่ทุกคนเห็นเธอที่เจิดจรัสบนหน้าจอ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะทุ่มเทกับตัวละครตัวหนึ่งนานถึงเพียงนี้

เธอพูดถึงตอนที่ไปศึกษาข้อมูลที่คุกนักโทษหญิงเพื่อแสดงความรู้สึกผิดหวังของ ‘จางยวี่ฉิน’ ในตอนนั้น เห็นทุกคนที่ถูกควบคุมอิสระอยู่ในนั้น ดูท่าทางและน้ำเสียงของตัวเอง ขังตัวเองอยู่ในบ้านเพื่อเปิดดูการแสดงของรุ่นพี่หลายคนในอดีต จึงเกิดเป็นตัวละครอย่างจางยวี่ฉินที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนได้

การที่ได้รับเกียรติเข้าชิงในสาขา ‘นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม’ ในเทศกาลหนังฝรั่งเศส ก็เพราะความพยายามที่เธอทุ่มเทไป

“ตอนนี้ผู้ชมในประเทศคงจะรู้แล้วว่า คุณและผู้กำกับชื่อดังอย่างเชี่ยซ่าเหลยเป็นเพื่อนกัน หลายครั้งที่เขาเคยแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าชื่นชมคุณ และร่วมงานกับคุณในหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ ช่วยเล่าถึงสาเหตุที่พวกคุณรู้จักกันได้หรือเปล่าครับ”

บรรยากาศการพูดคุยดีขึ้นเรื่อยๆ ผู้ชมก็มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน แม้ว่าเป็นเพราะเข้ารายการแล้ว ทำให้ความคิดเห็นไม่ได้ดุเดือดเหมือนตอนเริ่ม แต่จำนวนคนที่เข้าชมการถ่ายทอดสดของรายการกลับมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

คืนนี้เพราะการสัมภาษณ์พิเศษจากเจียงเซ่อ ผู้เข้าชมของหัวเซี่ยจือซวิ่นคงจะสามารถทุบสถิติที่ผ่านมาได้

หลังเวทีบรรณาธิการของหัวเซี่ยจือซวิ่นได้มาควบคุมด้วยตนเอง เห็นว่าผู้ชมมากขึ้นเป็นอย่างมากก็ดีใจจนแทบจะหัวเราะเสียงดังออกมา