webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

590

บทที่ 590 เหนือกว่า

            “คุณเถาครับ ทำยังไงดี”

ซ่งอี้จ้องตัวหนังสือที่อยู่บนหน้าจอด้วยแววตาร้อนรน

โฆษณาของ leopard มีจุดเด่นในตัวของมันอยู่แล้วและได้สร้างความประทับใจให้กับคนจำนวนไม่น้อยที่มาร่วมงานในวันนี้ พร้อมทั้งกลุ่มของคุณนายโจวที่มาถอยทัพอย่างกะทันหันอีก ทำให้ซ่งอี้ได้แต่เก็บความโกรธเอาไว้ในใจ ไม่สามารถระบายออกมาหรือกลืนเข้าไปได้เลย

ที่แน่ๆ คือตอนแรกทุกคนต่างเห็นว่าในงานเปิดตัวในครั้งนี้เถาเฉินจะต้องเหนือกว่า แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์ที่ทำให้เธอเหนือกว่านั้นกลับไม่ได้เกิดขึ้น ทำให้ซ่งอี้ยังไม่สามารถรับเรื่องนี้ได้ในทันที

“ในงานมีนักข่าวเยอะขนาดนี้” เขียนคนละประโยคสองประโยคก็เพียงพอที่จะทำให้เถาเฉินตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงการกุศลเพิ่งจะผ่านไปได้ไม่นาน วันนี้ก็มาเกิดเรื่องแบบนี้อีก คงจะยากที่จะปิดปากนักข่าวได้อีก

            “จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้”

ซ่งอี้พูดอยู่ข้างๆ เถาเฉินด้วยความตื่นตระหนก เถาเฉินเสยผมพร้อมรอยยิ้มและมองซ่งอี้แวบหนึ่ง

            “ร้อนใจอะไรกัน”

สถานการณ์ในตอนนี้ได้หลุดออกจาการควยคุมของเธอเมื่อตอนแรกไปแล้ว เธอเองก็คิดไม่ถึงว่ากลุ่มของคุณนายโจวจะพลาดในเวลาแบบนี้

ก่อนหน้านี้เธอก็เห็นว่าคุณนายโจวคุยกับคุณนายเผย ตอนที่คุณนายเผยโบกมือเรียกเจียงเซ่อนั้น ไม่ใช่เพียงแค่คนอื่นๆ ในศูนย์การแสดงเท่านั้นที่เห็น แต่เถาเฉินเองก็เห็นเหมือนกัน

แม้ว่าจะอยู่ไกลและเสียงพูดคุยของพวกเธอก็ไม่ดังมากได้ยินไม่ชัดว่าพวกเธอคุยอะไรกัน แต่ตอนที่ Piech พาคุณนายเผยเข้ามา เถาเฉินเองก็สังเกตเห็นแล้ว

คุณนายโจวกลับคำไม่จองรถที่เธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ คิดว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณนายเผย

ผลลัพธ์ที่ประมวลออกมาในตอนนี้ เถาเฉินเดาออกก่อนแล้ว

ก่อนหน้านี้เธอไม่รอบคอบและมั่นใจมากเกินไปว่าตัวเองจะเหนือกว่าเจียงเซ่อในงานเปิดตัวของ ELYSEES จึงไม่ได้ควบคุมทิศทางของข่าวจากสื่อต่างๆ และความคิดเห็นในโลกโซเชียล ตอนนี้เรื่องราวได้พัฒนาไปไกลเกินจากที่เธอคาดการณ์เอาไว้ ทำให้ซ่งอี้ทำอะไรไม่ถูก

ถ้าปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ วันนี้เรื่องตลกนี้ก็มีโอกาสที่จะลุกลามไปใหญ่โต

นอกเสียจากว่าจะมีเรื่องที่สามารถเบนความสนใจของผู้ชมได้ ทำให้ทุกคนไปสนใจเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องที่ ‘ยอดขายของ leopard เหนือกว่ารถของ ELYSEES ที่เธอเป็นแบนรด์แอมบาสเดอร์’ ก็เพียงพอแล้ว

            เรื่องนี้ต้องขอบคุณเซี่ยเชาฉวิน

            เธอเคยพูดไว้ว่า เมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าจะผิดหวังก็ดี ร้อนใจก็ช่าง ล้วนไม่มีประโยชน์

            เมื่อเปรียบกับการมานั่งผิดหวังและอธิบาย ควรจะใช้ข่าวนี้มากลบเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผ่านไปได้จะดีกว่า

เปลี่ยนประเด็นของเรื่อง ทำให้เรื่องที่จะสร้างความเสียหายต่อเรา กลายเป็นเรื่องที่เบาลง ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ ที่เซี่ยเชาฉวินใช้ในตอนนั้น

เถาเฉินถอนหายใจเบาๆ เรื่องแบบนี้ก่อนหน้านี้ล้วนมีเซี่ยเชาฉวินที่จัดการแทนเธอมาโดยตลอด ไม่จำเป็นให้เธอต้องมานั่งปวดหัวเองด้วยซ้ำ ถ้าในตอนนั้นเซี่ยเชาฉวินไม่ได้ไปจากตัวเอง วันนี้ตัวเองก็คงจะไม่ต้องถูกกระทำเช่นนี้ใช่หรือไม่

เธอมองซ่งอี้ที่เหงื่ออาบหน้าผากแวบหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยเชาฉวินที่อยู่ในบริเวณที่ไกลออกไป เธอเอามือกอดอก ยืนอยู่ตรงมุมของงาน พยายามไม่ไปอยู่ที่ๆ มีแสงไฟและเด่นเกินไป รวมทั้งไม่ปรากฏในกล้องของงาน เงียบและสงบเสงี่ยมทำงานอยู่เบื้องหลังไม่อยากเด่น

ตอนที่สายตาของเถาเฉินเคลื่อนไป เธอก็สัมผัสได้ในทันที

สถานการณ์ของทั้งสองในตอนนี้ถือว่าน่าอึดอัด ทั้งสองเคยร่วมงานกัน แต่ความสัมพันธ์กลับไม่ได้สนิทสนมกัน

อยู่ด้วยกันมานานหลายปี ตอนที่เซี่ยเชาฉวินจากไป เถาเฉินคิดไม่ออกเลยว่า นอกจากเรื่องงานแล้วทั้งสองเคยคุยเรื่องอื่นกันหรือไม่

            เพราะฉะนั้น พอมาเจอกันหลังจากเรื่องนั้นก็ไม่มีอะไรให้คุยกันอีก

            เธอเลือกที่จะสนับสนุนเจียงเซ่อที่ในตอนนี้เป็นคู่แข่งอันดับหนึ่งของตัวเอง

เถาเฉินคิดถึงตรงนี้ก็เผยรอยยิ้ม คำพูดนี้ของเธอฟังดูเสียดสี คิดว่าเมื่อเซี่ยเชาฉวินเห็นเธอแล้วก็จะหันหน้าหนีทันที

คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่เซี่ยเชาฉวินเห็นเธอยิ้ม กลับพยักหน้าและเผยรอยยิ้มให้เธออย่างมีมารยาท ก่อนจะหันหน้าหนี

วินาทีนั้นเองรอยยิ้มของเถาเฉินก็ไม่เหลือสภาพไปในทันที ท่าทางของเซี่ยเชาฉวินดูผ่อนคลายเรียบเฉย เห็นได้ชัดว่ามีเพียงเธอคนเดียวที่ยังคงจมอยู่ในอดีตและยังคงจำมันได้ดีจนถึงวันนี้

ในใจเธอมีความปวดที่ไม่สามารถอธิบายได้ ยิ่งรู้สึกไม่ดี หลังของเถาเฉินก็ยิ่งยืดตรง ซ่งอี้มองไปทางคุณนายโจวด้วยความกระวนกระวายจนส้นเท้าไม่ติดพื้น แสดงให้เห็นถึงความกังวลในใจของเขา

            “คุณเถาครับ...”

            เขาเรียกอีกครั้ง “ให้ผมส่งข้อความหาคุณนายโจว เพื่อถามให้รู้เรื่องเถอะครับ”

            “ไม่ต้องแล้ว” เธอส่ายหน้า จนถึงตอนนี้ คงจะพึ่งคุณนายโจวไม่ได้แล้ว คนฉลาดล้วนดูออก

            คุณนายเผยเป็นใครกันและมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเจียงเซ่อ เถาเฉินไม่อยากจะถามและไม่อยากรู้

“แต่ว่าก่อนหน้านี้ปล่อยข่าวไวเกินไปหน่อย”

ซ่งอี้ได้ยินคำพูดนี้ของเธอ ทั้งทำอะไรไม่ถูกและรู้สึกแย่

ก่อนหน้านี้คุณนายโจวประกาศลั่นว่าจะซื้อรถรุ่นที่เถาเฉินเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในงานเปิดตัวของ leopard เพื่อกด leopard ที่เจียงเซ่อเป็นแบรนด์แอนบาสเดอร์ลง

ตอนนั้นข่าวนี้ถูกพูดถึงอย่างดุเดือด อยู่ในสายตาของผู้ชมทุกคน ตอนนี้เรื่องทั้งหมดกลายเป็นแบบนี้ ไม่เพียงแค่คุณนายโจวเท่านั้นที่ขายหน้า เถาเฉินเองก็คงไม่ต่างกัน

แต่เมื่อเทียบกันแล้ว เถาเฉินเสียเปรียบมากกว่า ขอแค่คุณนายโจวเก็บตัวเงียบไปสักระยะ เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งเธอยังคงเป็นนายหญิงของอสังหาริมทรัพย์จิ่งไท่ ยังคงเป็นคุณนายที่มีฐานะ

แต่ว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อเถาเฉินเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะเกลี้ยกล่อมนักข่าวได้ แต่งานเปิดตัวของ ELYSEES ในวันนี้มีการถ่ายทอดสด ชาวเน็ตไม่ได้ตาบอด เรื่องราวมากมาย พวกเขาล้วนเห็นและกำลังวิพากษ์วิจารณ์

“ก็แค่จะกดเจียงเซ่อไม่ใช่เหรอ”

เถาเฉินหรี่ตาและถอนหายใจ 

            “ฉันพอจะมีแผนแล้วล่ะ”

ซ่งอี้อึ้งไป ขณะที่เถาเฉินเงียบลงไปแล้ว

            หลังจากพวกของเนี่ยต้านนำทีมจอง ก็เริ่มมีคนเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง

แม้กลุ่มของคุณนายโจวจะยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด แต่ก็มีคนจำนวนมากที่พุ่งเข้าหารถของแบรนด์ ELYSEES เพราะฉะนั้นหลังจากนี้รถรุ่นอื่น ๆ ของ ELYSEES ก็ยังคงจะทำผลงานได้โดดเด่นหลังกิจกรรมการชาย 

แต่เพราะวันนี้ ELYSEES ต้องการจะผลักดันรถรุ่น leopard เพราะฉะนั้นคนที่ถามถึงรายละเอียดของรถรุ่นนี้ก็ยังคงมีจำนวนมากอยู่ดี

ที่คุณนายเผยและคุณย่าเผยมาในวันนี้ ความจริงก็เพื่อเจียงเซ่อทั้งนั้น หลังจากเขี่ยคุณนายโจวออกไปได้แล้วก็ทำตามความคิดของคุณปู่เผย เรื่องของเด็กๆ ยังคงให้เด็กๆ จัดการด้วยตัวเอง ผู้ใหญ่ไม่ควรเข้าไปยุ่งมากจนเกินไป

เพราะฉะนั้นหลังจาก Piech พูดจบ ในงานก็เข้าสู่ช่วงกิจกรรมตามอัธยาศัย คุณย่าเผยไม่ชอบบรรยากาศที่วุ่นวายรวมทั้งมีเฝิงจงเหลียงอีกคนที่ขาไม่สะดวกมากนัก เพื่อความปลอดภัย หลังจากคุณนายเผยคุยกับเจียงเซ่อเสร็จแล้วก็กลับไปพร้อมกับเฝิงจงเหลียงโดยมี Piech ไปส่ง

พวกเขาออกไปอย่างรวดเร็วและมีคนคุ้มกันเยอะมาก ขณะนี้ในงานยังมีคนถามถึงฐานะของทั้งสอง แต่กลับไม่มีใครได้คำตอบเลย

ในระหว่างนั้นมีคนอยากจะสืบจากปากของ Piech แต่ Piech ก็ไม่ยอมพูดอะไร โดยบอกเพียงว่าแขกผู้มีเกียรติเหล่านั้นมาเพื่อดูรถ

กลุ่มของคุณนายเวิงเองก็อยากสืบเรื่องเกี่ยวกับเจียงเซ่อ แต่คุณนายโจวที่ต้องอับอายขนาดนั้น ในใจทั้งกังวลและผิดหวัง จะยอมบอกพวกเธอเสียที่ไหนกันล่ะ

ตอนที่กลุ่มของคุณนายเผยกลับไป คุณนายโจวแอบถอนหายใจ จนถึงตอนนี้ไม่ว่าจะโง่แค่ไหนก็คงต้องดูออกว่าที่คุณนายเผยมานี้ น่าจะไม่ใช่เพราะจะมาผลักดันเจียงเซ่อ แต่มาด้วยเหตุผลง่ายๆ เพราะผู้น้อยโดนรังแกจนเกินไป ดังนั้นจึงต้องมีผู้ใหญ่ออกมาจัดการก็เท่านั้น

ครอบครัวอย่างพวกเขา ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ออกมาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน

ในเมื่อคุณนายเผยไม่อยากพูด แน่นอนว่าคุณนายโจวก็ยิ่งไม่สามารถพูดได้

เมื่อไม่ได้คำตอบ ไม่นานสายตาของทุกคนก็ถูกสถานการณ์การขายของ leopard ดึงดูดความสนใจไป

ในงาน เนี่ยต้านถือโทรศัพท์ขึ้นถ่าย leopard คันสีดำที่จอดอยู่ตรงกลาง รถได้ถูกกั้นเอาไว้แล้ว คนจำนวนมากต่างเข้ามาดูรถคันนี้ ทีมงานของ ELYSEES ยืนอยู่ข้างที่กั้น อธิบายรายละเอียดของรถคันนี้กับแขกผู้มีเกียรติที่เข้ามาถ่ายรูป

            มีคนเอ่ยถามขึ้นมาว่า

“รถสปอร์ต leopard คันนี้ เป็นรถที่คุณเจียงใช้ในการถ่ายโฆษณาใช่หรือเปล่าคะ”

ทีมงานของ ELYSEES พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม

“รถสปอร์ตคันนี้เป็นคันที่คุณเจียงใช้ถ่ายโฆษณาจริงครับ หลังจากถ่ายโฆษณาเสร็จ ทางส่วนกลางก็ได้ขนย้ายมาจากอิตาลี”

ทันทีที่สิ้นเสียงของทีมงาน คนจำนวนมากก็เกิดความสนใจขึ้นมา ความว่องไวของรถคันนี้ในโฆษณายังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของทุกคน ช่วงที่เป็นภาพขาวดำที่เจียงเซ่อขับมันนั้น รถ leopard สีดำคันนี้ไม่ได้สูญเสียแสงประกายที่ควรมีเพราะสีที่อยู่รอบๆ เลยสักนิด แต่กลับยิ่งโดดเด่น

“ELYSEES จะขายรถคันนี้ไหม”

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในที่สุดก็มีคนทนไม่ไหวจึงถามออกมา

อีกหลายเดือนกว่า Leopard ที่ ELYSEES เปิดตัวจะเปิดขายอย่างเป็นทางการ แม้จะจองตอนนี้ แต่ได้รับจริงๆ เร็วที่สุดก็คงหลังจากนี้อีกครึ่งปี

แต่ถ้าซื้อ leopard รุ่นที่ใช้ในโฆษณานั่นย่อมต่างออกไป ถ้าหากทาง ELYSEES ยอม ตั้งโชว์อีกไม่นาน ก็จะสามารถเอาไปใช้ได้ก่อน

สำหรับแขกผู้มีเกียรติจำนวนหนึ่งที่มาร่วมงานในวันนี้ เรื่องซื้อ leopard ไหวรึเปล่านั้นไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าได้ขับ leopard ก่อนใคร ก็ถือเป็นการยืนยันฐานะแล้ว

อีกอย่าง leopard คันนี้ก็ยังเป็นคันที่เจียงเซ่อเคยขับ สำหรับคนจำนวนมากแล้ว มันมีความหมายต่างกัน นอกจากจะสามารถขับได้แล้ว ยังมีคุณค่าที่ควรค่าแก่การเก็บสะสม

ด้วยพัฒนาการของเจียงเซ่อในตอนนี้ ในอนาคตการที่จะก้าวไปสู่ระดับของเถาเฉินเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นในสักวัน

เถาเฉินสามารถมี ‘กลุ่มคุณนาย’ ที่เป็นแฟนคลับของเธอได้ ก็ไม่แน่ว่าในอนาคตเจียงเซ่อจะมีแฟนคลับประเภทนี้เหมือนกัน ตอนนั้นถ้าอยากจะเอาออกมาขาย เพียงแค่ประเด็นเรื่อง ‘เจียงเซ่อใช้ในการถ่ายทำโฆษณา’ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้มูลค่าของรถคันนี้พุ่งขึ้นสูงแล้ว

            เมื่อที่มีคนถามถึงเรื่องนี้ จากนั้นก็มีหลายคนถามขึ้นอีกทันที

ความจริงในใจของทุกคนต่างรู้ดีว่า ELYSEES ไม่มีทางขายรถคันนี้ คงจะเก็บไว้ใช้โชว์ในงานโฆษณา แต่ก็ยังคงมีคนไม่ตายใจจึงถาม ไม่คิดว่าทีมงานของ ELYSEES กลับตอบว่า

“ต้องขอโทษทุกท่านจริงๆ ครับ รถ leopard คันนี้มีคนจองไปแล้ว แต่รถรุ่นที่เราเปิดตัวในครั้งนี้ยังมีอีกหลายแบบหลายสี ท่านสามารถเลือกสีที่ชอบและสั่งจองเอาไว้ได้ ถ้ารถเปิดขายอย่างเป็นทางการ ท่านจะได้รับเป็นคนแรก...”

“……”

หลังจากคนจำนวนมากได้ยินว่ารถ leopard คันนี้ได้ถูกจองไปแล้ว ใบหน้าก็ต่างเต็มไปด้วยความผิดหวัง และเรื่องที่แทรกเข้ามานี้ ทำให้คำถามจำนวนมากในตอนหลังถูกกลบไป

งานเปิดตัวของ ELYSEES ในครั้งนี้ดำเนินไปจนถึงบ่ายสอง นอกจากพวกของเนี่ยต้านที่จองรถ leopard หลายคันแล้ว ก่อนกลับเฝิงจงเหลียงเองก็จัดการเขียนใบจองเอาไว้เหมือนกัน ในอีกด้านหนึ่ง แม้จะไม่มีคุณนายโจวและ ‘กลุ่มคุณนาย’ ค่อยสนับสนุน แต่ยอดขายของรถรุ่นอื่นๆ ของ ELYSEES ก็ยังคงเป็นไปในทางที่ดี

เพราะราคาของ leopard ทำให้ผู้ที่ถามถึงรถรุ่นนี้มีมากกว่าคนที่สั่งซื้อจริงๆ อยู่มาก

ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าไม่นับยอดจองที่ได้มาเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวของเจียงเซ่อแล้ว คนที่พุ่งเข้ามาจองรถเพราะประทับใจในโฆษณาก็มีเพียงแค่สองคนเท่านั้น นี่ต่างหากที่ถือเป็นยอดขายที่แท้จริงของ leopard ในวันเปิดตัว

แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ แต่ก็ทำให้คนของ ELYSEES ดีใจมากแล้ว อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเรื่องนี้ ก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับรถสปอร์ตรุ่น leopard เป็นอย่างมาก ตอนนี้เพียงแค่จองอีกตั้งนานกว่าจะเปิดขายอย่างเป็นทางการ หลังจากนี้ถ้าชื่อเสียง leopard โด่งดังก็แน่นอนว่าจะต้องมีช่องทางการขายอีกมากมาย

การที่ Piech กล้าใช้เจียงเซ่อเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ตอนนี้เหมือนว่าจะเป็นความคิดที่ถูกต้องเรื่องราวไม่ได้พัฒนาไปในทางที่แย่เหมือนที่ Piech คิดไว้ในตอนแรก เพราะการที่คุณนายเผยปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี

หลังจากจบเรื่องนี้คนที่ได้รับความเสียหายคงจะเป็น ‘กลุ่มคุณนาย’ และชื่อเสียงของเถาเฉิน แต่สำหรับ ELYSEES ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลยสักนิด

แต่การที่คุณนายโจวถูกหัวเราะเยาะก็เป็นเพราะก่อนหน้านี้ตนเองเย่อหยิ่งมากเกินไป สำหรับเถาเฉินก็คงจะต้องโทษแฟนคลับที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่จนเกินไปตั้งแต่ตอนแรก

            คุณนายโจวได้อ้างว่าไม่สบายและขอตัวกลับไปตั้งนานแล้ว

ภายในงาน เถาเฉินและเจียงเซ่อกำลังเตรียมจะกลับ นักข่าวจ้องทั้งสองคนเอาไว้นานแล้ว ข่าวซุบซิบดั่งเช่นงานในวันนี้ แน่นอนว่านักข่าวจะพลาดไม่ได้

            ในขณะที่เถาเฉินและเจียงเซ่อเตรียมจะกลับก็ถูกนักข่าวล้อมเอาไว้

            “คุณเถา คุณถ่ายรูปร่วมกับคุณเจียงหน่อยได้ไหมคะ”

มีนักข่าวเสนอ เถาเฉินคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจึงพยักหน้าอย่างไม่เร่งรีบ

            “แน่นอนค่ะ”

อยู่ๆ เธอก็ยื่นมือออกไปโอบเจียงเซ่อเอาไว้ ควบคุมสถานการณ์อย่างหลักแหลม

‘แชะแชะแชะ’ ท่ามกลางเสียงชัตเตอร์ ในที่สุดคำถามจากนักข่าวก็ดังเข้ามา

            “คุณเถา ไม่ทราบว่าคุณได้ยินข่าวในโลกโซเชียลในช่วงนี้บ้างหรือเปล่าคะ”

ตอนนี้ในศูนย์การแสดงยังคงถ่ายทอดสดอยู่ ชาวเน็ตจำนวนมากเห็นภาพที่เถาเฉินและเจียงเซ่อร่วมเฟรมกันพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็ได้ยินคำถามจากนักข่าว

            “ข่าวในโลกโซเชียลเหรอคะ”

            ใบหน้าของเถาเฉินเผยความแปลกใจ

            “ฉันงานยุ่งตลอด เลยไม่ค่อยได้ติดตามข่าวในโลกโซเชียลน่ะค่ะ”

            “ข่าวเรื่องการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ELYSEES ร่วมกันของคุณและคุณเจียง ที่ชาวเน็ตในโลกโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือดน่ะค่ะ”

            “มีคนบอกว่าคุณเจียงและคุณเถามีความขัดแย้งกัน แถมยังแอบแย่งงานแบรนด์แอมบาสเดอร์กันลับหลัง คุณรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้บ้างคะ”

            “ใช้คำว่าแย่งกันก็คงไม่ถูกนะคะ” เจียงเซ่อเอามือจับไมโครโฟนเอาไว้และพูดพร้อมรอยยิ้ม

            “ถ้ามีคนคิดว่าฉัน ‘แย่ง’ งานแบรนด์แอมบาสเดอร์ของคุณเถามา งั้นคุณเถา ‘แย่ง’ งานอะไรของฉันล่ะค่ะ”

            เธอพูดแบบนี้ แม้กระทั่งเถาเฉินที่อยู่ข้างๆ ก็กัดฟันแน่นและรีบพูดว่า

“ไม่จริงค่ะ!” เธออธิบาย คำพูดของเจียงเซ่อเท่ากับทำให้เธอกลายเป็นคนร้ายแทน ถ้าเธอไม่ออกมาปฏิเสธก็จะเป็นการยอมรับว่าเธอ ‘แย่ง’ งานของเจียงเซ่อ และจะทำให้นักข่าวยิ่งพูดถึงเรื่อง ‘แย่งงานกัน’ มากกว่าเดิม

หลังจากเถาเฉินปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ในใจก็แอบยิ้มเย็นไม่หยุด เจียงเซ่อฉลาดมากจริงๆ และยังฉลาดพูดอีกด้วย จริงๆ แล้วในตอนแรกเธอก็ไม่ได้จะเล่นประเด็นเกี่ยวกับการ ‘แย่งงานแบรนด์บาสเดอร์’ นี้ต่ออยู่แล้ว

หลังจากที่ทาง ELYSEES แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่อยากให้เรื่องการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์นี้กลายเป็นประเด็นที่ทำให้ทั้งสองบาดหมางกัน เถาเฉินก็เตรียมพร้อมที่จะเปลี่ยนทิศทาง การทำให้คนของทาง ELYSEES โกรธในตอนนี้ไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดนัก เธอคล้องแขนของเจียงเซ่อเอาไว้

“หวังว่าทุกคนจะไม่เชื่อข่าวลือที่ไม่เป็นความจริง ฉันกับเจียงเซ่อรักกันเหมือนพี่น้อง ไม่เพียงแค่มีผู้จัดการคนเดียวกันและตอนนี้ก็ยังเซ็นสัญญากับซื่อจี้หยินเหอเหมือนกันอีก สำหรับฉันแล้ว เธอเป็นเหมือน ‘รุ่นน้อง’ ของฉัน ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนดีมากค่ะ”

ข้างล่างเวที โม่อานฉีที่ได้ยินคำพูดนี้กัดฟันแน่น

            เจียงเซ่อพยักหน้า

            “ใช่ค่ะ ฉันให้โน้ตเปียโนกับคุณเถาและเธอยังอุตส่าห์ซื้อเปียโนของ Steinway ให้ฉันอีก”

‘พรืด’ เฉินซั่นกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ เซี่ยเชาฉวินเองก็เม้มปาก

รอยยิ้มบนใบหน้าของเถาเฉินหายไปเล็กน้อย ในกล้องทั้งสองคล้องแขนและพิงเข้าหากันอย่างใกล้ชิด ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เห็นถ่ายทอดสดต่างก็แสดงความคิดเห็น

รอยยิ้มของเทพเจ้า ‘ไม่จริงหรอกมั้ง’

พี่สาวมีกล้ามท้อง ‘ไม่จริง!’

            ฝนตกแล้ว  ‘ดูก็รู้ว่าไม่จริง...’

            ฉันยอมเธอแล้วจริงๆ ‘เป็นไปไม่ได้...’

……

เถาเถายื่นไมโครโฟนเข้าไป

“ในเมื่อคุณคิดว่าสำหรับเรื่องความขัดแย้งระหว่างคุณและคุณเจียงเป็นเพียงข่าวลือ ทำไมคุณถึงไม่ออกมาอธิบาย แต่เลือกที่จะมาพูดเอาตอนนี้ล่ะค่ะ”

คำถามนี้ของเธอเฉียบคมมากและมีเจตนาช่วยเจียงเซ่อ เถาเฉินมองเธอแวบหนึ่งและจำชื่อบนป้ายของเธอเอาไว้ ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ครู่ใหญ่จึงรับไมโครโฟนของสำนักข่าวหลงสิงมาและพูดพร้อมรอยยิ้ม

“เพราะฉันเชื่อว่าข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริงคนฉลาดก็ย่อมไม่เล่าลือกันต่อ แต่คิดไม่ถึงว่าพอฉันไม่ออกมาพูดกลับทำให้ทุกคนเข้าใจผิดไปกันใหญ่ อีกอย่างระหว่างฉันกับคุณเจียงอีกไม่นานจะได้ร่วมงานกัน ถ้าความสัมพันธ์ไม่ดีจะมาแสดงหนังเรื่องเดียวกันได้ยังไงล่ะคะ”

‘ซี้ด’ ทันทีที่สิ้นเสียงของเถาเฉินเหล่านักข่าวต่างก็สูดลมหายใจเข้าลึกกับข่าวใหญ่ที่เธอปล่อยออกมาด้วยตัวเอง เรื่องนี้ทำให้ทุกคนทำอะไรไม่ถูก แม้กระทั่งคนที่เตรียมจะพูดในตอนแรกก็ถึงกับลืมไปแล้วว่าจะพูดว่าอะไร!