webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

591

บทที่ 591 ฉายา

ตอนนี้เพราะการปล่อยข่าวของเถาเฉิน คนที่ทำอะไรไม่ถูกนอกจากนักข่าวที่ตั้งคำถามและชาวเน็ตที่กำลังดูอยู่แล้ว โม่อานฉีเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง 

จนถึงตอนนี้ ถ้าโม่อานฉียังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเถาเฉิน ก็คงจะโง่เกินไปแล้ว

ทางบริษัทกำหนดให้เจียงเซ่อเป็นนางรองในหนังเรื่อง ‘Suspect’ เป็นตัวละครรองจากเถาเฉิน เป็นบทลงโทษที่ทางบริษัทมีต่อเจียงเซ่อ แต่ตอนนี้มีเพียงแค่เบื้องบนของทางบริษัทเท่านั้นที่รู้ ยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ

เรื่องนี้ถูกเถาเฉินพูดออกมาก่อน น่าจะเพราะต้องการเบี่ยงประเด็น

ปฏิกิริยาของเธอไวมาก ในงานเปิดตัวของ ELYSEES เธอไม่สามารถ ‘เหนือกว่า’ เจียงเซ่อในเรื่องของยอดขายได้ ในขณะที่กำลังจะถูกเยาะเย้ย จึง ‘เอาชนะกลับ’ ด้วยเรื่องอื่น

เมื่อเทียบกับคุณนายโจวและคนอื่นๆ ที่ถอยทัพอย่างกะทันหันแล้ว เห็นได้ชัดว่าตอนนี้นักข่าวสนใจข่าวที่ว่าเถาเฉินกับเจียงเซ่อจะร่วมงานหนังกันมากกว่า

ทิศทางของนักข่าวเปลี่ยนไปในทันที ใบหน้าของคนจำนวนมากเผยความตื่นเต้น

“คุณและคุณเจียงจะมีผลงานหนังร่วมกันหรือคะ”

เถาเฉินพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มและมองเจียงเซ่อแวบหนึ่ง

“ใช่แล้วค่ะ ความจริงฉันกับคุณเจียงมีหลายอย่างมากที่เหมือนกัน ทั้งในด้านการพัฒนาและเป้าหมายก็ล้วนเหมือนกัน”

ทันทีที่เธอพูดจบ ใบหน้าของนักข่าวต่างเผยความแปลกใจไม่น้อย เถาเฉินพูดต่อว่า “เชื่อว่าทุกคนรู้กันดีว่าเราทั้งสองมีวาสนาร่วมกันเป็นอย่างมาก แต่เพราะทุกคนต่างยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง ดังนั้นจึงน่าเสียดายมากที่แม้จะผ่านมานานถึงขนาดนี้แล้ว ก็ยังไม่เคยร่วมงานกับคุณเจียงสักที จนกระทั่งก่อนหน้านี้เพราะความบังเอิญและความสนใจของฉันกับคุณเจียงเหมือนกัน ถูกใจหนังเรื่องเดียวกัน หลังจากจัดตารางเวลาแล้วจึงได้ร่วมงานกันน่ะค่ะ”

คำพูดของเถาเฉินไม่เหมือนพูดถึงเรื่องนี้โดยไม่มีเป้าหมาย นักข่าวหันไปถามเจียงเซ่อ

“คุณเจียงจะเล่นหนังเรื่องเดียวกันกับคุณเถาจริงหรือคะ”

ตอนนี้ทั้งสองต่างเป็นนักแสดงอันดับต้นๆ ของวงการบันเทิงหัวเซี่ย ต่างมีแฟนคลับและชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีความสามารถในการทำรายได้

ถ้านักแสดงหญิงสองคนนี้ปรากฏอยู่ในหนังเรื่องเดียวกัน หนังเรื่องนี้อาจจะดังตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มถ่ายเลย

“ใช่แล้วค่ะ”

จนถึงตอนนี้ เจียงเซ่อก็คงทำได้เพียงแค่พยักหน้า

“ตอนนี้มีการจัดตารางงานแบบนั้นจริง”

การยอมรับของเธอยิ่งทำให้นักข่าวตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม ไม่เพียงแค่นักข่าวรวมทั้งชาวเน็ตจำนวนมากที่กำลังดูการถ่ายทอดสดงานเปิดตัวของ ELYSEES ล้วนกรีดร้องออกมาอย่างควบคุมตนเองไม่ได้

“ไม่ทราบว่าผู้กำกับท่านใดที่ทำให้คุณและคุณเถาเฉินได้ร่วมงานกันเป็นครั้งแรกคะ”

“หลังที่เตรียมจะแสดงคือเรื่อง ‘Suspect’ ของผู้กำกับฮั่วจือหมิง ตั้งแต่เห็นบทฉันก็ชอบหนังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แต่เพราะเรื่องของคิวจึงยังไม่เวลารับหนังเรื่องนี้เอาไว้”

เจียงเซ่อถือไมโครโฟนเอาไว้ และตอบคำถามของนักข่าวอย่างตั้งใจ

“ครั้งนี้เพราะคิวว่าง รู้สึกเป็นเกียรติมากเลยค่ะที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับรุ่นพี่เถาและผู้กำกับฮั่ว”

เธอถูกนักข่าวล้อมรอบเอาไว้ตรงกลาง ท่ามกลางแสงไฟปากแดงและฟันสีขาวทำให้เธอดูงดงามเป็นอย่างมาก ไม่เห็นถึงความตื่นตระหนกและไร้ซึ่งความกังวล ตอบคำถามอย่างไม่เร็วและไม่ช้าเกินไป การตอบคำถามด้วยความตั้งใจแบบนี้ ทำให้นักข่าวชื่นชอบเป็นอย่างมาก

“ที่ว่าแนวหนังของผู้กำกับฮั่วจือหมิงไม่แน่นอน คุณเจียงเคยได้ยินเรื่องนี้หรือเปล่าคะ”

เจียงเซ่อเผยรอยยิ้ม คำถามของนักข่าวเหมือนเป็นหลุมพราง เธอกลับทำเหมือนไม่รับรู้

“ฉันเพียงแค่เคยได้ยินมาว่าความสำเร็จในด้านผลงานหนังของผู้กำกับฮั่วจือหมิงไม่เหมือนหนังทั่วไป จึงรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมงานกับเขาค่ะ”

“ตอนนี้ฐานะของทั้งสองในวงการบันเทิงต่างก็ไม่ธรรมดา งั้นในหนังเรื่องนี้ ระหว่างคุณกับเถาเฉินสำหรับคุณเจียงแล้วใครคือแสดงนำอันดับหนึ่งล่ะคะ”

ในที่สุดคำถามนี้ก็มีนักข่าวถามขึ้น หลังจากที่มีคนถามคำถามนี้ บรรยากาศในงานก็เงียบลงในทันที

คำถามนี้ ตอบยากมาก ด้วยระดับของเจียงเซ่อและเถาเฉินในตอนนี้ คงไม่มีใครยอมเป็นรองและถูกเหยียดหยามจนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้อีกแน่

การถ่อมตนในตอนนี้ อาจจะทำให้ข่าวที่ลงในตอนค่ำมีหัวข่าวว่า ‘เถาเฉินเหนือกว่าเจียงเซ่อ’

จะหลักเลี่ยงไม่ตอบก็ไม่ได้ เจียงเซ่อคิดทบทวนครู่หนึ่ง

“ในบทแน่นอนว่ารุ่นพี่เถาต้องสำคัญที่สุดสิคะ”

ตอนที่เธอพูด เถาเฉินเงียบ แต่กลับจ้องเจียงเซ่อพร้อมรอยยิ้ม แววตาเป็นกันเอง ราวกับสนิทสนมกับเจียงเซ่อเป็นอย่างมาก

“แต่ถ้าเป็นในหนังแล้วล่ะก็ ก็น่าจะเป็นฉันที่เป็น ‘นักแสดงหลัก’ ค่ะ”

คำพูดนี้ของเจียงเซ่อไม่เพียงแค่เป็นการทำให้รู้ว่าตนเองแสดงเป็นตัวละครใดในหนัง และยังเป็นการหลีกเลี่ยงคำถามที่รุนแรงจากนักข่าวไปด้วย เหล่านักข่าวต่างยิ้ม

ยังไงก็ตามที่นี่ก็เป็นงานเปิดตัวรถยนต์ของ ELYSEES การที่นักข่าวเข้ามาล้อมเจียงเซ่อและเถาเฉินเอาไว้ ก็ทำได้เพียงแค่สัมภาษณ์เรื่องทั่วไป

เมื่อได้ข่าวใหญ่นี้มา ก็ถามคำถามอีกเพียงไม่กี่คำถาม โดยหลังจากถามถึงหนังเรื่อง ‘Suspect’ โดยคร่าวๆ ก็ปิดท้ายโดยการขอให้เถาเฉินและเจียงเซ่อถ่ายรูปร่วมกัน ก่อนจะปล่อยให้ทั้งสองแยกย้ายกันกลับ

ตอนที่เจียงเซ่อกลับไปที่หลังเวที สีหน้าของผู้ช่วยหลายคนต่างดูย่ำแย่

“ทางบริษัทยังไม่เปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณะ เถาเฉินก็เร่งรีบออกมาประกาศ จะส่งผลกระทบอะไรกับเจียงเซ่อหรือเปล่านะ”

โม่อานฉีเป็นกังวล ตอนนี้เจียงเซ่ออยู่ในช่วงขาขึ้นในด้านหน้าที่การงาน จะตามเถาเฉินให้ทันความจริงก็อีกไม่นาน

ตอนนี้เซี่ยเชาฉวินเคร่งเรื่องการวางแผนงานของเธอเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะการรับงานหนังหรืองานแบรนด์แอมบาสเดอร์ก็รอบคอบเป็นอย่างมาก ไม่เคยพลาด

ระหว่างเธอกับเถาเฉินเพียงแค่ขาดโอกาสที่จะทำให้เจียงเซ่อตามเถาเฉินทันและโอกาสนี้ก็อยู่ในหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ ที่จะเข้าฉายในปีหน้า

ถ้าสามารถเป็นนักแสดงนำหญิงในหนังของผู้กำกับที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างเชี่ยซ่าเหลยได้ แน่นอนว่าฐานะของเธอจะต้องสูงกว่าเถาเฉินไปหนึ่งขั้น ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะภายในหรือต่างประเทศชื่อเสียงของเธอจะกลบเถาเฉินจนมิด

“หลังจากงานเลี้ยงการกุศลในคืนนั้น แม้ว่าคุณลัวจะขอให้เซ่อเซ่อเป็นตัวรองของเถาเฉินในเรื่อง ‘Suspect’ แต่ทางบริษัทได้ให้สัญญาไว้ว่า จะเปิดเผยเรื่องนี้หลังจากหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ เข้าฉายแล้วแท้ๆ”

ตอนที่ลัวหยิ่นตัดสินใจให้เป็นเจียงเซ่อเป็นตัวรองของเถาเฉินก็เพราะเขารู้ว่าเจียงเซ่อถ่ายทำหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ จบไปแล้ว

เป้าหมายที่ทางซื่อจี้หยินเหอตัดสินใจเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่ได้เป็นเพราะจะกดเจียงเซ่อ

การจัดอันดับของนักแสดงหญิงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ความสูงต่ำของฐานะแน่นอนว่าประชาชนชาวหัวเซี่ยเป็นคนตัดสิน และมีผลต่อผลงานในอนาคต

ยังไงก็ตาม การที่ลัวหยิ่นตัดสินใจแบบนี้ไม่ได้เป็นเพราะอยากให้เจียงเซ่อต่ำกว่าเถาเฉินไปหนึ่งขั้น เขาจะผลักดันให้เจียงเซ่อเป็นนักแสดงหญิงอันดับหนึ่งของซื่อจี้หยินเหอต่างหาก

ที่ให้เจียงเซ่อเป็นตัวรองในหนังเรื่อง ‘Suspect’ เป็นเพราะเจียงเซ่อไม่เชื่อฟังคำสั่งในงานเลี้ยงการกุศล ทำให้ทำบริษัทต้องตักเตือนเธอก็เท่านั้น ในขณะเดียวกันก็เพื่อทำลายภาพ ‘ความขัดแย้ง’ ระหว่างเธอและเถาเฉิน

ตอนที่ลัวหยิ่นตัดสินใจแบบนี้ก็ได้บอกกับเซี่ยเชาฉวินเป็นการส่วนตัวแล้วว่า ข่าวนี้จะเผยแพร่ในภายหลัง

ตามที่ทางบริษัทวางแผนไว้ในตอนแรก เรื่องที่เจียงเซ่อและเถาเฉินจะถ่ายหนังเรื่องเดียวกันจะถูกปิดข่าวเอาไว้เงียบๆ ก่อน

การจะทำได้เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องยาก ยังไงก็ตามหลายปีมานี้ฮั่วจือหมิงก็ไม่ได้มีผลงาน หนังเรื่องก่อนๆ ก็ไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก ผู้ชมไม่ค่อยชื่นชอบในตัวเขา ตอนที่เขาเปิดกล้อง ถ้าปิดปากนักข่าวเอาไว้เรื่องนี้ก็สามารถเก็บเป็นความลับเอาไว้ได้

หลังจากถ่ายทำหนังเรื่องนี้เสร็จ ก็เป็นครึ่งปีหลังที่ ‘The second coming of Jesus Chrit’ ฉายพอดี

ถึงตอนนั้นข่าวที่เจียงเซ่อแสดงเป็นนางเอกในหนังของเซี่ยซ่าเหลยจะโด่งดังไปทั่วโลก ฐานะของเธอจะได้รับการยืนยัน แม้ว่าหลังจากนั้นจะมีข่าวว่าเธอเป็นตัวรองในหนังเรื่อง ‘Suspect’ ก็ส่งผลกระทบต่อเจียงเซ่อไม่มากนัก

ผู้ชมได้เห็นเธอเป็นนักแสดงระดับโลกไปแล้ว พอมาร่วมงานกับเถาเฉิน ทุกคนจะยิ่งเชื่อความสัมพันธ์ ‘พี่น้องปรองดอง’ ของพวกเธอมากขึ้น เพราะจะมีกระแสว่าเธอยอมลดตัวลงไปเป็นตัวรองเพื่อร่วมงานกับเถาเฉิน

ประเด็นแบบนี้อาจจะทำให้เป็นประโยชน์ต่อทั้งเถาเฉินและเจียงเซ่อ ในขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างกระแสให้กับหนังเรื่อง ‘Suspect’ ด้วย

และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ในตอนแรกเซี่ยเชาฉวินไม่โต้เถียงหลังจากได้ยินการวางแผนนี้จากทางบริษัท

แต่ตอนนี้เถาเฉินปล่อยข่าวออกไปก่อนแล้ว จุดประสงค์ก็จะเปลี่ยนไปด้วย

ตามที่ลัวหยิ่นวางแผนเอาไว้เป็นทางออกที่ทำให้ทุกคนล้วนเป็นผู้ชนะ แต่ตอนนี้ข่าวได้ถูกปล่อยออกไปก่อนแล้ว หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ ของเจียงเซ่อยังไม่ได้เข้าฉาย ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือ ‘เจียงเซ่อยังไม่ได้รับการการันตีฝีมือจากหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’’ ผู้ชมในหัวเซี่ยยังคงรู้จักเธอในฐานะที่ว่า หลายปีมานี้เธอพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกันแล้วในช่วงเวลาสำคัญนี้การที่เถาเฉินบอกว่าเจียงเซ่อจะแสดงเป็นตัวรองของเธอ ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะทำให้ทุกคนคิดว่าในด้านงานหนังเถาเฉินยังคงเหนือกว่าเจียงเซ่ออยู่ระดับหนึ่ง

การกระทำแบบนี้ของเธอให้ความรู้สึกว่า ‘เจียงเซ่อยังคงอยู่ต่ำกว่าเธอ’

การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นภายใต้จิตใจนี้ อาจจะทำให้การพัฒนาด้านหน้าที่การงานของเจียงเซ่อเกิดปัญหาระดับหนึ่งเลยทีเดียว

แน่นอนว่าโม่อานฉีคิดถึงผลลัพธ์ของเรื่องทั้งหมดนี้ออกและเธอก็อึดอัดใจเป็นอย่างมาก

แม้ว่าทางบริษัทจะมีการวางแผน แต่เถาเฉินได้พูดออกไปแล้ว คำพูดที่พูดออกไป ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเก็บกลับมา อีกอย่างตอนที่เถาเฉินพูดเรื่องนี้ ก็เลือกที่จะพูดในที่สาธารณะอย่างการถ่ายทอดสดงานเปิดตัวของ ELYSEES ที่ทำให้คำพูดของเถาเฉินเป็นที่รู้กันไปทั่วทั้งชาวเน็ตจำนวนนับไม่ถ้วนที่กำลังดูถ่ายทอดสดอยู่

ผู้คนที่ดูถ่ายทอดสดในครั้งนี้ไม่น้อยเลย เพราะข่าวการ ‘แย่งงานแบรนด์แอมบาสเดอร์’ ระหว่างเถาเฉินและเจียงเซ่อก่อนหน้านี้ได้ดึงดูดให้ผู้คนต่างติดตาม พอเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ก็ยากที่จะกลบเกลื่อนไปได้อีก

“เรื่องนี้เถาเฉินจะต้องรับผิดชอบ!” โม่อานฉีเริ่มโกรธ “พี่เซี่ย พี่ว่ายังไง”

หลังจากเหล่าผู้ช่วยต่างแสดงความคิดเห็นกันอยู่ครู่หนึ่ง จึงพบว่าตั้งแต่ต้นจนจบเซี่ยเชาฉวินไม่ได้พูดเลยแม้แต่คำเดียว เธอยืนอยู่อีกข้างมองดูช่างแต่งหน้าที่กำลังล้างเครื่องสำอางให้กับเจียงเซ่อ เจียงเซ่อหลับตา ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของเธอได้

เซี่ยเชาฉวินดูสงบมากเพียงนี้ก็ช่างเถอะ เธอเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงอาการอยู่แล้ว แต่ความนิ่งของเจียงเซ่อทำให้โม่อานฉีแปลกใจ

“เซ่อเซ่อ เธอไม่โกรธเหรอ”

“เรื่องนี้ยังโอเค”

เจียงเซ่อไม่ได้ว่าอะไรที่เถาเฉินเปิดเผยว่าเธอเป็นนักแสดงสมทบในหนังเรื่อง ‘Suspect’ สิ่งที่เธอสนใจมากกว่าคืออีกหนึ่งประเด็น

“พี่เชาฉวิน เถาเฉินพูดถึงความเหมือนของฉันกับตัวเธอ”

เธอพูดจบ ใบหน้าของเฉินซั่นก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ เซี่ยเชาฉวินกลับเผยรอยยิ้มอย่างจางๆ

“เธอเองก็สัมผัสได้ถึงเรื่องนี้เหมือนกันเหรอ”

เรื่องที่โม่อานฉีและทุกคนสนใจเป็นเพียงแค่ผิวเผิน แต่เจียงเซ่อและเซี่ยเชาฉวินกลับมองลึกลงไป

เรื่องที่เจียงเซ่อจะเป็น ‘ตัวรอง’ เป็นความจริง แม้ว่าการเปิดเผยก่อนจะเกิดปัญหา แต่ไม่ถึงขั้นทำให้เซี่ยเชาฉวินต้องใส่ใจ สิ่งที่เธอสนใจคือคำพูดที่ว่า ‘ความเหมือนกันระหว่างกับเจียงเซ่อกับเธอ และล้วนมีการพัฒนาและเป้าหมายเหมือนกัน’ ที่เถาเฉินพูด คำพูดแบบนี้ฟังดูแปลกมาก แต่หลังจากคิดทบทวนดูแล้ว เจียงเซ่อจะกลายเป็นคนที่ ‘เลียนแบบเถาเฉิน’ มาโดยตลอดไป

เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่เซี่ยเชาฉวินต้องจัดการหรือไม่ ก็ต้องดูว่าจะเถาเฉินจะเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นหรือเปล่า

ในเมื่อตอนนี้เธอได้พูดถึงแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะใช้เรื่องนี้ในการสร้างกระแส ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาที่ใหญ่กว่าเรื่องที่เจียงเซ่อเป็นตัวรองในหนังเรื่อง ‘Suspect’

“ฉันจะไปจัดการเอง” ทันทีที่เซี่ยเชาฉวินพูดจบ เจียงเซ่อก็พยักหน้าและไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก

ในอีกด้านหนึ่งเถาเฉินเองก็กำลังล้างเครื่องสำอาง ซ่งอี้ถือเสื้อกันหนาวให้เธอด้วยตัวเอง สายตาที่มองเธอเต็มไปด้วยความนับถือ

ซ่งอี้คิดว่าวันนี้เถาเฉินจะเสียหน้าเสียแล้ว คิดไม่ถึงว่าเธอจะใช้เรื่องนี้ในการเอาตัวรอด หลังจากเบี่ยงเบนความสนใจของนักข่าวทุกคนแล้ว ก็ทำให้ทุกคนหันมาสนใจเธออีกครั้ง

วิธีนี้เป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก ซ่งอี้คิดว่าตนเองได้เรียนรู้เรื่องนี้จากเธอ

“ซ่งอี้”

เธอยังคงหลับตา มือของผู้ช่วยวางลงบนไหล่ของเธอและนวดเบาๆ เพื่อคลายความเหนื่อยล้าจากการออกงานในวันนี้ให้กับเธอ ใบหน้าของเธอวางแผ่นมาส์กหน้าอยู่ เสียงที่พูดออกมาจึงไม่ค่อยชัดเจน แต่ซ่งอี้ก็ยังคงยื่นเสื้อกันหนาวให้กับผู้ช่วยทันทีที่ได้ยิน และมานั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าเธอ

“คุณเถา ผมอยู่นี่ครับ”

ผู้หญิงคนนี้เก่งกาจเป็นอย่างมาก ผ่านเรื่องราวมามากมาย แม้ว่าหลายเรื่องซ่งอี้ถึงขั้นทำอะไรไม่ถูก แต่เธอก็ยังคงใช้แขนอันแข็งแกร่งปัดสิ่งที่ไม่เป็นผลดีกับตัวเธอออกไปด้วยวิธีการอันยอดเยี่ยมด้วยความนิ่งสงบ

“เรื่องที่ฉันพูดวันนี้นายได้ยินหรือยัง”

ซ่งอี้ได้ยินคำพูดนี้จากเธอก็ขนหัวลุกขึ้นมาทันที

“คุณหมายถึงการร่วมงานของคุณกับเจียงเซ่อหรือครับ”

ภายใต้แผ่นมาส์กหน้า เธอยกมุมปากขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มอันคุมเครือ ไม่รู้ว่ากำลังเสียดสีหรือหมดความอดทน

มาส์กแผ่นนั้นบดบังความรู้สึกบนใบหน้าของเธอเอาไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะซ่งอี้จ้องเธออยู่ตลอดเวลาอาจจะไม่เห็นถึงปฏิกิริยาอันเล็กน้อยนี้ของเธอ

“แน่นอนว่าไม่ใช่”

เธอพิงอยู่บนเก้าอี้และพูดเบาๆ

“นายจะต้องเรียนรู้ที่จะตั้งใจฟัง ตั้งใจดูและตั้งใจเรียนรู้”

น้ำเสียงของเธอไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่กลับทำให้หน้าผากของซ่งอี้เหมือนกำลังจะมีเหงื่อซึมออกมา

เขาพยักหน้าและรับคำหลังจากสั่งสอนเสร็จ เถาเฉินก็พูดว่า

“คำพูดที่ฉันพูดออกไปและนายต้องได้ยินคือทิศทางการพัฒนาและเป้าหมายของเจียงเซ่อเหมือนกับฉันเป็นอย่างมากต่างหาก”

ที่ผ่านมา เธอเอาแต่สนใจเรื่องที่หลายปีมานี้เจียงเซ่อพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วและกำลังจะตามทันเธอ แต่กลับลืมไปว่าสำหรับเจียงเซ่อแล้วเธอยังมีวิธีจัดการที่ดีและใช้ได้ผลอีกหนึ่งวิธี

ซ่งอี้ฟังเธอที่ค่อยๆ พูดขึ้นว่า

“หลายปีมานี้ หลังจากเจียงเซ่อเข้าสู่วงการ นายคิดว่าทั้งสื่อและผู้ชมรู้สึกยังไงกับเธอบ้างล่ะ”

ซ่งอี้ได้ยินคำถามนี้แต่ไม่กล้าตอบ

หลายปีมานี้ชื่อเสียงของเจียงเซ่อเป็นไปในทางที่ดีมากจริง ไม่มีข่าวฉาว ข่าวในด้านลบก็เป็นศูนย์ นอกจากมีเรื่องเกาเหลากับนักแสดงหญิงที่ชื่อจูพ่านของซื่อจี้หยินเหอในหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ ตั้งแต่อยู่ในวงการมาก็แทบจะไม่มีข่าวเสียหายอะไร ถือว่าเป็นนักแสดงที่วางตัวดีมากคนหนึ่ง

อยู่ต่อหน้าเถาเฉินเขาไม่กล้าชื่นชมแบบนี้ จึงคิดทบทวนคู่หนึ่ง

“เธอเย่อหยิ่งและไม่เคารพคุณ...”

“ฉันไม่อยากฟังเรื่องพวกนี้”

เถาเฉินส่ายหน้า ดึงสำลีที่ปิดอยู่บนเปลือกตาออกและมองผู้ช่วยคนอื่นๆ

“พวกเธอคิดว่ายังไง”

สำหรับเหตุผลที่ไม่มีใครกล้าพูดถึงข้อดีของเจียงเซ่อ เถาเฉินหยุดคิดครู่หนึ่งก็กระจ่างในทันที และพูดพร้อมรอยยิ้ม

“ไม่ต้องกังวล ฉันรู้จักนิสัยของพวกเธอดี พูดออกมาเถอะ”

เธอยืนยันจะเอาคำตอบ ซ่งอี้ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร จึงคิดทบทวนครู่หนึ่ง ก่อนพูดตามความรู้สึกที่คิดว่านักข่าวและผู้ชมทุกคนมีต่อเจียงเซ่อออกไป

“ทำรายได้ดี รูปลักษณ์ภายนอกงดงาม มีความสามารถในด้านการแสดง เป็นเพื่อนของเชี่ยซ่าเหลย เป็นแบรนด์แอมบาสตอร์ของ leopard และ Federer ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ถูกเสนอเข้าชิงในสาขา ‘นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม’ ของเทศกาลหนังฝรั่งเศสถึงสองครั้งและได้รับรางวัล ‘นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม’ จากงานประกาศรางวัลไป๋ฮวา...”

เขาพูดหลายข้อติดต่อกัน เถาเฉินมองเขาด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี แต่ก็ไม่ได้สั่งให้เขาหยุด

ท้ายที่สุดซ่งอี้เองที่ไม่สามารถพูดต่อได้ เสียงค่อยๆ เบาลงจนหยุดไป เถาเฉินจึงมองเขาแวบหนึ่ง

“นี่คือความรู้สึกที่ทุกคนมีต่อเธอเหรอ”

เธอวางสำลีในมือลงบนเปลือกตาอีกครั้ง “แต่สำหรับฉัน เธอคือเถาเฉินน้อยต่างหากล่ะ”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ ซ่งอี้ก็อึ้งไปทันที ครู่ใหญ่จึงได้สติ

‘ฉายา’ บางอย่าง เมื่อได้มาแล้วจะต้องรับเอาไว้ทั้งชีวิต ตัดอย่างไรก็ตัดไม่ออก

...