webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

578

บทที่ 578 พยุงเขา...

ท่ามกลางข่าว ‘พี่น้องปรองดอง’ อัน ล้นหลาม หัวข่าวที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของหัวเซี่ยจือ ซวิ่นก็มีชาวเน็ตมากมายเข้ามาอ่านภายในเวลาอันสั้น

ในข่าวได้พูดถึงเรื่องที่เจียงเซ่อคุยกับผู้จัดการในหัวเซี่ยของ ELYSEES แสดงว่านักข่าวที่เขียนข่าวนี้ต้องอยู่ในงานเลี้ยงการกุศลเมื่อคืนนี้

ฐานะในตอนนี้ของเจียงเซ่อ ในงานเลี้ยงเมื่อคืนก็เป็นธรรมดาที่ถูกจับตามอง คนอาจจะรู้สึกสงสัยตอนที่เกาเจาหยางเข้ามาทักทายแต่ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ทั้งสองฝ่ายอาจจะเตรียมจะมาทักทายกันในงานนี้อยู่แล้ว ก็ถือว่าเป็นการหยั่งเชิงประชาชนในหัวเซี่ยของบริษัท ELYSEES เพื่อหาแนวทางการตลาด

แต่ว่า สามารถจับประเด็นเรื่องที่เจียงเซ่อกับ ELYSEES จะร่วมงานกันได้อย่างว่องไว กล้าลงข่าวนี้ในสถานการณ์ที่ไม่มีหลักฐานในตอนที่นักข่าวในประเทศต่างก็ติดตามข่าวการ ‘แย่งประมูล’ ของเจียงเซ่อกับเถาเฉิน ก็ต้องถือว่านักข่าวของหัวเซี่ยจือซวิ่นคว้าโอกาสไว้ได้อยู่มือจริงๆ

ใช้เรื่องเล็กๆ แบบนี้ มาสร้างประเด็นการขัดแย้งระหว่างเจียงเซ่อกับเถาเฉินและดึงดูดสายตาจากประชาชนขึ้นมาอย่างง่ายดาย

เธอดูชื่อผู้รายงานข่าว ข้างล่างชื่อเขียนว่า : จางหลาน อวี๋จือหลินรายงาน

ชื่อจางหลานนี้เธอไม่รู้จักเลย แต่อวี๋จือหลินเจียงเซ่อเหมือนเคยได้ยินมาก่อน เธอทานอาหารเช้าเสร็จ หลังจากแปรงฟันเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาเตรียมดูปฏิกิริยาของประชาชนเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกรอบ จึงพบว่า ไม่เพียงแค่ข่าวที่มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างล้นหลาม แม้กระทั่งเพจของเธอก็ถูกชาวเน็ตเข้ามารุกรานด้วย

ใบหน้าของเหล่าผู้ช่วยต่างเต็มไปด้วยความโกรธ เห็นได้ชัดว่ามีความคิดเห็นจำนวนมากที่ไม่ได้ดั่งใจ

“เธออย่าอ่านเลย ให้พวกเราจัดการเถอะ” แสดงว่าในความคิดเห็นต้องมีคำพูดที่รุนแรง โม่อานฉีจึงกลัวว่าจะกระทบต่อจิตใจของเธอ

แต่ว่า เจียงเซ่อกลับอยากรู้ว่าของชาวเน็ตในประเทศคิดยังไงกับการที่เธอจะร่วมงานกับ ELYSEES และเธอก็ไม่ได้อ่อนแออย่างที่โม่อานฉีคิด

สถานการณ์ความคิดเห็นดีกว่าที่เจียงเซ่อคิดอยู่มาก ประเด็นที่พูดถึงมากที่สุดก็เพียงแค่แบ่งออกเป็นสามกลุ่ม

กลุ่มแรกคือกลุ่มแฟนคลับของเจียงเซ่อ โดยมีชาวเน็ตที่ถูกเธอดึงดูดตั้งแต่หนังเรื่องแรก ‘99 Love Letter’ และประทับใจผลงานบางส่วนของเธอหลังจากนั้นจนกลายเป็นแฟนคลับ สำหรับเรื่องที่เจียงเซ่อจะได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของรถ ELYSEE พวกเขาล้วนคิดว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก

แฟนคลับกลุ่มนี้ล้วนทุ่มเทความพยายามเพื่อความสำเร็จของไอดอลจากใจจริง ต่างแสดงความยินดีและให้กำลังใจเธอผ่านแฟนเพจ

อีกกลุ่มคือประชาชนที่สงสัยเรื่องที่เจียงเซ่อจะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ELYSEE ซึ่งแบรนด์ ELYSEES เข้าสู่หัวเซี่ยมาสิบปี และมีเถาเฉินคนเดียวที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์มาโดยตลอด แม้ว่าหลายปีมานี้ ชื่อเสียงของเจียงเซ่อจะมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างนั้นยังได้รับเกียรติเป็นตัวแทนแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Federer ในหัวเซี่ยอีกด้วย แต่ว่า สำหรับประชาชนจำนวนมากในหัวเซี่ยแล้ว ภาพลักษณ์ของเถาเฉินมั่นคงกว่า การจะเข้ามาแทนที่เธอไม่ใช่เรื่องง่าย จึงคิดว่านี่เป็นเพียงข่าวเท็จและต้องการหลักฐานมายืนยันทั้งยังต้องหาเบาะแสเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ได้

และอีกกลุ่มคือแฟนคลับของเถาเฉิน ปฏิกิริยาของพวกเขารุนแรง คิดว่าเจียงเซ่อ ‘ทะเยอทะยาน’ ไม่เคารพและยังแย่งงานรุ่นพี่ ตอนนี้ยังแย่งงานแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเถาเฉิน พูดได้เลยว่า ‘ร้ายกาจมาก’

ฮีโร่ตัวน้อย ‘ยินดีกับเซ่อเซ่อที่หลังจากได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Federer มานานก็ได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ELYSEES ทำดีมาก!’

Mandy ‘ถ้าเซ่อเซ่อได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ELYSEES จริง ถือว่าเก่งมาก’

คุณนายหยาง ‘หัวเซี่ยจือซวิ่นเพียงแค่พูดออกมาเท่านั้น ยังไม่มีหลักฐาน แต่ว่า ถ้าหากเป็นเรื่องจริงจะดีมาก ! ตั้งแต่เจียงเซ่อเข้าวงการมา แบรนด์แอมบาสเดอร์เพียงไม่กี่อันที่รับก็ล้วนมีเอกลักษณ์ ไม่ต้องพูดถึงแบรนด์แรก Adeele และโฆษณาของไข่มุกกังหัวล้วนทำให้ฉันประทับใจเป็นอย่างมาก ภาพถ่ายข่าวดำพวกนั้น จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังลืมไม่ลง เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือไปหลายเรื่อง แต่รูปหน้าจอก็ยังคงเป็นรูปเดิม ตอนเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Federer ก็งดงามมาก โฆษณาหรูหราแต่ดูแพง รอคอยวินาทีที่จะเห็นรูปภาพของ ELYSEES เป็นอย่างมาก’

คนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของเจ้าของ ID ‘คุณนายหยาง’ ในทางกลับกัน ในกล่องความคิดเห็นก็มีข้อความอื่นที่ตรงกันข้าม

เสิ่งหลุน ‘ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมาแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ELYSEES คือเถาเฉินมาโดยตลอด ตอนนี้มาเปลี่ยนกะทันหัน เรื่องนี้เป็นความจริงหรือเปล่า เจียงเซ่อต้องออกมาชี้แจง’

เสียงเพลงในทุ่งหญ้า ‘ถ้าเรื่องที่ ELYSEES เปลี่ยนแบรนด์แอมบาสเดอร์เป็นความจริง นั่นหมายความว่า ELYSEES มีการเปลี่ยนแปลงใช่หรือเปล่า จะกระทบต่อภาพลักษณ์และคุณภาพของรถหรือเปล่า’

ค่ำคืนอันเงียบสงบ ‘แค่ข่าวจากนักข่าวของหัวเซี่ยจือซวิ่น เรื่องนี้เป็นความจริงหรือเปล่าก็ยังพูดยาก อาจจะเป็นเพราะทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันสร้างกระแสก็เท่านั้น ทุกคนแยก...’

หลังจากนั้นก็เป็นความคิดเห็นของแฟนคลับของเถาเฉิน แฟนคลับบางส่วนแสดงความคิดเห็นด้วยความโกรธเคืองเป็นอย่างมาก ถ้าสินค้าที่เถาเฉินเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อยู่ถูกเจียงเซ่อเข้ามาแทนที่ ถ้าเช่นนั้น ในอนาคตจะไม่ซื้อรถของ ELYSEES อีก

เถาเฉินเข้าวงการมานาน หลังจากเถาเฉินเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ELYSEES ยอดขายก็คงที่มาโดยตลอด เธอยังมีแฟนคลับที่ร่ำรวย ที่กล้าพูดเพราะมั่นใจในระดับหนึ่ง

เจียงเซ่ออ่านอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวางไอแพดลง

อย่างที่โม่อานฉีพูด ตอนนี้ทั้งเพจและศูนย์บริการลูกค้าของ ELYSEES ตอนนี้ล้วนโดนพุ่งเป้า ทุกคนล้วนถามเรื่องแบรนด์แอมบาสเดอร์ ข่าวของหัวเซี่ยจือซวิ่นเพียงข่าวเดียวก็สามารถสร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก

ทางเถาเฉินกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไร คำต่อว่าทั้งหมดล้วนพุ่งเข้าหาเจียงเซ่อ

การเปลี่ยนแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ELYSEES ในครั้งนี้กระทบต่อความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ ความคิดเห็นที่ว่าจะ ‘หยุดซื้อ’ เกิดขึ้นมากมาย ทันทีที่เซี่ยเชาฉวินเสร็จจากการประชุมที่บริษัทก็เข้ามาหาทันที

“บทลงโทษจากทางบริษัทออกมาแล้ว”

การลงโทษโดยพื้นฐาน เจียงเซ่อพอจะเดาออกบ้างแล้ว เมื่อคืนลัวหยิ่นแจ้งเซี่ยเชาฉวินล่วงหน้าแล้ว วันนี้เพียงแค่ชี้แจงให้ละเอียดเท่านั้น

“หลังจากถ่ายหนังเรื่อง ‘เซียนหยวน’ เสร็จ รายละเอียดงานของเธอมีเพียงถ่ายโฆษณาของ ELYSEES” พอถ่ายโฆษณาเสร็จ เจียงเซ่อจะต้อง ‘พัก’ สักระยะ “ช่วงเวลาประมาณครึ่งปี หลังจากเถาเฉินถ่ายหนังเรื่อง ‘The Lost City 3’ จบ เธอก็ต้องกลับมาทำงาน”

ระหว่างนั้นไม่มีงาน หมายความว่าจะไม่มีรายได้ด้วย แต่เจียงเซ่อไม่กลัว

เธอยักไหล่ หลายปีมานี้เธอมีรายได้ไม่สูงมากนัก แต่เงินที่หามาได้ก็เพียงพอต่อการใช้จ่ายของเธอแล้ว ตอนนี้เธอยังไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ รวมทั้งหลังจากต่อสัญญากับซื่อจี้หยินเหอ ก็จะได้รับเงินปันผลจากหุ้นทุกๆ ปี เธอไม่กลัวเลยที่จะถูกพักงานครึ่งปี

เซี่ยเชาฉวินมองเธอแวบหนึ่ง

“ฉันคำนวณแล้ว ในครึ่งปีนี้เธอเตรียมตัวให้ดี ทบทวนบทเรียนและสอบปริญญาโท”

เจียงเซ่อแปลกใจที่ได้ยินคำพูดแบบนี้จากเธอ เซี่ยเชาฉวินกลับก้มลงอ่านเอกสารในมือ

“เธอจะเป็นสะใภ้ตระกูลเผย นอกจากการแสดงก็ควรจะเรียนอย่างอื่นไว้บ้าง”

ฐานะอย่างตระกูลเผย ไม่จำเป็นต้องให้เจียงเซ่อมีความรู้เฉพาะทางมากมายขนาดนั้น แต่เป็นถึงสะใภ้ก็ต้องดีในระดับหนึ่ง

ยิ่งเธอรู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีกับตัวเธอเท่านั้น ครึ่งปีที่ได้พักพอดีกับการที่เจียงเซ่อจะได้ไปเตรียมตัว เซี่ยเชาฉวินหันหน้าหนี

“ฉันคำนวณเวลาแล้ว แม้จะพักงานไปครึ่งปี แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อเธอมากนัก หลังจากเปิดตัวโฆษณาของ ELYSEES จะเกิดประเด็นมากมายเกี่ยวกับเธอและ ELYSEES จากนั้นหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ ก็จะเข้าฉายพร้อมกันทั่วโลก” นี่เป็นหนังเรื่องแรกที่เจียงเซ่อได้ร่วมงานกับเชี่ยซ่าเหลยและยังแสดงเป็นนางเอก ตอนนี้ข่าวนี้ถูกปิดเอาไว้อย่างดี

ถ้าข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป อาจจะสร้างความฮือฮาให้กับวงการบันเทิงหัวเซี่ยเป็นอย่างมาก ถ้าผลตอบรับของหนังเรื่อง ‘‘The second coming of Jesus Chrit’ ออกมาดี เจียงเซ่อก็จะถูกผลักดันให้ขึ้นแท่น ถึงตอนนั้นจะได้รับทั้งชื่อเสียงและความนิยม

“เธอเองก็ไม่ต้องใส่ใจเรื่องที่ขัดแย้งกับเถาเฉิน”

เซี่ยเชาฉวินพูดประโยคนี้จบ เจียงเซ่อก็อดยิ้มไม่ได้

“พี่เซี่ยกำลังปลอบใจฉันเหรอคะ”

นี่ไม่เหมือนคำพูดที่จะออกจากปากของเซี่ยเชาฉวิน แต่ว่า ตอนที่เจียงเซ่อถาม เธอกลับเงียบไปครู่หนึ่ง พลันรับคำว่า ‘อืม’ ซึ่งก็คือคำตอบ

เธอกำลังปลอบใจเจียงเซ่อจริงๆ หลังจากประชุมกับซื่อจี้หยินเหอเสร็จ เธอก็ได้รับสายจากคุณนายคนหนึ่งที่เคยร่วมงานด้วย จากบทสนทนา ทำให้รู้ว่าคุณนายในสังคมชั้นสูงจำนวนหนึ่งรู้เรื่องที่เจียงเซ่อเซ็นสัญญาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์รถสปอร์ตของ ELYSEES จากวงในเสียแล้ว

เพราะกลุ่มคุณนายทั้งในและนอกประเทศที่เป็นผู้มีอิทธิพลได้รวมกลุ่มกัน เพื่อกดดัน ELYSEES คัดค้านเรื่องที่เจียงเซ่อจะมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ELYSEES

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย เซี่ยเชาฉวินไม่คิดจะปิดเจียงเซ่อตั้งแต่แรกและบอกเธอทั้งหมด

ความจริงแล้ว ปัญหาใหญ่ๆ มากมาย เจียงเซ่อรู้อยู่แก่ใจตั้งแต่ตอนที่เซี่ยเชาฉวินรับงานแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ELYSEES ให้กับเธอ อยากได้โฆษณาที่ดีแค่ไหน ก็ต้องทนรับความกดดันมากเท่านั้น

ตอนที่เซ็นต์สัญญากับนาฬิกาข้อมือ Federer ก็มีคนจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับการเลือกเจียงเซ่อ คิดว่าเธอเทียบไม่ได้กับคนที่เซ็นสัญญากับ Federer ที่ล้วนแต่เป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลกและคิดว่าเธอจะทำให้มาตรฐานชนชั้นของคนที่เลือกแบรนด์นาฬิกาข้อมือ Federer ตกต่ำลง

แต่ว่า แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่แบรนด์แอมบาสเดอร์ในหัวเซี่ยของ Federer ก็ยังคงเป็นเจียงเซ่อ ไม่เคยเปลี่ยน

ตอนเปิดตัวโฆษณา นาฬิกาข้อมือของ Federer ตีตลาดที่หัวเซี่ย รายได้ก็ไม่น้อยไปกว่าประเทศอังกฤษที่เป็นต้นกำเนิด

นอกจากเป็นการยืนยันความร่ำรวยและอำนาจการซื้อของหัวเซี่ยแล้ว ในขณะเดียวกันก็เป็นการยืนยันอิทธิพลของเจียงเซ่อที่มากจนสามารถฟื้นยอดขายของนาฬิกาข้อมือ Federer ในหัวเซี่ยที่ไม่เคยขึ้นเลยได้

เมื่อเทียบกับการกังวลเรื่องพวกนั้นแล้ว ควรจะเน้นเรื่องผลงานอย่างที่เซี่ยเชาฉวินพูดเสียมากกว่า

จากตารางงาน หนังเรื่อง ‘เซียนหยวน’ จะเปิดกล้องกลางเดือนมิถุนายน จากอิทธิพลของเจียงเซ่อในตอนนี้ หนังเรื่อง ‘เซียนหยวน’ เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ แค่ยังไม่เปิดกล้องก็ดังแล้ว รวมทั้งยังมีชุยซิ่งที่หลายปีมานี้เริ่มงานหดและชื่อเสียงก็น้อยลงกลับมาอีกครั้ง จึงสร้างกระแสได้เป็นอย่างมาก

ก่อนหน้านี้หนังเรื่อง ‘เซียนหยวน’ ได้เตรียมการมาในระดับหนึ่งแล้ว ระหว่างการถ่ายทำก็ราบรื่น นอกจากเจียงเซ่อที่พอได้รับบทนี้ก็ทุ่มเทความพยายามมาโดยตลอด ชุยซิ่งที่แสดงคู่กับเธอก็หวงแหนโอกาสที่ได้ร่วมงานกับเธอเป็นอย่างมาก มีความหวังจะกลับมาโด่งดังอีกครั้งเพราะหนังเรื่อง ‘เซียนหยวน’ กลับสู่สายตาของประชาชน จึงทุ่มเทกับการถ่ายหนังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

หนังที่ตอนแรกวางแผนจะฉายหนึ่งร้อยยี่สิบวัน แต่ไม่ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบวันก็จบลงเสียแล้ว

สถานที่ถ่ายทำที่สุดท้ายของหนังเรื่อง ‘เซียนหยวน’ คือซูโจว งานเลี้ยงปิดกล้องของทีมงานก็ถูกกำหนดให้จัดขึ้นที่โรงเตี้ยมที่มีเอกลักษณ์เป็นอย่างมากในพื้นที่ซูโจว

ทุกคนต่างเข้ามาชนแก้วกับเจียงเซ่ออย่างไม่ขาดสาย เหล้าในแก้วของเจียงเซ่อได้ถูกเซี่ยเชาฉวินสั่งให้เอาน้ำเปล่ามาใส่แทนตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความกระตือรือร้นของทุกคนที่เข้ามาชนแก้วกับเธอลดน้อยลง ภาพในตอนนี้ ทำให้อดคิดถึงตนเองตอนเพิ่งเข้าวงการไม่ได้

เรื่องที่เธอลืมไม่ลง คงจะเป็นงานเลี้ยงปิดกล้องหนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ ที่เธอถูกเหยาเสียงคอย รังควานไม่หยุด ตอนนี้แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าทำแบบนั้น

เธอหันขวับเมื่อเห็นว่าหนึ่งในคนที่เข้ามาชนแก้วคือชุยซิ่งที่เป็นพระเอกของเรื่อง

ตอนที่ทั้งสองร่วมงานกันครั้งแรก เขาเป็นพระเอก แต่เจียงเซ่อเป็นเพียงตัวประกอบ หลายปีผ่านไป เจียงเซ่อกลายเป็นนักแสดงนำในหนังเรื่อง ‘เซียนหยวน’ แสดงเป็นสองตัวละคร แต่ชื่อเสียงของเขากลับลดน้อยลงเพราะไม่ได้รับบทที่เหมาะสมเสียที

ชุยซิ่งที่อยู่ตรงหน้า รอทีมงานคนอื่นๆ ชนแก้วกับเจียงเซ่ออยู่เงียบๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคัก เขายิ้มเงียบๆ ทำให้เจียงเซ่อนึกถึงงานเลี้ยงปิดกล้องของหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’

ตอนนั้นเขาโด่งดังไม่น้อยและเป็นคนที่ซื่อจี้หยินเหอให้การสนับสนุน ในงานเลี้ยงปิดกล้อง คนที่ทุกคนต่างเชิดชูคือเขา

ตอนนั้นด้วยฐานะของเจียงเซ่อ แค่อยากจะชนแก้วกับชุยซิ่งก็ถือเป็นเรื่องยากแล้ว เป็นเพราะจ้าวร่างที่เอ็นดูเธอมากเป็นพิเศษ จึงลากเธอเข้าไปหาชุยซิ่งด้วยตนเอง

ตอนนั้นไม่มีใครเปลี่ยนเหล้าในแก้วให้เธอ เธอยังจำความรู้สึกหลังจากที่ตนเองดื่มเหล้าเข้าไปคำแรก แล้วพยายามอดทนไม่ให้ทรุดฮวบลงไปได้ดี

ตอนนี้เมื่อเจอกับชุยซิ่งอีกครั้ง เจียงเซ่อทักทายคนรอบข้าง แล้วเดินเข้าไปหาชุยซิ่ง

เห็นได้ชัดว่า เขาไม่คิดว่าเจียงเซ่อจะทำแบบนี้ จึงทำอะไรไม่ถูก

หลายปีมานี้เพราะหน้าที่การงานที่ไม่ได้ดั่งใจ ทำให้ชุยซิ่งเงียบลงไปมาก ตอนที่เจียงเซ่อมายืนอยู่ตรงหน้าเขา เขาก็ยังคงเหม่อ จนกระทั่งเจียงเซ่อชูแก้วขึ้น

“ขอบคุณพี่ซิ่งที่คอยดูแลตอนถ่ายหนังเรื่อง ‘เซียนหยวน’ นะคะ”

คำพูดนี้เขาต่างหากที่ควรเป็นคนพูด ชุยซิ่งไม่คิดว่าเจียงเซ่อจะพูดก่อนเสียแล้ว เขาฝืนยิ้มทีหนึ่ง ก่อนจะรีบยกแก้วขึ้นและดื่มจนหมดแก้วในคราเดียว มันแสบจนต้องขมวดคิ้วอยู่นาน

เจียงเซ่อรอให้อาการของเขากลับมาเป็นเหมือนเดิม เขาจึงเงยหน้าขึ้น หยิบผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในกระเป๋าชุดสูทออกมาเช็ดน้ำตาที่ไหลเพราะสำลักเมื่อครู่นี้ แล้วพูดอย่างอึดอัดว่า

“ขอโทษด้วยนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเองก็เคยดื่มแบบนี้”

เธอส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม ชุยซิ่งอึ้งไป พลันไอเบาๆ สองที ใบหน้าแดงก่ำขึ้น ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

ตอนนี้ ชุยซิ่งรู้สึกว่าสภาพของตนเองคงจะแย่มาก เขาคิดไม่ถึงว่าเจียงเซ่อจะเข้ามาชนแก้วด้วย เหล้าแก้วนั้น เขาดื่มไวเกินไป ตอนนี้เหล้าเหมือนจะขึ้นสมอง ทำลายความหวาดระแวงของเขาลง และเพราะการร่วมงานของทั้งสองเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาก็ทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นกว่าเมื่อหลายปีที่แล้ว เขาจึงอดถามไม่ได้

“เซ่อเซ่อ ทำไมเธอ...” เขาทำสัญลักษณ์มือ ค่อยๆ รู้สึกว่าลิ้นไม่ฟังคำสั่ง

“ทำไมต้องมาชนแก้วกับฉัน...”

แม้เขาจะเป็นพระเอกในเรื่อง ‘เซียนหยวน’ แต่ทีมงานต่างรู้ว่าที่เขาได้รับบทนี้ได้ยังไง ถ้าเขาอยากจะชนแก้วกับเจียงเซ่อ คงจะต้องรออีกสักพัก

“หลายปีก่อน ตอนที่ฉันเพิ่งเข้าวงการได้ไม่นาน” เจียงเซ่อโบกมือเรียกผู้ช่วยให้เข้ามาริมน้ำเปล่าให้ชุยซิ่ง “ก็ได้ไปร่วมงานเลี้ยงปิดกล้องของหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’”

เธอพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของชุยซิ่งก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย สายตาแฝงความหวาดระแวง คิดว่าเธอจะใช้โอกาสนี้เยาะเย้ยตนเอง

หลายปีมานี้ เขาคงผ่านคนมาหลากหลายรูปแบบ

เจียงเซ่อเหมือนเดาออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ จึงโบกมือ

“คุณไม่ต้องกังวลค่ะ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแค่นึกถึงตอนนั้น ตอนที่ฉันยังเป็นนักแสดงหน้าใหม่”

เธอถือแก้วเอาไว้และก้มหน้าลงยิ้ม

“ชีวิตก็มีขึ้นมีลงแบบนี้แหละค่ะ ตอนที่ตกต่ำ ฉันมักจะโชคดีที่มีคนมาคอยพยุงให้ขึ้นมา”

เธอรู้ว่าระหว่างที่ถ่ายทำหนังเรื่อง ‘เซียนหยวน’ ชุยซิ่งมีความคิดที่ว่า ทางบริษัทเป็นคนส่งเขามา ให้เกาะเจียงเซ่อดัง เขาอาจจะเสียใจมาก เพราะฉะนั้น เวลาว่างจากการเข้าฉาก เขาจึงมักจะเงียบ บางทีอาจจะรู้สึกแย่เพราะกลัวเสียหน้า

ในงานเลี้ยงปิดกล้องหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ มีจ้างร่างที่ชื่นชมคนมีฝีมือ คอยผลักดันเธอ ตอนนี้เธอเพียงแค่จินตนาการถึงภาพของจ้าวร่างในตอนนั้น และเมื่อมีกำลังมากพอ จึงเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือคนอื่นๆ บ้าง

ก็เหมือนกับที่อาจารย์ผู้มีพระคุณของเธอฉางยวี่หูพูด ระหว่างทางอาจจะต้องเจอกับลมพายุและหนทางที่มืดมนจนยากที่จะผ่านไปได้ เธอก็หวังให้มีใครสักคนมากางร่มบังลมฝนให้เธอ

ตอนนี้เจียงเซ่อไม่กล้าบอกว่าตนเองมีความสามารถ เพียงแค่ทำในสิ่งที่ทำได้และหวังว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับชุยซิ่ง ให้เขาเข้มแข็งขึ้นมาอีกครั้ง